เถ้าแก่วางกำไลข้อมือลงในกล่อง แล้วจึงพูดว่า “ที่เรียกว่ากำไลข้อมือยอมรับเ้าของก็คือเมื่อสวมกำไลข้อมือนี้ ข้อต่อของกำไลจะติดอยู่บนข้อมือของเ้าของเพื่อปิดผนึกไว้ และไม่มีทางที่จะถอดออกได้อีกเว้นแต่บุคคลนั้นจะตาย คุณชายผู้นี้สามารถถอดกำไลออกมาได้เมื่อสวมมันลงไปบนข้อมือแสดงว่ากำไลนี้ยังไม่ยอมรับเ้าของอย่างไรเล่า! ”
“กระไรนะ? มีเื่อันใดแบบนี้ด้วยหรือ? เถ้าแก่ ท่านพูดหยอกพวกเราเล่นใช่หรือไม่? ”
“นั่นสิ เื่เช่นนี้มันจะเป็ไปได้อย่างไร? ”
“เถ้าแก่ ท่านจะต้องให้คำอธิบายเื่วันนี้กับพวกเรามิเช่นนั้นพวกเราไม่ยินยอม”
“นั่นสิ พวกเราไม่ยอมรับอย่างแน่นอน”
โรงประมูลยุ่งเหยิงวุ่นวายขึ้นมาในทันที
“เถ้าแก่ กำไลข้อมือวงนี้คุณชายของข้า้ามันมาก ราคาตามแต่ท่านจะเรียก”
เมื่อเยี่ยโยวเหยาก้าวลงจากเวทีและกลับมานั่งยังตำแหน่งของเขาด้วยบุคลิกเฉพาะตัวแล้วฉินเทียนก็เอ่ยขึ้น
“ข้าพูดไปแล้วว่ากำไลข้อมือหนึ่งล้านตำลึงนี้จะมอบให้เพียงผู้ที่มีวาสนาผู้ที่ไม่มีวาสนาแม้จะให้ราคาเทียมฟ้าก็ไม่อาจขายให้ได้”
“ไม่มีสิ่งใดในโลกที่คุณชายของข้า้าแล้วจะไม่ได้ในเมื่อเถ้าแก่พูดเช่นนั้นจริง แม้วันนี้ข้าจะต้องทำลายกฎตลาดมืด คุณชายของข้าก็ต้องได้กำไลข้อมือวงนี้” พูดแล้ว ทันใดนั้นฉินเทียนก็ราวกับเงาดำที่เคลื่อนย้ายไปยังบนเวทีอย่างรวดเร็วและเริ่มแย่งของที่อยู่ในมือของเถ้าแก่ต่อหน้าเ้าตัว
ในเมื่อที่นี่เป็ตลาดมืด แต่ใช่ว่าจะยอมกันได้ง่ายๆ เช่นนี้ใบหน้าของเถ้าแก่มืดครึ้มลงในทันที เขากอดกล่องใส่กำไลข้อมือปี่อั้นแล้วเดินถอยหลังไปสองก้าวจากนั้นก็มีมือสีดำขนาดใหญ่จำนวนมากพุ่งออกมาจากด้านหลังของเขา เข้าเผชิญหน้ากับฉินเทียน
การต่อสู้บนเวทียังไม่ทันได้เริ่ม
ด้านล่างเวทีก็วุ่นวายตื่นตระหนกไปหมด ผู้คนต่างหนีตายกันอย่างสับสนอลหม่าน
ใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาดำขลับ เขานั่งอย่างเ็าในตำแหน่งเดิมดวงตาที่แหลมคมจ้องไปยังการเคลื่อนไหวบนเวที
ทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยาก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าเถ้าแก่ด้วยความเร็วที่แทบจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนาวเหน็บและโกรธเล็กน้อย “เอากำไลข้อมือนั้นมาให้ข้าแล้ววันนี้ข้าจะไว้ชีวิตเ้า! ”
จากประสบการณ์ เถ้าแก่ก็รู้ได้ทันทีว่าความยิ่งใหญ่ของพลังที่แผ่ออกมาและมีฝีมือของเยี่ยโยวเหยานั้นเขาจะต้องเป็คนที่มีความสามารถ มีที่มาไม่ธรรมดาเป็แน่
“ท่านมาจากที่ใดกัน โรงประมูลตลาดมืดของข้าไม่มีความแค้นเคืองใดๆ ต่อท่านทั้งในอดีตและรวมถึงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ด้วยในเมื่อกำไลข้อมือปี่อั้นกับท่านไม่มีวาสนาต่อกัน เหตุใดต้องดึงดันด้วยเล่า? ”
“ชื่อของข้านั้นเ้าไม่คู่ควรที่จะรู้ กำไลข้อมือปี่อั้นนี้ วันนี้ข้าต้องได้มัน!”
ขณะที่พูด เยี่ยโยวเหยาก็ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว และโจมตีกล่องที่อยู่ในอ้อมแขนของเถ้าแก่ด้วยตนเอง
มีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถต่อสู้กับเยี่ยโยวเหยาได้ ในเมื่อเถ้าแก่ผู้นี้สามารถรับมือเยี่ยโยวเหยาได้หลายกระบวนท่าเพียงนี้ฝีมือจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่าทันใดนั้น สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น
เมื่อโรงประมูลถูกปกคลุมด้วยชั้นของความเงียบสงัดอย่างแท้จริงกำไลข้อมือปี่อั้นที่เถ้าแก่ปกป้องภายใต้อ้อมกอดของเขาก็ส่องแสงเปล่งประกาย สว่างไปทั่วโรงประมูลทันที
ทุกคนตกตะลึงจนหยุดทุกการเคลื่อนไหว
เห็นเพียงว่ากำไลข้อมือในกล่องนั้นขยับสองสามทีและ ลอยขึ้นมากลางอากาศอย่างเชื่องช้าลวดลายอีกด้านของกำไลข้อมือนั้นงดงามและโปร่งแสงทุกตารางนิ้วล้วนส่องแสงระยิบระยับแผ่ขยายออกไป ทำให้ผู้คนแสบตาจนยากที่จะลืมตาขึ้นได้
ฝูงชนพบว่าทิศทางที่สร้อยข้อมือกำลังเคลื่อนไปนั้น คาดไม่ถึงว่าจะเป็ตำแหน่งที่ซูจิ่นซียืนอยู่พอดี
“ท่านอ๋อง หรือว่าให้ข้า... ”
ฉินเทียนกำลังจะถามว่าให้ตนไปหยุดกำไลปี่อั้นนั้นหรือไม่ ทว่ากลับถูกเยี่ยโยวเหยายกมือหยุดไว้เสียก่อน
ในคราแรกสีหน้าของเถ้าแก่โรงประมูลนั้นราวกับไม่ได้สนใจอันใด ทว่าต่อมากลับค่อยๆปรากฏรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้งขึ้น
ทีละน้อย... ทีละน้อย... คาดไม่ถึงว่ากำไลนั้นจะขยับมาถึงข้อมือขวาของซูจิ่นซีได้ยินเพียงเสียง "กึก" ช่างเป็เสียงที่คมชัด กระจ่างใส บัดนี้กำไลนั้นติดแน่นอยู่บนข้อมือของซูจิ่นซีเสียแล้ว
“นี่... นี่มันเื่อันใดกัน? ”
เมื่อครู่ซูจิ่นซีเพียงเฝ้าดูเยี่ยโยวเหยาและฉินเทียนต่อสู้เพื่อชิงกำไลข้อมือปี่อั้นนั้นอย่างเงียบๆในขณะที่กำไลข้อมือปี่อั้นเริ่มส่องแสงนั้น นางรู้สึกว่าร่างกายตนเองร้อนผ่าวขึ้นมาราวกับว่ามวลอากาศในร่างกายของนางกำลังจะะเิออก และแล้วสติของนางก็ดับวูบไป ทว่าเมื่อฟื้นคืนสติขึ้นมาก็พบว่ากำไลข้อมือปี่อั้นนั้นได้สวมลงบนข้อมือของนางแล้วไม่ว่านางจะพยายามถอดอย่างไรก็ไม่สามารถถอดมันออกมาได้
เถ้าแก่โรงประมูลยิ้มแล้วเดินไปตรงหน้าซูจิ่นซี “สตรีท่านนี้ ท่านอยากจะถอดก็ไม่สามารถถอดมันออกได้กำไลข้อมือปี่อั้นระบุว่าท่านเป็เ้าของมันแล้ว ขอแสดงความยินดีกับคุณผู้หญิงด้วยขอแสดงความยินดี”
“ทว่า ข้าไม่ได้อยากได้กำไลข้อมือนี้นี่! มีวิธีไหนที่สามารถถอดมันออกได้หรือไม่? ”
คนที่้ากำไลข้อมือนี้คือเยี่ยโยวเหยา ไม่ใช่นาง
เถ้าแก่ส่ายหัวไม่ได้พูดอันใด
ซูจิ่นซีมองอย่างรู้สึกผิดไปทางเยี่ยโยวเหยาซึ่งกำลังเดินมาหานางด้วยใบหน้าที่มืดครึ้ม “ท่านอ๋อง หม่อมฉัน... หม่อมฉันจะต้องคิดหาวิธีถอดมันออกมาให้ท่านให้ได้เพคะ!”
ทว่าคาดไม่ถึงว่าเมื่อเยี่ยโยวเหยาเดินมาถึงด้านข้างซูจิ่นซีแล้ว กลับพูดขึ้นมาในทันใด “ไม่ต้อง กำไลข้อมือนี้ให้เ้าก็แล้วกัน! ”
ให้นางหรือ?
เหตุใดเยี่ยโยวเหยาจึงกล่าวเช่นนั้น?
เ้ากำไลนี้ลอยมาที่ข้อมือของซูจิ่นซีเองนะ! ยังไม่ทันได้เป็ของเยี่ยโยวเหยาเลยด้วยซ้ำเหตุใดจึงพูดว่าเขาให้ซูจิ่นซีเล่า?
หรือว่ากำไลข้อมือวงนี้จะเกี่ยวข้องอันใดกับเยี่ยโยวเหยา?
ซูจิ่นซีไม่มีเวลาที่จะมาคิดเื่พวกนี้ เพราะว่าเยี่ยโยวเหยาได้เดินออกไปจากโรงประมูลแล้วและยังะโมาจากประตูว่า “ซูจิ่นซี ยังไม่ไปอีก? ”
“ไปแล้ว ไปแล้วเพคะ! ท่านอ๋องรอหม่อมฉันก่อนสิเพคะ! ” ซูจิ่นซีรีบส่งเสียงตอบกลับในทันทีจากนั้นนางก็ยกข้อมือของตนที่สวมกำไลข้อมือปี่อั้น แล้วบอกกับเถ้าแก่โรงประมูลว่า “เถ้าแก่ สิ่งนี้... ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ของสิ่งนี้ข้าขอเอาไปก่อนเงินหนึ่งล้านตำลึงนั้น วันหลังท่านไปเอาที่จวนของท่านอ๋องก็แล้วกัน! ”
พูดจบซูจิ่นซีก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ตามหลังเยี่ยโยวเหยาออกไป
“ซูจิ่นซี? ”
เถ้าแก่ครุ่นคิดอยู่นานก่อนที่จะนึกได้ว่าผู้ใดคือซูจิ่นซี “ในเมื่อนางคือซูจิ่นซี เช่นนั้น ท่านอ๋องผู้นั้นก็คือ... โยวอ๋องหรือ? ”
เถ้าแก่สะดุ้งใในทันใด
โชคดีที่วันนี้ไม่ได้มีเื่ราวอันใดใหญ่โต แม้จะกล่าวว่าตลาดมืดเป็องค์กรที่ใหญ่มากแทบจะไม่มีผู้ใดกล้าที่จะต่อกรกับตลาดมืดเลย ทว่าโยวอ๋องแห่งจงหนิงก็ไม่ใช่คนที่ตลาดมืดจะสามารถรับมือได้
ระหว่างทางกลับ ซูจิ่นซีย้ำอย่างรู้สึกผิดว่านางจะต้องหาทางถอดกำไลออกมาให้กับเยี่ยโยวเหยาให้ได้ทว่านางก็ไม่กล้าถามเยี่ยโยวเหยาว่าเขา้ากำไลข้อมือนี้ไปทำอันใด
ตลอดทางเยี่ยโยวเหยานิ่งเงียบไม่พูดจา หลังจากพาซูจิ่นซีส่งถึงหน้าประตูวังก็จากไปทันที
ซูจิ่นซีรู้สึกหดหู่เล็กน้อยที่ต้องเข้าไปในวังด้วยตนเอง ทว่าเมื่อก้าวเข้ามาในประตูวังได้ไม่นานนักก็ถูกองครักษ์จับตัวไป
“พวกเ้าทำอันใด? ข้าคือพระชายาโยวอ๋อง ข้าเข้ามาในวังเพื่อรักษาโรคของฮองเฮาตามพระราชโองการของฝ่าาหากทำให้การรักษาฮองเฮาล่าช้าออกไป พวกเ้ารับผิดชอบไหวหรือ? ”
“พระชายา ล่วงเกินแล้ว ข้าน้อยไม่กล้าขัดคำสั่ง หากพระชายามีสิ่งใดก็ขอให้ท่านพบฝ่าาก่อนแล้วค่อยเอ่ยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
พวกเขาไม่ได้กลัวซูจิ่นซี ทว่ากลัวที่จะล่วงเกินเยี่ยโยวเหยาต่างหาก
ดังนั้น ซูจิ่นซีจึงถูกพาไปที่ตำหนักจ้งหวาโดยองครักษ์
ในตำหนักจ้งหวา มีเพียงอวิ๋นจิ่นเท่านั้นที่อยู่ผู้อื่นไม่รู้ว่าไปที่ใดแล้ว และซูจิ่นซีก็ไม่เห็นฮ่องเต้ที่รับสั่งให้จับตัวนางมาด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นจิ่นได้เตรียมการทั้งหมดเพื่อที่จะรักษาฮองเฮาแล้วซูจิ่นซีก็พูดในใจตนเองเงียบๆว่า ‘อวิ๋นจิ่น ทำได้ดี!’
ในเวลาเดียวกันนั้นความไว้วางใจในตัวอวิ๋นจิ่นก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
“ซูจิ่นซี เ้าไปที่ใดมา? ยังกล้ามีหน้ากลับมาอีก!”
ทันใดนั้นนางได้ก็ยินเสียงของเฉินไท่เฟย ซูจิ่นซีหันมองไปทางประตูตำหนักฮ่องเต้ เยี่ยเซิน เฉินไท่เฟย เว่ยเหม่ยเจียต่างก็เดินออกมาจากประตูในเวลาเดียวกันเฉินไท่เฟยชี้นิ้วตรงไปที่ซูจิ่นซีและเริ่มด่าทอต่อว่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้