จวนกู้และจวนตวนอ๋องต่างส่งคนไปสืบเื่วันงานกวี ตอนที่เสิ่นเยี่ยนกลับมาบอกกู้เจิงกู้เจิงก็ไม่อยากจะเชื่อว่าฟู่ผิงเซียงจะกล้ามากขนาดนี้นางซื้อตัวบ่าวรับใช้สองคนจากจวนหนิง คนหนึ่งเป็คนบ่าวคนสนิทของคุณชายรองหนิง(หนิงฉีกวง) ส่วนอีกคนเป็สาวใช้คนสนิทของบุตรสาวฮูหยินใหญ่ตระกูลหนิง(หนิงซิ่วอิง)
เพียงเพื่อทำลายการแต่งงานของสองตระกูล นางทำสำเร็จแล้ว
กู้เจิงวางหมอนที่จะทำให้กู้อิ๋งในมือลงแล้วบิดี้เีนางนึกถึงคำที่นายหญิงเว่ยซื่อเคยกล่าวไว้ว่า ‘การที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีความกล้าทำเื่อะไรขึ้นนั้นก็ถือเป็เื่ที่ดีแต่การทำอะไรแบบไม่เจียมเนื้อเจียมตัวและไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดต่อคนอื่นนั้นเป็สิ่งที่โง่เขลาที่สุด’
เพราะตระกูลกู้จัดการง่าย หรือตระกูลหนิงจัดการง่าย? ล้วนไม่น่าใช่ทั้งสิ้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงตวนอ๋องที่หนุนหลังตระกูลกู้อยู่
“หอมมันเทศจังเลย” เสียงของชุนหงดังมาจากห้องครัว
“หอมใช่ไหม?” เสียงหัวร่อชอบใจของป้าใหญ่ลอยมา “เดี๋ยวจะวางตากแดดไว้ครึ่งวัน กินแล้วจะเหนียวหนุบหนับรสชาติดียิ่งขึ้น”
“ที่แท้ก็ทำแบบนี้นี่เองหรือเ้าคะ?"
“ใช่แล้ว”
วันนี้ท่านป้าใหญ่มาทำขนมมันเทศที่บ้านตระกูลเสิ่นปีนี้เก็บเกี่ยวมันเทศได้ดีมาก จึงเอามาทำขนมได้เยอะ บ้านตระกูลเสิ่นมีลานกว้างที่แสงแดดสามารถส่องถึง จึงเหมาะแก่การเอามันเทศมาตากแดดเป็ที่สุด
“อาเจิง มาช่วยข้าหน่อย” เสียงของนายหญิงเสิ่นดังมาจากห้องเก็บฟืน
“มาแล้วเ้าค่ะ” กู้เจิงวางงานที่ทำอยู่แล้วรีบเข้าไปช่วยนางเห็นแม่สามีกำลังแบกเสื่อไม้ไผ่ใบใหญ่ออกมาสองผืน แต่ติดอยู่ตรงหน้าประตู
เพียงไม่นาน ทั้งสองก็ช่วยกันนำมันออกมาได้ในที่สุด หลังจากนายหญิงเสิ่นส่งเสื่อไม้ไผ่ให้กู้เจิงแล้วก็นำเสื่อไม้ไผ่เล็กออกมาอีกสองสามผืน นางเอาเสื่อทั้งหมดมาปัดฝุ่นออกก่อนจะหยิบผ้าขี้ริ้วมาเช็ด แล้วปูผ้าฝ้ายทับลงไป
เมื่อทำเสร็จเรียบร้อย ป้าใหญ่กับชุนหงจึงยกมันเทศที่บดเสร็จแล้วออกมา
“ท่านป้าใหญ่ เราจะทำอย่างไรต่อเ้าคะ?” กู้เจิงรีบถามเพื่อจะเข้าไปช่วย
“เห็นตัวของเ้าแล้ว ข้าว่าเ้านั่งดูจะดีกว่า” ป้าใหญ่โบกมือปฏิเสธกู้เจิง
นายหญิงเสิ่นยิ้มขัน “อย่าว่าแต่เ้าเลย ข้าก็ทำไม่ได้เหมือนกันนี่เป็งานที่ต้องใช้พละกำลังมาก พวกเราที่อยู่ตรงนี้มีแต่ป้าใหญ่กับป้ารองเท่านั้นที่ทำได้”
“แขนขาเล็กๆ ของพวกเ้า ดูก็รู้ว่าเป็สาวบอบบางแต่ข้ากับสะใภ้รองโตมาในทุ่งหญ้าทุ่งนาั้แ่เด็ก” ป้าใหญ่พูดพลางตักมันเทศขึ้นมาช้อนหนึ่งนางขูดแล้วเกลี่ยลงบนผ้าฝ้ายขาว จนเป็รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
“แรงข้าไหวแน่นอนเ้าค่ะ” ชุนหงเลียนแบบการเคลื่อนไหวของป้าใหญ่ นางตักมันเทศมาทำบ้างซึ่งนางทำออกมาได้ดีจริงๆ
ป้าใหญ่ชูนิ้วโป้งให้ชุนหง “ยัยหนูคนนี้ เห็นตัวเล็กๆ แต่แรงดีทีเดียว”
นี่เป็ครั้งแรกที่กู้เจิงเห็นวิธีการทำขนมมันเทศเช่นนี้นางพยายามค้นความทรงจำของร่างเดิม แต่ก็นึกไม่ออกที่จวนป๋อเจวี๋ยของนางก็ไม่เคยเห็นการทำขนมแบบนี้มาก่อนนางจึงไม่แปลกใจที่ครั้งก่อนกู้เหยาจะกินขนมของบ้านนี้อย่างเอร็ดอร่อยปานนั้น
“ข้าจะไปนวดแป้ง ยังมีหมูสดเหลืออยู่หน่อยมื้อเที่ยงพวกเราจะกินเสี่ยวหลงเปา[1] เต้าหู้กัน” นายหญิงเสิ่นพูดพลางเดินเข้าไปในห้องครัว
กู้เจิงรีบเดินตามไปช่วยในห้องครัว “ท่านแม่ ให้ข้านวดแป้งเถอะเ้าค่ะ”
“ไม่ใช่ว่าเ้ากำลังเย็บหมอนอยู่หรือ?”
“ยังมีเวลาอีกหลายวัน ข้าไม่รีบเ้าค่ะ”
นายหญิงเสิ่นพยักหน้า นางหยิบอ่างออกมาก่อนจะเทแป้งลงไปนางพรมน้ำใส่แป้งเล็กน้อยแล้วจึงมอบให้กู้เจิงทำต่อ ส่วนนางก็เอาเนื้อออกมาหั่น
ฝีมือนวดแป้งของกู้เจิงดีขึ้นมากแป้งที่นางนวดออกมาทั้งเรียบเนียนและขาวพอง และที่สำคัญคือไม่มีเศษแป้งติดรอบอ่างเลย
เมื่อเห็นท่าทางภูมิใจของลูกสะใภ้ นายหญิงเสิ่นก็หัวเราะอย่างเอ็นดูนางหยิบเต้าหู้ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อเช้าผสมกับเนื้อให้เข้ากันจากนั้นก็ใส่ซอสถั่วเหลืองกับน้ำมันงาลงไปแล้วเริ่มคลุกเคล้า
“หอมจริงๆ เ้าค่ะ” กลิ่นหอมของน้ำมันงาทำเอากู้เจิงอดพูดไม่ได้
“พอนึ่งเสร็จแล้วจะหอมกว่านี้อีกนะ” เมื่อนายหญิงเสิ่นผสมไส้จนเข้ากันดีแล้วนางก็หยิบก้อนแป้งในมือกู้เจิงมาเริ่มนวดเป็แผ่น
กู้เจิงห่อแป้งไม่เป็ นางจึงนั่งดูแม่สามีทำอยู่ข้างๆ
มือของนายหญิงเสิ่นสวยมาก นิ้วขาวเรียวยาวราวกับต้นหอม มือของเสิ่นเยี่ยนก็เป็แบบนี้นางสังเกตได้ว่าเสิ่นเยี่ยนถอดแบบจากมารดามาแทบจะทุกส่วน
พ่อแม่สามีของนางมีเื่ยุ่งให้ทำทุกวันถ้าไม่ทำอันนี้ก็ไปทำอันนั้น ทุกวันล้วนใช้ชีวิตธรรมดาทำเื่เดิมๆซ้ำวนเวียนไปมา และตอนนี้นางเองก็เป็เช่นเดียวกัน
ตอนเที่ยง เสิ่นเยี่ยนก็กลับมากินข้าวที่บ้านจางหลี่หนานกับปาเม่ยก็มาด้วยโชคดีที่ทำหมั่นโถวกับเสี่ยวหลงเปามากพอจะกินได้ทุกคน
ปาเม่ยนำของมาจากบ้านของนางด้วย เป็ถั่วชนิดหนึ่งที่ชื่อเซียงเฝ่ยมีลักษณะยาวขนาดเท่านิ้วก้อย เป็รูปทรงไข่ แต่มีปลายแหลมทั้งสองข้างถ้ากัดเข้าไปด้านในจะยังมีเปลือกชั้นดำๆ กินเนื้อเข้าไปจะได้กลิ่นหอมมาก
กู้เจิงกินไปแค่เม็ดเดียว ก็รู้สึกถึงกลิ่นหอมคละคลุ้งในปาก
“พี่สะใภ้ ถ้าท่านชอบที่บ้านข้ายังมีอีกมากนะเ้าคะ” ปาเม่ยพูดอย่างเอาใจ “แล้วข้าจะกลับไปเอาที่บ้านแม่มาอีกเ้าค่ะ”
“แค่นี้ก็พอกินแล้วล่ะ” กู้เจิงหยิกแก้มนุ่มของปาเม่ยเบาๆ “หลายวันมานี้ที่จวนอ๋องน่าจะยุ่งมากกระมัง?”
ปาเม่ยพยักหน้ารับ “ตอนนี้ข้ากำลังเตรียมของที่ท่านอ๋องต้องใช้สำหรับงานแต่งงานเตรียมไว้พอประมาณแล้วเ้าค่ะ รอแค่พระชายาตวนอ๋องแต่งเข้ามา”
ครอบครัวตระกูลเสิ่นทั้งห้าคนรวมลุงใหญ่ป้าใหญ่บวกปาเม่ยกับจางหลี่หนานเข้าไปด้วยก็เป็เก้าคนถึงจะนั่งแออัดบนโต๊ะแปดเซียนก็ยังพอนั่งกันได้
เสี่ยวหลงเปาเต้าหู้ฝีมือนายหญิงเสิ่นเมื่อกัดลงไปจะเจอน้ำซุปหวานทะลักออกมารสชาติแสนอร่อยทำเอาทุกคนบนโต๊ะอดไม่ได้ต้องชื่นชมฝีมือของนายหญิงเสิ่นกันไม่หยุดปาก
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยหัวเราะกันอยู่เสียงแม่เฒ่าซุนก็ดังมาจากนอกห้องครัว “คุณหนูใหญ่อยู่ไหมเ้าคะ?”
กู้เจิงรีบวางตะเกียบลงก่อนเดินออกไปนางเห็นแม่เฒ่าซุนยืนอยู่กลางลานบ้านด้วยสีหน้าร้อนรน
“แม่เฒ่าซุน เกิดอะไรขึ้น?”
“คุณหนูสี่หายไปเ้าค่ะ บ่าวคิดว่านางอาจจะมาหาคุณหนูใหญ่ที่นี่”
“น้องสี่ไม่ได้มาหาข้า เกิดเื่อะไรขึ้นหรือ?” กู้เจิงไม่เคยเห็นแม่เฒ่าซุนตื่นตระหนกเช่นนี้มาก่อน
แม่เฒ่าซุนเห็นคนมากมายในห้องครัว นอกจากท่านบุตรเขยใหญ่แล้วยังมีคนอื่นๆ ที่นางไม่รู้จักอีก หลังจากโค้งคารวะเสิ่นเยี่ยนแล้ว นางก็รู้สึกลังเลเล็กน้อยที่จะเล่าเื่ออกไป
กู้เจิงเข้าใจทันทีว่าแม่เฒ่าซุนไม่สะดวกที่จะพูดที่นี่นางจึงหันไปกล่าวกับทุกคนว่า “ข้าจะขอตัวกลับบ้านก่อนไม่นานก็กลับมาเ้าค่ะ”
“ข้าจะไปเป็เพื่อนเ้า” เสิ่นเยี่ยนเดินมาหา
“ไม่ต้องหรอกเ้าค่ะ หลี่หนานกับปาเม่ยก็ยังอยู่ข้ากลับไปที่บ้านตระกูลกู้ ไม่มีทางเป็อะไรหรอกเ้าค่ะ” กู้เจิงกล่าว
เสิ่นเยี่ยนตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า
เมื่อขึ้นรถม้าของตระกูลกู้ แม่เฒ่าซุนก็เล่าเื่ราวให้ฟังที่แท้เป็เพราะหลังจากพระสนมซูมารดาของตวนอ๋องทรงทราบเื่ของน้องรองกู้เจิ้งชินแล้วนางจึงเรียกกู้อิ๋งเข้าวัง หลังกู้อิ๋งกลับมาก็ได้แต่ขังตัวเองไว้ในห้อง
“น้องสามต้องถูกพระสนมซูต่อว่าแน่” กู้เจิงคิดไม่ถึงว่าเื่นี้จะเกี่ยวข้องพัวพันกับคนมากมายขนาดนี้
“ใช่เ้าค่ะ คุณหนูสามเป็คนที่บ่าวดูแลมาแต่เล็กจนโตถึงนางจะสุภาพอ่อนโยน แต่จริงๆ แล้วนางเป็คนเข้มแข็งมากไม่เคยร้องไห้มาก่อนเลยเ้าค่ะ” แม่เฒ่าซุนสะอึกสะอื้น “คนในบ้านทุกคนล้วนกังวลเื่คุณหนูสาม จึงไม่มีใครสนใจคุณหนูสี่พอถึงเวลาอาหารกลางวัน ถึงเพิ่งมารู้ว่าคุณหนูสี่หายไปเ้าค่ะ”
“คนเฝ้าประตูว่ายังไงบ้าง?”
แม่เฒ่าซุนส่ายหน้า “บอกว่าไม่เห็นคุณหนูสี่ออกไปไหนเลยเ้าค่ะ”
“ถ้าไม่ได้ออกไปข้างนอก ก็ต้องยังอยู่ในบ้านแน่ๆ”
“สถานที่ที่หาได้ก็หาหมดแล้วเ้าค่ะ” แม่เฒ่าซุนพูดอย่างลำบากใจว่า “ฮูหยินกับบ่าวกังวลว่าคุณหนูสี่จะมุดรูสุนัขในเรือนหลังบ้านออกไปเ้าค่ะ”
กู้เจิง “...” ในจวนยังมีรูสุนัขด้วยหรือ?
“คุณหนูสี่ชอบสุนัขมากมาั้แ่เด็กตรงบริเวณรูสุนัขนั้นเดิมทีมีรอยแยกอยู่ จนกระทั่งวันหนึ่งในลานบ้านมีสุนัขป่าตัวหนึ่งเข้ามาคุณหนูสี่จะไปที่นั่นเล่นกับสุนัขทุกวัน นานวันเข้าเ้าสุนัขก็ยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆรอยแยกนั้นก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามตัวมัน แต่ต่อมาสุนัขตัวนั้นตายไปคุณหนูสี่เสียใจมาก จึงไม่อนุญาตให้พวกเราไปปิดรอยนั้นเ้าค่ะ”
กู้เจิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “น้องสี่มีนิสัยหยิ่งทะนงเป็ที่สุดไม่เหมือนคนที่จะไปมุดรูสุนัขได้ อีกอย่าง หากนางออกไปแล้วจริง นางจะไปไหนได้?” ดวงตานางพลันทอแสงประกาย “สกุลฟู่?”
แม่เฒ่าซุนพยักหน้า “นี่เป็สิ่งที่นายท่านและนายหญิงเป็ห่วง ตอนนี้ได้ส่งคนไปถามรอบๆตระกูลฟู่แล้วเ้าค่ะ”
กู้เจิงก็ยังรู้สึกว่าเป็ไปไม่ได้ แม้นิสัยของกู้เหยาจะตรงไปตรงมาแต่ก็ไม่ได้เป็คนใจร้อนและวู่วาม พูดกันตามหลักแล้วนางไม่มีทางทำเื่แบบนี้ได้
-------------------------------------
[1] เสี่ยวหลงเปา เป็ซาลาเปาไส้หมูที่มีน้ำซุปอยู่ข้างในซึ่งมาจากการใส่วุ้นที่มาจากการเคี่ยวหนังหมู หนังไก่แล้วพักให้เย็นจนแข็งตัวเป็วุ้น ตักวุ้นนี้วางบนไส้หมูจากนั้นห่อด้วยแป้งแล้วจับจีบ เมื่อนึ่งสุกวุ้นจะละลาย กลายเป็น้ำซุปอยู่ข้างใน