เย่าจู่วางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็ะเิควันกระจายรอบเมือง หรือเส้นทางอพยพจากคฤหาสน์จักรพรรดิไปยังแดนสนธยา
ไม่มีใครรู้จักป่าเขาแห่งนี้ดีไปกว่าเขาผู้ซึ่งค้นพบประตูแห่งแดนสนธยาั้แ่อายุ 10 ขวบ แต่ถ้าไม่มีกุญแจ เขาก็ไม่อาจรู้ได้ว่าที่ด้านหลังประตูหินซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำนั้นมีอะไรอยู่
ั้แ่ที่พ่อบอกเขาว่าที่หลังประตูบานนั้นเต็มไปด้วยหลุมศพของบรรพบุรุษ เขาก็ไม่เคยไปเล่นที่นั่นอีกเลย ทำอย่างไรได้ ตอนที่เย่าจู่อายุได้ 10 ขวบภาพยนตร์เื่ “ดาบพิฆาตอสูร” และ “The Grave Digger’ s Handbook” ยังไม่เป็ที่นิยมนัก ผู้คนต่างหวาดกลัวสุสานโบราณ
แต่ ณ ขณะนี้ เขาลืมคำเตือนในวัยเด็กไปจนหมดสิ้น วิ่งเร็วกว่าใคร เขาอาศัย่เวลาที่ทะยานอยู่นั้นพันปากแผลซึ่งถูกลอบยิงไปพลางๆ ด้วย
ไพรผู้ซึ่งแกะรอยตามเย่าจู่มา อาการาเ็ที่มือส่งผลต่อการรักษาการทรงตัว เธอไม่อาจโลดแล่นไปจนแตะขีดจำกัดในการวิ่งบนเขาสูงชันระยะทาง 2,500 เมตรภายใน 6 นาทีได้อีก ในป่าที่มืดทึบ เธอเองก็ไม่กล้าใช้แสงสว่างหรือฝืนเกินขีดจำกัดความเร็วของตน
ไพรไม่ได้รีบร้อน ทุกระยะ 30 เมตรจะมีรอยบ่างบนต้นไม้ข้างกายปรากฏให้เห็น เธอตั้งใจทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้เสิ่นิผู้ซึ่งกำลังตามมา
แดนสนธยาอยู่ไกลกว่าที่คิด ลึกเข้าไปในป่าเขาซึ่งห่างจากหมู่บ้านเบเลอร์ถึง 12 กิโลเมตร แม้หมู่บ้านเบเลอร์จะมีนายพราน แต่พวกเขาจะไม่วิ่งเข้าไปในหุบเขาลึก รอบบริเวณเรียกได้ว่าเป็ป่าบริสุทธิ์ เถาวัลย์ใดๆ สามารถย้อนรอยประวัติศาสตร์ไปได้นับร้อยนับพันปี
โขดหินตามทางคมกริบเหมือนใบมีด ตาน้ำลึกที่สามารถกลืนกินเนื้อคนได้โดยที่ไม่ต้องคายกระดูกแอบซ่อนอยู่ในความมืดมิด รังมดคันไฟอันน่ากลัว แม้จะอยู่บนพื้นราบ เมื่อไปโดนรังมดคันไฟขึ้นมา ชีวีคงจะเหมือนตายทั้งเป็
สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเช่นนี้ช่วยทำให้หมู่บ้านเบเลอร์ซ่อนแดนสนธยาอยู่ได้เกือบ 200 ปีโดยที่ไม่ถูกรบกวนจากโลกภายนอก นอกจากนั้น คนงานส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมในการก่อสร้างั้แ่ต้นส่วนมากก็ถูกสังหารสิ้น
ไพรเดินลึกเข้าไปด้วยความระมัดระวัง ความไม่สะดวกของแขนทำให้เธอไม่สามารถสับงูพิษที่เลื้อยอยู่บนยอดไม้ได้ หญิงสาวเดินไปไม่ถึงสิบนาที ส่วนบนของศีรษะของเธอก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
2 ชั่วโมงให้หลัง ในที่สุดเย่าจู่ก็มาถึงทางเข้าของแดนสนธยาด้วยความเหนื่อยหอบ ประตูหินขนาด 4 เมตรใหญ่มหึมาซึ่งสร้างขึ้นในยุคที่ไม่มีเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ ช่างเป็โครงการอันแสนเหน็ดเหนื่อย
ประตูถูกสร้างขึ้นจากก้อนหินขนาดั์ มันหนาพอที่จะต้านทานการถล่มของะุเจาะเกราะในปัจจุบันได้ เมื่อเปิดกุญแจกลไกตัวล็อก โซ่จะดึงประตูหินขึ้น มันถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยความเฉลียวฉลาดของการออกแบบผสมผสานกับพระราชปรีชาญาณของจักรพรรดิในยุคนั้น
เย่าจู่เคยพยายามใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เปิดประตูหรือมองหาทางเข้าออกอื่นๆ แต่สุดท้าย มันก็ไร้ผลหากไม่มีรถถัง ทางที่ดีเย่าจู่ควรจะไปหาชายชราเพื่อเอากุญแจมาจะดีกว่า
เขาสูดลมหายใจเข้าและสอดกุญแจเข้าไปในรู บิดตัวล็อกหินขนาดใหญ่ จนภาพแกะสลักปะติดปะต่อกันขึ้นเป็สัญลักษณ์ของอ้ายซินเจียหลัวซื่อ เกิดเสียงคลิกขึ้นเสียงหนึ่ง ระบบล็อกแบบโบราณถูกเปิดใช้งาน ห่วงโซ่ขนาดใหญ่ดังครืดคราด มันดึงประตูหินอันหนักอึ้งขึ้น
“เหวินจิ้ง ฉันจะล้างแค้นให้เธอแล้ว…” เย่าจู่ส่องไฟฉายทางยุทธวิธีพลางเคลื่อนลึกเข้าไปยังแดนสนธยา
หลังจากที่เย่าจู่จากไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ภายในคฤหาสน์จักรพรรดิ เฝิงเฉวียนก็ติดอยู่ในหล่มของความหดหู่ ไม่สามารถปล่อยวางได้ ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไร เจิ้นถิงโทร.ระดมกำลังพรานและตำรวจจากสถานีตำรวจทั้งหมดในหมู่บ้าน รวมๆ แล้ว 30 นาย ทุกนายติดอาวุธปืนแล้วรวมตัวกันที่ลานประลองของคฤหาสน์จักรพรรดิ
“ทุกท่าน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ล้วนแต่เป็ความประมาทของผมเอง ผมมีบุตรชายผู้ชั่วร้ายและกลายเป็สัตว์ร้ายซึ่งเป็ภัยพิบัติต่อหมู่บ้านเบเลอร์ วันนี้ผมขอเชิญให้พวกคุณมาช่วย เพื่อจับสัตว์ร้ายมารับการพิพากษาที่จะทำลายเหล่าญาติพี่น้อง และทวงสัญลักษณ์แห่งผู้ใหญ่บ้านกลับคืนมา พิธีบวงสรวงในวันพรุ่งนี้ ผมจะสละตำแหน่งให้กับผู้ที่ทรงคุณธรรม ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านจะถูกเลือกโดยเหล่าขุนนาง เดิมทีเจิ้นถิงมีแผนที่จะสละตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านของตนในวันบูชา” ฟ้าดินในปีนี้ นี่คือเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเย่าจู่จึงไม่ลงมือก่อนวันบูชาฟ้าดิน
“ออกเดินทาง!” เจิ้นถิงออกคำสั่ง ผู้คุ้มกันรุ่นใหม่หลายนายพากันวิ่งออกจากหมู่บ้านเบเลอร์ไปยังูเาด้านหลัง พวกเขาล้วนแต่เป็นักแม่นปืนอันยอดเยี่ยม เป็ลูกหลานของทหารชั้นยอดที่รับหน้าที่ปกป้องหมู่บ้าน
“คุณลุง ให้พวกเขาไปก็พอ คุณลุงรออยู่ในหมู่บ้านนี่แหละ” เฝิงเฉวียนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ลองโน้มน้าวดูสักครั้ง
“ภัยพิบัติในบ้านลุง ลุงจะไว้ใจพึ่งพาแต่มือของคนอื่นได้อย่างไร ไม่ต้องห่วงไปหลานชาย ลุงเขียนพินัยกรรมเอาไว้แล้ว หากลุงตายในวันนี้ ทุกเื่จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหลาน หลานเพียงแต่ต้องนำพินัยกรรมฉบับนี้ไปมอบให้พ่อของหลานเพื่อรับรองความปลอดภัย” เจิ้นถิงยิ้มและตบไหล่เฝิงเฉวียน
“ผมไม่ได้ห่วงเื่ความปลอดภัยของคุณลุง ผมห่วงว่าหัวใจของคุณลุงจะไม่อาจทนเห็นศพของบุตรชายได้ ด้วยความแกร่งของเสิ่นิ เมื่อเขาเปิดโหมดสังหาร ไม่มีความเป็ไปได้ที่บุตรชายของคุณลุงจะรอดชีวิต” ในที่สุดเฝิงเฉวียนก็พูดตามจริง
“วางใจเถอะ ผลลัพธ์ทั้งหมด ชายชราได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว” เจิ้นถิงพูดจบก็ออกเดินทางไปกับทีม
เฝิงเฉวียนและพ่อบ้านไท่รั้งอยู่ที่บ้าน เฝิงเฉวียนดูแลเซี่ยวอี๋ พ่อบ้านไท่คุกเข่าลงตรงหน้าศาลเ้าอ้ายซินเจียหลัวซื่อ ขอโทษต่อบรรพบุรุษ ที่เขาไม่อาจรักษากุญแจแดนสนธยาเอาไว้ได้
ลอดตามถ้ำยาวไปอยู่ 5 นาที เย่าจู่ก็มาถึงตัวถ้ำซึ่งมีขนาดกว้างใหญ่เท่ากับสนามฟุตบอล ดอกฝิ่นสีแดงสดบานสะพรั่ง มันเหมือนกับทะเลบุปผาสีเืแห่งสรวง์
สถานที่ปิดเช่นนี้ แต่กลับไม่มืดเลย ้าของถ้ำ 5 ชั้นมีลูกแก้วตะปุ่มตะป่ำขนาดใหญ่ ผนังหินของถ้ำฝังด้วยกระจกเหมือนกับอยู่ในกาแล็กซี ลูกแก้วสะท้อนแสงจันทร์สว่างจากภายนอกถ้ำเข้ามา แม้ว่าแดนสนธยาจะอยู่ในสถานที่อันลึกลับ แต่กลับดูเหมือนในเวลากลางวัน
สภาพแวดล้อมของที่นี่สมกับที่ชื่อแดนสนธยา ธารน้ำจากูเาไหลทะลักเข้ามาจากยอดแหลม คมชัดและหอมหวาน น้ำแอ่งน้อยยังมีปลาคาร์ปอาศัยอยู่
บ้านไม้สองชั้นสร้างขึ้นใจกลางเมืองแห่งทะเลดอกไม้ ลักษณะของเรือนบ้าน เหมือนกับเป็ที่พักอาศัยของคนงานในแดนสนธยา
หลังจากที่เย่าจู่ราดน้ำมันเบนซินไปทั่วทะเลดอกไม้ เขาก็เดินเข้าไปในที่พักอาศัยหลังนั้น เขาแค่้าทำลายแดนสนธยาอันเป็ที่รักที่สุดของบิดา แต่ไม่้าฆ่าชาวบ้าน ชายหนุ่มจึงวางแผนที่จะ “เชิญ” ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้ให้ออกจากแดนสนธยาไป มอบอิสรภาพให้แก่พวกเขา
กระทั่งเย่าจู่เดินเข้ามาในที่พัก เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติไป ตามที่ชายชราได้กล่าวไว้ แดนสนธยาน่าจะเป็โรงผลิตและแปรรูปฝิ่นดิบ แต่เห็นได้ชัดว่าอุปกรณ์การผลิตเป็แค่ห้องแล็บทดลอง ติดตั้งอุปกรณ์ระดับไฮ-เอนด์ที่สามารถพบได้ในโรงงานเคมีเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันถูกนำมาใช้ในการแปรรูปและผลิตยาแผนปัจจุบัน
เห็นได้ชัดว่าประสิทธิภาพของยาแผนปัจจุบันใน่หลายปีที่ผ่านมานี้สูงขึ้นมาก ทำให้ธุรกิจฝิ่นฝืดเคืองไม่เป็ที่นิยมอีกต่อไป สามเหลี่ยมทองคำได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ส่งผลให้ธุรกิจค้าฝิ่นของหมู่บ้านเบเลอร์อยู่ใน่ขาลง
เจิ้นถิงคิดหาทางออกเอาไว้แล้ว ทุกอย่างสอดคล้องกับเวลา เขาทำการอัพเกรดผลิตภัณฑ์ เปลี่ยนจากเดิมที่ต้องขนส่งฝิ่นด้วยรถบรรทุกจำนวน 4 คันเป็ขับเคลื่อนสินค้าด้วยกระเป๋าเดินทางเพียงแค่ใบเดียว มูลค่าก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนั้นยังเพิ่มความปลอดภัยอีกด้วย
แต่ด้วยระดับความรู้ของคนในหมู่บ้าน หญิงชาายเฒ่าผู้ป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต คงไม่สามารถใช้เครื่องจักรอันซับซ้อนเหล่านี้ได้ แล้วไหนจะต้องมีความเชี่ยวชาญในเื่สมการเคมีอันซับซ้อนเ่าั้อีก
เย่าจู่รู้สึกงงงวย เขาตรวจสอบทุกห้องด้วยปืนแล้ว แต่กลับพบแต่ความว่างเปล่า ห้องหลายห้องถูกทิ้งว่างมาเป็เวลานาน ตามเหตุผลที่ว่า ทุกปีผู้สูงอายุหลายคนจะถูกส่งตัวมาที่นี่ มันเป็ไปไม่ได้ที่ที่นี่จะร้าง?
เมื่อเย่าจู่เปิดประตูห้องบานสุดท้าย ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น การตกแต่งในห้องดูคุ้นตา กลิ่นหอมจางๆ เหมือนกับรสชาติในความฝัน เขาก้าวขาเข้าไปในห้องและยกนิ้วขึ้นััที่หัวเตียง นั่นคือ...ของล้ำค่าที่เขาขโมยมาให้เหวินจิ้งตอนที่อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และเป็ดั่งคำมั่นสัญญาของ “สามี” เมื่อตอนที่เราต้องแยกจากกัน
“เย่าจู่?!” ทันใดนั้น เสียงะโก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังเย่าจู่ เขาหันกลับไปในขณะที่ตัวสั่นเทิ้ม สิ่งที่ชายหนุ่มเห็นคือเหวินจิ้งในชุดผ้ากระสอบ ในมือของเธอถือไม้เท้าอยู่
หญิงสาวที่เขาคิดร่วมหัวจมท้ายด้วยยังมีชีวิตอยู่ แม้จะผ่านมาแล้ว 9 ปี แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่
“ฉันคิด...ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้เจอเธออีกแล้ว” เย่าจู่ร้องไห้จนกลายเป็คนเ้าน้ำตา แม้แต่ในขณะที่พูด ลิ้นของเขาก็ยังสั่น
“...” เหวินจิ้งไม่ได้พูดอะไรแม้สักคำ เธอทิ้งไม้เท้าในมือลง ก่อนจะปิดปากส่ายหัวแล้วร้องไห้ เธอไม่อยากจะเชื่อเลย เธอปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชายตรงหน้าเธอนี้คือสามีของตัวเอง
“ขอโทษที่ฉันมาช้า” เย่าจู่ก้าวไปข้างหน้าและกอดเหวินจิ้งแน่น
“ไอ้บ้า! ปล่อยฉันนะ!” เหวินจิ้งดิ้นอย่างบ้าคลั่ง เธอกัดเย่าจู่เข้า ที่ไหล่จนเืออก ไม่เหมือนกับการได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้งหนึ่งในนิยายหรือภาพยนตร์ ความเกลียดชังของเหวินจิ้งเกินคำบรรยาย เป็เวลาหลายปีแล้วที่เธอถูกบิดาของชายคนรักขังไว้ในแดนสนธยาแห่งนี้ เธอมีชีวิตอยู่เพื่อปรุงยาทุกวัน มีชีวิตอย่างไร้อิสรภาพ
ภายในแดนสนธยา ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีทางออก ไม่มีเวลา พวกเขาได้แต่ทำงานไปเรื่อยๆ ทุกวันแบบนั้น ทุกๆ ปี เหวินจิ้งจะเห็นผู้สูงอายุที่ป่วยระยะสุดท้ายของเสียชีวิต เห็นคนชราชุดใหม่ถูกส่งเข้ามา เธอต้องสอนเหล่าผู้เฒ่าคนใหม่ถึงวิธีการผลิตยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นก็ฝังศพพวกเขาที่ตายจากไป ประตูแดนสนธยาจะเปิดปีละครั้งเท่านั้น เธอทำงานชิ้นนี้ซ้ำๆ กันทุกปี
เธอลืมไปแล้วว่าความรักคืออะไร สิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจมีเพียงแค่ความเกลียดชัง เธอ้าระบาย แม้ว่าเธอจะเคยชอบผู้ชายตรงหน้ามากก็ตาม
“ทำไม...ทำไมถึงยอมให้ฉันเจอนายอีก...ทำไมไม่ให้ฉันตายเร็วกว่านี้? พวกเขาตายกันไปหมดแล้ว...ไม่มีใครรอดสักคน...ตายกันหมด...” เหวินจิ้งร้องไห้กระทั่งเข่าอ่อนทรุดตัวลงในอ้อมอกของเย่าจู่ พวกเขาที่เธอเอ่ยถึงก็คือเพื่อนคนงานของเธอ ผู้สูงอายุที่ถูกส่งมาที่นี่ใน่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่ได้กระฉับกระเฉงนัก เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ชายชราคนสุดท้ายก็เพิ่งจะจากไป เธออยู่คนเดียวมาเป็เวลา 3 เดือนแล้ว หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะสูญเสียความสามารถในการพูดไป
“ทุกอย่างจบแล้ว! ฝันร้ายจบลงแล้ว! ฉันจะพาเธอออกไปจากที่นี่ ออกไปสู่โลกภายนอก ฉันอยากแต่งงานกับเธอ! เรามาใช้ชีวิตดั่งคนปกติกันเถอะ!” เย่าจู่ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นอดีตรักของตัวเองอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขาเปี่ยมไปด้วยความหวังสำหรับอนาคต...
“ไม่...เราทุกคนจะตกนรก พวกเราที่ทำบาปแสนสาหัส จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกปกติได้อย่างไร?” เหวินจิ้งจ้องลึกเข้าไปในแววตาอันคุ้นเคย สายตาอันพร่ามัว “เย่าจู่ ลูกของเราตายแล้ว”
“ความเศร้าโศกจะผ่านไป...” เย่าจู่กอดเหวินจิ้งและกัดฟันแน่น
“ฉันฆ่าลูกเองกับมือ...”