ซ่างกวานม่อิกุมหน้าข้างที่ถูกตบจนปวดแสบปวดร้อน จ้องมองเยว่เฟิงเกอด้วยสายตาดุร้าย แต่กลับเห็นอีกฝ่ายชักมีดสั้นออกมาจากข้างเอว ฉับพลันนั้นปลายคมมีดก็มาจ่ออยู่ที่เส้นชีพจรข้างคอเขา
หากนางออกแรงกว่านี้อีกเพียงนิด ชีวิตของเขาก็คงต้องจบสิ้นลงตรงนี้แล้ว
เยว่เฟิงเกอพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ซ่างกวานม่อิ ข้าไม่สนใจว่าเ้าจะเชื่อคำพูดของข้าหรือไม่ สรุปก็คือ ข้าไม่เคยหลอกให้มู่เหยียนเฉินมาหลงรัก เขาจะรักข้าหรือไม่ก็เป็เื่ของเขา ข้าไม่อยากยุ่งและจะไม่เข้าไปยุ่ง”
“และข้าก็ได้ช่วยเขาออกมาจากด่านกลไกไร้เทียมทานแล้ว นี่คือเื่จริง”
“หากเ้าไม่เชื่อ เ้าก็ลองกลับไปที่แคว้นเสวี่ยอวี้ ลองไปรอเขาอยู่หน้าเมืองหิมะลุ่มหลง”
“และข้ามีอีกเื่ที่อยากบอกเ้า ข้าเยว่เฟิงเกอเกลียดนักคนที่ด่าข้าโดยไม่มีมูล ข้าในฐานะชายาจั้นอ๋อง แน่นอนย่อมต้องแสดงความรักใคร่กับจั้นอ๋อง นี่เป็เื่ธรรมดาอย่างยิ่ง”
“เ้าที่เป็คนนอก เดิมมาแอบดูเราโดยไม่ได้รับอนุญาตก็ผิดมากอยู่แล้ว”
“เมื่อครู่ข้าตบเ้าไปทีหนึ่งก็เพื่อให้เ้ารู้ว่า อะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด”
เมื่อเห็นว่ายามที่เยว่เฟิงเกอกล่าววาจาออกมา สายตาวาวโรจน์เ็า ใจของซ่างกวานม่อิก็ให้รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
อีกทั้ง มีดที่จ่อเขาอยู่ในตอนนี้กำลังแผ่ไอเย็นสายหนึ่งออกมา
ซ่างกวานม่อิรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ชีพจรของตนกำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งคล้ายจะเป็การไปกระตุ้นให้มีดเล่มนั้นรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
เยว่เฟิงเกอเองก็รับรู้ได้ถึงอาการตื่นเต้นของมีดในมือ รอยยิ้มเ็าของนางยิ่งกดลึกขึ้น
“ซ่างกวานม่อิ ตอนนี้แม้แต่มีดเล่มนี้ก็ยังอยากให้เ้าตาย หากว่าข้าไม่ทำให้สมปรารถนาเสียหน่อย ก็คงจะไม่ค่อยดีนักกระมัง? ”
ซ่างกวานม่อิกลืนน้ำลาย ตอนนี้เขาเริ่มกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆ
เขาคิดไม่ถึงว่าเยว่เฟิงเกอเพิ่งมาอยู่เป่ยชวนได้แค่ปีกว่าก็จะกลายเป็คนเืเย็นเช่นนี้ไปแล้ว
หากต้องมาตายอยู่ในมือเยว่เฟิงเกอ ก็คงจะเป็การตายที่น่าอนาถเกินไปแล้ว
มู่เหยียนเฉินออกมาจากเมืองหิมะลุ่มหลงได้แล้วหรือยัง เขาเองก็ยังไม่รู้ แต่วันนี้กลับต้องมาตายอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเช่นนี้
สำหรับซ่างกวานม่อิ เื่นี้ช่างเป็เื่ที่เหลือจะรับจริงๆ
เยว่เฟิงเกอมองออกว่าคนกลัวแล้วจริงๆ บนใบหน้าเปลี่ยนจากรอยยิ้มเ็าเป็รอยยิ้มเ้าเล่ห์
ซ่างกวานม่อิเห็นรอยยิ้มของเยว่เฟิงเกอก็ยิ่งหวั่นใจ
มีดสั้นเล่มนั้นวาดไปมาอยู่ข้างลำคอซ่างกวานม่อิคล้ายกำลังหาที่เหมาะๆ ในการลงมีด
“เ้าจะฆ่าจะแกงก็รีบๆ ทำให้มันจบๆ ไป อย่ามาท้าทายขีดจำกัดของข้า” เสียงพูดของซ่างกวานม่อิสั่นน้อยๆ
ม่อหลิงหานที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอยู่นานก็ลุกยืนขึ้น
เขาเดินก้าวยาวๆ มาหยุดอยู่ข้างกายเยว่เฟิงเกอแล้วโอบนางเข้าหาตัว ก่อนจะกุมมือนางไว้ กล่าวเสียงเบาว่า “ชายารักหักใจลงมือไม่ได้ใช่หรือไม่ ถ้าอย่างไรให้เปิ่นหวางจัดการแทนชายารักเป็อย่างไร”
เดิมซ่างกวานม่อิก็ถูกรอยยิ้มแสนเ้าเล่ห์ของเยว่เฟิงเกอทำให้ใเกือบตาย ตอนนี้ม่อหลิงหานยังจะมาสมทบอีก เขาก็ยิ่งใจนหนังศีรษะชา ขาทั้งคู่สั่นน้อยๆ
ซ่างกวานม่อิในตอนนี้รู้สึกเสียใจภายหลังเป็อย่างยิ่ง เขาไม่ควรปล่อยศรเย็นดอกนั้นออกมาเลย ไม่ควรแม้แต่จะคิดแกล้งให้เยว่เฟิงเกอกับม่อหลิงหานใกลัว มิคาดสุดท้ายตนจะขโมยไก่ไม่สำเร็จ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ [1]
ตอนนี้เป็อย่างไร เผชิญหน้ากับคนน่ากลัวสองคนนี้ เกรงว่าเขาคงต้องตายอยู่ในมือสองคนนี้แน่แล้ว
เยว่เฟิงเกอเห็นท่าทางเหมือนกำลังจะใตายของซ่างกวานม่อิ ในที่สุดก็เก็บรอยยิ้มเ้าเล่ห์ของตนเองกลับมาแล้วใช้มีดตบหน้าเขาเบาๆ
“เด็กน้อย อย่าคิดว่าเ้าเป็สหายรักของมู่เหยียนเฉิน ก็จะอาศัยข้ออ้างว่าจะแก้แค้นให้เขาแล้ววิ่งโร่มาหาเื่ข้าถึงแคว้นเป่ยชวนได้”
“ข้าอดทนกับเ้าได้ครั้งสองครั้ง แต่จะไม่ทนอีกเป็ครั้งที่สาม วันนี้เ้าไม่เพียงทำลายบรรยากาศดีๆ ระหว่างข้ากับท่านอ๋อง แต่เ้ายังทำให้ข้าอารมณ์เสียถึงขีดสุดอีกด้วย”
“เดิมข้าอยากจะสังหารเ้าในมีดเดียว แต่เห็นแก่ที่เ้าเองก็เป็ชาวเสวี่ยอวี้เหมือนกัน ทั้งยังเป็ลูกชายของแม่ทัพซ่างกวานด้วย ข้าไม่อยากให้สองแคว้นต้องมีากันเพราะตัวเ้าแค่คนเดียว”
“ดังนั้นวันนี้ข้าจะปล่อยเ้าไปก่อน ข้าจะให้โอกาสเ้าได้เปลี่ยนแปลงตัวเองเสียใหม่”
เมื่อเยว่เฟิงเกอพูดจบก็เก็บมีดสั้นกลับมา นางกล่าวขึ้นโดยไม่เงยหน้า “ตอนนี้เ้าไสหัวไปได้แล้ว”
ซ่างกวานม่อิเห็นว่าเยว่เฟิงเกอไม่ฆ่าเขา ใจที่ปลิวหายไปก็ค่อยๆ ร่อนกลับเข้ามาในอกดังเดิม
เขาไม่กล้ารั้งอยู่ที่นี่อีกต่อไป หลังประสานมือให้เยว่เฟิงเกอแล้วก็รีบหมุนกายออกไปจากห้องหนังสือ
ม่อหลิงหานกล่าวเสียงเบาข้างหูเยว่เฟิงเกอ “ชายารักปล่อยเขาไปง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ ไม่กลัวว่าวันหน้าเขาจะมาหาเื่เ้าอีก? ”
เยว่เฟิงเกอหัวเราะเบาๆ “ท่านอ๋องเองก็คงเห็นแล้ว เมื่อครู่เขาใจนฉี่เกือบจะราดแหนะ เขาคงไม่กล้ามาอีกแล้วล่ะเพคะ”
เดิมทีม่อหลิงหานก็ไม่คิดจะสังหารซ่างกวานม่อิ และเมื่อเขาเข้าใจเื่ทุกอย่างแล้วก็ยิ่งมอบอำนาจการตัดสินใจทั้งหมดให้เยว่เฟิงเกอเป็คนจัดการ
ขอแค่เยว่เฟิงเกอไม่เกี่ยวข้องกับชายคนนี้ เขาก็ไม่คิดจะเก็บอีกฝ่ายมาใส่ใจ
ยามนี้ถานอี้ยังคงอยู่ในห้อง เห็นม่อหลิงหานและเยว่เฟิงเกอสนทนากันก็คล้ายจะลืมไปแล้วว่าตนต้องออกไปเฝ้าประตู
ม่อหลิงหานสาดสายตาเ็าใส่ถานอี้ “เ้ายังรั้งอยู่ที่นี่ทำอันใดอีก? ”
ถานอี้ดึงสติกลับมาได้ก็รีบก้มหน้าลงแล้วรีบร้อนออกจากห้องไป
เยว่เฟิงเกอหาว กล่าวกับม่อหลิงหานด้วยความง่วงงุนเล็กน้อย “ท่านอ๋องยังต้องเขียนราชสาสน์ต่อ หม่อมฉันขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะเพคะ”
ม่อหลิงหานเห็นว่านางง่วงงุนเพียงนี้ ก็ไม่คิดรั้งตัวไว้ ปล่อยให้นางกลับไปพักผ่อนที่เรือน
เมื่อกลับมาที่โต๊ะ ม่อหลิงหานขยำราชสาสน์ที่เขียนเสร็จแล้วฉบับนั้นโยนทิ้ง จากนั้นหยิบกระดาษแผ่นใหม่ขึ้นมาร่างใหม่
เขาเขียนราชสาสน์ฉบับใหม่ตามคำแนะนำของเยว่เฟิงเกอ หลังจากเสร็จสิ้นแล้วถึงได้วางพู่กันลง รีบร้อนกลับไปหานางที่เรือน
เมื่อเห็นว่าเยว่เฟิงเกอหลับฝันหวานไปแล้ว ม่อหลิงหานก็ค่อยๆ ล้มตัวลงนอนอย่างเงียบเชียบ ดึงเยว่เฟิงเกอเข้ามาในอ้อมแขน กอดร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นของนางแล้วหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความพออกพอใจ...
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเยว่เฟิงเกอตื่นขึ้นมา ม่อหลิงหานก็จากไปแล้ว
นางบิดี้เีอย่างสบายใจ ถึงได้ก้าวลงจากเตียง
เมื่อเดินออกมาจากหอห้องก็เห็นถานอี้กำลังเฝ้าประตูอยู่
“องครักษ์ถาน ท่านอ๋องเล่า? ” เยว่เฟิงเกอคิดไม่ถึงว่าถานอี้จะตื่นเช้าเพียงนี้
ถานอี้ประสานมือคารวะเยว่เฟิงเกอ “ท่านอ๋องไปประชุมเช้าแต่เช้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เยว่เฟิงเกอนึกถึงราชสาสน์ที่ม่อหลิงหานร่างอยู่เมื่อคืน คิดว่าเป็ไปได้แปดส่วนที่เขากำลังนำราชสาสน์ที่เขียนขึ้นเมื่อคืนไปให้ฮ่องเต้ทอดพระเนตร
นางมั่นใจในความคิดของตนเป็อย่างมาก เชื่อว่าหากฮ่องเต้ได้เห็นย่อมต้องเห็นด้วยเช่นกัน
หลังจากเยว่เฟิงเกอกลับไปยังเรือนเยว่เหยาอย่างอารมณ์ดี ก็ให้ชิงจื่อและฉิงเอ๋อร์นำข้าวเช้ามาให้ เพราะนางตั้งใจจะกินอาหารที่เรือนของตน
เมื่อชิงจื่อและฉิงเอ๋อร์ถือกล่องข้าวกลับมาถึงยังเรือนเยว่เหยาก็เห็นว่าเยว่เฟิงเกอแปลงโฉมตัวเองอีกแล้ว
เพียงแต่ครั้งนี้แต่งกายเป็สตรี และมีแค่ใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงไป
หากไม่ใช่เพราะสายตาของเยว่เฟิงเกอยังเป็เช่นเดิมไม่แปรเปลี่ยน พวกนางก็อาจเข้าใจว่าคนตรงหน้านี้เป็จอมยุทธ์หญิงที่แอบเข้ามาหาพระชายา
“เป็อย่างไร ข้าในวันนี้งดงามหรือไม่? ” เยว่เฟิงเกอหมุนตัวหนึ่งรอบอย่างอารมณ์ดี
ชิงจื่อพยักหน้า “จะอย่างไรพระชายาของหม่อมฉันก็งดงามเสมอเพคะ”
ฉิงเอ๋อร์เองก็ยิ้มแย้มกล่าวว่า “พระชายา วันนี้จะเสด็จออกไปเที่ยวเล่นนอกจวนอีกแล้วหรือเพคะ? ”
เยว่เฟิงเกอพยักหน้า “อืม” ไปเสียงหนึ่ง “วันนี้ข้าจะออกไปทำการค้าใหญ่”
เยว่เฟิงเกอพูดพลางะโถีบเก้าอี้หินเบาๆ
ท่าทางสง่างามสดใสของนางทำให้ชิงจื่อและฉิงเอ๋อร์อดยิ้มไม่ได้
พระชายาของพวกนางเป็คนที่น่าสนใจเช่นนี้เอง หากพวกนางเป็คนที่อิสระและสง่างามได้เช่นพระชายาบ้างก็คงดี
หลังเยว่เฟิงเกอกินข้าวเช้าเสร็จ ก็เดินก้าวยาวๆ ออกไปจากจวน
ครั้งนี้นางยังคงเดินออกทางประตูหลังเช่นเดิมจนรู้สึกว่าตนเดินเข้าออกทางประตูหลังนี้ได้อย่างช่ำชองขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ทว่า ตอนที่เยว่เฟิงเกอเดินออกจากจวนผ่านทางประตูหลังนั้น กลับเห็นซ่างกวานม่อิไม่ได้ไปไหน คนกำลังนั่งหลับอยู่บนบันไดหินนอกจวน
เยว่เฟิงเกอเดินเข้าไปใช้เท้าเขี่ยๆ ร่างซ่างกวานม่อิ “นี่ ตื่นได้แล้ว”
ซ่างกวานม่อิตื่นขึ้นมา เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นสตรีหน้าตางดงามคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ข้างเขา
เยว่เฟิงเกอถามด้วยสีหน้าสงสัย “เหตุใดเ้ายังไม่ไปอีก หลับอยู่ตรงนี้รอข้ามาฆ่าเ้าใช่หรือไม่? ”
ซ่างกวานม่อิมองเยว่เฟิงเกออย่างอึ้งๆ ราวสองสามจิบชา ในที่สุดก็จำนางได้
“เ้าปลอมตัวอีกแล้ว? ” ซ่างกวานม่อิไม่ได้ตอบคำถามเยว่เฟิงเกอ เขากำลังตกตะลึงในวิชาแปลงโฉมของนาง
เยว่เฟิงเกอผู้นี้เป็วิชาแปลงโฉมั้แ่เมื่อใด?
ยิ่งกว่านั้น วัสดุหนังที่นางใช้สำหรับทำหน้ากากแปลงโฉมนี้ยังนับว่าดีกว่าที่เขาใช้อยู่ไม่รู้ตั้งกี่เท่า
หากไม่ใช่เพราะเสียงพูดของเยว่เฟิงเกอไม่ได้เปลี่ยน เกรงว่าซ่างกวานม่อิก็คงจะจำนางไม่ได้
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ขโมยไก่ไม่สำเร็จ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ(偷鸡不成蚀把米)เป็การเปรียบเปรยว่า ฉวยโอกาสไม่สำเร็จ ยังขาดทุนอีกต่างหาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้