คุณตากู่เอ่ยกับสวี่ฮุ่ยอย่างอ่อนโยน “ฮุ่ยฮุ่ย นี่ก็ดึกมากแล้ว ไม่มีรถโดยสารกลับแล้ว ไปค้างที่บ้านตาสักคืนเถอะ”
“หลานชอบดื่มเหล้าไข่ไม่ใช่เหรอ พรุ่งนี้เช้าตาจะให้ยายต้มเหล้าไข่ให้หลานดื่ม”
สวี่ฮุ่ยยังไม่ทันได้เอ่ยปาก คุณย่าลู่ก็พูดขึ้น “บ้านเรามีห้องเยอะแยะเลย ฮุ่ยฮุ่ยค้างที่บ้านเราคืนหนึ่งเถอะ”
คุณตากู่ทำท่าหวาดหวั่น “แบบนั้นจะดีเหรอครับ? รบกวนเกินไปแล้ว!”
คุณย่าลู่ยิ้มบาง “รบกวนอะไรกัน? ฉันกับฮุ่ยฮุ่ยสนิทกันเหมือนย่าหลานแท้ ๆ หลานสาวมาค้างที่บ้านย่าคืนหนึ่งก็ปกติธรรมดาไม่ใช่เหรอ?”
สองพ่อลูกสกุลกู่จึงต้องทิ้งสวี่ฮุ่ยไว้ แล้วกลับไปเอง
ก่อนไป คุณตากู่ยังแอบบอกใบ้ให้สวี่ฮุ่ยช่วยพูดถึงลุงของเธอ ต่อหน้าคุณย่าลู่ให้ดี ๆด้วย
สวี่ฮุ่ยเพียงแค่ยิ้มแล้วส่งสองพ่อลูกออกจากห้องรับแขกพร้อมกับครอบครัวลู่ จากนั้นค่อยกลับมานั่งที่โซฟาห้องรับแขกกับคุณย่าลู่และคนอื่น ๆ
สวี่ฮุ่ยดื่มน้ำถั่วเขียวที่แม่บ้านนำมาเสิร์ฟไปสองอึก แล้วพูดกับคุณย่าลู่ว่า “คุณย่าลู่ ต่อไปถ้ามีใครแอบอ้างชื่อหนูเพื่อเข้าใกล้มาตีสนิทกับครอบครัวลู่เพื่อ มาขอผลประโยชน์จากคุณย่า คุณย่าไม่ต้องไปสนใจพวกเขานะคะ”
คุณย่าลู่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ได้ ย่ารู้แล้ว”
จากนั้นก็สั่งให้ป้าแม่บ้านไปจัดห้องของลู่ฉี่เสียนให้สวี่ฮุ่ยนอน
เธอจะนอนในห้องของเทพบุตรได้ยังไง สวี่ฮุ่ยรู้สึกประหม่า
จึงรีบพูด “คุณย่าลู่ จัดห้องว่างให้หนูนอนสักห้องก็พอค่ะ ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก หนูเกรงใจ”
“เื่นี้หนูไม่ต้องกังวล ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย”
คุณย่าลู่จับมือสวี่ฮุ่ยแล้วตบเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู “หนูไม่ต้องคิดมากหรอก ปกติอาเสียนพักอยู่ที่เมืองเอก นาน ๆ จะกลับมาค้างที่อำเภอสักที ทิ้งห้องดี ๆ แบบนั้นไว้เสียเปล่า ควรยกให้หนูอยู่มากกว่า”
สวี่ฮุ่ยคิดในใจว่า เธออยู่สิยิ่งเปลืองเข้าไปใหญ่
คืนนั้น สวี่ฮุ่ยพักค้างคืนที่บ้านคุณย่าลู่
เนื่องจากต้องค้างคืนกะทันหัน เธอจึงไม่ได้นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยน ตอนนี้ห้างสรรพสินค้าในอำเภอก็ปิดไปนานแล้ว
แต่คุณย่าลู่โทรศัพท์ออกไปแค่สายเดียว แม่บ้านก็ยังไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ั้แ่หัวจรดเท้าที่ห้างสรรพสินค้าของรัฐในอำเภอมาให้สวี่ฮุ่ยได้ แม้กระทั่งถุงเท้ายังมี
คุณย่าลู่ให้สวี่ฮุ่ยใส่แก้ขัดไปก่อนคืนหนึ่ง
ยังบอกอีกว่า ต่อไปจะเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ เธอจะได้มาพักที่บ้านได้ทุกเมื่อ ไม่ต้องกลัวไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน
สวี่ฮุ่ยใช้ชีวิตมาสองชาติ ไม่เคยถูกผู้ใหญ่เอ็นดูแบบนี้มาก่อน น้ำตาแทบจะไหลด้วยความซาบซึ้ง
คุณย่าลู่ยังให้สวี่ฮุ่ยโทรศัพท์กลับบ้านเพื่อแจ้งว่าเธอปลอดภัยดี บอกพ่อแม่ว่าคืนนี้เธอนอนค้างที่บ้านคุณย่าลู่
เธอไม่กลับบ้านทั้งคืน ทางบ้านจะได้ไม่เป็ห่วง
สวี่ฮุ่ยคิดในใจว่า กู่ซิ่วกับสวี่เยว่คงอยากให้เธอตายอยู่ข้างนอกมากกว่า พวกเขาจะได้ฮุบทุกอย่างของเธอง่าย ๆ ไม่มาสนใจหรอกว่าเธอกลับบ้านหรือปลอดภัยอยู่ข้างนอกไหม
คนทั้งบ้านคงมีเพียงสวี่ต้าซานเท่านั้นที่เป็ห่วงเธอ แต่ก็คงไม่มากนัก
สวี่ฮุ่ยเชื่อฟังจึงโทรศัพท์กลับบ้าน สวี่เยว่เป็คนรับสาย
สวี่เยว่ได้ยินเสียงสวี่ฮุ่ยก็ถามว่า “พี่ พี่ไม่ได้ไปขายปลาไหลที่ตัวอำเภอเหรอ ทำไมยังไม่กลับมาอีก? พี่อยู่ที่ไหน?”
สวี่ฮุ่ยพูดอย่างใจเย็น “ฉันอยู่บ้านคุณย่าลู่ พ่อล่ะ? ฉันมีเื่จะคุยกับพ่อ”
“พ่อพาแม่ไปตกปลาช่อน”
“แม่บอกว่า ตอนนี้ที่บ้านมีแค่พ่อหาเงินอยู่คนเดียว กินกับข้าวดี ๆ ไม่ได้ แม่เลยให้พ่อไปตกปลาช่อนมาทำกับข้าวเพิ่มให้พี่”
สวี่ฮุ่ยฟังคำพูดเสแสร้งของสวี่เยว่ในโทรศัพท์ แทบจะอาเจียนออกมา
“เลิกทำตัวน่าขยะแขยงได้ไหม แม่แทบไม่อยากให้ฉันกินข้าวด้วยซ้ำ จะคิดทำกับข้าวให้ฉันได้ยังไง?”
“แม่เร่งให้พ่อไปตกปลาช่อน ก็เพื่อพี่นะ!”
แต่สวี่เยว่กลับยืนกรานว่าเพื่อสวี่ฮุ่ย “พี่ ฉันไม่ได้โกหก ่นี้พี่ไม่ได้กินข้าวที่บ้าน แม่บอกว่าพี่รังเกียจที่กับข้าวที่บ้านไม่ดี พี่ถึงไม่กิน แม่เลยให้พ่อไปจับปลาช่อน”
ยัยตัวแสบ จงใจพูดแบบนี้ในโทรศัพท์ก็เพื่อให้ครอบครัวลู่คิดว่าเธอเลือกกิน ไม่รู้จักโตใช่ไหม!
ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนชอบเด็กที่เลือกกินและไม่รู้จักโตหรอก
สวี่เยว่้าให้คุณย่าลู่เกลียดเธอ
ยัยตัวแสบคงเดาได้ว่าเธอโทรศัพท์ที่บ้านลู่ คุณย่าลู่และคนอื่น ๆ น่าจะนั่งฟังอยู่ข้าง ๆ
สวี่ฮุ่ยพูดประชด “เธอไม่ใส่ร้ายฉันสักวัน ปากเธอจะเป็ริดสีดวงหรือไง?”
สามพี่น้องสกุลลู่ได้ยินคำถามนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้
ลู่ฉี่อู่คนเล็กสุดยังพูดอีกว่า “ที่แท้ปากน้องสาวเธอก็คือก้นนี่เอง พูดเลยเหมือนตดสินะ?”
สามพี่น้องหัวเราะกันครืน
ปลายสาย สวี่เยว่ได้ยินคำพูดของลู่ฉี่อู่และเสียงหัวเราะของสามพี่น้องสกุลลู่ หน้าเธอก็แดงสลับเขียวด้วยความอับอาย
ต่อให้เธอหน้าด้านแค่ไหน ก็ทนการหัวเราะเยาะถากถางของหนุ่มหล่อสามคนไม่ไหว
สวี่ฮุ่ยพูดต่อ “่นี้ฉันไม่ได้กินข้าวที่บ้าน เพราะเธอและแม่บีบฉันจนต้องเอาหัวโขกกำแพง เืออกเยอะมาก พี่ลู่เลยสั่งอาหารบำรุงร่างกายให้ฉันที่ร้านอาหารเหอเซิ่ง ในตำบลสิบวัน ฉันถึงไม่ได้กินข้าวที่บ้าน”
“ไม่อยากทำให้เธอช็อกหนักหรอกนะ แต่เธอใส่ร้ายฉันตลอด ตอนนี้ได้ยินข่าวนี้แล้ว คงทั้งดีใจทั้งประหลาดใจเลยสิท่า?”
ปลายสาย สวี่เยว่กำโทรศัพท์แน่น หน้าตาดูแทบไม่ได้
ผู้ชายที่เธอหมายปองไม่เหลียวแลเธอ กลับเอาใจใส่ยัยงั่งขนาดนี้!
ที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือ ยัยงั่งแฉธาตุแท้ของเธอต่อหน้าสกุลลู่ กลัวชื่อเสียงของเธอที่บ้านลู่ฉาวโฉ่ไม่พอหรือไง!
สวี่ฮุ่ยพูด “พอพ่อกลับมา บอกพ่อด้วยว่าคืนนี้ฉันไม่กลับบ้าน คุณย่าลู่ให้ฉันค้างที่บ้านท่านคืนหนึ่ง”
ได้ยินสวี่เยว่ตอบรับ สวี่ฮุ่ยจึงวางสาย
ทุกคนคุยเล่นกันถึงสี่ทุ่มกว่าค่อยแยกย้ายกันไปนอน
สกุลลู่มีระเบียบวินัยในการใช้ชีวิตมาก
สวี่ฮุ่ยเดินตามแม่บ้านไปยังห้องของลู่ฉี่เสียน
ห้องของลู่ฉี่เสียนดีจริง ๆ ไม่เพียงแต่กว้างขวางและมีห้องน้ำส่วนตัวเท่านั้น นอกหน้าต่างยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกพุดซ้อนโชยเข้ามาด้วย
แม้ว่าแม่บ้านจะเปลี่ยนเครื่องนอนของลู่ฉี่เสียนทั้งหมดตามคำสั่งของคุณย่าลู่
แต่พอสวี่ฮุ่ยล้มนอนบนเตียง เธอก็ยังได้กลิ่นของเขาจาง ๆ มันหอมมาก แถมยังทำให้เธอรู้สึกสบายใจด้วย
สวี่ฮุ่ยหลับไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับฝันเห็นลู่ฉี่เสียนยิ้มให้เธอ
เช้าวันรุ่งขึ้น สวี่ฮุ่ยตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนกร้องนอกหน้าต่าง
เธอเปิดม่าน มองต้นไม้ที่งอกเงยเขียวขจีนอกหน้าต่าง รู้สึกสงบสุขอย่างบอกไม่ถูก
คิดในใจว่า ถ้าได้แก่เฒ่าไปกับลู่ฉี่เสียนที่นี่จะเป็เื่ที่มีความสุขขนาดไหน!
คิดถึงตรงนี้ สวี่ฮุ่ยก็ห่อเหี่ยวทันที จนถึงตอนนี้เธอยังจีบเทพบุตรไม่ติดเลย!
แม้จะเพิ่งเจอกันเมื่อวาน สวี่ฮุ่ยก็อยากเจอลู่ฉี่เสียนอีกแล้ว
เธอไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ แล้วเปลี่ยนเป็เดรสสีแดงลูกท้อที่คุณย่าลู่ใช้เส้นสายให้แม่บ้านไปซื้อเมื่อคืน ก่อนจะเตรียมตัวออกไป
พอเปิดประตู เธอก็เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
ลู่ฉี่เสียนยืนอยู่หน้าประตู!
ต้องเป็ฝันซ้อนฝันแน่ ๆ!
สวี่ฮุ่ยปิดประตูดังโครม
ลู่ฉี่เสียนที่อยู่นอกประตูซวยไปเต็ม ๆ เขาชะโงกหน้าเข้าไปครึ่งหนึ่ง จมูกโด่ง ๆ ก็โดนประตูกระแทกจนเืกำเดาไหลออกมา
ในห้อง สวี่ฮุ่ยหยิกแขนตัวเอง โอ๊ย เจ็บชะมัด!
เจ็บก็แปลว่าไม่ใช่ฝัน งั้นพี่ลู่อยู่ข้างนอกจริง ๆ เหรอ?
เธอค่อย ๆ เปิดประตูอีกครั้ง
ลู่ฉี่เสียนยังคงอยู่ข้างนอก
ที่แท้ก็ไม่ใช่ฝัน!
แต่เืกำเดาของพี่ลู่ไหลได้ยังไงล่ะ?
ขณะที่เธอกำลังคิดไม่ตกอยู่นั้น สามพี่น้องลู่ฉี่โหย่วก็ถืออุปกรณ์อาบน้ำ เดินเรียงแถวจะไปล้างหน้าแปรงฟันที่ห้องน้ำ
บ้านสไตล์จีนปรับปรุงใหม่แบบนี้ ไม่ได้มีห้องน้ำในตัวทุกห้อง
ห้องที่สามพี่น้องลู่ฉี่โหย่วพักก็ไม่มีห้องน้ำ พวกเขาต้องไปใช้ห้องน้ำรวมของบ้าน
ตอนที่เดินผ่านลู่ฉี่เสียน เห็นเขากำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเืกำเดา เช็ดเท่าไหร่ก็ยังไหลไม่หยุด พี่น้องสามคนก็มองด้วยสายตาเหยียดหยาม
สวี่ฮุ่ยแค่ใส่กระโปรงสั้นโชว์เรียวขายาวเท่านั้นเอง ถึงกับต้องเืกำเดาไหลเลยเหรอ? ไม่มีความอดทนเอาเสียเลย!
ลู่ฉี่เสียนััสายตาแปลก ๆ ของน้องชายทั้งสามได้ จึงอธิบายว่า “จมูกฉันโดนประตูกระแทก”
พี่น้องสามคนพูดพร้อมกัน “ครับ ๆ ๆ พี่ใหญ่ พี่ว่ายังไงก็อย่างนั้นแหละ”
ลู่ฉี่เสียนทำหน้าระอา อธิบายไปก็เท่านั้น
เขาหันไปถามสวี่ฮุ่ย “เธอเชื่อฉันไหม?”
“เชื่อค่ะ” สวี่ฮุ่ยพูด “ฉันจะห้ามเืให้พี่ก่อนนะคะ”
เธอพาลู่ฉี่เสียนออกไปที่ลานบ้าน
ในลานบ้านมีก๊อกน้ำสำหรับรดน้ำต้นไม้ สวี่ฮุ่ยบิดผ้าขนหนูเย็น ๆ ผืนหนึ่งใต้ก๊อกน้ำแล้วนำมาประคบที่คอของลู่ฉี่เสียน