บทที่ 67 ขอยึดรถไปใช้หน่อย
เมื่อเย่จื่อเฉินมาถึงบ้านผู้การหลิว ไป๋อวิ๋นภรรยาของผู้การหลิวก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว
"เสี่ยวเย่ ขอโทษจริงๆ ที่รบกวนให้นายต้องรีบมา"
เย่จื่อเฉินนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ผู้การหลิวพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด และตอนนี้ไป๋อวิ๋นก็ได้ยกผลไม้มาให้พวกเขา
"เสี่ยวเย่ ขอบคุณเธอมากเลยนะที่ตอนนั้นช่วยชีวิตผู้การหลิวไว้"
"พี่สะใภ้เกรงใจกันเกินไปแล้วครับ..."
เย่จื่อเฉินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม แต่ในนาทีที่เงยหน้าขึ้นมองไป๋อวิ๋น แผ่นหลังของเย่จื่อเฉินก็ขนลุกซู่ขึ้นมา
ไป๋อวิ๋นดูเด็กมาก อายุที่ล่วงเลยไปไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้าของเธอเลย
แต่ในดวงตาของเธอกลับแสดงให้เห็นชัดเจน ว่าเื่ในใจของเธอมันหนักหนาสาหัสมาก
หนักจนกดทับเธอเอาไว้
แต่สิ่งที่ทำให้เขาสงสัยจริงๆ ก็คือ เธอกับหลิวฉิง...
เหมือนกันอย่างกับแกะ
เขาหันหน้าไปเบิกตากว้าง หลิวฉิงที่อยู่ข้างๆ เม้มปากแน่น จากดวงตาของเธอสามารถมองเห็นความรู้สึกที่เธออยากแสดงออกมา และกำลังปกปิดมันไว้
"เสี่ยวเย่"
ผู้การหลิวเอ่ยเรียก เย่จื่อเฉินถึงได้สติกลับมาแล้วกดความใที่มีอยู่ในใจลงไป
หยิบเอายาวิเศษที่เตรียมเอาไว้นานแล้วออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะวางลงบนโต๊ะ ผู้การหลิวโบกมือเอ่ยปฏิเสธเป็พัลวัน หลังจากที่เห็นขวดหยกนี้
"เสี่ยวเย่ สิ่งนี้มันมีค่ามากเกินไป"
"พี่หลิว ถ้าพี่ไม่รับไว้ก็เท่ากับว่าดูถูกน้องชายคนนี้นะครับ"
"ก็ได้"
เย่จื่อเฉินไม่รู้เื่ทักษะทางการแพทย์อะไร สิ่งที่เขาสามารถทำได้เมื่อมาที่นี่ก็คือเอายาวิเศษมาให้
ก่อนที่จะออกมาจากบ้านของผู้การหลิว เย่จื่อเฉินก็ถอนหายใจพร้อมกับพูด
"พี่หลิวครับ เห็นชัดเลยว่าพี่สะใภ้กังวลจนป่วย ยาวิเศษรักษาได้ก็จริง แต่รักษาอาการป่วยใจไม่ได้ ถ้ามีเวลาว่างก็พาพี่สะใภ้ไปพบจิตแพทย์หน่อยก็ดีนะครับ"
"เฮ้อ ได้..."
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของผู้การหลิวก็อ่อนล้าลงไป
เย่จื่อเฉินพยักหน้า ส่งสัญญาณบอกกับผู้การหลิวก่อนกลับเข้ามาในรถ
ปึง!
ปิดประตูเต็มแรง รัดเข็มขัดแน่น เย่จื่อเฉินขมวดคิ้วมุ่นมองหลิวฉิงที่อยู่ข้างๆ
"บอกมาตามตรง เธอกับพวกผู้การหลิวเป็อะไรกัน"
หลิวฉิงกับไป๋อวิ๋นแทบจะถอดแบบกันออกมาเลยก็ว่าได้ ตอนอยู่ในห้องนั่งเล่นเย่จื่อเฉินก็ยังเห็นรูปถ่ายครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกของผู้การหลิวด้วย
เด็กผู้หญิงที่อยู่ตรงกลางภาพ ก็คือหลิวฉิง
"พวกเขาเป็พ่อแม่ฉัน"
ตุบ
ทิ้งตัวใส่พนักพิงของเบาะรถอย่างอ่อนแรง เย่จื่อเฉินส่ายหน้า ก่อนจะลดกระจกลงแล้วจุดบุหรี่ให้ตัวเอง
"นี่ ทำไมนายต้องทำท่าแบบนี้ด้วยล่ะ"
หลิวฉิงมองสีหน้าของเย่จื่อเฉิน พร้อมกับกระชากแขนของเขา
เย่จื่อเฉินไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำยังไงดี มันก็จริงที่ตอนเย่จื่อเฉินเอาหลิวฉิงมาด้วย เขาก็เตรียมตัวยอมรับความวุ่นวายที่จะตามมาแล้ว
แต่นี่...
ลูกสาวของผู้การสำนักงานตำรวจท้องถิ่น
แบบนี้มันเกินระดับที่เขาจะสามารถรับได้
เย่จื่อเฉินมีความเป็วีรบุรุษ แต่ถึงยังไงเขาก็ยังเป็แค่ประชาชนคนธรรมดา
ยีหัวอย่างแรง เย่จื่อเฉินโยนบุหรี่ออกไปนอกรถ แล้วเอนหลังพิงเบาะอยู่นาน
"หลิวฉิง มองไม่ออกเลยจริงๆ"
"อะไร?"
หลิวฉิงมองเขาด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย แล้วจู่ๆ เย่จื่อเฉินที่ทำหน้าหนักใจอยู่ตลอดเวลาก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาจางๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบผมเธอสองที
"เธอว่าถ้าฉันช่วยชีวิตเธอ แล้วแก้แค้นให้เธอได้ ผู้การสำนักงานตำรวจจะให้ประโยชน์ฉันมากแค่ไหน"
เมื่อมองดูรอยยิ้มบนใบหน้าของเย่จื่อเฉิน หลิวฉิงก็ตัวแข็งทื่อไปทันที
เธอรู้ดีว่าในคำพูดนี้มันมีคำสัญญาที่หนักแน่นแฝงอยู่มากเพียงใด เธอเม้มปากและไม่พูดอะไรอยู่นาน เย่จื่อเฉินจึงลูบผมเธออีกครั้ง
"เอาน่า อย่าห่วงไปเลย ฉันไม่มีทางเสียใจทีหลังหรอก"
สตาร์ตรถออกไปช้าๆ รอยยิ้มละมุนมักประดับอยู่บนใบหน้าของเย่จื่อเฉินเสมอ
หลิวฉิงที่นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับมองเขาที่ยิ้มกว้างด้วยความตะลึง จู่ๆ ก็มีความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นในใจมากมาย แต่ที่มากกว่านั้นคือความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง
ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ เธออาจจะตกหลุมรักเขาขึ้นมาจริงๆ ก็ได้
ความรู้สึกภายในใจของเย่จื่อเฉินที่กำลังขับรถอยู่ก็สับสนเช่นกัน
ในตอนแรกเขามีความคิดว่าจะยอมแพ้จริงๆ เื่ระดับนี้ไม่ใช่เื่ที่เขาจะสามารถจัดการได้
แต่ว่า มันก็อดไม่ได้อยู่ดี
เย่จื่อเฉินโทรหาเซียวอี้เหม่ย เพราะกะว่าจะไปดูเธอสักหน่อย แต่ประโยคที่ตอบว่ายังอยู่ที่โรงงานของหญิงแกร่งคนนี้ก็ได้ปฏิเสธเขาไปตรงๆ แล้ว
ปึง! ปึง!
จู่ๆ เย่จื่อเฉินที่จอดรถอยู่ข้างทางระหว่างที่กำลังคิดว่าควรจะทำอะไรดีก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะกระจกรถ
พอลดกระจกลง เย่จื่อเฉินจึงเลิกคิ้วพูดขึ้น
"คุณตำรวจหลิน อะไรครับ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะ"
"เปิดประตู เปิดประตู"
น้ำเสียงของตำรวจหลินแฝงไว้ด้วยความร้อนใจ เย่จื่อเฉินมองเธอเล็กน้อยแล้วเอียงคอพูด
"ทำไมผมต้องเปิด"
แก๊ก
ยังพูดไม่จบ ตำรวจหลินก็ยื่นมือเข้ามาในรถแล้วเปิดประตูทันที
"ั้แ่นี้ไป ฉันจะทำการยึดรถคันนี้มาใช้ เอากุญแจรถมาให้ฉัน"
ยึดรถไปใช้
นี่คือการปฏิบัติหน้าที่เหรอ?
เย่จื่อเฉินเลิกคิ้วขึ้น นึกถึงหลายครั้งก่อนที่ผู้หญิงบ๊องคนนี้แสดงอาการเป็ศัตรูกับเขา
"ไม่ให้ คุณไปยึดรถคนอื่นนู่น รถผมแพงจะตาย"
"ไม่มีเวลามาพูดไร้สาระกับนายแล้ว"
พรึบ
ตำรวจหลินจับเย่จื่อเฉินลงจากรถแล้วขึ้นไปนั่งบนรถ เย่จื่อเฉินเบิกตาโตรีบวิ่งอ้อมไปยังฝั่งเบาะข้างคนขับ แล้วเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง
"ลงไป"
"นี่มันรถผม คุณมีสิทธิ์อะไรให้มาบอกให้ผมลงไป คุณเป็ตำรวจแล้วจะขับรถใครก็ได้เหรอ? นี่คุณกำลังชิงทรัพย์อยู่นะ!"
"ได้ งั้นนายก็นั่งไปก็แล้วกัน"
บรื้นนน!
เหยียบคันเร่งมิดไมล์ จนเย่จื่อเฉินหงายหลังไปกระแทกกับพนักพิงทันที เขาอ้าปากจะด่า แต่เมื่อเห็นทิวทัศน์โดยรอบที่ผ่านไปข้างหลังไม่หยุด เขาจึงเหลือบมองที่ความเร็วโดยอัตโนมัติ
200
"คุณบ้าไปแล้วหรือไง!"
แบบนี้มันเรียกว่าขับรถที่ไหนกัน นี่มันกำลังขับเครื่องบินอยู่ชัดๆ!
"อย่ารบกวนฉัน นายก็รู้ว่านี่มันความเร็วเท่าไร ถ้าสมาธิฉันหลุดไปแค่นิดเดียว เราสองคนได้ตายแน่"
ในน้ำเสียงของตำรวจหลินแฝงไว้ด้วยการข่มขู่ เมื่อได้ยินประโยคนี้ เย่จื่อเฉินจึงนั่งนิ่งเชื่อฟังทันที และรัดเข็มขัดนิรภัยแน่น
พออยู่ต่อหน้าชีวิต เขาก็กลัวแล้ว
แต่ในเวลาแค่สิบกว่านาที รถก็ขับมาถึงเขตนอกเมือง
"นี่คุณจะขับรถพาผมไปไหนเนี่ย เดี๋ยวน้ำมันก็หมดหรอก ที่นี่ไม่มีปั๊มน้ำมันนะ"
ทันใดนั้น ตำรวจหลินก็เหยียบเบรกทันที
เอี๊ยด...
ยางรถยนต์เสียดสีไปกับพื้นจนฝุ่นตลบ เย่จื่อเฉินก็พุ่งไปข้างหน้าจนหัวเกือบจะกระแทก
"คุณเป็บ้าหรือไง"
"อย่าพูดมาก รอฉันอยู่ที่นี่แป๊บเดียว"
ตำรวจหลินไม่สนใจคำด่าทอของเขาเลยด้วยซ้ำ เธอส่งสายตาเ็าให้เขาไปหนึ่งที แล้วหยิบเอาปืนพกสองกระบอกออกมาจากเสื้อ
ขึ้นนกไว้
แล้วตำรวจหลินก็เดินลงจากรถ
อึก
เย่จื่อเฉินกลืนน้ำลายลงคอ แต่ก่อนเขาก็เคยเล่นปืนของเล่นมามากมาย แต่พอสิ่งนี้ปรากฏอยู่ตรงหน้าจริงๆ ความน่ากลัวของมันก็ไม่ธรรมดาเลย
"เดินดีๆ นะคุณตำรวจหลิน"
หัวเราะเยาะบอกลาตำรวจหลิน พอเห็นว่าเธอหายไปจากสายตาแล้ว เย่จื่อเฉินก็ย้ายมานั่งที่เบาะคนขับแล้วจะขับรถออกไป
ปัง! ปัง!
เสียงปืน
มือที่จับกุญแจอยู่สั่นเทิ้มขึ้นมาทันที
บัดซบ บิดกุญแจสิวะ
หนังาสายลับของจริงเลย
"ไม่ได้ๆ ฉันต้องรีบไป"
เย่จื่อเฉินพึมพำเสียงสั่น แต่ไม่นาน เขาก็เอามือออกจากกุญแจรถอีกครั้ง
"หลิวฉิง เธอไปดูหน่อยว่าทางนั้นเกิดอะไรขึ้น"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้