ภายในเรือนสุ่ยฉิง
“คุณหนูเ้าคะ บ่าวมีคำถามเ้าค่ะ” ฝูเอ๋อร์ยืนอยู่ข้างกายของไป๋เซี่ยเหอ ก่อนจะเลิกผ้าเช็ดหน้าที่คลุมหน้าเพื่อบังแดดของไป๋เซี่ยเหอออก
ไป๋เซี่ยเหอกำลังนอนพักผ่อนอยู่บนเปลญวน จู่ๆ แสงก็ส่องหน้า นางจึงมุ่นคิ้วอย่างอึดอัด และถอนหายใจอย่างอับจนปัญญา “ฝูเอ๋อร์ หากเ้าทำเช่นนี้อีก วันหน้าคุณหนูของเ้าจะมองไม่เห็นเ้าอีกแล้ว”
ฝูเอ๋อร์ใ นางรีบคลุมผ้าเช็ดหน้ากลับด้วยความระมัดระวัง “เหตุใดถึงมองไม่เห็นบ่าวหรือเ้าคะ?”
“เพราะข้าคงถูกแสงส่องหน้าจนตาบอด!”
“...” ฝูเอ๋อร์เบะปาก “คุณหนู ท่านขู่บ่าวอีกแล้วนะเ้าคะ”
มุมปากของไป๋เซี่ยเหอยกขึ้นเล็กน้อย “เ้ามีคำถามไม่ใช่หรือ? รีบถามสิ ข้ายังต้องอาบแดดอีกนะ”
ฝูเอ๋อร์เกาศีรษะ นางนั่งลงบนม้านั่งตัวเล็กที่อยู่ข้างเปลญวน ก่อนจะใช้สองมือกุมศีรษะรูปแตงเอาไว้ “เหตุใดท่านถึงไม่ยอมรับข้อเสนอของไป๋เหล่าฮูหยินล่ะเ้าคะ? หากมีอำนาจมากกว่านี้ วันหน้าจะยังมีผู้ใดในจวนสกุลไป๋ที่กล้าดูแคลนคุณหนูอีกหรือเ้าคะ?”
“ข้าไม่ได้โง่”
“โง่?” ฝูเอ๋อร์มีสีหน้าสับสน เห็นชัดๆ ว่าเป็เื่ดี เหตุใดถึงกลายเป็คนโง่ไปได้?
ไป๋เซี่ยเหอเลิกผ้าเช็ดหน้าที่คลุมอยู่บนหน้าออกแล้วลุกขึ้นนั่ง นางถามฝูเอ๋อร์อย่างจริงจัง
“หลายปีมานี้ ผู้คนในจวนปฏิบัติกับข้าอย่างไร?”
ฝูเอ๋อร์ครุ่นคิด ก่อนจะตอบด้วยใบหน้าจริงจังเช่นเดียวกัน “พวกเขาคิดว่ายิ่งคุณหนูตายเร็วก็ยิ่งดีเ้าค่ะ”
“...”
ไป๋เซี่ยเหอแทบหายใจไม่ออก ถึงแม้คนของจวนสกุลไป๋ล้วนคิดเช่นนี้ ทว่าฝูเอ๋อร์ไม่คิดที่จะอ้อมค้อมสักนิดเลยหรือ?
“เช่นนั้นเ้าคิดว่าเหตุใดจู่ๆ นางถึงแบ่งอำนาจในการบริหารจัดการตระกูลให้ข้าอย่างกะทันหัน หรือจะบอกว่าคนของจวนสกุลไป๋ล้วนตายหมดแล้วจริงๆ?”
“หากกล่าวเช่นนี้ก็ใช่นะเ้าคะ ถึงอย่างไรก็ยังไม่ถึงคราวของคุณหนูหรอกเ้าค่ะ”
“...”
ไป๋เซี่ยเหอกลับไปนอนบนเปลญวนที่ทำขึ้นเองต่อ นางเอาผ้าเช็ดหน้าคลุมหน้าเช่นเดิม
“แต่บ่าวยังไม่เข้าใจว่า เหตุใดไป๋เหล่าฮูหยินถึงได้นึกถึงคุณหนูขึ้นมาอย่างกะทันหันเ้าค่ะ”
“เพราะว่าไป๋เหล่าฮูหยินมีนิสัยชื่นชอบของล้ำค่า เงินทองในจวนร่อยหรอลงเรื่อยๆ นางจึงคิดจะยืมมือข้าเพื่อเติมเต็มช่องโหว่เ่าั้น่ะสิ”
หารู้ไม่ว่าไป๋เซี่ยเหอไม่ใช่ไป๋เซี่ยเหอที่โง่เง่าอย่างในอดีตอีกแล้ว นางในตอนนี้มองแผนการของไป๋เหล่าฮูหยินออกอย่างชัดเจนมาตั้งนานแล้ว
“แต่ว่าคุณหนูเองก็ไม่มีเงินนะเ้าคะ”
“เ้านี่ช่างซื่อบื้อเสียจริง ในเมืองหลวงหากพูดถึงความร่ำรวย ผู้ใดจะเอาชนะเซ่อเจิ้งอ๋องได้?”
แม้ว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะร่ำรวย ทว่าเขาก็ไม่ได้โง่
ไป๋เหล่าฮูหยินไม่สามารถใช้ประโยชน์จากไป๋เซี่ยเหอได้ นางย่อมต้องหาวิธีการอื่นอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจให้ไป๋ซูเหอพยายามใกล้ชิดฮั่วเยี่ยนไหว
น่าเสียดาย...
พวกนางประเมินฮั่วเยี่ยนไหวต่ำเกินไป เขาไม่ใช่คนที่จะชมชอบสตรีที่มีนิสัยอัปลักษณ์
“แต่กว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในจวนได้ ก็ต้องเผชิญกับ่เวลาที่ยากลำบากนะเ้าคะ ไป๋เหล่าฮูหยินต้องไม่ให้เราได้กินผลไม้ดีๆ เป็แน่เ้าค่ะ”
สีหน้าของฝูเอ๋อร์ดูเศร้าโศก ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความหดหู่
“วางใจเถิด ไม่ช้าก็เร็วเราต้องออกไปจากสถานที่แห่งนี้อยู่ดี”
ฝูเอ๋อร์ช้อนตามองตำแหน่งที่ไป๋เซี่ยเหอนอนอยู่ เหตุใดคุณหนูถึงยังหลับลงอีกเล่า?
“แต่พิธีปักปิ่นของท่านใกล้เข้ามาแล้วนะเ้าคะ”
ไป๋เซี่ยเหอเลิกผ้าเช็ดหน้าบนหน้าออกอีกครา นางลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะจิ้มศีรษะของฝูเอ๋อร์สองทีอย่างอารมณ์เสีย
“สาวน้อยอย่างเ้าคิดไปถึงไหนแล้ว?”
ฝูเอ๋อร์ลูบหน้าผากที่ถูกจิ้มจนแดง พลางพึมพำเสียงเบา “ท่านบอกเองว่าจะออกจากจวนสกุลไป๋ หมายความว่าท่านจะไม่รอพิธีปักปิ่น ทว่าคิดจะย้ายไปอาศัยอยู่กับท่านอ๋องทันทีเลยหรือเ้าคะ? ความจริงแล้วนี่เป็ความคิดที่ไม่เลวเลย ดีกว่าอยู่ที่จวนสกุลไป๋แล้วคอยดูคนทำสีหน้าแข็งกระด้างใส่เ้าค่ะ”
“...”
ตอนนี้ไป๋เซี่ยเหออยากรู้เพียงว่า อิ๋งเฟิงล้างสมองฝูเอ๋อร์ที่จิตใจดีและน่ารักของนางได้อย่างไร?
“ฝูเอ๋อร์ วันนี้เ้าไปสถานที่แห่งหนึ่งกับข้าเถิด”
ถึงเวลาที่ควรให้ฝูเอ๋อร์รู้แล้ว
หนึ่งชั่วยามต่อมา ทั้งสองคนยืนอยู่หน้าเรือนหลังหนึ่ง ทันใดนั้นเซี่ยถิงก็โผล่มาจากที่ใดไม่ทราบ เขาหยิบกุญแจออกมาและเปิดประตูเรือนทันที
ฝูเอ๋อร์มองไป๋เซี่ยเหอกับเซี่ยถิงด้วยใบหน้างุนงง “นี่คือเรือนของคุณชายเซี่ยหรือ? แต่ข้าจำได้ว่าครั้งก่อนที่ไปไม่ใช่ที่นี่นะเ้าคะ”
“...”
“ไม่ใช่”
ใบหน้าของเซี่ยถิงบิดเบี้ยวชั่วครู่ จากนั้นก็ถอยไปยืนถือดาบอยู่ด้านข้างอย่างสงบ
ฝูเอ๋อร์ยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ คุณชายเซี่ยไม่ใช่เ้าของเรือน เหตุใดถึงมีกุญแจได้เล่า?
ไป๋เซี่ยเหอดึงแขนเสื้อของฝูเอ๋อร์เพื่อกระตุ้นให้นางได้สติ ก่อนจะเอ่ยอย่างเฉยเมย “ดูให้มาก พูดให้น้อย”
“เ้าค่ะ”
ฝูเอ๋อร์เห็นไป๋เซี่ยเหอมีสีหน้าจริงจัง จึงอดไม่ได้ที่จะจริงจังตามไปด้วย
ทั้งสามคนเดินเข้าไปในเรือน
จู่ๆ ก็มีเงาสายหนึ่งพุ่งมาอย่างรวดเร็ว
เห็นเพียงว่าบุรุษเ้าของเงาสายนั้นอ้อมมาขวางฝูเอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้าของไป๋เซี่ยเหอ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง เขาปรี่เข้าไปหาไป๋เซี่ยเหอ
ก่อนจะหยุดฝีเท้าห่างจากนางประมาณหนึ่งหมี่
ส่วนด้านหน้าก็มีเกาทัณฑ์อันกะทัดรัดและประณีตเล่มหนึ่งอยู่ห่างจากเขาหนึ่งหมี่พอดี
“นายท่าน เหตุใดมาแล้วถึงไม่ส่งเสียงสักคำเล่า? ทั้งยังเตรียม ‘ความประหลาดใจ’ ที่ยิ่งใหญ่ปานนี้ให้ข้าอีก”
จิ่วหานยิ้มอย่างไม่คิดอะไร พลางยื่นมือชี้ไปที่เกาทัณฑ์ตรงหน้าอกของเขา
ฝูเอ๋อร์ใจนหน้าซีด นึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าหยอกเย้าคุณหนูของนางกลางวันแสกๆ
“เ้าคือผู้ใดกันแน่? นึกไม่ถึงว่าจะกล้าทำตัวไม่มีมารยาทกับคุณหนูของข้า!”
จิ่วหานหันไปมองแม่นางน้อยที่สูงเพียงอกของเขา จากนั้นก็ชี้ไปที่ไป๋เซี่ยเหอ “เ้าพูดถึงนางหรือ? ข้าคือลูกน้องของนาง เ้าล่ะคือผู้ใด?”
“...”
ฝูเอ๋อร์ตกตะลึง
ไป๋เซี่ยเหอปรายตามองจิ่วหาน ก่อนจะเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “นางคือฝูเอ๋อร์ สาวใช้คนสนิทของข้า หากเรียงตามลำดับก่อนหลัง เ้าต้องเรียกนางว่าพี่สาว”
จิ่วหานสะดุ้ง
“แม่นางฝูเอ๋อร์ ข้าผิดไปแล้ว”
ฝูเอ๋อร์เองก็สะดุ้งเช่นกัน นางขนลุกขึ้นมาทันที
“คุณหนู มารดาของบ่าวมีบ่าวเป็บุตรีคนเดียวเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอแบมือพลางเอ่ยกับจิ่วหาน “ก็ได้ ฝูเอ๋อร์ของข้ารังเกียจ ‘น้องชาย’ อย่างเ้า”
จิ่วหานยิ้มตาหยี เขาคารวะให้ฝูเอ๋อร์ “ขอบคุณแม่นางฝูเอ๋อร์ที่รังเกียจ”
ฝูเอ๋อร์กลอกตาใส่จิ่วหาน นางไม่สนใจเขาอีก ทว่าหันไปมองรอบๆ ก่อนจะถามไป๋เซี่ยเหอเสียงเบา “คุณหนู ที่นี่คือสถานที่เช่นไรหรือ? แล้วพวกเขาคือผู้ใดหรือเ้าคะ?”
“ที่นี่คือเรือนที่ข้าซื้อไว้ ส่วนพวกเขา...เป็เหมือนกับเ้า”
จิ่วหานยิ้มร่า เขาเดินเข้าใกล้ไป๋เซี่ยเหออีกหนึ่งก้าวอย่างไม่กลัวตาย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “นายท่านไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว ข้ายังคิดว่าท่านลืมข้าเสียอีก”
ไป๋เซี่ยเหอรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมาทันที นางปรารถนาที่จะลากเถ้าแก่คนเก่าของบ่อนพนันว่านก้วนกลับมาจากพญายม
แม้แต่เซี่ยถิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ยังอดไม่ได้ที่จะมีสีหน้ามืดครึ้ม ขนลุกขนชันขึ้นมา
“จิ่วหาน อยากให้ข้าช่วยเ้ายืดลิ้นหรือไม่?”
“เอาล่ะ วันนี้ข้ามาเพราะมีธุระ”
ทั้งสองคนแค่นเสียงใส่กันทีหนึ่งก่อนจะปิดปากเงียบ ต่างคนต่างไม่สนใจอีกฝ่าย
หน้าผากของไป๋เซี่ยเหอผุดเส้นสีดำสามสายขึ้นมา
“วันนี้ข้าพาฝูเอ๋อร์มาทำความคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้”
ฝูเอ๋อร์ยังคงอยู่ในสภาพเหม่อลอย เมื่อครู่คุณหนูพูดว่าอะไรนะ? คุณหนูเป็คนซื้อเรือนหลังนี้อย่างนั้นหรือ?
“คุณหนู นี่คือเรือนของท่านจริงๆ หรือ? แต่ท่านเอาเงินมาจากไหนเ้าคะ?”
“เฮอะ!”
จิ่วหานมองฝูเอ๋อร์ราวกับมองสัตว์ประหลาด “นายท่านจะไม่มีเงินได้อย่างไร? ไปหลอกเด็กสามขวบเถิด”
ไป๋เซี่ยเหอเหลือบมองจิ่วหาน “ฝูเอ๋อร์ไม่รู้เื่นี้”
เมื่อฝูเอ๋อร์ได้ยินเช่นนี้ ปากเล็กๆ ของนางก็เบะออกทันทีด้วยความน้อยอกน้อยใจ “คุณหนู เหตุใดท่านถึงไม่บอกบ่าวเ้าคะ?”
ไป๋เซี่ยเหอยักไหล่ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ช่วยไม่ได้ “เ้ายังจำได้หรือไม่ว่าตอนแรกที่พวกเราเดินผ่านบ่อนพนันว่านก้วน เ้าพูดไว้ว่าอะไร?”
ฝูเอ๋อร์พยายามทบทวนความทรงจำ
“บ่าวพูดว่าบ่อนพนันไม่ใช่สถานที่ที่ดีอะไร คุณหนูไม่ควรย่างกรายเข้าไปโดยเด็ดขาด หากมีคนรู้เข้าชื่อเสียงของคุณหนูจะเสื่อมเสีย”
------------------------