"แม่ ตรวจภายในด้วยสิ" อนงค์กานต์พูดเสนอให้แม่เธอตรวจ หลังจากเห็นโปรแกรมตรวจร่างกายของโรงพยาบาล ซึ่งทางโรงพยาบาลจะมีใบรายการให้เลือกได้ว่าอยากตรวจอะไรบ้าง
"ตรวจภายในเบิกไม่ได้ ต้องเพิ่มเงินเองตั้ง 30 บาท ไม่เอาดีกว่า เอาพื้นฐานทั่วไปก็พอ" อนงค์รีบปฏิเสธ 30 บาทนี่ซื้อเนื้อหมูได้ตั้งหนึ่งกิโลกรัม และที่สำคัญมันน่าอายที่จะให้หมอเข้ามายุ่งกับร่างกายของเธอมากเกินไป
พยาบาลที่เข้ามาให้บริการนั่งฟังและยิ้มอย่างเข้าใจ พลางให้ข้อมูล "ตรวจภายในนี่ดีสำหรับผู้หญิงเรามากนะคะคุณแม่ โดยเฉพาะเมื่อเราอายุมากขึ้น ปกติคุณหมอจะแนะนำให้ตรวจเป็ประจำทุกปีค่ะ เราไม่รู้ว่าข้างในจะมีอะไรผิดปกติรึเปล่า ถ้าตรวจพบอะไรผิดปกติจะได้รักษาแต่เนิ่น ๆ และที่โรงพยาบาลเรา หมอตรวจจะเป็หมอผู้หญิงค่ะ คุณแม่สบายใจได้"
"แม่ ตรวจเถอะ วันก่อนนิดดูโทรทัศน์ หมอเขาพูดแบบพี่พยาบาลนี่แหละ เขาบอกจำเป็มาก ๆ เลยสำหรับผู้หญิง นิดยังอยากตรวจเลยถ้าโตขึ้น" อนงค์กานต์พยายามโน้มน้าว
"ตรวจเถอะนง พี่ว่ามันดีนะ" หลังจากกานต์นั่งฟังเงียบ ๆ อยู่ชั่วครู่ ก็เอ่ยปากเห็นดีด้วย
เมื่อมีเสียงสนับสนุนรอบด้าน อนงค์จึงไม่ปฏิเสธที่จะตรวจอีกต่อไป และสำหรับกานต์ได้เพิ่มตรวจมะเร็งตับกับโรคหัวใจตามคำแนะนำของพยาบาล ส่วนของอนงค์กานต์ตรวจพื้นฐานทั่วไปก็เพียงพอแล้ว
หลังตรวจเสร็จ ผลเบื้องต้นของทั้งกานต์และลูกสาวก็ออกมาปกติ แต่ต้องรอสรุปผลเป็ทางการอีกครั้งในสามวันข้างหน้า แต่ของอนงค์กลับพบปัญหา
ระหว่างการตรวจภายใน หมอคลำพอก้อนเนื้อที่มดลูก จึงปรึกษาเบื้องต้นกับกานต์และอนงค์ และเสนอให้ตรวจชิ้นเนื้อว่าเป็เนื้องอกธรรมดาหรือเนื้อร้าย
กานต์และอนงค์รับฟังด้วยสีหน้าอันหนักอึ้ง โดยเฉพาะอนงค์ซึ่งนั่งหน้าซีดเผือดด้วยนึกไม่ถึง โดยมีอนงค์กานต์นั่งจับมือให้กำลังใจแม่อยู่ข้าง ๆ ขอให้ทันการณ์ด้วย เธอภาวนาด้วยใจที่หวาดหวั่น
"หมอครับ พอจะบอกเป็แนวคร่าว ๆ ได้ไหมครับ" กานต์สอบถามขึ้นหลังจากส่งอนงค์เข้าตรวจชิ้นเนื้อเรียบร้อยแล้ว
หมอหญิงวัยห้าสิบปี ที่รับหน้าที่ตรวจภายในและเก็บชิ้นเนื้อของอนงค์ในวันนี้ หันมามองและเห็นแววตาที่หวาดหวั่นและไม่สบายใจของทั้งคู่ จึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ผลจะออกมาได้ 2 ทางนะคะ หากเป็เนื้องอกธรรมดา เราก็จะพิจารณาอีกทีว่าควรผ่าตัดออกหรือใช้ยาให้เนื้องอกฝ่อลง
แต่ถ้าผลออกมาอีกทางว่าเป็เนื้อร้าย" คุณหมอถอนหายใจพร้อมกล่าวต่อ "คงต้องดูอีกทีว่าระยะไหน สามารถผ่าออกได้หรือไม่ และถ้าผ่าแล้วจะใช้ฉายแสงหรือคีโม ก็ต้องดูสถานการณ์อีกที"
"แต่ตอนนี้ ขอให้ทั้งคู่ทำใจให้สบาย รอผลอีก 7 วันดีกว่านะคะ" หมอเอ่ยปลอบใจพร้อมยิ้มอย่างใจดี จากประสบการณ์การทำงานมากว่าสามสิบปี ได้สอนให้เธอรู้ว่า ในบางกรณีเราก็ไม่สามารถพูดปลอบใจและให้ความหวังกับคนไข้มากเกินไปได้ ถึงแม้ว่าก้อนเนื้อที่พบจะมีขนาดเล็กไม่ถึง 4 เิเ มีแนวโน้มว่าจะดี แต่เธอก็ไม่สามารถเอ่ยปากบอกโดยปราศจากหลักฐานเชิงประจักษ์ได้ เพราะมันยังมีปัจจัยแวดล้อมที่ทำให้สถานการณ์เบี่ยงเบนไปในอีกทางได้ด้วยเช่นกัน
กานต์และอนงค์กล่าวขอบคุณ หลังจากได้ใบนัดและหลักฐานการตรวจแล้วก็เอ่ยปากลากลับด้วยใจที่หนักอึ้ง
ในระหว่างนั่งรถกลับบ้าน กานต์และอนงค์เอาแต่นิ่งเงียบ มีเื่ให้คิดวุ่นวายในหัวเต็มไปหมด อนงค์กานต์ก็ได้แต่นั่งนิ่งและมองไปยังพ่อกับแม่ที่เอาแต่เหม่อลอยด้วยกันทั้งคู่ ทั้งสองคนดูเหมือนแก่ขึ้นสิบปีในพริบตา เธอไม่รู้จะพูดปลอบใจอย่างไรดีในเวลานี้ อีกอย่างเธอก็รู้ว่าถึงพูดอะไรออกไป พ่อกับแม่ก็คงยังไม่รับรู้ได้ในตอนนี้ ที่ดีที่สุดคือนั่งอยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจทั้งสองคนอยู่เงียบ ๆ บางทีการนั่งเคียงข้างเงียบ ๆ ก็เป็การปลอบใจที่ดีมากอย่างหนึ่ง เธอคิดแบบนั้น