จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มที่จะสว่างขึ้นเย่ชิงหานถึงได้แอบส่งเย่ชิงอู่กลับไปสวนระบำอ่อนอย่างอาลัยอาวรณ์ และยัง “เล่น” อยู่ภายในห้องเย่ชิงอู่อยู่อีกชั่วครู่จนเย่ชิงอู่เร่งเร้าให้รีบกลับจึงจำต้องกลับมา ใช้ท่าเท้าเปลี่ยนรูปย้ายเงามาปรากฏตัวขึ้นที่ระเบียงทางเดินของชั้นสอง หลังจากจัดเสื้อผ้าอยู่สักพักจึงค่อยๆ เดินลงมาชั้นหนึ่งราวกับว่ากำลังเพิ่งตื่นนอนฉันนั้น
“คำนับนายน้อยใหญ่!” ภายในห้องโถงใหญ่ยามทั้งแปดที่นั่งคอยอยู่บนเก้าอี้อย่างอิดโรย สายตาจ้องมองไปยังสาวรับใช้สี่นางที่ยืนอยู่หน้าประตูบันไดพร้อมกับส่งสายตาหยาดเยิ้มไปหาอยู่ไม่ขาด แต่เมื่อมองเห็นเย่ชิงหานเดินลงมาจึงรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนทำความเคารพ
“วิ่งเสร็จแล้ว?” เย่ชิงหานจามออกมาครั้งหนึ่ง จากนั้นหัวเราะแหะๆ แล้วพูดขึ้น
“เรียนนายน้อยใหญ่ วิ่งเสร็จแล้วรอบหนึ่งก็ไม่มีขาด ดังนั้นจึงได้กลับมารายงานให้ท่านทราบ!” เสี่ยวอีลูกพี่ใหญ่ของทั้งแปดคนพยักหน้าโค้งตัวลงยิ้มตอบกลับมา
“เอาละ พวกเ้าออกไปได้แล้ว ด้านหลังสวนมีห้องอยู่ห้องหนึ่งไว้ให้พวกเ้าอยู่ ต่อไปภารกิจของพวกเ้าคือเฝ้าประตูใหญ่ของหอหานซิน หากไม่มีคำสั่งจากข้าห้ามไม่ให้พวกเ้าเข้ามาภายในห้องโถงของหออีก หากมีเื่ราวอันใดแจ้งผ่านทางสาวรับใช้ก็พอ ยังมีอีกอย่าง...อย่าคิดมาล่อลวงสาวรับใช้ของข้า มิฉะนั้นละก็ข้าจะตัดขาที่สามที่อยู่ตรงกลางของพวกเ้าทิ้งซะ!” เย่ชิงหานอารมณ์ดีเป็อย่างมากจึงไม่อยากจะถือสาเอาความกับพวกเขาอีก พูดเสร็จรีบไล่พวกเขาออกไปทันที
“ขอบคุณในความเมตตาของนายน้อยใหญ่!” ทั้งแปดรีบตอบรับแสดงความขอบคุณออกไปในทันที เย่ชิงหานปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ เช่นนี้แน่นอนว่าทำให้พวกเขายินดีเป็อย่างมาก ยังนึกว่าท่านหัวหน้าตระกูลมอบพวกเขามาให้เย่ชิงหานทรมานพวกเขาเล่นสนุกเมื่อยามเบื่อๆ ไม่มีอะไรทำเสียอีก ตอนนี้วิ่งแค่ห้าร้อยรอบก็ปล่อยพวกเขาไปง่ายดายเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมอบงานเฝ้าประตูหอหานซินให้แก่พวกเขาอีกด้วย
แม้ว่างานของพวกเขาเดิมทีก็คืองานเฝ้าประตู แต่ก็ต้องดูว่าเป็การเฝ้าประตูให้ผู้ใด? ซึ่งเวลานี้เป็การเฝ้าประตูให้ว่าที่หัวหน้าตระกูลในอนาคตมันทำให้พวกเขารู้สึกว่ามีเกียรติเป็อย่างมาก ตระกูลเย่มีบ่าวรับใช้มากมายแต่จะมีใครที่ได้รับเกียติเฉกเช่นพวกเขาเช่นนี้? แม้ตอนนี้จะรู้สึกอิดโรยจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟันออกมา แต่ทั้งหมดก็เดินออกไปด้านนอกอย่างหน้าเชิดอกผายไหล่ผึ่ง
“เหอะๆ เมื่อคืนวานพวกเ้าได้ยินเสียงอะไรหรือไม่?” เย่ชิงหานเกาหัวเล็กน้อย จากนั้นเอียงหน้ามาถามสาวรับใช้ทั้งสี่คนที่ยืนอยู่ข้างๆ แสยะยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น
“นาย...นายท่าน พวกข้าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น!” สายตาที่แหลมคมของเย่ชิงหานที่จ้องมองมาทำเอาสาวใช้ทั้งสี่รีบโค้งตัวลงทำความเคารพอย่างลนลาน สุดท้ายสาวใช้นางหนึ่งรวบรวมความกล้าพูดออกมา
“อืม...ไม่เลว เ้ามีชื่อว่าอะไร ต่อไปเ้าคือหัวหน้าผู้ดูแลของหอหานซิน!” เย่ชิงหานยิ้มออกมาเล็กน้อย รู้สึกพอใจต่อความรู้กาลเทศะเข้าใจสถานการณ์ของสาวรับใช้คนนี้เป็อย่างมาก
“นายท่าน ข้าน้อยมีชื่อว่าชุ่ยฮวา!” สาวรับใช้นางนี้รู้สึกยินดีขึ้นมารีบโค้งคำนับแสดงความขอบคุณลงไปอีกครั้ง
“ชุ่ยฮวา? อืม! เป็ชื่อที่ไม่เลว ต่อไปงานของเ้าคือการปรนนิบัติรับใช้คุณหนูชิงอวี่ให้ดีๆ” เย่ชิงหานพูดจบจึงเดินกลับขึ้นไปยังชั้นบนของหออีกครั้ง
.................................
“นายน้อย เชิญเข้ามาภายในหอเซียวเหยาสักครู่!”
เมื่อกลับมาถึงห้องเย่ชิงหานนอนลงไปบนเตียงหลังใหญ่และกำลังหวนคิดถึงรสชาติหอมหวานที่เพิ่งได้ลิ้มรสมาเมื่อสักครู่ แต่ทันใดนั้นพลันได้รับการส่งกระแสเสียงมาจากผู้เฒ่าลู่ที่อยู่ภายในแหวนเซียวเหยา
อืน?
เย่ชิงหานได้สติกลับมาทันที หลังจากที่ตนเองได้รับแหวนเซียวเหยามายังไม่มีเวลาพูดคุยกันอย่างจริงจังกับผู้เฒ่าลู่สักที ยังมีคำถามมากมายที่ยังไม่ได้ทำการสอบถามอย่างชัดเจน เขาลุกขึ้นยืนแล้วทำการเปิดใช้งานแหวนเซียวเหยาในทันที ภายในห้องพลันปรากฏประตูใหญ่สีทองออกมา เย่ชิงหานก้าวเท้าเดินเข้าไปภายในประตูแล้วร่างกายก็เลือนหายไปโดยทันที เมื่อร่างของเย่ชิงหานเลือนหายไปประตูใหญ่สีทองก็เลือนหายตามไปด้วยเช่นเดียวกัน
“สวัสดีผู้เฒ่าลู่!”
เย่ชิงหานรู้สึกว่าดวงตาพร่ามัวขึ้นครั้งหนึ่งจากนั้นก็กลับเข้ามาอยู่ภายในตำหนักใหญ่ด้านในของหอเซียวเหยาแล้ว ภายในตำหนักใหญ่ลู่ซีกำลังยืนอยู่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มบนใบหน้ารูปแพะของเขา
“เ้าหนูหาน ต่อไปจะทำศึกคนชนคนอะไรเทือกนั้นข้าแนะนำเ้าให้เข้ามาภายในหอเซียวเหยาจะดีกว่า ม่านพลังป้องกันที่สร้างไว้ตามห้องภายในหอเซียวเหยา ขอเพียงเ้าเปิดใช้งานขึ้นแม้แต่ข้าก็ยังไม่สามารถที่จะทำการตรวจสอบดูได้ เ้าต้องเข้าใจว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพภายในทวีปัเพลิงสามารถตรวจจับดูความเคลื่อนไหวการกระทำต่างๆ ของเ้าได้ทุกอิริยาบท! ไม่ต้องจ้องมองข้า ตอนที่เ้าทำเื่อย่างว่าครึ่งหลังข้าไม่ได้เฝ้าดูแน่นอน แหะๆ จะว่าข้าก็ไม่ได้เพราะข้าต้องระวังอันตรายให้เ้า” ลู่ซีหัวเราะแหะๆ เอ่ยปากพูดขึ้น
“เอ่ออ...”
เย่ชิงหานเมื่อได้ฟังสีหน้าดำคล้ำขึ้นมาทันที ตาแก่คนนี้แอบดูเขาอยู่ตลอดดีที่่ครึ่งหลังไม่ได้ดูต่อมิฉะนั้นคงขาดทุนย่อยยับ จากนั้นคล้ายกับคิดอะไรขึ้นมาได้จึงพูดขึ้นมาว่า “เข้ามาทำภายในหอเซียวเหยาได้? ข้าสามารถพาคนเข้ามาภายในหอเซียวเหยาได้รึ?”
“แหะๆ หอเซียวเหยาเมื่อก่อนเป็สถานที่ที่ใช้สำหรับทำเื่ส่วนตัวของหุนตี้แห่งหนึ่ง หุนตี้สร้างม่านพลังป้องกันที่พิเศษขึ้นมาไว้ ขอเพียงหญิงสาวคนใดมีกลิ่นไอพลังของเขาติดตัวอยู่ล้วนสามารถเข้ามาได้ พูดง่ายๆ ก็คือเหล่าหญิงสาวที่เคยมีอะไรกับเ้าล้วนสามารถเข้ามาภายในหอเซียวเหยาได้ แน่นอนว่าคนนอกที่ไม่มีกลิ่นไอพลังของเ้าและผู้ที่มีพลังฝีมือต่ำกว่าระดับขอบเขตจักรพรรดิเทพ์ล้วนไม่สามารถเข้ามาได้ ส่วนข้าเป็ข้อยกเว้น!” ลู่ซีพูดอธิบายขึ้น
“อืม...สุดยอดขนาดนั้นเลย? ของสิ่งนี้เป็ของดีจริงๆ แหะๆ ต่อไปถ้าหากข้าถูกคนไล่ฆ่ายังสามารถพาผู้หญิงของตนเองหลบเข้ามาภายในได้อีก แล้วทำไมท่านไม่บอกให้เร็วกว่านี้เล่า!”
เย่ชิงหานรู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง ได้รู้เื่ราวเป็ประโยชน์อย่างไม่คาดคิดขึ้นมาอีกเื่ ระดับความเข้มข้นของพลังฟ้าดินภายในหอเซียวเหยาแห่งนี้เทียบได้กับเมื่อตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะความสงบแห่งิญญาเลยก็ว่าได้ หากพาพวกเยว่ชิงเฉิง เย่ชิงอู่ และเย่ชิงอวี่เข้ามาฝึกฝนอยู่ภายในละก็ ไม่เพียงความปลอดภัยที่ไว้วางใจได้ แต่ระดับความเร็วในการฝึกฝนจะต้องเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
“แน่นอนว่าจะต้องเป็ของดี สมบัติล้ำค่าระดับเทพประเภทมิติที่นายท่านเป็คนหลอมสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง แม้แต่ในดินแดนแห่งเทพยังถือว่าเป็ของล้ำค่าหายาก ผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตขุนพลเทพ์และขอบเขตาาเทพ์ยังจ้องกันตาเป็มันเพราะความอยากได้ ดังนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตเทพ์และปุถุชนคนธรรมดาเลย แต่เ้าก็อย่าได้ดีใจเร็วจนเกินไป ไม่แน่ว่าแหวนวงนี้เ้าอาจจะมีโอกาสได้ใช้เพียงแค่ห้าสิบปีเท่านั้น” ลู่ซีหรี่ตาเล็กเรียวของเขาที่แทบจะเรียกได้ว่าหรี่อยู่แล้วลงไปอีก ยื่นมือขึ้นมาลูบหนวดเคราที่อยู่ปลายคางของตนเองพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ
“หืม? ทำไมล่ะ?”
เย่ชิงหานรู้สึกสะดุ้งใภายในใจพลันรู้สึกไม่ดีขึ้นมาอีก ผู้เฒ่าลู่เคยบอกว่าหอเซียวเหยาเป็รางวัลที่สามารถทะลวงผ่านด่านต่างๆ ของูเาสุสานทวยเทพได้ทั้งหมดมิใช่รึ? แล้วทำไมตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปอีกแล้วล่ะ?
“เ้าก็รู้ดีว่าูเาสุสานทวยเทพเป็เพียงด่านทดสอบแห่งหนึ่งที่นายท่านสร้างขึ้นมา เมื่อทะลวงผ่านได้ก็จะได้กระบี่เทพและกลายเป็หนึ่งในผู้สืบทอด อนาคตภายภาคหน้าอาจจะมีโอกาสได้รับสมบัติที่แท้จริงที่หุนตี้ตกทอดไว้ให้!”
สีหน้าของลู่ซีเปลี่ยนเป็เคร่งขรึมจริงจังขึ้นเริ่มพูดเข้าเื่สำคัญในทันที ที่ผ่านมาเย่ชิงหานไม่ได้ยุ่งอะไรมากแต่เพราะมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพอยู่ข้างกายเขาตลอดจึงไม่ได้เรียกเขาเข้ามาพูดคุย วันนี้เห็นเป็โอกาสเหมาะจึงได้เรียกให้เข้ามา “ในตอนนั้นนายท่านเป็ผู้ฝึกยุทธ์อันดับหนึ่งในระดับขอบเขตจักรพรรดิเทพ์ มีสมบัติของวิเศษล้ำค่ามากมายผู้คนภายในดินแดนแห่งเทพไม่มีใครที่ไม่อยากได้ สมบัติมีค่ามากมายเหล่านี้นายท่านย่อมไม่มอบให้พวกขยะไร้พร์อย่างแน่นอน ดังนั้นนายท่านจึงสร้างด่านทดสอบขนาดใหญ่ขึ้นมาห้าด่าน ผ่านด่านทดสอบหมดทั้งห้าด่านถึงจะได้สมบัติของวิเศษล้ำค่าที่แท้จริงที่นายท่านตกทอดไว้ให้...”
“ูเาสุสานทวยเทพเป็ด่านทดสอบแรก ส่วนด่านที่สองคือ... ถ้าหากภายในห้าสิบปีเ้าไม่สามารถผ่านขึ้นไปยังดินแดนแห่งเทพได้ ทั้งแหวนและกระบี่เทพข้าจะขอริบกลับคืนและจากนั้นข้าจะไปจากทวีปัเพลิงแห่งนี้เพื่อเสาะหาผู้มีโชควาสนาคนต่อไป”
“แน่นอนว่าภายในระยะเวลาห้าสิบปีนี้ข้าจะพยายามปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยให้เ้าอย่างเต็มที่ และจะลงมือตามคำขอของเ้าสามครั้ง และเ้าได้ใช้ไปแล้วหนึ่งครั้ง! สำหรับอีกสามด่านทดสอบใหญ่ที่เหลือรอให้เ้าผ่านขึ้นไปยังดินแดนแห่งเทพก่อนถึงจะรู้ได้ ดังนั้นถ้าหากเ้าอยากที่จะได้รับสมบัติของวิเศษล้ำค่าจริงๆ ของหุนตี้เพื่อกลายเป็สุดยอดฝีมือระดับแนวหน้าและกลายเป็ผู้ยิ่งใหญ่ของดินแดนแห่งเทพ เ้าจำเป็อย่างยิ่งที่จะต้องบรรลุถึงระดับขอบเขตเทพ์ให้ได้ภายในระยะเวลาห้าสิบปี...”
“ห้าสิบปี ระยะเวลาห้าสิบปีอีกแล้ว!”
เมื่อฟังจบเย่ชิงหานถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงคราหนึ่ง เขาพบว่าชะตาชีวิตของตนเองกำลังค่อยๆ ถูกมือใหญ่ที่มองไม่เห็นควบคุมเอาไว้ ตนเองทำได้แค่เพียงเดินหน้าต่อไปในเส้นทางนี้เพียงเท่านั้นโดยที่ไม่สามารถจะหยุดลงได้ มิฉะนั้นแล้วไม่เพียงสิ่งต่างๆ มากมายที่เขามีอยู่จะต้องสูญเสียไป แม้กระทั่งชีวิตของเขาเองก็จะจบสิ้นลงตามไปด้วย...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้