“ทำไมท่านพ่อถึงพูดเื่นี้กับลูกเ้าคะ?”
“ที่ข้านำเื่ของแม่เ้ามาพูดแค่อยากบอกเ้าว่าชื่อเสียงนั้นเป็สิ่งสำคัญ หลังจากเ้าแต่งเข้าตระกูลเสิ่นก็ควรจะสร้างชื่อเสียงที่ดีอย่างเว่ยซื่อแล้วที่บอกเ้าเื่ฝ่าา ก็เพราะเสิ่นเยี่ยนทำงานอยู่ข้างกายองค์ชายห้าทุกการกระทำล้วนถูกผู้อื่นคอยจับจ้อง หากเ้าจะต้องติดต่อกับผู้คนก็จงระวังให้มากไม่เช่นนั้นจะเป็เหมือนเื่ที่เกิดขึ้นในงานล่าสัตว์ เสี่ยงที่จะเกิดปัญหาเ้าเข้าใจไหม?”
จากถ้อยคำจริงใจนี้ กู้เจิงสงสัยว่าหรือบิดาจะเปลี่ยนไปแล้ว “เหตุใดจู่ๆ ท่านพ่อถึงดีต่อลูกเช่นนี้เล่าเ้าคะ?”
กู้เจิงถามออกมาตรงๆ เช่นนี้ กู้หงหย่งก็ทำหน้าไม่ถูก “เ้าแค่จำเอาไว้ก็พอ”
“เ้าค่ะ ลูกจะจำไว้”
กู้เจิงมองโฉนดที่ดินสองใบในมือพลางครุ่นคิดถึงเื่ที่เกิดขึ้นนางได้มีโอกาสช่วยฮ่องเต้ไว้โดยไม่รู้ตัวและในขณะเดียวกันนางก็ได้ล่วงเกินตระกูลเยี่ยนและตระกูลเซี่ยด้วย?
ความจริงแล้วเื่พวกนี้อยู่ไกลตัวนางมากนางเป็แค่เด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง ชีวิตที่เหลือก็น่าจะอยู่แต่ในเรือนกระมัง? การต่อสู้เพื่อจุดสูงสุดของชีวิตไม่ใช่สิ่งที่นางจะทำนางเพียงแค่หวังให้ตัวเองมีความสุขไปตลอดชีวิตก็พอแล้ว
วันแต่งงานของคุณหนูใหญ่แห่งจวนป๋อเจวี๋ยบรรยากาศครึกครื้นเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มยินดีจวนกู้ถูกประดับประดาด้วยโคมไฟจนสวยงาม
หลังจากถูกชุนหงปลุกให้ตื่นใน่เช้าตรู่กู้เจิงก็ต้องมานั่งตัวแข็งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ปล่อยให้สาวใช้จับแต่งหน้าแต่งตาส่วนทางด้านเรือนหลักได้ส่งแม่เฒ่าฉินและแม่เฒ่าซุนมาช่วยดูความเรียบร้อย
“คุณหนูใหญ่เรียบร้อยดีหรือยังเ้าคะ?” แม่สื่อเดินเข้ามาหาสองแม่เฒ่าฉินซุนด้วยรอยยิ้มก่อนจะย่อกายคารวะ “ท่านแม่เฒ่าทั้งสองนี่ก็ใกล้จะถึงฤกษ์แล้วเ้าค่ะ”
“เรียบร้อยแล้วเ้าค่ะ" ชุนหงตอบด้วยความตื่นเต้นดีใจ
แม่เฒ่าซุนหยิบพัดมาส่งให้กู้เจิง แล้วพูดกับนางว่า “คุณหนูใหญ่ ท่านต้องถือพัดนี้ปิดบังใบหน้าไว้ตลอดหลังจากเข้าห้องหอแล้วต้องให้ท่านบุตรเขยเสิ่นเป็ผู้หยิบออกให้เ้าค่ะ”
เมื่อกู้เจิงได้สวมเฟิ่งกวาน[1] แล้วก็รู้สึกหนักหัวนักพู่ไข่มุกมรกตที่ห้อยอยู่ทั้งสองด้านของเฟิ่งกวานแค่ขยับเล็กน้อยก็สั่นไหวแล้วและในมือยังต้องถือพัดไว้ปิดบังใบหน้าของเ้าสาวอีก ช่างเหนื่อยจริงๆแต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังพยักหน้ายอมอย่างว่าง่าย
แม่เฒ่าซุนเหลือบมองดูกู้เจิง ั้แ่เห็นคุณหนูใหญ่ผู้นี้เติบโตมานางก็ทำใจชอบไม่ลงจริงๆ ทว่าหมู่นี้อุปนิสัยของนางเปลี่ยนไปกลายเป็เด็กน่าเอ็นดูขึ้นมาก ดูแล้วกลับชอบอยู่หลายส่วนทรงคิ้วยาวที่วาดด้วยหลัวไต้[2] ใบหน้าดุจดอกฝูหรงอันสง่างาม นับว่ารูปโฉมของคุณหนูใหญ่ก็โดดเด่นเป็หนึ่งในเยว่เฉิงเช่นกันแต่เมื่อก่อนนางมักจะก้มหน้าทำตัวเงียบเฉยอยู่เสมอ แต่ในวันนี้ไม่ว่าจะขมวดคิ้วหรือยิ้มแย้ม ทุกอากัปกิริยาล้วนน่ามองจึงพลอยทำให้คนที่มองรู้สึกดีตามไปด้วย
เมื่อแม่เฒ่าซุนกับแม่เฒ่าฉินประคองนางออกจากเรือนเล็กกู้เจิงก็รู้สึกกระวนกระวายใจ
สายลมพัดผ่านมาพร้อมกับเสียงเอิกเกริกของความรื่นเริงมาจากทางโถงด้านหน้า นางเดินผ่านระเบียงไปก็เห็นท่านพ่อท่านแม่ ซู่เหนียง น้องรองน้องสาม และน้องสี่รอนางอยู่ข้างใน ซู่เหนียงเมื่อเห็นนางจะออกเรือนก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนบ่าวรับใช้ต้องช่วยกันประคองไว้
เวลานี้นางถึงได้รู้สึกได้จริงๆว่านางได้กลายมาเป็คนของที่นี่ไปแล้วนางเริ่มยอมรับและต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปในวันข้างหน้าให้ได้เป็อย่างดี
เมื่ออำลาญาติพี่น้องเสร็จสิ้นขบวนเกี้ยวเ้าสาวก็พากันออกเดินไปยังเรือนของเ้าบ่าวมีเสียงครื้นเครงจากเครื่องดนตรีดังตามไปตลอดทาง
ตระกูลเสิ่นตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองเยว่เฉิงผู้คนที่ปักหลักอยู่ทางใต้ล้วนเป็ลูกหลานของตระกูลชนชั้นต่ำต้อย แต่ตระกูลเสิ่นถือเป็วงศ์ตระกูลใหญ่และก็พอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้างเนื่องจากในตระกูลมีผู้มีความสามารถทั้งซิ่วไฉหรือจวี่เหรินมากมายแม้แต่จิ้นซื่อก็ยังมีอีกหลายคน ทำให้พวกเขาต้องติดต่อกับตระกูลขุนนางต่างๆอยู่เสมอ
เสิ่นเยี่ยนเป็บุตรชายคนเดียวในครอบครัวบิดาของเขาเป็ลูกคนที่สี่ในตระกูล มารดาก็ทำงานบ้านเหมือนสตรีส่วนใหญ่ที่บ้านมีพื้นที่ทำนาอยู่หลายหมู่[3] ถือว่ามีกินมีใช้ไม่ขาดแคลนแม้จะเทียบไม่ได้กับชีวิตในจวนป๋อเจวี๋ย แต่หากเทียบกับคนทั่วไปแล้วนับว่าดียิ่งนัก
เื่เหล่านี้เป็สิ่งที่กู้เจิงได้รับรู้ทำความเข้าใจไว้แล้ว
ในเวลานี้ เสียงของชุนหงดังขึ้นจากด้านนอกเป็ระยะๆ “ประตูใหญ่อยู่... ทำไมพวกเ้า...เดี๋ยวนะ” เสียงดนตรีที่ดังเข้ามาทำให้นางได้ยินไม่ชัดเจน
กู้เจิงแง้มม่านหน้าต่างออกดู เห็นคนบนท้องถนนจับตาดูขบวนแต่งงานของนางสายตาของสาวๆ เต็มไปด้วยความอิจฉา เด็กๆหลายคนยังไล่ตามเกี้ยวของนางพลางะโเรียกเ้าสาวอยู่รอบเกี้ยวชุนหงที่ต้องอยู่ข้างเกี้ยวกลับไม่อยู่เสียอย่างนั้นขณะที่นางกำลังแปลกใจชุนหงก็เดินกลับมาจากทางด้านหน้า เมื่อนางเห็นกู้เจิงแง้มม่านเกี้ยวมองออกมาจึงร้องอุทานว่า “คุณหนูใหญ่ทำเช่นนี้จะไม่เป็มงคลนะเ้าคะ” ว่าแล้วก็รีบดึงปิดม่านเอาไว้
กู้เจิงได้แต่ถามผ่านเกี้ยวว่า “ชุนหง เ้าไปทำอะไรมา?”
“เมื่อครู่คนของตระกูลเสิ่นวิ่งมาบอกว่าประตูใหญ่พัง ให้คุณหนูใหญ่เดินเข้าทางประตูเล็กแทนเ้าค่ะ" ชุนหงกล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า “ทำไมประตูใหญ่ถึงได้บังเอิญมาพังในวันมงคลล่ะเ้าคะ”
--------------------------------------------------
[1] เฟิ่งกวาน หรือ มงกุฎหงส์ เป็เครื่องประดับศีรษะของบรรดาราชนารีและสตรีสามัญชนที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ลวดลายของมงกุฎก็จะแตกต่างกันไปตามระดับชั้นที่ได้รับ
[2] หลัวไต้ ที่เครื่องประทินโฉมสีดำที่คนจีนสมัยโบราณใช้ในการวาดคิ้ว
[3] หมู่ เป็หน่วยวัดขนาดพื้นที่ของจีน โดยหนึ่งหมู่เท่ากับ 666.67 ตารางเมตร หรือเท่ากับ 1/15 เฮกตาร์