ในยามนั้นซ่งอวี้มองหลี่เฉิงเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ อย่ามองว่านี่เป็เพียงบะหมี่ธรรมดาหนึ่งถ้วย แต่มีความพิถีพิถันยิ่งนัก ทำให้ทานได้นั้นเป็เื่ง่าย แต่อยากจะทำให้อร่อยนั้น ต้องดูที่พร์
เช่นเดียวกับซ่งอวี้ ปกติแล้วนางทำอาหารให้ตนเองทานเท่านั้น แม้ไม่อาจกล่าวได้ว่าอร่อย แต่ก็เพียงทานให้อิ่มท้องเท่านั้น สำหรับเื่รสชาติ หื้ม ทานได้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว
เมื่อเทียบกันแล้ว ฝีมือการทำอาหารของนางถูกหลี่เฉิงโค่นล้ม
ซ่งอวี้คีบบะหมี่ขึ้นมากินไม่หยุด ลองเปรียบเทียบกับอาหารที่ตนทำ ผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้นางโมโหยิ่งนัก
พูดไปแล้วผู้ใดกันแน่ที่เป็สตรี คุณชายเยี่ยงหลี่เฉิง เหตุใดจึงมีพร์ในการทำอาหารได้เล่า! ไม่มีความเป็วิทยาศาสตร์เลยจริงๆ!
หญิงแกร่งในยุคสมัยใหม่เช่นนาง ก็ได้ แม้ปกติยามอยู่บ้านนางจะขี้คร้านในการทำอาหาร ทว่าไม่อาจเทียบกับคุณชายในยุคสมัยโบราณได้ ช่างเป็เื่ตลกร้ายเสียจริง!
หลี่เฉิงลูบผมของซ่งอวี้ด้วยความตลกขบขัน ััอ่อนนุ่มนั้นทำให้หัวใจของเขาอ่อนยวบ แม้กระทั่งหว่างคิ้วของเขาก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน พูดด้วยน้ำเสียงรักใคร่และเอ็นดู "หากเ้าอยากจะทาน วันข้างหน้าข้าจะเป็คนทำอาหารเอง ดีหรือไม่?"
สำหรับเขาแล้ว คำกล่าวที่ว่าบุรุษห่างครัวล้วนเป็เื่เหลวไหล อาหารคือ์ของมนุษย์ หากไม่อาจอิ่มท้อง เช่นนั้นไม่ว่าสิ่งใดก็ล้วนว่างเปล่า ซ่งอวี้คือสตรีที่อยู่ในใจของเขา หากนาง้า เขาก็ไม่ลังเลที่จะเข้าครัวทำอาหารให้นาง
ซ่งอวี้พยักหน้า แล้วส่ายหน้า "ช่างเถอะ ทานบ้างเป็ครั้งคราวก็พอแล้ว ให้ข้าเป็คนทำอาหารเถิด มิเช่นนั้นข้ากลัวว่าความมั่นใจของข้าจะถูกท่านทำลายเสียสิ้น"
ไม่มีพร์ ทดแทนได้ด้วยความขยัน สักวันหนึ่งนางต้องทำอาหารอร่อยกว่าเขาให้จงได้!
ทั้งสองทานอาหารด้วยกันอย่างมีความสุข จากนั้นก็เก็บกวาดโต๊ะและล้างจานด้วยกัน ราวกับสามีภรรยาทั่วไป ทว่าเมื่อยามค่ำคืนมาเยือน ก็เริ่มกระอักกระอ่วนแล้ว
ั้แ่พวกเขาสองคนนอนบนเตียงเดียวกัน ทั้งสองวางหมอนกั้นกลางมาโดยตลอด แต่ในตอนนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขายังคลุมเครือ ไม่ได้บอกความในใจ แน่นอนว่าไม่เป็เช่นไร ทว่าตอนนี้เล่า?
เมื่อตอนกลางวันเพิ่งบอกความในใจของกันและกัน หรือว่าตอนกลางคืนต้อง...
ซ่งอวี้กะพริบตาปริบๆ นิ้วมือทั้งสิบประสานเข้าด้วยกัน ท่ามกลางความตื่นเต้นเคล้าไปด้วยการตั้งหน้าตั้งตารอ
ถุ้ยๆๆ ตั้งหน้าตั้งตารออะไรกัน ไม่มีสิ่งใดต้องตั้งหน้าตั้งตารอ!
หลังจากตำหนิตนเองในใจแล้ว ซ่งอวี้ก็ขดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ทว่าแววตาร้อนรุ่มที่มองตามหลังตลอดเวลา ทำให้นางไม่อาจเมินเฉย
หลี่เฉิง เหตุใดต้องมองนางตลอดเวลาด้วย!
ซ่งอวี้หันหลังแล้วมองค้อนไปทางหลี่เฉิง ทว่าผู้ใดจะคาดคิดหลี่เฉิงไม่มีทีท่าจะหยุดการกระทำของตนเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้าม เขากลับยักคิ้วให้ซ่งอวี้ แย้มยิ้มร้ายกาจ
แสงเทียนมอดดับ ดวงตาทั้งสองประสานเข้าด้วยกัน
ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรัก เสียงหัวใจเต้นของผู้ใดกันที่ทำลายความเงียบสงบที่ผ่านมา ราวกับทะเลสาบที่ถูกคลื่นลมพัด ก่อให้เกิดระลอกคลื่น
ซ่งอวี้รีบล้มตัวลงนอน ใช้ผ้าห่มคลุมตัว ห่มผ้าอย่างมิดชิด นอนตัวแข็งทื่อ
เผชิญหน้ากับคนรักที่ไร้ยางอายและยั่วยวนเก่ง นางจะทำเช่นไรได้? ว่ากันว่าคนสมัยโบราณสงวนตัวไม่ใช่หรือ? นี่หรือคือคำว่าสงวนตัว? คล้ายกำลังกลั่นแกล้งตนชัดๆ!
ความรู้สึกไม่สบอารมณ์อัดอั้นอยู่ในใจ ซ่งอวี้ไม่ยอมโผล่หน้าออกมา ใช้ผ้าห่มผืนบางนี้เป็ดั่งกระดองเต่าของตนเอง ขดตัวอยู่ด้านในไม่ขยับเขยื้อน หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ซ่งอวี้ได้ยินเสียงขยับเขยื้อนดังขึ้นที่ข้างหู ตามด้วยเสียงหึเบาๆ หลังจากนั้นทุกอย่างก็เงียบสงบลง
หลี่เฉิงนอนไปแล้วหรือ?
นางคิดเช่นนี้ แต่ก็กลัวว่าในระยะเวลาสั้นๆ เช่นนี้หลี่เฉิงจะยังนอนหลับไม่สนิท ซ่งอวี้ตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิมไม่กล้าขยับเขยื้อน หลังจากเงียบอยู่นานพักใหญ่ นางก็ค่อยๆ ยื่นหน้าของตนเองออกมา
เวลานี้ดับเทียนในห้องไปแล้ว มีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่ส่องผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาเล็กน้อย เมื่อซ่งอวี้หันหน้ากลับไป นางคิดว่าจะเห็นหลี่เฉิงที่นอนหลับสนิท แต่สุดท้ายกลับถูกหลี่เฉิงจับได้
แย่แล้ว ถูกจับได้แล้ว จะทำเช่นไรดี? ท่ามกลางความมึนงง ซ่งอวี้ลืมไปว่านี่คือเรือนของตนเอง ทั้งสองเป็สามีภรรยาที่คนในหมู่บ้านให้การยอมรับ ไม่จำเป็ต้องร้อนตัวเช่นนี้
"ข้ากำลังอยากจะเตือนเ้า นอนคลุมโปงไม่ดีต่อสุขภาพ" หลี่เฉิงนอนตะแคง เอามือเท้าศีรษะ ยิ้มอย่างมีเลศนัย "เ้าคงไม่ได้เขินอายหรอกกระมัง?"
"ผู้ใด ผู้ใดเขินกัน!” ซ่งอวี้โต้เถียงอย่างปากไม่ตรงกับใจ นางดูร้อนตัวเป็พิเศษ เพราะอีกฝ่ายพูดถูก "นอนกันเถอะๆ พรุ่งนี้ยังต้องขึ้นเขา คืนนี้ไม่คุยกันแล้ว"
นางหาวหวอดใหญ่ที่ดูแล้วปลอมยิ่งนัก ซ่งอวี้อยากจะพลิกตัว นอนหันหลังให้หลี่เฉิง มิเช่นนั้นนางต้องเผยพิรุธให้เขาเห็นได้ทุกเมื่อแน่นอน!
ทว่าจู่ๆ โลกก็หมุน ซ่งอวี้มองหลี่เฉิงที่คร่อมอยู่บนเรือนร่างของนางด้วยสีหน้าตกตะลึง
"จากที่ข้ารู้ ปกติเ้าไม่เข้านอนเร็วเช่นนี้" หลี่เฉิงโน้มตัวลงมาใกล้ เสียงของเขาทุ้มต่ำกว่าปกติเล็กน้อย
ซ่งอวี้เบิกตากว้าง จับใจความสำคัญในคำพูดของเขาไว้ได้ "เหตุใดท่านจึงรู้ว่าข้านอนดึก?"
คนในยุคปัจจุบันไม่ได้เข้านอนเร็วเช่นนี้ มีโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ต่างๆ สามารถฆ่าเวลาได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นหลังจากทะลุมิติมาในสมัยโบราณ ความเคยชินของซ่งอวี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเท่าใดนัก แม้จะไม่มีสิ่งใดให้ทำ แต่กว่านางจะนอนหลับ ดวงจันทร์ก็อยู่ตรงกลางท้องฟ้าแล้ว
ทางด้านหลี่เฉิงที่เป็คนในยุคสมัยนี้อย่างแท้จริง เขาเคยชินกับการเข้านอนทันทีที่ฟ้ามืด ทั้งสองนอนเตียงเดียวกันมานาน ซ่งอวี้ย่อมรู้ข้อนี้เป็อย่างดี
หลี่เฉิงมองไปทางซ่งอวี้ด้วยความจนปัญญาเล็กน้อย เขาทอดถอนหายใจเบาๆ บรรยากาศเมื่อครู่ช่างดียิ่งนัก แต่ซ่งอวี้ดันไม่เข้าใจความรัก คำพูดของนางทำลายความบรรยากาศชวนรักชวนฝันที่เขาเจตนาสร้างขึ้น แม้เขาจะไร้ยางอายเพียงใด ทว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จึงมิได้พูดคำหวานออกมาแม้แต่คำเดียว
เขาปล่อยซ่งอวี้ด้วยความจนปัญญา ห่มผ้าให้นาง "ข้าเป็ผู้ฝึกวรยุทธ์ ััเฉียบคมว่องไวมาโดยตลอด เพียงแค่เ้าขยับเขยื้อนเล็กน้อย ข้าก็ตื่นแล้ว"
มิต้องพูดถึงซ่งอวี้ที่ไม่เพียงแค่พลิกตัว ตอนนั้นหญิงสาวในหมู่บ้านกลั่นแกล้งนาง ชีวิตของนางลำบากยิ่งนัก ยามคิดถึงเื่ที่ทำให้ปวดใจ นางมักจะลุกขึ้นนั่งด้วยความโมโห
เขาไม่ใช่คนตายเสียหน่อย หากนางเสียงดังเช่นนี้เขายังไม่ได้ยิน จะมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร?
เวลานี้ ซ่งอวี้กระอักกระอ่วนใจยิ่งนัก ก็ได้ นางคิดว่าตนไม่ได้เสียงดัง ทว่าที่แท้หลี่เฉิงก็ได้ยินั้แ่แรกแล้ว
ทั้งสองพูดออกนอกประเด็น บรรยากาศที่อบอวลด้วยความรักในตอนแรก เวลานี้สลายหายไปสิ้น ทั้งสองพูดคุยกันเล็กน้อย ซ่งอวี้ที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันจึงผล็อยหลับ ก่อนจะนอนหลับนางครุ่นคิดในใจ ‘คล้ายว่าพฤติกรรมและความเคยชินของนางใกล้จะถูกหลอมละลายไปหมดแล้ว ยิ่งอยู่ที่นี่นานยิ่งเข้านอนเร็ว'
ดีเหลือเกิน
สองสามวันที่ผ่านมานี้ ซ่งอวี้ยุ่งอยู่กับการเก็บสมุนไพร และแปรรูปสมุนไพร
สมุนไพรเหล่านี้หายากยิ่งนัก ทุกครั้งที่นางขึ้นไปบนหุบเขา ต้องเดินเข้าไปลึกๆ เพราะด้านนอกไม่มีร่องรอยของสมุนไพรเหล่านี้แม้แต่น้อย
หลี่เฉิงไม่วางใจที่จะให้นางขึ้นเขาตามลำพัง โดยเฉพาะหลังจากที่เขารู้ว่าสมุนไพรที่นาง้าอยู่ในป่าลึก เขาก็ยิ่งไม่ยอมให้นางขึ้นเขาตามลำพัง
ซ่งอวี้ไม่อาจทำสิ่งใดได้ ทำได้เพียงพาเขาไปเสี่ยงอันตรายด้วยกัน
แม้ในป่าลึกจะเต็มไปด้วยอันตราย แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับแล้ว นับว่าคุ้มค่ายิ่งนัก เป็เื่ที่รู้กันว่าสมุนไพรล้ำค่าต้องใช้เวลาในการเติบโต และสภาพแวดล้อมก็สำคัญยิ่งนัก สมุนไพรบางชนิดไม่อาจโดนแดด สมุนไพรบางชนิดไม่อาจโดนฝน สมุนไพรบางชนิดก็ขึ้นบนต้นไม้
สมุนไพรที่ใช้รักษาลุงสือโถว มีสามชนิดที่เป็เช่นนี้
เพื่อหาสมุนไพรให้ครบถ้วน ซ่งอวี้เดินเท้าอยู่บนหุบเขานานกว่าสองวัน แต่ก็หาได้เพียงสองชนิดเท่านั้น อีกหนึ่งชนิดที่เหลือทำได้เพียงวางไว้ก่อน