หลี่อันหนิงพยักหน้าพลางลูบผมของเด็กน้อยซางเป่าอย่างภูมิใจ ตอนนี้ตนเองเป็เพียงเด็กเท่านั้นไม่อาจทำตามใจตนดั่งเช่นผู้ใหญ่ได้ หาก้าปกป้องน้องทั้งสองนางจำต้องมีอำนาจในมือ
และแล้วหลี่อันหนิงก็หวนกลับไปนึกถึงใบหน้าอันหล่อเหลาที่แสนเ็าของท่านขุนนางหนุ่ม เพียงเท่านั้นในหัวใจของนางก็รู้สึกอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด
“พี่ใหญ่ข้ารู้ว่าที่ใดที่เราสามารถใช้นอนได้”
เด็กสาวมองหน้าน้องน้อยของตนด้วยสีหน้าสนใจ หลี่ซางเป่าเดินลิ่วนำหน้าไปเหมือนกับคุ้นเคยเส้นทางบนูเา หลี่อันหนิงผู้เป็พี่สาวรีบวิ่งตามจนกระทั่งทั้งสองไปถึงผาหินที่มีต้นไม้และเถาวัลย์ขึ้นรกชัฏแห่งหนึ่ง
“เป่าเอ๋อเราใช้ที่นี่นอนไม่ได้หรอกนะ มันรกเกินไปอีกอย่างอาจมีงูพิษออกมาก็ได้ รู้หรือไม่ว่ามันอันตราย”
หลี่ซางเป่าเกาหัวตนเองเบาๆ นางแสดงสีหน้ามั่นใจก่อนจะหันไปดึงแขนเสื้อของพี่สาว
“ได้เรานอนที่นี่ได้ นางบอกว่าคืนนี้ให้เรานอนที่นี่”
นางหรือ...ใครกัน หลี่อันหนิงมองใบหน้าที่เล็กกว่าฝ่ามือของน้องสาวอย่างงุนงง สายตาสำรวจมองไปรอบๆ ไม่เห็นมีที่ใดเลยที่จะสามารถใช้นอนได้ แล้วเหตุใดซางเป่าถึงพูดเช่นนั้นออกมา
“ใครเป็คนบอกน้องหรือ เป่าเอ๋อ”
“ท่านแม่”
เด็กน้อยเอ่ยออกมาด้วยดวงตาใสซื่อ หลี่อันหนิงใไม่น้อยที่ได้ยินหลี่ซางเป่าเอ่ยถึงมารดา นางไม่เคยเห็นหน้าท่านแม่แล้วนางรู้จักท่านแม่ได้อย่างไร
“เป่าเอ๋อน้องกำลังล้อพี่เล่นใช่หรือไม่”
หลี่ซางเป่าส่ายหน้า ก่อนจะเดินไปยังผาหินก้อนใหญ่ จากนั้นดึงเถาวัลย์ที่เลื้อยพันรอบๆ ออก ทำให้มองเห็นปากถ้ำเล็กๆ ที่ฝังอยู่ที่พื้นต่ำลงไป
หากไม่เดินเข้ามาหรือดึงเถาวัลย์ออกไม่มีทางที่พวกตนจะมองเห็นทางเข้าได้เลย
“เป่าเอ๋อนี่เ้า....ท่านแม่มาบอกจริงๆ หรือ”
หลี่ซางเป่าพยักหน้าแสดงท่าทางจริงจัง หลี่อันหนิงรวบร่างเล็กของน้องสาวมาสวมกอด น้ำตาหยดหนึ่งของเด็กสาวปลิวหายไปกับสายลมด้วยความรู้สึกรวดร้าว ความหดหู่ครอบงำจิตใจของนางเหมือนดั่งเงามืดที่ปกคลุมทุกอย่าง
เมื่อนึกถึงอดีตยามเมื่อมีมารดาผู้งดงามคอยปลอบประโลมให้ความอบอุ่นครั้งยังเด็ก แม้จะทุกข์ยากลำบากทว่านางกลับรู้สึกว่าตนนั้นมีความสุขมากมายเพียงใด แต่ตอนนี้หลี่อันหนิงคิดว่าความสุขนั้นเป็เพียงภาพลวงตาที่วันหนึ่งจะสลายไปในที่สุด และนางอาจไม่มีวันได้ััมันอีกแล้ว
แต่มารดาที่คิดว่าจากไปหลายปี กลับยังคงวนเวียนอยู่รอบกายเพื่อคอยให้ความช่วยเหลือ ถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่หลี่อันหนิงอยากจะเชื่อว่ามารดายังคงอยู่ที่นี่ เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับความรู้สึกที่เรียกว่าความสุขของนาง
ร่างสูงกว่าดึงน้องเล็กให้คุกเข่าลง ก่อนจะคำนับลงไปสามครั้งเพื่อเป็การของคุณ
“ท่านแม่ไม่ต้องเป็ห่วง ตอนนี้อันหนิงโตแล้วและจะดูแลน้องทั้งสองคนเป็อย่างดี”
หลังจากสองพี่น้องลุกขึ้นยืน ลมหอบหนึ่งก็พัดพาเอากลิ่นหอมที่แสนคิดถึงผ่านมา ดวงตากลมโตเปล่งประกายราวกับอัญมณีไม่ว่าจะผ่านเื่ทุกข์ยากเพียงใดก็ไม่เคยไหวหวั่น ยามนี้กลับเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาสีใส
ไออุ่นไร้รูปร่างที่ไม่อาจบรรยายได้เอ่อล้นขึ้นมาเต็มหัวใจ นางรู้แล้วว่ามารดาอยู่ที่นี่กับพวกตนจริงๆ แม้จะมิได้แสดงตัวออกมาทว่าความรู้สึกปลอดภัยที่เกิดขึ้นภายในใจนี้นางสามารถรับรู้ถึงมันได้
“เข้าไปกันเถอะ เป่าเอ๋อ”
หลี่อันหนิงและหลี่ซางเป่าไถลลงไปในปากถ้ำที่อยู่เบื้องต่ำ ก่อนจะััได้ถึงสายลมอุ่นร้อนที่พัดมากระทบใบหน้าของพวกตน แม้จะมองไม่เห็นเพราะภายในนั้นมืดมิด แต่เมื่อเงี่ยหูฟังก็จะได้ยินเสียงของใครบางคนพูดคุยกัน
“ได้ยินหรือไม่เป่าเอ๋อ ข้างในมีคนอยู่”
หลี่ซางเป่าส่ายหน้าในความมืด
“ข้าไม่ได้ยินอันใดเลย หรือจะเป็เสียงในความคิดของผู้อื่น”
“พี่เองก็ไม่รู้ แต่เราต้องเสี่ยงเข้าไปดู ในเมื่อท่านแม่บอกว่าที่นี่ปลอดภัย เช่นนั้นเราก็ต้องเชื่อท่าน”
หลี่อันหนิงไตร่ตรองเล็กน้อยก่อนตัดสินใจ นางจับมือของน้องสาวกระชับมั่น จากนั้นจึงเดินนำโดยการใช้ผนังถ้ำเป็ตัวนำทาง
เมื่อทั้งสองเดินมาได้สักพักภาพตรงหน้าก็เริ่มสลัวราง หลี่อันหนิงยกมือขึ้นป้องดวงตาก่อนกะพริบถี่ๆ เพื่อให้มองเห็นด้านในได้ชัดเจน
โถงถ้ำที่ขยายกว้างออกไปหลายหมู่ บัดนี้ตรงกลางมีบ่อน้ำที่ััถึงได้ถึงความอุ่นร้อนแผ่กระจายออกมา เหนือผืนน้ำที่สงบนิ่งมีควันไอลอยอ้อยอิ่งอยู่ไม่ห่าง เมื่อแหงนหน้าขึ้น้าจะพบปล่องทรงกรวยแหลมขึ้นไปทำให้มองเห็นท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน
หลี่อันหนิงไม่คิดฝันว่ายังมีสถานที่ดีดีเช่นนี้อยู่ในูเาด้านหลังหมู่บ้าน หากไม่มีทางเข้าที่เล็กแคบเช่นนั้นที่นี่อาจถูกชาวบ้านค้นพบไปตั้งนานแล้ว
นางและน้องสาวจะต้องเก็บเื่นี้เอาไว้เป็ความลับ ในอนาคตที่นี่อาจกลายเป็สถานที่หลบภัยชั้นดีของพวกตนเป็แน่
“เป่าเอ๋อช่วยพี่ดึงหญ้าพวกนี้มาปูทำที่นอนสำหรับคืนนี้ของเรากันเถอะ”
เด็กน้อยพยักหน้าทำตามพี่สาวอย่างว่าง่าย
แม้คืนนี้จะได้ที่นอนแล้วแต่ภายในท้องของทั้งสองกลับยังคงว่างเปล่า เพราะไม่ได้ทานอะไรมาั้แ่เช้า หลี่อันหนิงมองสำรวจไปรอบๆ เสียงพูดคุยพึมพำยังคงดังแว่วอยู่ในหัว แต่ในถ้ำแห่งนี้กลับไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากพวกตน
หญิงสาวที่เคยตายไปแล้วครั้งหนึ่งไม่คิดหวาดกลัวต่อภูตผีหรือสิ่งที่มองไม่เห็น ในใจของนางคิดว่าน่าจะเป็เสียงความคิดของบางอย่างที่ยังมองไม่เห็นตัวเสียมากกว่า
“เป่าเอ๋อน้องรออยู่ที่นี่นะ พี่คิดว่าได้ยินอะไรบางอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ ต้องไปดูสักหน่อย”
เด็กสาวเดินตามเสียงที่ได้ยินแ่เบาและเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างระมัดระวัง
ทว่าเมื่อนางเดินสำรวจไปยังฝั่งตรงข้ามของบ่อน้ำร้อนก็ได้เห็นโขดหินใหญ่ก้อนหนึ่ง ที่ด้านล่างเป็โพรงเล็กๆ ถูกขุดเป็รูด้วยอะไรบางอย่าง
เสียงที่ดังขึ้นภายในหัวของนางมาจากที่นั่นเอง
เด็กสาวนั่งยองๆ คิดจะมองสำรวจด้านใน ทันใดนั้นร่างสีดำเล็กๆ สองร่างก็กระโจนออกมาด้านนอก ชนเข้ากับนางอย่างจังจนหลี่อันหนิงล้มก้นจ้ำเบ้า
หลังจากที่ตั้งสติได้ นางจึงมองไปยังเสียงขู่เล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไป หญิงสาวขยี้ตาตนเองหลายครั้งเมื่อมองเห็นเ้าก้อนขนที่มีดวงตาสีดำปูดโปนมองมายังตนด้วยท่าทีหวาดระแวง
เสียงที่ได้ยินคือเสียงของเ้าตัวน้อยทั้งสองนี่หรือ
หญิงสาวเหลือบมองไปรอบๆ ด้วยท่าทีระมัดระวัง เห็นทีที่แห่งนี้คงจะมิได้ปลอดภัยอย่างที่คิดเสียแล้วกระมัง เมื่อนานมาแล้วนางเคยได้ยินท่านย่าจวงเล่าเื่เ้าถิ่นที่อาศัยอยู่ในูเาด้านหลังหมู่บ้านมาก่อน
มันคือเสือดำตัวเขื่องที่อยู่มานานนับร้อยปี ขนาดแม้แต่แม่เฒ่าจวงที่อายุเกือบหกสิบยังได้ยินจากเหล่าบรรพบุรุษเล่าให้ฟัง
ถ้าหากเ้าหนูสองตัวนี่คือลูกของมัน เห็นทีว่าพวกตนคงได้กลายเป็อาหารของมันเป็แน่
หญิงสาวก้าวถอยห่างอย่างช้าๆ สีหน้าของนางยังคงสงบนิ่งเพราะเสียงพูดคุยของเ้าก้อนขนทำให้นางรู้สึกสนใจ
“ท่านแม่หายไปหลายวันแล้ว เหตุใดไม่ยอมกลับมาสักที บัดนี้มีเ้ามนุษย์ตัวจ้อยบุกรุกบ้านของเรา”
“ใช่ๆ!! มัน้าเอาตัวพวกเราไปขายแน่ๆ”
หมายความว่าอย่างไรแม่ของเ้าหนูพวกนี้ไม่ได้กลับมาที่นี่นานแล้วอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นหมายความว่าตอนนี้พวกตนยังคงปลอดภัยอยู่ใช่หรือไม่
หลี่อันหนิงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นางเดินกลับไปหาหลี่ซางเป่าที่นั่งรออยู่ที่มุมหนึ่งของโถงถ้ำ เลิกสนใจเ้าก่อนขนที่มองมายังนางด้วยท่าทีระแวดระวัง อย่างน้อยขอนอนพักที่นี่สักคืนแล้วค่อยกลับออกไปก็ยังดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้