เหลียงฮวนคิดว่าจะได้ไปเที่ยวในเมืองแล้ว เธอถึงขั้นกระสับกระส่ายขณะเรียนติดกันสองวัน
เธอไม่ได้มีนิสัยที่จะสามารถสงบใจเรียนได้ ฐานะครอบครัวของเธอดีมากเหลือเกิน จิตใจส่วนหนึ่งของเหลียงฮวนจึงเอนเอียงไปกับการแต่งตัว ทำไมเด็กผู้หญิงหน้าตาดีถึงเข้าสู่สังคมไวน่ะหรือ เพราะตอนที่สามทัศนคติ [1] ยังไม่แน่นอน เด็กสาวสะสวยมักรู้สึกถึงสิ่งล่อตาล่อใจมากกว่าเด็กวัยเดียวกัน
หากครอบครัวดูแลไม่กวดขัน ไม่มีคนคอยชี้แนะอย่างถูกต้อง เด็กสาวสวยก็ยากที่จะทุ่มเทกายใจทั้งหมดไปกับการเรียน
เหลียงฮวนยังเรียนไม่จบมัธยมปลายปีหนึ่ง ภาระด้านการเรียนไม่หนักหนาเท่าปีสาม หลิวฟางตามใจเธอยิ่งกว่าอะไรดี ถ้าเธอ้าดวงดาวก็ไม่มีทางได้ดวงจันทร์ ด้วยเหตุนี้ทำให้เธอมีนิสัยเอาตนเองเป็จุดศูนย์กลาง บวกกับเ้าตัวหน้าตาสวย พื้นฐานครอบครัวดี อาจารย์ในโรงเรียนล้วนรู้ว่าบิดาเหลียงฮวนเป็ข้าราชการ ดังนั้นอาจารย์จึงพากันพะเน้าพะนอเหลียงฮวน ส่วนเพื่อนร่วมชั้นก็ประจบยกยอเธอ... เหลียงฮวนเองพอมีความฉลาดอยู่บ้าง รีบเร่งตั้งใจก่อนสอบสักหน่อย คะแนนสอบทุกครั้งถือว่าไม่เลว
ชีวิตของเธอเป็รูปแบบเรียบง่าย ได้มีสิ่งที่ผู้อื่นไม่มีโดยอยู่อย่างสุขกายสบายใจ แล้วทำไมเธอต้องพยายามอีกเล่า?
อีกอย่างเธอสวยออกขนาดนี้ ก็ควรใส่เสื้อผ้าที่ดูดี สวมรองเท้าราคาแพง แต่งองค์ทรงเครื่องตนเองให้โก้เก๋—เหตุผลที่หลิวฟางปล่อยบุตรสาวแต่งตัวตามสบาย เพราะชีวิตของหลิวฟางก็ประสบความสำเร็จด้วยปัจจัยนี้ ค่อยๆ สร้างความเข้าใจว่าสตรีสามารถอาศัยหน้าตาเดินทางลัดแก่เหลียงฮวน ทว่ายุคสมัยกำลังเปลี่ยนแปลง ตอนหลิวฟางยังสาว ทุกคนแค่เข้าร่วมชั้นเรียนพื้นฐาน อ่านออกเขียนได้เป็พอ ต่างจากในปัจจุบัน หากหญิงสาวอยากแต่งงานกับคนมีคุณสมบัติดี นอกจากสวยแล้ว ต้องมีการศึกษาและอาชีพการงานด้วย
จากสถานะของบ้านเหลียงย่อมจัดการปัญหาเื่หางานให้ได้อย่างง่ายดาย ทว่าการศึกษาคือสิ่งที่ประดับศักดิ์ศรี หากเหลียงฮวนไม่มี เหลียงปิ่งอันย่อมรู้สึกอับอายขายหน้า
แม้เป็บุตรสาวของเขาเหลียงปิ่งอันเหมือนกัน แต่คุณภาพคู่ครองที่เหลียงฮวนผู้จบมัธยมปลายกับนักศึกษาเหลียงฮวนจะหาได้ย่อมแตกต่างกันแน่นอน!
ถ้ามิใช่เพราะเหตุนี้ หลิวฟางคงยิ่งตามใจเหลียงฮวนเข้าไปใหญ่ เนื่องจากตอนนี้อยากให้เหลียงฮวนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ถึงได้กำกับและกระตุ้นเธอให้เรียนรู้พัฒนาตนเป็ครั้งคราว ทว่าหลิวฟางอารมณ์ดี พอเหลียงฮวนบอกว่าจะเข้าเมืองไปเที่ยวกับเพื่อนร่วมชั้น หลิวฟางก็ตกลงอย่างเต็มใจ
“แต่ไม่อนุญาตให้เที่ยวเล่นนานเกินไปนะ ตอนบ่ายก็รีบกลับมาหน่อย เด็กผู้หญิงอยู่ข้างนอกกลางค่ำกลางคืนไม่ปลอดภัย!”
การปราบปรามยังไม่จบ พวกนักเลงอันธพาลที่เร่ร่อนตามถนนหนทางก่อนหน้านี้ล้วนไม่กล้าโผล่หัว แถมเหลียงฮวนก็เดินทางพร้อมเพื่อนนักเรียนหลายคน หลิวฟางจึงค่อนข้างวางใจในความปลอดภัยของเธอ วางใจส่วนวางใจ แต่การจู้จี้นั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหลียงฮวนออดอ้อนอีกหน่อย หลิวฟางก็แอบยื่นเงิน 100 หยวนให้เธอ “ถ้าพ่อลูกถาม บอกว่าแม่ให้ยี่สิบนะ!”
แม้จะให้ 20 หยวนจริงก็ไม่น้อยอยู่ดี ซาลาเปาไส้ผักหนึ่งลูกราคาไม่ถึงเหมา กำลังซื้อ 20 หยวนเยอะจนน่าใ เหลียงฮวนรับประทานอาหารมื้อใหญ่ในเมืองด้วยเงิน 20 หยวนได้ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอันที่จริงหลิวฟางให้ตั้งหนึ่งร้อยหยวน
เหลียงปิ่งอันได้ยินว่าลูกสาวจะไปในเมือง ก็ถามไถ่อย่างอย่างที่คิดจริงๆ “แม่ลูกให้เงินเท่าไร?”
เหลียงฮวนบุ้ยปาก “แม่ขี้เหนียวตลอด ให้ฉันแค่ 20 หยวน”
“อย่าพูดเหลวไหล 20 หยวนให้ลูกไปเที่ยวในเมืองหนึ่งวันยังน้อยอยู่อีกหรือ? สวนสาธารณะก็ไม่ต้องใช้ตั๋วเข้า ลูกนั่งรถรับส่งไปแค่เท่าไรเอง! เหลียงฮวน นี่ลูกไม่เห็นความสำคัญของเงินทองเลยหรือ?”
บ้านเหลียงมิได้เปิดธนาคารเสียด้วย
ครอบครัวไหนให้เงินส่วนตัวลูกหลานอย่างใจกว้างขนาดนี้กัน?
เหลียงปิ่งอันอบรมเหลียงฮวนสักพัก คราวนี้เหลียงฮวนไม่สบอารมณ์จริงๆ แล้ว เหลียงปิ่งอันเป็คนปากร้าย แต่อย่างไรเขาก็กลัวว่าเหลียงฮวนจะเงินขาดมือตอนเที่ยวเล่นอยู่ข้างนอก หญิงสาวใส่ใจรักษาหน้าตากันทั้งนั้นไม่ใช่หรือ เกิดเพื่อนๆ จะซื้อของอะไร หรือเหลียงฮวนอยากได้อะไรแต่เงินไม่พอเล่า? เหลียงปิ่งอันล้วงประเป๋าเงินออกมา นับต้าถวนเจี๋ย 5 ใบให้เธอ “ว่าลูกแค่สองสามคำยังกระฟัดกระเฟียดขนาดนี้เชียว ออกไปกับเพื่อนอย่าขี้งก อะไรควรจ่ายให้ก็จ่ายเสีย”
เหลียงฮวนอารมณ์ดีขึ้นมาทันที
เธอแค่เข้าเมืองหนเดียว ก็พกเงินเดือนหนึ่งเดือนของผู้มีรายได้สูงแล้ว
เหลียงอวี่เห็นพี่สาวขอเงินสองทาง รู้สึกนับถือไม่ใช่ย่อย
“พี่ พี่จะไปหาพี่เสี่ยวหลานกับเทาเทาใช่หรือเปล่า พาผมไปด้วยสิ?”
“พี่จะไปสวนสาธารณะกับเพื่อน ไม่พาเด็กน้อยไปหรอก”
เหลียงฮวนตอบปฎิเสธน้องชายอย่างชัดถ้อยชัดคำ เจอกันครั้งเดียวเองไม่ใช่หรือ ทำไมเหลียงอวี่คิดถึงพวกเขาตลอดเวลากันนะ
เช้าสุดสัปดาห์ เหลียงฮวนแต่งกายดูดีเข้าชุดกัน ก่อนที่บิดาเธอขับรถมาส่งที่ป้ายรถ พอเห็นว่าเธอเจอกับเหล่าเพื่อนนักเรียนหญิงจริงๆ จึงวางใจให้เธอเข้าเมือง เสียวอวี่มุดศีรษะลงใต้ที่นั่ง เมื่อเห็นว่าเหลียงปิ่งอันจากไปจึงเงยหน้าขึ้นมา อันตรายยิ่งนัก เกือบโดนเหลียงปิ่งอันเห็นแล้ว เสียวอวี่จำได้ว่าเหลียงปิ่งอันเคยมาที่บ้าน และเธอเคยชงชาให้อีกฝ่ายด้วยซ้ำ
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเธอและฝานเจิ้นชวน เหลียงปิ่งอันฉลาดขนาดนั้นทำไมจะดูไม่ออก
ถ้าถูกเหลียงปิ่งอันพบ ว่าวันนี้เธอเข้าเมือง ฝานเจิ้นชวนจะได้รับข่าวคราวในไม่ช้า ถึงเวลาเธอโดนจัดการแน่!
ทันทีที่เหลียงฮวนและเหล่าเพื่อนร่วมชั้นขึ้นรถ เสียวอวี่ก็ยิ้มแย้มเอาใจอีกฝ่าย
เหลียงฮวนพยักหน้ารับ
การยินดีช่วยเหลือแม่บ้านไม่ได้แปลว่าต้องสนิทสนมกับอีกฝ่ายกลางสถานที่สาธารณะนี่นา แม่บ้านของตระกูลฝานแค่รับใช้คนอื่นไม่ใช่หรือไร เหลียงฮวนมีอะไรต้องคุยกับแม่บ้านกัน เสียวอวี่เองก็อยากให้เหลียงฮวนไม่ทักทายเธอเหมือนกัน เื่ที่เธอไปพบพี่สาวของเหลียงฮวน คนรับรู้ยิ่งน้อยยิ่งดี
เหล่านักเรียนหญิงสนทนาจ้อกแจ้กจอแจบนรถ รวมเสียวอวี่ผู้มีเจตนาแอบแฝง นั่งรถมุ่งตรงไปยังซางตู
เหลียงฮวนตั้งใจไป ‘หลานเฟิ่งหวง’ ลงรถแล้วก็เข้าสู่จุดประสงค์หลักทันที
“เห็นหรือยัง นั่นคือร้านของลุงฉัน!”
เหลียงฮวนคางเชิดขึ้นเล็กน้อย เหล่าเพื่อนๆ ของเธอให้ความร่วมมือเข้าขากันดีมาก ส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความชื่นชม
“โอ้โห! ร้านสวยเหลือเกิน!”
“เหลียงฮวน ลุงเธอสุดยอดไปเลย”
“กลางวันยังเปิดไฟไว้หมด รู้สึกว่ามีระดับกว่าห้างสรรพสินค้าอีก...”
นักเรียนหญิงจากเขตมีความแตกต่างกับนักเรียนหญิงในเมืองอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนหลานเฟิ่งหวงเพิ่งเปิดกิจการ กระทั่งคนในเมืองมณฑลยังคิดว่าหรูหรา ผลลัพธ์ที่ปรากฏให้เห็นผ่านสายตามาจากการตกแต่ง ดวงไฟ และกระจก เพียงพอที่จะทำให้เหล่าเด็กสาวที่ใช้ชีวิตในเขตรู้สึกชื่นชมออกมาจากใจจริง
เหลียงฮวนลำพองใจเป็ที่สุด
เธอเชิดหน้าเดินเข้าร้านไปโดยถูกห้อมล้อม
หลี่เฟิ่งเหมยไม่ได้ประหลาดใจนักที่เห็นเหลียงฮวน หลิวฟางเคยมาตั้งหลายครั้งแล้ว เหลียงฮวนปรากฏตัวถือเป็เื่ที่เลี่ยงไม่ได้นี่นา
“ป้าสะใภ้ ป้ารอง!”
เหลียงฮวนยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่เห็นความฝืนแม้แต่น้อย
ต่อให้หลี่เฟิ่งเหมยไม่ชอบเธอขนาดไหน แต่จะต่อล้อต่อเถียงกับเด็กต่อหน้าคนอื่นไม่ได้
“ฮวนฮวนมาหรือ?”
หลิวเฟินซื่อตรงยิ่งกว่า เซี่ยเสี่ยวหลานที่เธอให้กำเนิดเองยังเป็ผู้เป็คนเอาตอนอายุ 18 ด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ดีกว่าเหลียงฮวนสักเท่าไร เหลียงฮวนยังอายุไม่ถึง 17 ปีดี คือเด็กน้อยในสายตาหลิวเฟิน หลิวเฟินลืมท่าทีก่อนตรุษจีนของเหลียงฮวนไปนานแล้ว นับประสาอะไรกับการที่เหลียงฮวนได้ทักทายอย่างเป็มิตร หลิวเฟินจึงรีบตอบรับ “ทำไมฮวนฮวนมาคนเดียวเล่า?”
“ฉันมากับเพื่อนๆ น่ะ พวกเธอพูดว่าจะมาเดินดูในหลานเฟิ่งหวงหน่อย ฉันบอกว่าเป็ร้านที่ลุงเปิด เลยพาพวกเธอมาดู ป้าสะใภ้ พวกเราดูเสื้อผ้าพวกนี้ได้หรือไม่?”
เสื้อผ้าในร้านราคาไม่ใช่ย่อมเยา
หลี่เฟิ่งเหมยอยากพูดว่าราคานี้ไม่ใช่ระดับกำลังซื้อของนักเรียน แต่พอเห็นเหลียงฮวนมีไมตรีเช่นนี้ หลี่เฟิ่งเหมยก็ไม่กล้าพูดความจริงน่ะสิ
อย่างไรเสียบนเสื้อผ้าก็มีป้ายแขวน บนนั้นเขียนราคาไว้ ให้นักเรียนหญิงเหล่านี้ดูเองแล้วกัน
“ดูได้แน่นอนสิ ชอบตัวไหนก็ลองได้ด้วย”
เหล่านักเรียนหญิงโห่ร้องดีใจ ยื่นมือคว้าเสื้อผ้าสวย หม่าเวยคอยช่วยส่งเสื้อหยิบกางเกง พวกเธอลองกันไม่จบไม่สิ้น ทำเอาหม่าเวยหัวหมุนเลยทีเดียว
เหลียงฮวนรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน ทว่าเหลียงฮวนไม่รีบร้อน
อย่างไรเสียก็เป็ร้านของลุงเธอ เสื้อผ้าแขวนตรงนั้นมันหนีไปไม่ได้ เธอลองเวลาไหนย่อมเหมือนกันไม่ใช่หรือ
เหลียงฮวนยังไม่ลืมว่าตนได้รับปากเสียวอวี่ว่าจะช่วยเธอ “ป้ารอง ทำไมไม่เห็นพี่เสี่ยวหลานเล่า เธอไม่ได้ช่วยงานในร้านหรือ?”
เชิงอรรถ
[1]三观 สามทัศนคติ ได้แก่ ทัศนคติต่อการใช้ชีวิต (人生观) ค่านิยม(价值观) และโลกทัศน์(世界观)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้