เพราะเื่นี้ จึงทำให้ไม่มีใครมารักษาเหล่าปัญญาชน เป็เหตุให้ปัญญาชนล้มตาย ท่ามกลางพวกเขามีหลายคนที่มากความสามารถ มีโอกาสได้เป็จอหงวน บรรดาอาจารย์ปวดใจจนพูดไม่ออก
ดังนั้นเวลานี้เมื่อทหารให้ทุกคนให้ความร่วมมือ พวกเขาจึงไม่พอใจเช่นนี้
ทว่าพวกทหารกลับไม่สนใจพวกเขา หลังจากแจ้งคำสั่งของแม่ทัพหลี่แล้วก็หันหลังเดินออกไปอย่างไร้เยื่อใย
"ทำอย่างไรดี? หรือว่าพวกเราต้องให้ความร่วมมือจริงๆ?" ปัญญาชนคนหนึ่งพูดด้วยความไม่สบอารมณ์ เขารู้สึกว่าโจรขโมยม้าสมควรตาย แต่แม่ทัพหลี่ก็มีส่วนผิดเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่อยากให้อีกฝ่ายได้ในสิ่งที่้า
ปัญญาชนอีกคนมองบน แล้วพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง "เขามีอำนาจทางการทหารอยู่ในกำมือ ทั้งยังช่วยชีวิตพวกเราตั้งหลายคน หากพวกเราไม่ทำตามคำสั่ง แล้วเขาป่าวประกาศต่อสังคมว่าลูกศิษย์ในสำนักศึกษานี้ไม่มองการณ์ไกล ทั้งยังเนรคุณ วันข้างหน้าพวกเราจะยืนอยู่ในสังคมได้อย่างไร?"
คำกล่าวที่ว่าปัญญาชนพบเจอทหาร มีเหตุผลแต่ไม่อาจพูดคุยกันให้ชัดเจนได้ ก็คืออย่างนี้แหละ
แม้ปัญญาชนอยากจะพูดคุยถกเถียงกับเหล่าทหาร แต่อีกฝ่ายก็ต้องยอมฟังด้วย ทว่านี่อีกฝ่ายเพียงออกคำสั่งแล้วให้ทหารปิดล้อม ทุกคนล้วนต้องยอมแพ้
แต่ว่าการยอมแพ้แล้วต้องเดินตามอีกฝ่ายเช่นนี้ ทำให้ปัญญาชนไม่พอใจยิ่งนัก
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างเงียบ ความดีใจในตอนแรกที่เกิดขึ้นเพราะอาการดีขึ้นหายไปจนหมดในชั่วพริบตา
เื่นี้ซ่งอวี้ไม่อาจยื่นมือไปยุ่งได้ แต่ส่วนลึกในใจของนางรู้สึกว่าปัญญาชนเหล่านี้เปี่ยมไปด้วยปณิธาน ด้วยเหตุนี้นางจึงกระซิบพูดคุยกับจังซื่อิ "เวลานี้ทหารของแม่ทัพหลี่ล้อมสำนักศึกษาเอาไว้ ทั้งยังปิดล้อมอย่างมีเหตุผล หากพวกเ้าต่อต้านพวกเขา ย่อมไม่เป็ผลดี แม้จะกราบทูลฝ่าา พวกเ้าก็ไร้เหตุผล เวลานี้พวกเ้าทำได้เพียงเชื่อฟังเขาเท่านั้น"
เห็นชัดว่าจังซื่อิก็ดูแคลนการทำงานของแม่ทัพหลี่ เมื่อฟังคำพูดของซ่งอวี้ สีหน้าของเขาย่ำแย่เล็กน้อย จึงเอ่ยถามเสียงเบา "ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ?"
ซ่งอวี้ส่ายหน้า
"ไม่มีวิธีอื่นแล้ว เวลานี้การที่พวกเ้าเชื่อฟังไม่ได้เป็การเชื่อฟังเขา ทว่าเชื่อฟังเพื่อหลักความยุติธรรม เพราะเขากำลังทำการสืบหาจารชน หากพวกเ้าต่อต้านเขา เช่นนั้นจะถือเป็การปกป้องจารชน"
"การปกป้องจารชนมีความผิดอย่างไร ข้าว่าเ้าน่าจะรู้ดีกว่าข้า หากพวกเ้าไม่ชื่นชอบพฤติกรรมของเขา เช่นนั้นค่อยคิดหาวิธีในภายหลัง ไม่ใช่อาศัยเื่นี้ในการมีปัญหากับเขา"
สายตาของจังซื่อิหม่นหมอง เขาเข้าใจอย่างชัดเจน หากพวกเขาดึงดันที่จะต่อต้านแม่ทัพหลี่ ย่อมไม่อาจเลี่ยงโทษปกป้องจารชนได้
ไม่รู้ว่าแม่ทัพหลี่คนนี้มีจุดประสงค์อะไร ถึงได้ใจร้ายกับเหล่าปัญญาชนเช่นนี้ ทว่าแม้พวกเขาจะคับแค้นใจก็ไม่อาจต่อกรกับอีกฝ่ายใน่วิกฤตเช่นนี้ได้
แม่ทัพหลี่เป็ผู้นำทางการทหารได้ เช่นนั้นก็หมายความว่าเขาเป็คนมีอำนาจ พวกเขาที่เป็เพียงศิษย์ในสำนักศึกษา ในสายตาของแม่ทัพหลี่แล้ว คงไม่ต่างอะไรกับมด
ซ่งอวี้เงียบไปครู่หนึ่ง ความคิดบางอย่างแว่บขึ้นมา
"ไม่ว่าแม่ทัพหลี่้าให้พวกเ้าทำสิ่งใด พวกเ้าต้องกระตือรือร้น เขาจึงจะคิดว่าพวกเ้าเป็คนหัวอ่อน อยากจะประจบเขา เมื่อเป็เช่นนี้เขาก็จะคลายความระมัดระวังที่มีต่อพวกเ้า"
"หลังจากจับจารชนได้แล้ว ตระกูลใดที่มีอำนาจค่อยเคลื่อนไหว ฝ่าาเองก็ทรงทราบดีว่าพวกเ้าให้ความร่วมมือกับงานนี้ หลังจากนั้นพวกเ้าอยากจะทำสิ่งใด ก็ล้วนขึ้นอยู่กับพวกเ้าแล้วไม่ใช่หรือ?"
ขอเพียงเื่นี้ไปถึงหูของจักรพรรดิ สิ่งที่แม่ทัพหลี่กระทำต่อปัญญาชนย่อมไม่อาจปิดเงียบได้แล้ว เท่าที่ซ่งอวี้รู้ จักรพรรดิคนปัจจุบันให้ความสำคัญกับบุ๋นมากกว่าบู๊ หากฮ่องเต้ทราบเื่ที่แม่ทัพหลี่กระทำกับสำนักศึกษา เกรงว่าแม่ทัพหลี่คนนี้ต้องเดือดร้อนแน่นอน
การที่ลุงสือโถวส่งจังซื่อิมาร่ำเรียนแสดงว่าเขาไม่ใช่คนโง่เขลา เวลานี้ซ่งอวี้เพียงจุดประกายความคิดเล็กน้อย สายตาของเขาก็ทอประกายวาววับ
"จริงด้วย ขอเพียงฝ่าาทราบเื่ ต้องลงโทษแม่ทัพหลี่ขั้นรุนแรงแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น บรรดาสหายของข้าก็จะได้แก้แค้นแล้ว!”
สายตาของเขาจับจ้องไปที่ซ่งอวี้ ทอประกายความชื่นชม
คิดไม่ถึงว่าซ่งอวี้ไม่เพียงมีวิชาการแพทย์ล้ำเลิศ เวลานี้ยังอ่านสถานการณ์และคิดแผนการได้เป็อย่างดี คำพูดเพียงไม่กี่คำของนางก็ชี้ทางสว่างให้พวกเขาได้แล้ว
ซ่งอวี้ถูกเขามองจนรู้สึกกระอักกระอ่วน หลังจากดึงสติกลับมา นางเดาความคิดของอีกฝ่ายได้ จึงยิ้มแล้วส่ายหน้า "พวกเ้าเพียงจมอยู่ในความทุกข์และขุ่นเคือง จึงขาดสติสัมปชัญญะไปชั่วขณะก็เท่านั้น ข้าเป็คนนอก ย่อมมองขาดกว่าพวกเ้า ความจริงแล้วรอให้พวกเ้าตั้งสติได้ แผนการดังที่ข้าคิด พวกเ้าย่อมคิดได้แน่นอน"
"พอแล้ว เมื่อวานข้าเหนื่อยยิ่งนัก วันนี้ก็นอนไม่อิ่ม ข้าขอตัวกลับไปงีบก่อน พวกเ้าจะทำเช่นไรก็คิดให้ดีก่อน"
เื่ต่อจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่นางควรจะข้องเกี่ยวแล้ว ซ่งอวี้ทราบดี ไม่ต้องรอให้แม่ทัพหลี่มาถึงแล้วไล่นางออกไป นางก็ออกไปก่อนแล้ว
ลุงสือโถวเองก็ไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าของจารชนในสำนักศึกษา ย่อมไม่เกี่ยวข้องกับเื่นี้เช่นกัน เขาจึงตามซ่งอวี้ออกไป
แน่นอนว่าไม่อาจออกไปนอกสำนักศึกษาได้ เมื่อวานก่อนจะเข้ามา ตอนเห็นทหารเฝ้าอยู่หน้าประตู นางคิดว่าทหารกำลังปกป้องปัญญาชนด้านในที่ได้รับาเ็เสียอีก
ทว่าคิดไม่ถึงว่าแม่ทัพหลี่ไม่ทำตามกระบวนการ เขากักขังปัญญาชนทั้งหมด โดยใช้การจับจารชนมาเป็ข้ออ้าง
ซ่งอวี้ไม่รู้ว่าแม่ทัพหลี่คนนี้กำลังคิดอะไร บรรดาปัญญาชนาเ็สาหัสเพราะการหักหลังของจารชน คิดว่านี่เป็กลอุบายแกล้งทำให้ตนาเ็เช่นนั้นหรือ? ช่างแปลกคนยิ่งนัก
หลังจากซ่งอวี้ออกมาจากห้องผู้ป่วย นางก็ตรงไปอ่านตำราที่ห้องของตนเอง ในสำนักศึกษาไม่ค่อยมีอะไร ทว่ามีตำรามากมาย
แต่หนังสือเคร่งเครียดเป็เื่เป็ราวเ่าั้ นางทนอ่านไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงทำได้เพียงไหว้วานให้คนหาบทละครพื้นเมืองมาให้อ่าน แม้จะเป็เพียงนิทานรักชายหญิง ทว่าก็ดีกว่าไม่มีอะไรทำ
ถึงอย่างไรก็เป็การฆ่าเวลา
ทว่าสิ่งที่ทำให้นางหมดคำจะพูดคือไม่เพียงแค่เนื้อหาน้ำเน่า แต่นิยายส่วนมากล้วนเป็เื่ราวความรักของคุณหนูตระกูลใหญ่กับปัญญาชนยากไร้ อาศัยความมั่งคั่งของตระกูลสตรีส่งตนเองเดินบนเส้นทางการสอบขุนนาง ตามด้วยสอบติดจอหงวน แล้วทั้งสองก็แต่งงานกัน
นิยายส่วนมากล้วนมีเนื้อความประมาณนี้ น่าเบื่อจริงๆ
ว่ากันว่านิยายเช่นนี้ได้รับความนิยมจากปัญญาชนยิ่งนัก? ซ่งอวี้ครุ่นคิดอย่างหมดคำจะพูด หรือว่าเหล่าปัญญาชนล้วนอยากพึ่งพาอาศัยสตรี?
ความจริงแล้วชีวิตในยุคปัจจุบันตอนซ่งอวี้เรียนหนังสือ นางก็เขียนนิยายลงในเว็บไซต์เพื่อหาเงินค่าขนม แม้นิยายของนางจะไม่แปลกใหม่ ทว่าเพราะภาษาสละสลวย ดังนั้นจึงมีแฟนคลับติดตามจำนวนหนึ่ง
นักเขียนให้ความสำคัญกับนิยายที่ตนเลือกอ่าน นิยายเหล่านี้นั้น...
ไม่อาจกล่าวว่าภาษาไม่สละสลวย ซ่งอวี้ทำได้เพียงหัวเราะแห้งๆ ให้กับการดำเนินเื่ อาศัยว่าใช้การอ่านนิยายกล่อมตนเองนอน จึงฝืนอ่านต่อไปได้ มิเช่นนั้นหากไม่ทำอะไรทั้งวันทั้งคืน ก็น่าเบื่อเกินไป
ในเวลาเดียวกัน แม่ทัพหลี่พารองแม่ทัพและทหารเข้ามาในสำนักศึกษาด้วยความน่าเกรงขาม หลังจากนั้นก็เรียกตัวปัญญาชนไปถามไถ่ทีละคน
เดิมทีเหล่าปัญญาชนตั้งใจจะไม่ให้ความร่วมมือ เพราะ้าจะโต้กลับแม่ทัพหลี่ ทว่าหลังจากจังซื่อิเล่าสิ่งที่ซ่งอวี้แนะนำให้พวกเขาฟัง บอกกับทุกคนว่าวีรบุรุษแก้แค้น สิบปีก็ไม่สาย หากพวกเขาไม่ให้ความร่วมมือในการจับจารชน เช่นนั้นเมื่อเื่ไปถึงจักรพรรดิ สุดท้ายคนที่จะเป็ฝ่ายเสียเปรียบก็เป็ตัวพวกเขาเอง
เหล่าปัญญาชนต่างครุ่นคิด พวกเขารู้สึกว่าซ่งอวี้พูดมีเหตุผล
พวกตนเดือดร้อนไปแล้ว หากไม่ให้ความร่วมมือแล้วต้องเดือดร้อนอีก เช่นนั้นก็เท่ากับทำเื่โง่ๆ ไม่ใช่หรือ
ด้วยเหตุนี้แม่ทัพหลี่จึงพบว่าปัญญาชนที่ตอนแรกไม่พอใจกับการกระทำของเขา เวลานี้กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็หลังมือ ไม่ว่าพวกเขาจะถามอะไร เหล่าปัญญาชนล้วนตอบตามที่ตนรู้
ในตอนหลังเมื่อพวกทหารไม่ถามคำถาม กลับกลายเป็เหล่าปัญญาชนที่ไม่สบอารมณ์ ทุกคนต่างให้ความร่วมมือเต็มที่ พูดร่ายยาวไม่หยุด