ซุนอวี้หู่เหล่ตามองเ่ิูและถังซาน มองหัวจรดเท้าด้วยแววยั่วยุ เขาโบกมือแล้วว่า “เอ๋ ยังมีคนมาวิงวอนขอเรียนอีกสองจริงๆ เรอะเนี่ย? โรงศิลปะยุทธ์เล็กๆ พรรค์นี้ยังมีคนเข้า? พวกเ้าสองคนปัญญาอ่อนหรือไง? รีบไสหัวไปพ้นหน้าข้าซะ ถ้ายังขืนโผล่มาให้ข้าเห็นที่นี่อีกจะตัดขาหมาพวกเอ็งออกให้หมด”
เ่ิูไม่ปริปากพูด
เขาเดินตรงไปยังหมู่คนที่ประคองคนเจ็บไว้ด้วยใบหน้าไร้แวว
“โอ้โห ไม่ฟังคำเสียด้วย เ้าเด็กนี่ไม่เห็นคำข้าอยู่ในสายตาเลยเว้ย เฮ้ย หลู่เฉียง ไปสั่งสอนไอ้เด็กเวรตาต่ำนี่ทีซิ...” พอเห็นเ่ิูไม่ฟังเขาแน่แล้ว ซุนอวี้หู่ก็เริ่มโมโหระลอกใหม่ ส่งสายตาให้ชายฉกรรจ์กำยำสวมเกราะแดงข้างกาย เน้นคำว่า ‘สั่งสอน’ หนักเป็พิเศษ
หลู่เฉียงรับคำ
ชายร่างแกร่งบีบมือดังกรุ๊บกร๊อบ เกราะหุ้มตัวสั่นเป็เสียงแกร๊งๆ เขายืนขวางเ่ิูไว้พลางยิ้มโฉด เหล่มองมาเหมือนคนที่อยู่เหนือกว่าทุกด้าน เอ่ยด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย “ไอ้หนู สุราคารวะไม่ดื่ม พาลดื่มสุราจับกรอก*หรือ เ้ามัน...”
เ่ิูพลิกมือฟาดออกไป
เพี้ยะ!
เสียงฝ่ามือตบฉาดดังชัดแจ้ง ชายกำยำสูงกว่าร้อยเก้าสิบไม่ทันได้ตอบโต้ ก็ถูกฝ่ามือนี้เข้าอย่างจัง หน้าบวมไปครึ่งแถบอย่างกับหัวหมู ราวกับว่าวไร้โครงถูกพัดจนตัวปลิวจากพื้นดิน ลอยละลิ่วไปชนกำแพงดินอีกด้าน
เสียงสูดกลิ่นไอเย็นเยียบ
ความสบายอารมณ์และดูแคลนบนใบหน้าของซุนอวี้หู่กำลังจางหาย
“เ้า...เ้าเป็ตัวอะไร?”
เขาถอยกรูดจนไปถึงรอบอารักขาขององครักษ์
เ่ิูไม่ใส่ใจเขาเลยสักนิด แต่กลับเดินมาถึงตรงหน้าคนเจ็บ ทาบฝ่ามือกับหน้าอกเด็กหนุ่ม สีหน้าค่อยๆ ทะมึนขึ้นทุกที ฝ่ามือนี้โหดร้ายยิ่งนัก มองผิวเผินเห็นแค่รอยมือ แต่ความจริงแล้วแรงแอบแฝงไว้ได้ะเือวัยวะภายในของเขาจนแหลกละเอียดหมดแล้ว เว้นแต่จะมียาวิเศษมารักษา น่ากลัวว่ายากจะฟื้นคืนชีวิต
“ศิษย์ของทิงเทาซวนหรือ?”
เ่ิูยืนขึ้น มองตรงไปยังเด็กหนุ่มเสื้อหยาบ
เ้าตัวลังเลเล็กน้อย
“นี่คือนายท่านของพวกเรา ไม่ใช่ใครอื่น หลินเทียน คุณชายถามเ้าอยู่นะ” ถังซานรีบแนะนำเ่ิูที่อยู่ข้างๆ เขาแอบรู้สึกได้ว่าอารมณ์นายท่านไม่ใคร่จะดีนัก กลัวว่าศิษย์ทิงเทาซวนจะทำให้เขาโกรธ
ชายหนุ่มนามหลินเทียนใ
เื่ทิงเทาซวนกลับเป็ของตระกูลเย่นั้น พวกเขารู้มาก่อนแล้ว แต่นายแห่งตระกูลกลับลึกลับเป็ที่สุด กี่วันมานี้ก็ไม่เคยมาหา ศิษย์ของโรงศิลปะยุทธ์ก็ไม่รู้ว่าเ้าตระกูลหน้าตาเป็อย่างไร ไม่ได้มีแนวความคิดใดๆ อยู่เลย ทว่าความเปลี่ยนแปลงในโรงหลายวันมานี้นำพาความน่ายินดีมาแก่เหล่าศิษย์ ดังนั้นจึงมีความรู้สึกด้านดีต่อเ้านายคนใหม่ไม่น้อย
วันนี้ได้มาเห็น ใครเล่าจะคาดคิดว่านายท่านจะเป็วัยรุ่นยังไม่ทันเป็ผู้ใหญ่เช่นนี้
“ที่แท้ก็คุณชายนี่เอง” หลินเทียนน้อมมือเคารพ จากนั้นก็เอ่ย “พวกเราเป็ศิษย์ของทิงเทาซวนขอรับ นี่ศิษย์น้องหวังอิง” เขาชี้คนที่ถูกคนพาไปนอนเปลหามเรียบร้อยแล้ว
“เฮอะๆ ใครก็ไม่รู้บารมียิ่งใหญ่ขนาดนี้ ที่แท้ก็เ้าของคนใหม่ของโรงศิลปะยุทธ์นี่เองหรือนี่” ซุนอวี้หู่ได้ฟังรอบนี้ก็เหมือนคิดได้ ใบหน้าเปลี่ยนเป็เบาใจลงบ้าง “น่าสนใจไม่ใช่เล่น แต่เ้ารู้หรือเปล่าว่าคนที่เ้าเพิ่งฟาดหน้าไปน่ะ เป็ทหารของ ‘กรมทหารสอดแนม’ ของเขตเหนือนะ ฮ่าๆ เ้ายุ่งแน่...”
หมู่ชนหน้าเปลี่ยนสี
เ่ิูกลับไม่หันมอง แต่ถามหลินเทียนอีกว่า “ใครทำร้ายพี่หวังอิง?”
หลินเทียนลังเลครู่หนึ่งก็ยกมือชี้ชายฉกรรจ์เกราะแดงคนหนึ่งข้างซุนอวี้หู่
เ่ิูพยักหน้ารับรู้ “เข้าใจแล้ว ส่งคนไปตามหมอมาเถอะ ใช้ยาที่ดีที่สุด...ไม่ต้องกลัวเื่เงิน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดข้าจะเป็คนออกเอง”
หลินเทียนได้ฟังแล้วก็ดีใจนัก “ขอบพระคุณนายท่าน”
พวกเขาศิษย์ทิงเทาซวนนี้มิใช่เข้ามาขอเป็ลูกศิษย์จริงแท้แต่อย่างใด เพียงแค่เวลาใดว่างก็จะมาฝึกยุทธ์ออกกำลังกาย เรียนสักท่าครึ่งท่า เพื่อต่อกรกับพวกหัวขโมยไม่ก็เื่เล็กๆ เรียนเพื่อมิให้ถูกใครกดขี่เท่านั้น ว่ากันแบบไม่อ้อมค้อมก็คือมิใช่ศิษย์เป็ทางการของทิงเทาซวน ตามกฎของโรงศิลปะยุทธ์ทิศเหนือแล้ว ศิษย์ประเภทนี้หากแม้นได้รับาเ็ ก็ทำได้แค่ดูแลตัวเอง
สำหรับเหล่าชายหนุ่มที่เติบใหญ่มากับความยากจน การาเ็สาหัสจากการประลอง หาก้ารักษาให้หายขาด จำนวนเงินที่ต้องเสียก็มากจนน่าใจหาย ยารักษาแผลชั้นดีแพงยิ่งนัก มากพอจะทำให้ทั้งบ้านเข้าสู่วิกฤติในทันที
ไม่นึกเลยว่าจะใจกว้างถึงเพียงนี้
ศิษย์ชั่วคราวสิบกว่าคนรวมทั้งหลินเทียนล้วนคิดถึงว่าจะหาเงินมารักษาหวังอิงได้ที่ไหน ใครจะนึกเล่าว่าเมื่อนายคนใหม่เข้ามา กลับออกปากจะออกค่ารักษาให้ทั้งหมด ดูไปแล้วเ้านายคนใหม่น่าจะดีไม่น้อย
เ่ิูหันกายเชื่องช้า ตาชำเลืองมองซุนอวี้หู่
เขากวักมือให้ชายร่างใหญ่เกราะทองที่หลินเทียนเพิ่งชี้ไป
ชายคนนั้นแสยะยิ้ม จากนั้นก็ย่างสามขุมเข้ามายืนตรงหน้าเ่ิู ก้มหน้ามองเด็กหนุ่ม ถุยน้ำลายลงบนพื้นข้างเท้าเ่ิู เขายิ้มเย็นอย่างดูถูก “ทำไม? ไอ้หนู อยากจะแก้แค้นให้พวกมดยาจกหรือ? เฮอะๆ ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเสียแล้ว ข้าเป็คนของกรมทหารสอดแนม ถ้าเ้ากล้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายผม เ้า...”
พูดยังไม่ทันจบ
เ่ิูยื่นมือออกไป
เขาคว้าดาบยาวที่เหน็บไว้กับเอวของชายมีกล้ามในพริบตา พลิกมือเสือกแทง ไอเย็นเยียบวับวาว ยังไม่ทันให้ใครตอบโต้ ก็ได้ยินเสียงฟิ้วดังพร้อมกับตัวดาบที่มากวัดแกว่งอยู่ในมือเ่ิูราวกับมีชีวิตขึ้นมา ลอยวนรอบหัวชายร่างแกร่งรอบหนึ่งแล้วก็กลับมาหาเขาอีก
“ดาบดี!”
เ่ิูดีดตัวดาบ ดาบคำรามก้อง
คมดาบหนาวเยือก
ตอนที่คนอื่นกำลังอ้ำอึ้ง กลับเห็นเ่ิูเสือกดาบยาวนั้นเสียบคืนไปในปลอกดาบของชายร่างแกร่ง
ฉูด!
เืพุ่งกระฉูดจากเอวของเขา
สีเืสาดกระเซ็นนั่น ทำให้ใจหลายดวงดิ่งลงก้นเหว
ชายฉกรรจ์บีบคอตัวเองอย่างหวาดกลัว รู้สึกเหมือนอยู่ในมืออันเย็นเยียบของเทพแห่งความตายที่บีบคอเขาไว้ กำลังสูบพลังชีวิตของเขาออกทีละหยด...ละหยด ต่อให้เป็เขาซึ่งเป็ทหารอันทรงเกียรติ เกรียงไกร ใช้อำนาจบาตรใหญ่หยิ่งยโสเช่นเขา ยังไม่อาจดึงชีวิตให้กลับสู่ร่างกายตัวเองได้
ความกลัวและเสียใจจ่อมจมเขาเหมือนน้ำหลาก
เขามองเด็กหนุ่มที่เงียบนิ่งเ็ามาั้แ่เริ่ม สายตาเริ่มพร่าเลือน
“ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต เืต้องล้างด้วยเื ไม่ว่ายามใด สองประโยคนี้คือสัจธรรมนิรันดร์ของโลกใบนี้” เ่ิูยืนนิ่งอยู่กลางโรงศิลปะยุทธ์ เขาเน้นย้ำทุกถ้อยคำ “แค่การประลองยุทธ์ธรรมดา สมควรจะหยุดเมื่อควรแก่เวลา แต่เ้าเลือกจะฆ่าคน เพราะคิดไปเองว่าตนคือผู้แข็งแกร่ง เ้าไม่ได้พะวงอะไรเลย แต่กลับลืม ว่าตามวิถีแล้ว คนที่แข็งแกร่งกว่าย่อมฆ่าเ้าได้...”
ทั้งโรงเงียบสนิท
ร่างบุรุษฉกรรจ์ล้มลงแทบพื้น
เขาใช้ฝ่ามือเดียวทำลายชีพจนของหวังอิง เ่ิูสำรวจโดยคร่าวก็รู้แล้วว่าหวังอิงอยู่ได้อีกไม่นาน เืต้องล้างด้วยเื
“เ้าบ้า บ้าไปแล้ว เ้าบ้าไปแล้ว...” ซุนอวี้หู่อึ้งค้างนานโข เหมือนลูกเป็ดที่กลัวลนลานจนสิ้นเรี่ยวแรง มีปัญญาแค่ร้องระงมเสียงแหลมๆ
“ฆาตกร พวกเ้ารุมสิวะ ฆ่ามันซะ”
“ไอ้สวะ กล้าฆ่าคน หาที่ตาย!”
นายทหารเกราะทองแดงอีกสี่ห้าคน หลังหลุดจากภวังค์เดิมทีก็หาใช่หวาดเกรง แต่เป็โกรธจนปวดหัว ชักดาบยาวออกมาดังชิ้งๆๆ เข้าโอบล้อมเ่ิูไว้ตรงกลาง ไอดาบเย็นวับวาว ราวกับปุยหิมะโปรยมาจากห้วงเวหา รังสีชวนสะท้านเมื่อพวกเขาเข้าจู่โจม
“ถึงพวกเ้าจะยังไม่ได้ฆ่าใคร แต่ก็ช่วยเขาทำเื่ชั่วๆ”
เ่ิูยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เขายื่นนิ้วออกไปสองนิ้ว หนีบคมดาบที่ฟันลงมา กระตุ้นพลังภายในแ่เบา ทหารที่ถือดาบก็ง่ามนิ้วแตกเละโอดครวญให้เ่ิูปล่อยมือ แล้วถูกส่งลอยไป
เ่ิูจับดาบยาวไว้ในมือ เหวี่ยงดาบออกไปตามแต่มือ้า
ไม่ได้มีกลยุทธ์ใด
เงาดาบอลหม่าน
แต่กลับเร็วถึงขีดสุด
ปึงๆๆๆ!
ทหารแห่งที่โอบล้อมจู่โจมรู้สึกเหมือนอกถูกอะไรบางอย่างกระทบ กระอักเืข้นๆ ออกมาเป็สาย ถูกแรงส่งลอยละลิ่วแล้วกลิ้งตลบบนพื้น พวกเขากระเสือกกระสนจะลุกขึ้น แต่ร่างกายกลับอ่อนยวบสิ้นเรี่ยวแรง ประคองตัวขึ้นมาไม่ได้เลย
ซุนอวี้หู่สีหน้าหดหู่ พูดอะไรไม่ออกแต่หันหลังวิ่งหนีไปทางประตู
เ่ิูเหลือบมอง เขาไม่ได้หยุดยั้งอะไร
ถังซานใจเต้น เขาอยากจะเอ่ย แต่ปากขยับหลายครั้ง สุดท้ายก็ไม่ได้พูด
“เปิดประตู ข้าจะนั่งรออยู่ที่นี่ รอดูว่าไอ้หน้าตัวเมียนั่นจะหาทหารอะไรมารับมือข้า” เ่ิูนั่งบนหอทิงเทาซวนอย่างสบายอารมณ์ เขาเอ่ยกับถังซาน “ข้าชักอยากดื่มเหล้า เ้าส่งคนไปหาเหล้าให้ข้าดื่มเถอะ”
ถังซานรีบส่งคนไปตามนั้น
“อาจารย์ในโรงเล่า?” เ่ิูถาม
“อาจารย์ที่นี่ก่อนหน้านี้เป็คนของเนี่ยอิ่นทั้งหมดขอรับ พอเนี่ยอิ่นออกจากที่นี่ไปแล้ว ก็พาพวกเขาไปหมด” ถังซานเข้าไปบอกใกล้ๆ “มีแค่อาจารย์โจวคนเดียวที่ยังอยู่ที่นี่ สอนศิษย์มาหลายวันแล้วขอรับ ข้าเพิ่งถามหลินเทียนไป ได้ความว่าอาจารย์โจวพาเสียวฉ่าวไปจับจ่ายพวกยุทโธปกรณ์สำหรับฝึก ยังไม่กลับมาขอรับ”
ตอนกำลังเอ่ยก็มีศิษย์ชั่วคราวหลายๆ คนเดินกุลีกุจอเข้ามา ใบหน้ามีความกริ่งเกรงยามพูดติดอ่างว่าเกิดเื่ที่บ้าน ต้องรีบกลับด่วน
“พวกเ้า...พวกเ้ากลัวงั้นหรือ?” หลินเทียนต่อว่า เขาหน้าร้อน
เ่ิูปัดมือ “อยากไปก็ไปเถอะ อย่ามาเกี่ยวข้องกับเื่วันนี้ จิตใจของทุกคนข้ารู้ดี ข้าไม่โทษพวกเ้าหรอก”
“นายท่าน พวกเราไม่ได้กลัวตายขอรับ ชีวิตพวกเราต้อยต่ำแทบไม่มีค่า แต่เ้าซุนอวี้หู่ทำเื่ชั่วช้าเป็พิษนัก พวกเรากลัวว่าจะทำให้ครอบครัวต้องตกกระไดพลอยโจนไปด้วย ลูกข้าเพิ่งครบเดือน แม่ข้าก็ชรานอนซมอยู่บนเตียง ข้า...” ชายหนุ่มคนหนึ่งบอก สีหน้าเขาทรมานใจนัก
คนอื่นเองก็พยักหน้า
เ่ิูคลี่ยิ้มแล้วตอบด้วยท่าทีเมตตา “ข้าไม่โทษพวกเ้าจริงๆ หากหลังจากนี้ทิงเทาซวนไม่ล้มกิจการเสียก่อน ก็จะยังยินดีต้อนรับพวกเ้าเสมอ...รีบไปเถอะ”
ศิษย์ชั่วคราวทั้งหลายเดินกันไปเจ็ดแปดคน
ท้ายสุดก็เหลือเพียงหลินเทียนกับอีกสองคนที่อายุน่าจะสักสิบแปดสิบเก้า ถึงหน้าจะยังหวาดกลัว มองเห็นชัดว่าตึงเครียด แววตามีแต่ความรู้สึกที่กำลังตีกัน แต่สุดท้ายก็บังคับตัวเองยืนอยู่หลังเ่ิูจนได้
เ่ิูเองก็ไม่ได้ว่าอะไร
ชั่วครู่เดียว เหล้าก็มาถึงที่
ปุยหิมะนับวินาทีจะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งตกยิ่งหนา ท้องฟ้าเป็สีขาวละลานตา ราวกับเกสรร่วงโรยจากพฤกษานับพันหมื่น
เสียงฝีเท้าดังเข้ามา
ชายชราผมขาวคนหนึ่ง เด็กหญิงอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาทางประตูใหญ่
ชายชรานั้นมีผมสีเงิน ทั้งหน้ามีแสงแดงๆ อยู่เต็ม ดูจิตใจดี เขาหายใจหอบ มือค้ำไม้เท้า ผมสีเทามีหมอกสีขาวแซม เห็นได้ชัดว่าวิ่งมาเร็วเกินไปจนตัวร้อน เด็กหญิงนั้นราวสลักจากหยก ดั่งจิติญญาของหิมะขาว หน้าผากมีเม็ดเหงื่อไหลละเอียด มือกอดกล่องยาที่ขนาดไม่ต่างกับตัวเองไว้ในอก นางเองก็หอบหายใจเช่นกัน
* สุราคารวะไม่ดื่ม พาลดื่มสุราจับกรอก หมายถึง ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เป็สำนวนจีนเชิงข่มขู่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้