"หนทางอย่างไรเพคะ?" เหนียนอีหลานสบตาจ้าวเยี่ยน ความหวังลุกโชนเป็ประกายในดวงตาอ้างว้าง
ทว่าจ้าวเยี่ยนกลับนิ่งเงียบ เพียงแค่่เวลาอันเงียบงัน สำหรับเหนียนอีหลานมันช่างทุกข์ทรมานเหลือคณานับ ในที่สุดเหนียนอีหลานอดรนทนไม่ไหว นางคุกเข่าลงบนพื้น คำนับโขกศีรษะให้จ้าวเยี่ยนอย่างหนักหน่วง จ้องมองบุรุษในชุดสีขาวงดงามตรงหน้าอย่างกระตือรือร้น “ท่านอ๋องหลีเพคะ อีหลานวิงวอนท่าน ขอแค่ท่านอ๋องหลีเต็มใจช่วยอีหลานให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ อีหลานจะยอมเป็วัวเป็ม้า ทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณของท่านอ๋องหลี”
“เป็วัวเป็ม้า?” แววตาของจ้าวเยี่ยนมืดมนเล็กน้อย หัวเราะแ่เบา “เช่นนั้นเปิ่นหวางอยากจะลองดูว่า การยอมเป็วัวเป็ม้าของเ้า จะมีประโยชน์กับเปิ่นหวางสักเท่าใด”
เหนียนอีหลานตัวสั่นเทา มองบุรุษตรงหน้านางอย่างระมัดระวัง นางตระหนักได้ทันทีว่า หลีอ๋องตรงหน้าผู้นี้ไม่เหมือนบุรุษผู้ซึ่งไม่้าแก่งแย่ง่ชิง ไร้ซึ่งความปรารถนาดั่งที่เคยเห็นในอดีต
มีประโยชน์สักเท่าใดงั้นหรือ?
ความหวังของเหนียนอีหลานดับมืดลงอีกครั้ง ตัวนางในยามนี้เป็แค่หมากเบี้ยที่ถูกทอดทิ้ง นางจะมีประโยชน์สักเท่าใด?
ทว่าเหนียนอีหลานคิดอะไรขึ้นได้ ดวงตาเคร่งขรึมจริงจัง “อีหลานจะพยายามทำให้ตนเองมีประโยชน์มากกว่านี้เพคะ”
ความแน่วแน่ในน้ำเสียงนั้น ทำให้จ้าวเยี่ยนพึงพอใจอย่างมาก
เหนียนอีหลานเหมือนจะตระหนักได้อย่างฉับพลันทันที นางเกิดในตระกูลเหนียน ในร่างกายมีสายเืของตระกูลหนานกงหมุนเวียน นี่เป็ความโชคดีของนาง ทว่าในยามนี้ นางได้รู้ว่า ความโชคดีนี้มิใช่สิ่งที่สามารถใช้ได้ตามใจชอบ ถึงจะค่อนข้างมีโชค นางก็ต้องต่อสู้เพื่อตัวเอง
เพื่ออยู่รอดบนผืนดินเช่นนี้ ผู้ใดมีอำนาจมากกว่า ผู้นั้นย่อมเหนือกว่า
ท่านยาย พวกเขาทำให้นางกลายเป็หมากที่ถูกทอดทิ้ง บางทีนางคงมีเพียงแต่ต้องไต่เต้าต่อไปไม่หยุด ทำให้ตนเองมีค่าต่อตระกูล จึงจะไม่ถูกทอดทิ้ง
“ดี เปิ่นหวางจะตั้งตารอให้เ้ามีประโยชน์ยิ่งกว่านี้ ทว่าในยามนี้ตรงหน้ามีหนทางเดียว บางทีเ้าน่าจะทำได้”
ระหว่างที่เหนียนอีหลานกำลังครุ่นคิด เสียงของจ้าวเยี่ยนพลันดังขึ้น
เหนียนอีหลานได้สติกลับมา “หนทางอันใดเพคะ?”
“ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงขอให้ฮองเฮาอวี่เหวินส่งตัวเ้าออกมา เ้ารอสักประเดี๋ยว เ้าออกไปปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนว่ายังคงปลอดภัย” น้ำเสียงของจ้าวเยี่ยนแ่เบามาก ทว่ามุมปากกลับผาดผุดรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่ง ตระกูลหนานกงคิดอยากจะทำลายสัญญา จะเป็เื่ง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร?
คำแนะนำของจ้าวเยี่ยน ทำให้เหนียนอีหลานอึ้งงันเล็กน้อย ออกไปปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนว่ายังคงปลอดภัยงั้นหรือ?
หากท่านยายเห็นนาง...จะมีท่าทีอย่างไร?
“ไม่...” เหนียนอีหลานครุ่นคิดบางอย่าง สีหน้าดูสับสนยิ่งขึ้น “หม่อมฉันโผล่ออกไป จะต้องทำให้แผนการของท่านยายพังแน่ เช่นนั้นหม่อมฉันในสายตาของท่านยายก็จะยิ่งเป็สิ่งไม่น่าอภัย”
“การที่เ้ายังมีชีวิตอยู่ก็เป็การทำลายแผนของนางแล้ว เป็สิ่งที่ไม่น่าอภัยเช่นกัน” จ้าวเยี่ยนกล่าวอย่างเ็า บอกความจริงอันโหดร้ายที่สุด “ตระกูลหนานกง้าใช้ความตายของเ้ามาแลกกับตำแหน่งแม่ทัพหลวง หากเ้าไม่ปรากฏตัวออกไปทำลายสถานการณ์ของพวกเขา ท้ายที่สุดเ้าก็ยากจะหลบหนีความตาย ถึงยามนั้น ไม่รู้ว่าจะมีผู้ใดจะยังช่วยเ้าได้อีก!"
ในใจของเหนียนอีหลานสั่นสะท้าน หัวใจเย็นเยียบขึ้นมาทันที ใบหน้าซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม นางรู้ว่า สิ่งที่จ้าวเยี่ยนกล่าวเป็ความจริง
ในยามนี้นางมีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่จะช่วยปกป้องตัวเองได้!
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดในใจของเหนียนอีหลานจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ มองดูจ้าวเยี่ยน “เพคะ อีหลานจะเชื่อฟังท่านอ๋องหลีทุกอย่าง”
"ไม่ เ้าไม่ได้เชื่อฟังเปิ่นหวาง แต่เชื่อฟังฮองเฮาอวี่เหวิน" จ้าวเยี่ยนแก้ไขอย่างใจเย็น
เหนียนอีหลานไม่เข้าใจคำพูดของจ้าวเยี่ยน ครั้นเห็นความสงสัยของนาง จ้าวเยี่ยนจึงกล่าวต่อไปว่า “ในสายตาของผู้อื่น ทุกวันนี้การที่ฮองเฮาอวี่เหวินพาเ้าเข้าวัง นางจะต้องดูแลเ้าอย่างดี ไม่เช่นนั้น ต่อให้อีกสักพักเ้าไปโผล่ต่อหน้าทุกคน ผลลัพธ์คงมีแต่ทำให้ทั้งสองฝ่ายเกลียดชังเ้าเท่านั้น”
“ท่านอ๋องหลีหมายความว่า อีหลานจะต้องประจบสอพลอฮองเฮางั้นหรือ? แต่ท่านยาย…” เหนียนอีหลานขมวดคิ้ว ในใจยังคงรู้สึกกังวล
ทว่าจ้าวเยี่ยนกลับไม่มีความคิดจะยุ่งยากกับนาง เขาเหลือบมองนางอย่างเ็า ดวงตาไม่พอใจ “คุณหนูใหญ่เหนียน เ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดเ้าถึงเทียบไม่ได้กับเหนียนยวี่?”
เหนียนยวี่...
ร่างกายของเหนียนอีหลานตื่นใอย่างเห็นได้ชัด
“นางฉลาดและเด็ดขาดเสมอ ส่วนเ้า...” จ้าวเยี่ยนคำรามในลำคออย่างเ็า แฝงนัยดูถูกอย่างไม่ปิดบัง “เปิ่นหวางช่วยเ้าได้ มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้น สุดท้ายคุณหนูใหญ่เหนียนจะทำอย่างไร อยากจะมีชีวิต หรืออยากจะตายล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเปิ่นหวาง”
ถ้อยคำอันเ็าของจ้าวเยี่ยน ทำให้จิตใจของเหนียนอีหลานสั่นสะท้าน นางกัดฟันอย่างขุ่นเคือง “ไม่ เหนียนยวี่...ข้าดีกว่านางชั้นต่ำนั่นมาโดยตลอด นางเด็ดขาดได้ ข้าก็ทำได้! อีหลานจะเชื่อฟังท่านอ๋องหลี ไม่ใช่ อีหลานจะเชื่อฟังฮองเฮาเพคะ”
ดวงตาของเหนียนอีหลานฉายแววเฉียบคม ชื่อ ‘เหนียนยวี่’ สองคำนี้ดูเหมือนจะยิ่งปลุกเร้าจิติญญาการต่อสู้ของนาง
จ้าวเยี่ยนเข้าใจความคิดของนาง ครั้นคิดอะไรได้ จ้าวเยี่ยนลังเลไตร่ตรองอยู่ครู่ใหญ่ จึงกล่าวต่อไปว่า “คืนก่อน ค่ายเสินเช่อเกิดเพลิงไหม้ใหญ่ มู่อ๋องเองก็เสียชีวิตในนั้นเช่นกัน ได้ยินว่าเพราะไปช่วยเหนียนยวี่”
ยามที่จ้าวเยี่ยนกล่าว อารมณ์ในดวงตาฉายแววซับซ้อน
จ้าวอี้...แม้ข่าวการเสียชีวิตของเขาจะถูกปิดบัง ทว่าจ้าวเยี่ยนก็ยังคงได้ยินข่าวลือมาบ้าง
ร่างกายของเหนียนอีหลานสั่นเทิ้ม ยากจะปกปิดความตื่นใ “ท่านอ๋องมู่...สิ้นพระชนม์แล้ว?”
แสงสว่างของเปลวเพลิงบนท้องฟ้าวันนั้นยังคงเด่นชัดในความทรงจำของนาง แสงเปลวเพลิงเต็มม่านฟ้าสว่างไสวเกือบทั้งคืน ที่แท้...นั่นคือเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ค่ายเสินเช่อ ที่แท้...ท่านอ๋องมู่... สิ้นพระชนม์แล้ว... สิ้นพระชนม์แล้วงั้นหรือ?
ทว่าท่านอ๋องมู่สิ้นพระชนม์แล้ว ตำแหน่งพระชายา ‘มู่หวังเฟย’...
ดวงตาของเหนียนอีหลานฉายแววตื่นตระหนก ร่างกายอ่อนแรงเล็กน้อย ราวกับถูกสูบเรี่ยวแรงออกไปโดยพลัน
เพราะท่านอ๋องมู่สิ้นพระชนม์แล้ว ข้าจึงหมดประโยชน์ต่อพวกคนตระกูลหนานกง ดังนั้นท่านยาย พวกเขาจึงทอดทิ้งข้างั้นหรือ?
เหนียนอีหลานกลืนน้ำลาย แล้วต่อจากนี้นางจะทำให้ตัวเองมีประโยชน์กับตระกูลหนานกงอย่างไร?
เหนียนอีหลานสูญเสียแผนการที่วางไว้ในใจ ครั้นคิดบางอย่าง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็ดุร้าย
เหนียนยวี่?
ท่านอ๋องมู่สิ้นพระชนม์ เพราะช่วยเหนียนยวี่งั้นหรือ?
นางเหนียนยวี่ สตรีชั้นต่ำผู้นั้นช่างเป็ตัวหายนะอย่างแท้จริง!
"เหนียนยวี่เล่า? นางตายด้วยหรือไม่เพคะ?” เหนียนอีหลานถามออกไปโดยไม่รู้ตัว ความดุร้ายในดวงตาลุกโชน
ทั้งหมดอยู่ในสายตาของจ้าวเยี่ยน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตายแล้ว”
“ตายแล้ว...” เหนียนอีหลานหัวเราะอย่างเบิกบาน ดูเหมือนเมื่อได้ยินข่าวดียิ่งใหญ่ ใบหน้าค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็โหดร้าย “ดี ตายแล้ว นางตายแล้วก็ดี นางคนชั้นต่ำนั่นสมควรตายเสียตั้งนานแล้ว ให้นางใส่ชุดสตรี และให้นางมาสู้กับข้า นางก็ยังเป็แค่บุตรีอนุตัวกระจ้อย ตลอดชีวิตนี้อย่าได้คิดเพ้อฝันจะขวางทางข้า นางตายไปแล้ว ส่วนข้ายังมีชีวิตอยู่... ฮ่าๆ... ข้ายังมีชีวิตอยู่...”
สีหน้าของเหนียนอีหลานดูบ้าคลั่งขึ้นพอสมควร ในเวลาอันเนิ่นนานเช่นนี้ นี่เป็่เวลาเดียวที่นางมีความสุข
เสียชีวิตในกองเพลิง มิใช่ว่าแม้แต่ซากศพก็คงจะไม่เหลือ?
เหนียนอีหลานครุ่นคิด ความบ้าคลั่งในดวงตาแรงกล้าขึ้นทบทวี เหนียนยวี่เอ๋ยเหนียนยวี่ หลายครั้งหลายคราที่เ้ารอดจากความตาย ครานี้ในที่สุดเ้าก็ตาย ช่างตายได้ดีเสียจริง!
ไม่ได้ตายในมือข้าก็นับว่าเหมาะกับนางแล้ว
เหนียนอีหลานหัวเราะเบิกบาน ทว่าครู่ต่อมา เสียงหัวเราะค่อยๆ อ่อนแรงลง ถึงขั้นที่รู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ถึงแม้เหนียนยวี่จะตายไปแล้ว ทว่าสถานการณ์ที่นางเผชิญในยามนี้กลับไม่ได้แปรเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
“ตายแล้ว...พวกเขาตายหมดแล้ว เช่นนั้นให้หม่อมฉันประจบฮองเฮาอวี่เหวินจะมีประโยชน์อันใดอีกเพคะ?”