กระบี่ยาวชั้นทองมีชื่อตีขึ้นมาจากโลหะหายากชื่อ ‘หินฟ้าคราม’ ด้ามกระบี่และตัวกระบี่ล้วนเป็สีฟ้า กว้างราวสามจื่อ ยาวแปดสิบเิเ
อาวุธมีชื่อทั่วไปเป็เพียงโลหะธรรมดาที่ผสมโลหะหายากส่วนหนึ่งเข้าไปสัดส่วนโลหะหายากข้างในยิ่งมากคุณภาพก็ยิ่งดี ยิ่งแหลมคมแน่นอนว่าต้องมีชั้นเชิงฝีมือของช่างตีเหล็กด้วย
ช่างตีเหล็กที่ฝีมือสูงต่อให้วัตถุดิบแย่นิดหน่อยก็ยังดึงเนื้อโลหะบริสุทธิ์ออกมาได้ตีกระบี่ชั้นดีเล่มหนึ่งขึ้นมาได้ ช่างตีเหล็กธรรมดาต่อให้ได้วัตถุดิบดีมาก็อาจจะกำจัดสิ่งเจือปนออกไปไม่หมด ตีกระบี่ชั้นเลวออกมา
แต่เมื่อถึงมือช่างตีเหล็กระดับปรมาจารย์ความต่างชั้นของฝีมือไม่ส่งผลมาก ที่สำคัญ ดูกันที่สัดส่วนโลหะหายาก กระบี่ยาวมีชื่อเล่มนี้ของเสวียนเทียนตีมาจาก ‘หินฟ้าคราม’ นอกจากไม่ได้ผ่านการหลอมอาบด้วยไฟชนิดพิเศษไม่ได้หล่อเลี้ยงด้วยปราณแท้เบิกนภาก็แทบจะไม่ต่างไปจากศาสตราวิเศษชั้นนิลระดับล่าง
‘หินฟ้าคราม’ เป็โลหะหายากสูงค่ามากชนิดหนึ่ง เป็วัตถุดิบราคาแพงในการตีศาสตราวิเศษชั้นนิลความแข็งชวนตะลึง หากไม่ใช่เสวียนเทียนที่มีเรี่ยวแรงของช่างหลอมศาสตราชั้นนิลปรมาจารย์ช่างตีเหล็กคนอื่นจะนำ ‘หินฟ้าคราม’ มาตีเป็กระบี่ได้หรือไม่นั้นก็ยังไม่แน่
กระบี่ยาวมีชื่อที่ตีขึ้นมาจาก ‘หินฟ้าคราม’ เล่มนี้ เรียกว่าเป็อาวุธมีชื่ออันดับหนึ่งก็ไม่เกินไปอย่างน้อยศาสตราวิเศษชั้นนิลก็ทำลายมันไม่ได้
เสวียนเทียนมองกระบี่ยาวสีฟ้าในมือ คิดกับตัวเอง“เ้าเป็อาวุธมีชื่อเล่มแรกที่ข้าสร้างขึ้นมาภายหน้าข้าอาจเอาเ้าไปตีเป็ศาสตราวิเศษชั้นนิล มาตั้งชื่อให้เ้าเป็ความทรงจำกันเถอะเ้าตีขึ้นมาจาก ‘หินฟ้าคราม’ งั้นก็เรียกว่า ‘กระบี่แรกฟ้า’ แล้วกัน!”
พูดไป เสวียนเทียนก็กวัดแกว่ง ‘กระบี่แรกฟ้า’ ไป หนึ่งกระบี่ฟันทีหนึ่งกระบี่ยาวชั้นทองขั้นกลางเล่มหนึ่งก็หักเป็สองท่อนระดับความคมแทบจะฟันเหล็กเหมือนโคลน
“คมมาก นอกจากไม่มีพลังแอบแฝงของศาสตราวิเศษชั้นนิลความคม ความแข็งแกร่งเทียบกับศาสตราวิเศษชั้นนิลไม่แตกต่างกันสักเท่าไรกระบี่ขุนเขาหนักเป็ศาสตราวิเศษชั้นนิลระดับกลาง ถือไว้ในมือดึงดูดสายตาเกินไปเวลาปกติใช้เ้าก็แล้วกัน ทำฝักกระบี่ให้เ้ากับกระบี่ขุนเขาหนักคนละฝัก”
กระบี่ดี ย่อมต้องมาพร้อมฝักกระบี่!
ในแหวนมิติมี ‘หินฟ้าคราม’ อยู่จำนวนไม่น้อยเสวียนเทียนยังคงใช้ ‘หินฟ้าคราม’ ตีเป็ฝักกระบี่สีฟ้าหนึ่งชิ้นให้แก่ ‘กระบี่แรกฟ้า’
ส่วนกระบี่ขุนเขาหนักเสวียนเทียนคิดอยู่พักหนึ่งก็ใช้ ‘หินเหล็กดำ’ หินแร่หายากที่ดูเรียบง่ายค่อนข้างไม่สะดุดตาอย่างหนึ่ง ตีฝักกระบี่ฝักหนึ่งขึ้นมาฝักกระบี่ทั้งฝักสีดำสนิทไม่มีแสงรัศมีสะท้อน ธรรมดาอย่างยิ่ง
เสวียนเทียนเสียบกระบี่ขุนเขาหนักเข้าไปในฝักกระบี่เหล็กดำทันใดนั้นแสงสว่างเรืองรองทั้งหมดก็หายไปรัศมีความคมทั้งหมดถูกฝักกระบี่เหล็กดำเก็บซ่อนไว้ ไม่เปิดเผยออกมาแม้แต่น้อย
“เยี่ยม!” เสวียนเทียนอดชมขึ้นมาไม่ได้
กระบี่ขุนเขาหนักยามไม่มีฝักกระบี่เผยรัศมีประกายคมออกมาตลอดอำเภอเป่ยโม่ยังเป็เมืองเล็ก ไม่มีสายตาคนมากนัก เสวียนเทียนไม่กลัวถูกคนจดจำได้แต่ในอาณาจักรเสินเตายังมียอดฝีมือชั้นเบิกนภา่กลางและ่ปลายที่ร้ายกาจอีกมากมายศาสตราวิเศษชั้นนิลระดับกลางเล่มหนึ่งย่อมดึงใจละโมบของยอดฝีมือชั้นเบิกนภา่ปลายออกมา เมื่อออกจากอำเภอเป่ยโม่กลับไปยังสำนักกระบี่์เสวียนเทียนย่อมไม่กล้าถือกระบี่ขุนเขาหนักเดินกร่าง นั่นเป็การหาเื่ใส่ตัว
กลายเป็ปรมาจารย์ช่างตีเหล็กแล้ว ห่างจากช่างหลอมศาสตราอีกเพียงก้าวเดียวเสวียนเทียนไม่จำเป็ต้องเก็บตัวแล้ว ผ่านการใช้ยาควบปราณแท้ชั้นล่างติดต่อกันมาหนึ่งเดือนต่อให้หนึ่งวันใช้หนึ่งเม็ด ความเร็วของการฝึกฝนเมื่อเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาคนอื่นก็เร็วกว่าสามเท่ายิ่งผนวกกับพร์เป็เหตุความเร็วในการฝึกของเสวียนเทียนเป็เจ็ดแปดเท่าหรือถึงสิบเท่าของผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาคนอื่น
เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งเดือน เสวียนเทียนยังไม่ได้เก็บตัวฝึกฝนทั้งวันพลังวัตรก็มั่นคงดีแล้ว อีกไม่นานก็จะถึงขีดสูงสุดของชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง
“จะก้าวสู่ชั้นเบิกนภาขั้นสอง ต้องเรียนวิชาปราณชั้นนิลถึงเวลากลับสำนักกระบี่์แล้ว”
“คิดจะกลายเป็ช่างหลอมศาตรานอกเสียจากจะได้ไฟชนิดพิเศษที่มีอยู่ตามธรรมชาติมาก็ต้องฝึกวิชาปราณชั้นนิลสายอัคคี สร้างไฟพิสุทธิ์เบิกนภา กลับไปสำนักกระบี่์ดูแล้วคงต้องเลือกวิชาปราณสายอัคคีสักเล่มมาฝึกพลังธาตุไฟของข้าเป็ระดับสุดยอดสมบูรณ์แบบ ฝึกฝนวิชาปราณสายอัคคีย่อมรวดเร็วชนะผู้อื่น”
“เดือนนี้วุ่นกับการฝึกพลังตีเหล็ก ฝึกกระบี่ ตอนนี้ต้องกลับสำนักแล้ว ในที่สุดก็พอมีเวลาว่างอยู่บ้างสัมภาระบนตัวของนักดาบอสนีบาต วางไว้ในแหวนมิติไม่ทันได้สนใจมาตลอดตอนนี้ลองดูเสียหน่อย”
เสวียนเทียนสะพายฝักกระบี่ของ ‘กระบี่ขุนเขาหนัก’ กับ ‘กระบี่แรกฟ้า’ ไว้บนหลังกระบี่เสียบอยู่ในฝัก ด้ามกระบี่หนึ่งซ้ายหนึ่งขวาไขว้กันอยู่ที่หัวไหล่ของเสวียนเทียน แบบนี้สะดวกกับเสวียนเทียนชักกระบี่ได้ตลอดเวลาทั้งยังมีมือว่างไม่ต้องถือฝักกระบี่ ถ้าไม่อย่างนั้น ถือกระบี่สองเล่มเสวียนเทียนย่อมไม่มีมือข้างที่สามมาชักกระบี่ จะชักกระบี่ยังต้องทิ้งฝักกระบี่ วุ่นวายอย่างยิ่ง
ทำเสร็จแล้วเสวียนเทียนก็ดึงห่อผ้าชุบน้ำมันห่อหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ
ก็คือห่อผ้าที่ค้นออกมาจากศพของนักดาบอสนีบาตนั่นเอง
เมื่อเปิดห่อผ้าออกดู ้าสุดที่วางไว้ก็คือคัมภีร์ยุทธ์เล่มหนึ่ง...เพลงดาบสายฟ้าอสนีบาต
เพลงดาบสายฟ้าอสนีบาตเป็วิทยายุทธ์ชั้นนิลขั้นต้นชนิดหนึ่งแต่ท่า ‘สายฟ้าพิโรธ’ ที่นักดาบอสนีบาตใช้ออกมาท่าสุดท้ายนั้นพลังอำนาจเหนือชั้นกว่าวิทยายุทธ์ชั้นนิลขั้นต้น หรือในคัมภีร์จะมีอะไรผิดแปลกไปอยู่
เสวียนเทียนพลิกเปิดดูก็เห็นในหน้าที่หนึ่งเขียนไว้สองคำ เล่มต้น!
เสวียนเทียนรีบเปิดดูคัมภีร์ ‘เพลงดาบสายฟ้าอสนีบาต’ อย่างเร็วหนึ่งรอบ ในใจก็กระจ่าง ที่แท้ ‘เพลงดาบสายฟ้าอสนีบาต’ นี้เป็วิทยายุทธ์ชุดหนึ่ง ทั้งหมดมีเล่มต้น กลาง ท้ายเล่มต้นเป็ชั้นนิลขั้นต้น เล่มกลางเป็ชั้นนิลขั้นกลาง เล่มท้ายเป็ชั้นนิลขั้นสูง
‘เพลงดาบสายฟ้าอสนีบาต’ ที่นักดาบอสนีบาตได้มาเป็เพียงเล่มต้น แต่หลังสุดของคัมภีร์กลับบันทึกท่าหนึ่งของเล่มกลางเอาไว้นั่นก็คือ ‘สายฟ้าพิโรธ’
ถึงแม้ ‘เพลงดาบสายฟ้าอสนีบาต’ จะเป็เพลงดาบ ส่วนเสวียนเทียนฝึกฝนวิถีกระบี่ แต่ท่า ‘สายฟ้าพิโรธ’ เสวียนเทียนชื่นชมเป็อย่างยิ่งถ้าไม่ใช่นักดาบอสนีบาตก็ยังฝึกได้ไม่ถึงขั้นกระบวนท่านี้คงมีพลังอำนาจแข็งแกร่งเป็อย่างมาก เทียบกับ ‘กระบองเมฆาคล้อยนภาจู่โจม’ ที่อู่หยวนจ้าวใช้ยังแข็งแกร่งกว่าอยู่มาก
เป็วิทยายุทธ์ชั้นนิลขั้นกลางเหมือนกันแต่เนื้อแท้ของ ‘เพลงดาบสายฟ้าอสนีบาต’ แข็งแกร่งกว่า ‘กระบองเมฆคล้อยนภาจูโจม’ อยู่มาก เห็นได้ว่า ‘เพลงดาบสายฟ้าอสนีบาต’ ในหมู่วิทยายุทธ์ระดับเดียวกัน เป็ที่สุดของสุดยอดชนิดหนึ่ง เล่มท้ายของ ‘เพลงดาบสานฟ้าอสนีบาต’ เป็ไปได้อย่างที่สุดว่าจะเป็สุดยอดวิทยายุทธ์ชั้นนิลขั้นสูงผู้ที่ฝึกฝนแล้วมีพลังวัตรถึงชั้นเบิกนภาขั้นสิบ ในชั้นเบิกนภาบนล่างคงไร้คู่ต่อกร
“แม้ข้าจะไม่ได้ฝึกฝนเพลงดาบแต่ถ้าได้วิทยายุทธ์ ‘เพลงดาบสายฟ้าอสนีบาต’ ทั้งชุดมา ข้าก็คงเข้าใจหลักวิชายุทธ์จากมันอยู่มาก โดยเฉพาะพลังสายฟ้าบ้าคลั่งเหนือสิ่งใด นักดาบอสนีบาตพลังวัตรเพิ่งชั้นเบิกนภาขั้นสามกลับใช้พลังของสายฟ้าโจมตีได้ถ้าข้าสามารถบรรลุใช้ท่ากระบี่ประสานกับพลังของสายฟ้า พลังอำนาจคงจะเพิ่มพรวดพราด”
ในใจเสวียนเทียนคิดเงียบๆ อ่าน ‘เพลงดาบสายฟ้าอสนีบาต’ อย่างละเอียดรอบหนึ่ง เล่มที่หนึ่งเป็เพียงวิทยายุทธ์ชั้นนิลขั้นต้นเทียบดูแล้วธรรมดามาก ไม่ได้มีวิธีควบคุมพลังของสายฟ้า
เสวียนเทียนวาง ‘เพลงดาบสายฟ้าอสนีบาต’ เล่มต้นไว้ข้างหนึ่ง ด้านล่างมีสมุดเล่มเล็กเล่มหนึ่งอยู่เสวียนเทียนเปิดออกดูที่แท้เป็สมุดบันทึกซึ่งเขียนสิ่งที่นักดาบอสนีบาตได้พบได้ฟังทั้งหมดไว้
ข้างในมีประสบการณ์บนเส้นทางยุทธภพที่นักดาบอสนีบาตบันทึกไว้ไม่น้อยรวมไปถึงบุคคลพิเศษที่สังหารไป
เปิดไปไม่กี่หน้า เห็นบนนั้นมีตัวหนังสือชื่อสำนักกระบี่์อยู่ทั้งหมดสิบชื่อด้านหลังเขียนว่า ‘สังหาร’ นักดาบอสนีบาตพูดว่าเขาสังหารศิษย์ในสำนักกระบี่์ไปสิบคนที่แท้ไม่ได้พูดโม้โอ้อวด
นอกจากสำนักกระบี่์ยังมีสำนักหมัดราชันย์ สังหารไปหกคนขนาดสำนักดาบเทวะก็ยังมีสองชื่อ ไม่มีแค่คนของสำนักเทียมเมฆา
เปิดไปหน้าต่อไป พอตัวอักษรปรากฏสู่สายตา เสวียนเทียนโกรธจัดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้บนหน้ากระดาษเขียนไว้ว่า “ทุกครั้งที่ข้าสังหารศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งของสำนักกระบี่์ได้หนึ่งคนไปเอาเงินรางวัลกับสำนักเทียมเมฆาได้หนึ่งล้านตำลึงสังหารศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองของสำนักกระบี่์ได้หนึ่งคนไปเอาเงินรางวัลกับสำนักเทียมเมฆาได้สองล้านตำลึงสังหารศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสามของสำนักกระบี่์ได้หนึ่งคนไปเอาเงินรางวัลกับสำนักเทียมเมฆาได้สามล้านตำลึง”
“สำนักเทียมเมฆาตัวดี เป็พรรคธรรมมะทรงเกียรติชื่อดังกลับกล้าให้ค่าหัวร่วมมือกับมหาโจร ทำร้ายศิษย์ร่วมสำนักกระบี่์ของข้าช่างเป็สำนักขยะลวงโลก หน้าไม่อาย ต่ำช้านัก” เสวียนเทียนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจโกรธจัด
อ่านต่อไปที่ท้ายหน้าในที่สุดก็หาข้อมูลของ ‘เพลงดาบสายฟ้าอสนีบาต’ พบ ความสนใจของเสวียนเทียนถูกดึงไปทันที
บนนั้นเขียนว่า “ศักราชใหม่เสินโจวปีที่ 957 โชคใหญ่มาเยือนข้า บังเอิญเข้าไปในเทือกเขาอัสนีเข้าไปในคลังสมบัติแห่งหนึ่ง ได้ ‘เพลงดาบสายฟ้าอสนีบาต’ เล่มต้นมา กลืนหัวใจสายฟ้าเข้าไปโดยไม่ตั้งใจ สามารถละลายพลังสายฟ้าได้เสียดายที่พร์ของข้ามีจำกัด เข้าไปในคลังสมบัติชั้นสอง เอา ‘เพลงดาบสายฟ้าอสนีบาต’ เล่มกลางกับเล่มท้ายมาไม่ได้วันหน้าข้าต้องเลี้ยงศิษย์ที่มีพร์ยอดเยี่ยมสักคนรอให้พลังวัตรเขาบรรลุชั้นเบิกนภาให้เขาเข้าไปในคลังสมบัติชั้นที่สองเอา ‘เพลงดาบสายฟ้าอสนีบาต’ เล่มกลางกับเล่มท้ายรวมถึง ‘วิถีจิตสายฟ้า’ ที่ลึกซึ้งขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งออกมา”
เทือกเขาอัสนี?
ในใจเสวียนเทียนปรากฏตำแหน่งที่ตั้งของเทือกเขาอัสนีขึ้นมาในพริบตาทางตะวันออกของอาณาจักรเสินเตา มีอาณาจักรขนาดกลางอยู่แห่งหนึ่งชื่อว่าอาณาจักรเสินอู่มีสำนักเทพยุทธ์สำนักขั้นห้าเป็ผู้ควบคุม ด้านตะวันออกของอาณาจักรเสินอู่อีกทีหนึ่งมีอาณาจักรขนาดใหญ่อยู่ชื่อว่าอาณาจักรเซียวเหยามีสำนักกระบี่เ้าสำราญสำนักขั้นสี่ควบคุม
เทือกเขาอสนีอยู่ที่ชายแดนทิศตะวันออกเฉียงเหนือระหว่างอาณาจักรเสินอู่กับอาณาจักรเซียวเหยาทิศเหนือของเทือกเขาอัสนีก็คือเทือกเขาดงอสูรที่กว้างไพศาลไร้ขอบเขต
“ดูแล้ว คงต้องไปเยือนเทือกเขาอสนีสักครั้งเข้าไปในคลังชั้นสอง ไม่รู้ว่าจะต้องมีพร์อะไร? หรือว่าพร์อะไรก็ได้?ข้ามีพลังธาตุทองชั้นยอดเยี่ยม พลังธาตุไฟชั้นสุดยอดสมบูรณ์แบบดูแล้วมีโอกาสมากที่จะเข้าคลังสมบัติชั้นสองได้”
“หากได้ ‘เพลงดาบสายฟ้าอสนีบาต’ มาครบชุดคงมีประโยชน์กับข้ามาก ยังมี ‘หัวใจสายฟ้า’ นั่นอีกคือสิ่งใดกัน? ถึงกับทำให้นักดาบอสนีบาตผสานพลังกับสายฟ้าได้ดูแล้วเป็ของล้ำค่าสักอย่างเหมือนกัน”
“ก่อนอื่นกลับสำนักกระบี่์เทือกเขาอัสนีอยู่ห่างจากอาณาจักรเสินเตา อำนาจของสำนักกระบี่์ยื่นไปไม่ถึง สถานที่ไกลเพียงนั้นอย่างน้อยรอพลังวัตรสูงกว่าชั้นเบิกนภาขั้นสามก่อน ค่อยไปลองดูที่เทือกเขาอัสนี”
เสวียนเทียนปิดสมุดบันทึกเล่มน้อยแล้วถือขึ้นมาดูด้านล่างยังมีม้วนผ้าผืนหนึ่ง เสวียนเทียนเปิดม้วนผ้าออกบนนั้นเป็แผนที่คลังสมบัติที่เขาพบบนเทือกเขาอัสนีวาดขึ้นมาจากความทรงจำของนักดาบอสนีบาต
“หืม มีแผ่นที่นี้หาคลังสมบัติที่นักดาบอสนีบาตเคยไป ก็นับว่าไม่ยากแล้ว!”
เสวียนเทียนปิดแผนที่พลางยิ้มนิดๆนักดาบอสนีบาตมอบของขวัญให้เขาชิ้นไม่น้อยเลย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้