ประตูเรือนผู้เฒ่าเคอที่มีงานมงคลช่างเงียบเหงา ทว่าข้างนอกกลับมีเสียงลั่นฆ้องดังก้อง
“เคร้งๆๆ...เคร้งๆ...เคร้งๆๆ...เคร้งๆๆๆ...”
ตามด้วยเสียงเด็กน้อยโห่ร้องด้วยความดีใจ
“โอ้...โห...ว้าว...”
“ลูกกวาด มีลูกกวาดด้วย ฮ่าๆๆ...”
“ว้าว เหรียญทองแดง คือเหรียญทองแดง...ฮ่าๆๆ...”
“พวกเ้าดู ข้าเก็บเหรียญทองแดงกับลูกกวาดได้ตั้งเยอะ ฮ่าๆๆ...”
ครั้นได้ยินเสียงเอะอะข้างนอกกับเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจของเด็กน้อย คหบดีโฉวนึกว่าเป็หนึ่งในรายการที่ผู้ใหญ่บ้านเฉินเตรียมเอาไว้
ใบหน้าชะงักค้างเมื่อครู่พลันกลับมาแย้มยิ้มอีกครั้ง ปากของเขาแทบจะฉีกถึงใบหู ทั้งอดมิได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้ผู้เฒ่าเคอแล้วเอ่ยว่า
“ฮ่าๆๆ...ท่านพ่อ นี่ท่านเตรียมเื่ประหลาดใจไว้ให้ข้าหรือ? ฮ่าๆๆ...เยี่ยม เยี่ยมเหลือเกิน ข้าชอบความครึกครื้นเช่นนี้ ฮ่าๆๆ...”
“ท่านพ่อ?” ผู้เฒ่าเคอเผยสีหน้างุนงง
สมองของคหบดีโฉวผู้นี้มีปัญหากระมัง? เหตุใดถึงเรียกตนว่าท่านพ่อเล่า?
ยังมีเื่ประหลาดใจ ตนไปจัดเตรียมเอาไว้ั้แ่เมื่อใดกัน?
ทางฝั่งแม่เฒ่าเคอยิ่งจดจ้องผู้เฒ่าเคอด้วยความไม่เข้าใจ จำต้องรู้เสียก่อนว่าคำเรียกขาน ‘ท่านพ่อ’ ของคหบดีโฉวทำเอาแม่เฒ่าเคอเย็นเยียบั้แ่ปลายเท้าไปจนทั่วทั้งกาย
เสียงครึกครื้นดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คหบดีโฉวอดมิได้ที่จะยืดอกพลางเชิดหน้าขึ้นสูงก่อนจะหันไปตามเสียงทั้งรอยยิ้ม
แต่ผู้ใดจะไปนึกว่าคนกลุ่มใหญ่ที่ทั้งลั่นฆ้อง สาดสุรา และหว่านเงินหว่านลูกกวาดกลับเดินผ่านเรือนผู้เฒ่าเคอไป
จากนั้น...
จากนั้นก็ค่อยๆ มุ่งหน้าไปทางเชิงเขาเสี่ยวชิง ไม่มีท่าทีจะเข้ามาในเรือนแม้แต่นิด
โฉวฝู “...?”
นี่มันเื่อันใดกัน? มิได้มาแสดงความยินดีกับการแต่งงานของเขาหรอกหรือ? เหตุใดถึงเดินผ่านไปเสียแล้ว?
โฉวฝูพลันเบี่ยงกายกลับมา จดจ้องผู้เฒ่าเคอด้วยสายตาดุดันพลางถามว่า “ท่านพ่อ เมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร? หรือว่าคนเ่าั้มิใช่คนที่ท่านเชิญมาแสดงความยินดีต่อข้ากับก่วงเถียนหรอกหรือ?”
“?” ผู้เฒ่าเคอมีเครื่องหมายคำถามเต็มหัว เขาปรับประโยคให้ถูกต้องว่า “นายท่านโฉวเข้าใจผิดแล้วกระมัง? บุตรสาวของข้าออกเรือนกับบุตรชายของท่าน เหตุใดท่านถึงเรียกข้าว่าท่านพ่อเล่า? ควรต้องเรียกสกุลเกี่ยวดองจึงจะถูก”
แม่เฒ่าเคอยิ่งรีบพยักหน้า “ใช่แล้วๆๆ นายท่านโฉว ท่านเรียกผิดแล้ว พวกเราเป็สกุลเกี่ยวดอง ไม่ควรเรียกท่านพ่อเ้าค่ะ”
“อุ๊บ...” โฉวฝูนึกขบขัน “ข้าว่านะคนแซ่เคอ บนใบหมั้นหมายของพวกเราเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าจะยกเคอก่วงเถียนให้เป็อนุคนที่ห้าของข้า บอกว่าจะให้แต่งกับบุตรชายของข้าั้แ่เมื่อใดกัน?”
“เปรี้ยง...”
เสียงสายฟ้าพลันฟาดลงบนกายผู้เฒ่าเคอกับแม่เฒ่าเคอจนกรอบนอกนุ่มใน เหนือศีรษะของผู้เฒ่าทั้งสองมีดาวลอยเวียนวนไม่ยอมหยุด สมองกลายเป็กาวหนึ่งกองไปเสียแล้ว
เคอเสี่ยวหรูที่อยู่ด้านข้างพลันอ้าปากหวอด้วยความตกตะลึงจนสามารถยัดไข่เข้าไปได้หนึ่งฟอง
กระทั่งหนังตาของต่งปี้อู่ยังกระตุกอย่างมิอาจควบคุม
เคอเจิ้งซีโยนถาดลงบนโต๊ะ จากนั้นพุ่งไปทางโฉวฝูราวกับลูกธนูแล้วถามว่า
“นายท่านโฉว ท่านกล่าววาจาอันใด? เห็นกันอยู่ทนโท่ว่าก่วงเถียนออกเรือนกับบุตรชายคนโตอายุสิบหกของท่าน นางต้องเป็ฮูหยินน้อยของสกุลโฉว เหตุใดภายหลังถึงกลายเป็อนุของท่านเสียแล้ว?”
ผู้เฒ่าเคอหัวใจเต้นโครมครามจนแทบจะกระโจนออกมาจากลำคอ เขาหอบหายใจและเปิดปากถามว่า
“นายท่านโฉว วันนั้นมิได้ตกลงกันแล้วหรือ? ก่วงเถียนของข้าแต่งกับบุตรชายของท่าน พวกเรายังเขียนใบหมั้นหมายและให้เจิ้งเป่ยตรวจดูอีกด้วย”
กล่าวจบ ผู้เฒ่าเคอพลันหันหน้าไปทางเคอเจิ้งเป่ย ใช้สายตาเว้าวอนยามเอ่ยปาก
“เ้าสี่ เ้าลองบอกนายท่านโฉวสิว่าวันนั้นผู้ที่หมั้นหมายใช่นายน้อยโฉวหรือไม่?”
เคอเจิ้งเป่ยสีหน้าเหยเก แต่เขากลับไม่กลัวผู้เฒ่าเคอ แค่ยกยิ้มกระดากอายพลางพูดกับอีกฝ่ายว่า
“ท่านพ่อ วันนั้นนายท่านโฉวมิได้บอกชัดเจนแล้วหรือ? เขาบอกว่าต้องตาก่วงเถียนของพวกเรา อยากแต่งนางเป็อนุ ยามนั้นท่านยังตอบรับด้วยความยินดีด้วยซ้ำ
บนใบหมั้นหมายก็เขียนเอาไว้ว่าให้ก่วงเถียนเป็ฮูหยินสกุลโฉว จะเป็ฮูหยินน้อยได้อย่างไร?”
หลังสิ้นเสียงของเคอเจิ้งเป่ย แม่เฒ่าเคอก็ถึงกับเป็ลมล้มพับไปทันที
นายท่านโฉวเห็นภาพเช่นนี้ อารมณ์ที่แต่เดิมรื่นเริงพลันดิ่งลงเหวโดยพลัน เขาเรียกข้ารับใช้ข้างกายเข้ามาแล้วเอ่ยว่า
“เ้า ไปสืบดูว่าขบวนเมื่อครู่มุ่งหน้าไปที่ใด มีงานมงคลอันใด?”
“ขอรับ” เด็กรับใช้ประสานมือก่อนจะวิ่งหายลับไปอย่างรวดเร็ว
ไม่กล่าวมิได้ว่าเด็กรับใช้ผู้นี้ช่างว่องไวจริงๆ เพียงไม่กี่อึดใจก็ไปถึงเชิงเขาเสี่ยวชิงก่อนหน้ากลุ่มคนลั่นฆ้องเสียอีก
เวลานี้ เคอโยวหรานกำลังร่วมสำรวจโรงงานกับคนสกุลเคอกับสกุลเฉินสองสกุล
เฉินต้าจ้วงจิ๊ปากเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “ไอ้หยา โยวหราน สมองของเ้าเป็เยี่ยงไรกัน? สามารถออกแบบโรงงานเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?”
ปู่รองสกุลเฉินก็ทอดถอนใจเช่นกัน “ไอ้หยา ซานหลางสกุลต้วนช่างมีวาสนา เหตุใดถึงได้แต่งภรรยาที่เป็ดั่งสมบัติล้ำค่าเช่นเ้ากัน?
ข้าอายุปูนนี้แล้ว เมื่อครั้งยังหนุ่มเคยติดตามผู้อื่นเป็หน่วยคุ้มกัน ขึ้นเหนือล่องใต้มาค่อนชีวิต ยังไม่เคยพบเจอสิ่งปลูกสร้างที่งดงามเช่นนี้มาก่อน ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
ปู่รองสกุลเคอเอ่ยเย้ยหยันหนึ่งประโยค “ไม่ว่าโยวหรานจะเก่งกาจเพียงใด นี่ก็เป็โรงงานของสกุลต้วน เกี่ยวข้องอันใดกับสกุลเฉินและสกุลเคอกัน?”
“นี่ จะกล่าวเช่นนี้มิได้” ปู่ใหญ่สกุลเฉินเอ่ยกับปู่รองสกุลเคอว่า
“เ้ารองเคอ โยวหรานสร้างโรงงานเช่นนี้ ทำให้ชาวบ้านได้เข้ามาทำงานในโรงงาน นอกจากผลผลิตในที่นา แต่ละเดือนยังมีรายได้ที่มั่นคง นี่นับว่าเป็การสร้างเื่ดีๆ ให้สิบลี้แปดหมู่บ้านทีเดียว!”
ปู่รองสกุลเฉินพูดเสริม “ใช่แล้ว โยวหรานช่างปฏิบัติต่อชาวบ้านอย่างยุติธรรมจริงๆ ให้เงินค่าแรงยุติธรรม ทั้งยังได้เงินปันส่วน จะไปหางานที่ดีเยี่ยงนี้ได้จากที่ใดกัน?”
“จิ๊...” ปู่สามสกุลเคอเปล่งเสียงฮึดฮัดก่อนเอ่ย “โยวหรานมิได้ปฏิบัติต่อสกุลเฉินของพวกเ้าอย่างไม่เป็ธรรม เื่นี้เกี่ยวข้องอันใดกับสกุลเคอของพวกเรา?
ไม่เห็นหรือว่าคนงานที่รับ ส่วนมากล้วนเป็คนของสกุลเฉิน คนสกุลเคอของพวกเราไปสมัครทีหลังก็เอาแต่บอกว่าเต็มแล้ว เห็นได้ชัดว่าผู้ใหญ่บ้านเฉินลำเอียงไปทางสกุลเฉิน”
ผู้ใหญ่บ้านเฉินเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “เ้าสามเคอ ตอนประกาศรับก็บอกไว้แล้วว่าจำกัดจำนวนคน มาก่อนได้ก่อน
เคออู่ฝูทั้งครอบครัวมาเร็วสุด พวกเ้าหู่ทั้งสามคนก็ยังมีรายชื่อมิใช่หรือ?
อีกประการหนึ่ง ยามนั้นบอกให้พวกเ้าลงนามรักษาความลับ แต่คนสกุลเคอกลับไม่ยินยอมเอง เช่นนี้จะโทษผู้ใดได้?”
ปู่รองสกุลเคอเหยียดเอวและตีหน้าขรึม หันมาพูดกับผู้ใหญ่บ้านเฉินว่า “ท่านอาเฉิน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็เพียงข้ออ้าง...”
“เคร้งๆ...เคร้งๆๆ...เคร้งๆๆๆ...เคร้งๆๆๆ...”
เสียงลั่นฆ้องดังโครมคราม ทั้งยังมีเสียงหัวเราะชอบใจของพวกเด็กๆ ดังขัดจังหวะปู่รองสกุลเคอ
ขู่เถิงพาเถ้าแก่ของโรงสุราฟู่หยวนในตำบลและอำเภอใกล้เคียงมายืนเรียงรายต่อหน้าเคอโยวหรานอย่างเป็ระเบียบ พวกเขาประสานมือคารวะโดยพร้อมเพรียงพลางเอ่ยเสียงดังว่า
“ขอแสดงความยินดีที่ ‘โรงงานหนงเซียง’ เปิดกิจการ เงินทองไหลเข้ามาเทเข้ามา”
“เคร้ง...เคร้งๆๆ...เคร้งๆๆๆ...”
เพิ่งจะสิ้นเสียงเหล่าเถ้าแก่ เสียงปี่มอญ ฆ้อง และกลองก็ดังสนั่นฟ้าดิน
ขู่เถิงสั่งให้คนยกถาดเหรียญทองแดงใบใหญ่ขึ้นสูงแล้วหว่านไปทั้งสี่ทิศด้วยความปีติยินดี ปากยังพร่ำเอ่ยว่า
“เหรียญทองแดงหว่านไปทางตะวันออก เงินทองไหลมาเทมา เหรียญทองแดงหว่านไปทางใต้ ก้อนทองกระจายเต็มพื้น เหรียญทองแดงหว่านไปทางตะวันตก...”
“ว้าว...ว้าว...”
ยามนี้มิได้มีเพียงพวกเด็กๆ ที่รีบเก็บเหรียญทองแดง กระทั่งชาวบ้านทั้งหมู่บ้านยังพากันโกลาหลเสียแล้ว