คำพูดของมู่หรงหว่านหรู ทำให้แม่ทัพมู่โกรธอย่างไม่ต้องสงสัย เขาพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “นางคงไม่ได้ทำไปแบบสุ่มสี่สุ่มสี่สุ่มห้าจริงๆ หรอกใช่หรือไม่ ฮ่าฮ่า! ทหาร พาหานอวิ๋นซีออกไป!”
เดิมทีหานอวิ๋นซีก็เต็มใจที่จะไปกับเขาอยู่แล้ว ไม่จำเป็ต้องให้คนมาพาตัวไป ในขณะที่นางกำลังจะอธิบาย มู่หรงหว่านหรูก็ดึงนางไปข้างหลังและพูดอย่างเสียงแข็งว่า “แม่ทัพมู่ แม้ว่าอี้ไท่เฟยกับฉินอ๋องจะไม่อยู่ที่นี่ แต่ที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ที่ท่านจะมาทำตัวกร่างได้นะ!”
คำพูดเหล่านี้ เตือนสติแม่ทัพมู่ขึ้นมา จวนฉินอ๋องที่ไม่มีนายใหญ่ทั้งสองอยู่ แม่ทัพมู่เลยทำตัวกร่างอย่างมาก
แม่ทัพมู่ก้าวไปข้างหน้าและดึงมู่หรงหว่านหรูออกมา แล้วคว้ามือของหานอวิ๋นซี
ขณะเดียวกัน หานอวิ๋นซีจึงฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้สะบัดมือออกอย่างแรง และพูดอย่างดุเดือดว่า “พอได้แล้ว ข้าบอกว่าจะไปกับท่านไง ไปสิ! มัวทำอะไรอยู่?”
แม่ทัพมู่ผงะไปครู่หนึ่ง ทว่าก็สามารถสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว “เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ!”
ก่อนจะออกไป หานอวิ๋นซีมองหมู่หรงหว่านหรูอย่างมีนัย มู่หรงหว่านหรูก็เดินตามไปจนถึงประตูและพูดว่า “พี่สะใภ้ ข้าไม่รู้ว่ามู่เฟยกับฉินอ๋องจะกลับมาเมื่อไร แต่ท่านไม่ต้องห่วงนะ หากพวกเขากลับมา ข้าจะบอกพวกเขาแน่นอน”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ แม่ทัพมู่ก็คิดคำนวณไว้เแล้ว ว่าไม่มีใครสามารถช่วยหานอวิ๋นซีได้ในตอนนี้!
เหอะเหอะ หานอวิ๋นซี เ้าต้องรับผิดชอบเื่นี้จนถึงที่สุด!
หานอวิ๋นซีไม่อยากได้ยินเสียงของมู่หรงหว่านหรูอีกต่อไป นางได้ยินทีไรแล้วปวดหูทุกที ถ้ามีโอกาส สิ่งแรกที่นางจะทำคือปิดปากเ้าดอกบัวขาวนั่น!
ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงจวนแม่ทัพใหญ่ หานอวิ๋นซีครุ่นคิดมาตลอดทาง แต่นางก็ยังไม่รู้ว่าปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน เมื่อมาถึงจวนแม่ทัพใหญ่ นางยังคงเชื่อมั่นว่าตนเองไม่มีทางทำผิดพลาด
ภายในห้อง ใบหน้าของมู่ชิงอู่แดงก่ำ ริมฝีปากก็มีสีแดงผิดปกติ หานอวิ๋นซีมองแวบเดียวก็รู้ได้ว่าไข้สูงยังไม่ลดลง
นางนั่งลงข้างเตียงด้วยใจที่สั่นระรัว คิ้วเรียวยาวของนางขมวดแน่น จริงจังจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
กู้เป่ยเยวี่ยที่รออยู่ด้านข้างก็ไม่กล้าส่งเสียง
หลังจากคลำชีพจรและตรวจาแแล้ว หานอวิ๋นซีก็ถามว่า “ได้ให้ยาตามใบสั่งของข้าหรือไม่?”
“หวังเฟย ยาต้มก็เป็ข้าที่ปรุงมันด้วยตนเองทั้งหมด ดังนั้นไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน” กู้เป่ยเยวี่ยพูดด้วยความมั่นใจ และนำกากยาที่เหลือให้หานอวิ๋นซีตรวจสอบ
หานอวิ๋นซีดูและรู้ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี สารพิษที่ตกค้างในร่างกายของมู่ชิงอู่ก็สลายหายไปมากเช่นกัน แม้ว่าจะยังมีหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มีผลมากนัก
แผลก็ไม่ได้อักเสบ แต่ไข้กลับไม่ลดลง จิตใจก็ไม่แจ่มใส...
หานอวิ๋นซีครุ่นคิดและจับชีพจรอีกครั้ง ก็ไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับสภาพชีพจร แล้วมันเป็แบบนี้ไปได้อย่างไร?
หลังจากผ่านไปนาน เมื่อเห็นว่าหานอวิ๋นซีไม่พูดอะไร แม่ทัพมู่ก็โกรธจนะเิออกมา “หานอวิ๋นซี เ้าพูดมาสิ!”
หานอวิ๋นซีส่ายหัวอย่างตรงไปตรงมา “ข้าไม่แน่ใจ แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือพิษของแม่ทัพใหญ่ถูกล้างออกไปเกือบหมดแล้ว สาเหตุมันไม่ได้มาจากพิษ…”
“ข้าไม่สนหรอก ข้า้าให้เขาฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้! ตอนนี้! ทันที!” แม่ทัพมู่หงุดหงิดอย่างมาก
ถ้าเขาไม่ได้ฝากความหวังไว้ที่หานอวิ๋นซี เดาว่าเวลานี้เขาคงฆ่านางไปแล้ว
แต่ใครจะรู้ว่าหานอวิ๋นซีนั้นดุยิ่งกว่าเขาเสียอีก นางะโกลับมาว่า “ถ้าท่านยังเป็เช่นนี้ ข้าก็ไม่สามารถรักษาให้ได้หรอก! ท่านช่วยเงียบหน่อยได้หรือไม่!”
แม่ทัพมู่ถึงกับผงะไป จากนั้นก็กำหมัดแน่น โชคดีที่กู้เป่ยเยวี่ยห้ามเขาไว้ทันเวลา “แม่ทัพมู่ อย่าใจร้อนไปเลย ฟังหวังเฟยพูดให้จบก็ยังไม่สายเกินไป”
แม่ทัพมู่ยังคงไว้วางใจกู้เป่ยเยวี่ย เขาส่งเสียงฮึดฮัด แล้วกำหมัดพร้อมกับก้าวถอยหลัง
“หวังเฟย ถ้าสาเหตุไม่ได้มาจากพิษ ก็ต้องมีสาเหตุอื่นงั้นหรือ?” กู้เป่ยเยวี่ยพูดอย่างจริงจัง
แน่นอนว่าเขาเป็หัวหน้าหมอหลวงที่มีประสบการณ์มากมาย หานอวิ๋นซีชำเลืองมองเขาและพยักหน้าด้วยความมั่นใจ “ใช่ เพียงแต่ตอนนี้ข้าไม่สามารถระบุได้ว่ามันคือโรคอะไร แต่มันน่าจะมีมานานแล้ว”
โรคที่มีอยู่แล้ว?
กู้เป่ยเยวี่ยพยักหน้า “การวินิจฉัยของข้าและหวังเฟยเหมือนกัน หวังเฟย นี่ต้องเป็โรคที่ซ่อนอยู่เป็เวลานานและยังไม่ได้กำเริบขึ้นมา อาจเป็เพราะใน่หลายวันมานี้ร่างกายของแม่ทัพใหญ่อ่อนแอเกินไป มันเลยกดไว้ไม่อยู่และกำเริบขึ้นมา หรือไม่มันก็ถูกกระตุ้นด้วยพิษ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ดวงตาของหานอวิ๋นซีก็เป็ประกาย มองไปยังกู้เป่ยเยวี่ยด้วยความจริงจัง “เป็ไปได้หรือไม่ว่ามีพิษตัวที่สองอยู่ในร่างกาย...เป็พิษเรื้อรัง!”
หากเป็โรคอื่นๆ ละก็ จะมีไข้สูงเช่นนี้และสามารถตรวจจับชีพจรได้ หานอวิ๋นซีเชี่ยวชาญในการล้างพิษ ทว่าไม่เชี่ยวชาญในด้านอื่นๆ ส่วนกู้เป่ยเยวี่ยเองก็ไม่ได้ไร้ความสามารถ จึงเป็ไปไม่ได้ที่จะดูไม่ออก
มีความเป็ไปได้เพียงอย่างเดียวคือพิษเรื้อรังในร่างกายของมู่ชิงอู่ ซึ่งซ่อนอยู่ลึกเกินไปและไม่ได้ปะทุขึ้นมาเป็เวลานาน ดังนั้นระบบการล้างพิษจึงตรวจไม่พบ
หานอวิ๋นซีเปิดใช้งานระบบล้างพิษอีกครั้ง แต่แล้วก็ยังไม่มีการแจ้งเตือน ดูเหมือนว่าพิษนั้นยังไม่ปะทุออกมา และยังไม่ถึงค่าความไวขั้นต่ำของระบบล้างพิษ
พิษที่ต่ำขนาดนี้ยังทำให้ไข้ขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้ หากมันปะทุออกมาทั้งหมดจริงๆ จะน่ากลัวขนาดไหนกัน?
สรุปแล้วมันคือพิษอะไรกันแน่?
นางแอบกังวลอยู่ในใจ แม้ว่าเวลานี้จะไม่รู้ว่ามันคือพิษอะไร แต่ที่แน่ๆ สามารถมั่นใจได้ว่ามันคือพิษเรื้อรัง พิษที่ะเิอย่างรุนแรง นางล้างพิษมาหลายปี แต่เพิ่งเคยเจอมันครั้งนี้เป็ครั้งแรก
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มีเพียงวิธีเดียวคือต้องคอยเฝ้าผู้ป่วยตลอดเวลา เมื่อตรวจพบพิษให้หาจุดกำเนิดของมันและเริ่มล้างพิษทันที มิฉะนั้นจะทำให้พิษหนักขึ้น จนแม้แต่หานอวิ๋นซีเองก็ไม่สามารถคาดเดาได้
“พิษเรื้อรัง...” กู้เป่ยเยวี่ยมองแม่ทัพมู่อย่างครุ่นคิด
พิษเรื้อรังเป็สิ่งที่ละเอียดอ่อนมาก ซึ่งหมายความว่าคนที่วางยาพิษมู่ชิงอู่มานานขนาดนี้ต้องเป็คนที่อยู่ข้างๆ เขา
จู่ๆ แม่ทัพมู่ก็เผยสีหน้าโกรธเกรี้ยวขึ้นมาอีกครั้ง คนข้างกายหรือ ใครกันที่กล้าวางยาพิษบุตรชายสุดที่รักของเขา?
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลาไล่ตามฆาตกร เขาจึงรีบถามว่า “หานอวิ๋นซี เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรดี?”
“รอ” หานอวิ๋นซีตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “วิธีเดียวที่จะล้างพิษได้คือรอจนกว่าพิษจะปะทุออกมา”
แม่ทัพมู่ที่ฟังหูไว้หู มองไปทางกู้เป่ยเยวี่ย และเห็นว่าเขาพยักหน้า “ทุกอย่างต้องฟังหวังเฟย”
รอ…
หานอวิ๋นซีเดาว่าพิษน่าจะปะทุขึ้นมาภายในหนึ่งวัน แต่ไม่คาดคิดว่าระบบล้างพิษจะตรวจไม่พบสัญญาณพิษใดๆ ในตอนเย็นของวันถัดไป นางจึงใช้เข็มเก็บตัวอย่างเืเพื่อตรวจหา ทว่าก็ไม่พบอยู่ดี
หมอหลวงกู้เองก็ไม่กล้าใช้ยาสุ่มสี่สุ่มสี่สุ่มห้า ทำได้แค่เพียงลดไข้เท่านั้น โชคดีที่ไข้ขึ้นบ้างลงบ้าง มิฉะนั้นต่อให้มู่ชิงอู่จะฟื้นขึ้นมา แต่ศีรษะของเขาอาจจะไหม้ไปแล้วก็ได้
ท้ายที่สุด แม่ทัพมู่ผู้ซึ่งถูกเกลี้ยกล่อมโดยกู้เป่ยเยวี่ยมาตลอดก็ะเิความโกรธออกมา กำหมัดที่เฉี่ยวผ่านแก้มของหานอวิ๋นซีไปโดนเสา
“หานอวิ๋นซี เ้าโกหกข้าอีกแล้ว! เป็เ้าสินะที่เป็คนวางยาบุตรชายของข้า! เ้าอยากตายนักใช่หรือไม่!”
หานอวิ๋นซีที่ไม่ได้มีความกลัวใดๆ และใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงจัง “ไม่มีหมอคนไหนสามารถสรุปเวลาที่แน่นอนได้เต็มร้อยหรอกนะ ข้าบอกท่านได้แค่ว่า ช้าที่สุดคือสามวัน พิษจะต้องปะทุขึ้นมาแน่นอน ไม่เกินสามวันแน่นอน!”
“ชิ!” แม่ทัพมู่ไม่เชื่อนางอีกต่อไป
“ถ้าท่านไม่เชื่อข้าก็ไปหาคนอื่นได้เลย!” หานอวิ๋นซีพูดด้วยน้ำเสียงเ็า นางรู้ดีว่าสาเหตุที่แม่ทัพมู่มาหานางอีกครั้งเพราะเขาไม่สามารถหาใครอื่นได้อีก
“แม่ทัพมู่ อย่างน้อยเราก็พบสาเหตุมันแล้ว จะรออีกสักวันสองวันก็ไม่เป็ไรหรอก!” กู้เป่ยเยวี่ยพูดเกลี้ยกล่อม
แม่ทัพมู่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดูเหมือนกำลังลังเลเล็กน้อย
แต่ใครจะรู้ว่าในขณะเดียวกัน จู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับมู่หลิวเยวี่ยที่ยืนอยู่ที่ประตูด้วยความโกรธเกรี้ยว “หานอวิ๋นซี เ้าออกมานะ! เ้ามันคนโกหก ฆาตกร! วันนี้เ้าหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว!”
เป็เด็กผู้หญิงที่น่ารำคาญคนนี้อีกแล้ว หานอวิ๋นซีเพิกเฉยต่อเื่ไร้สาระของนาง แต่ทันใดนั้น เสียงที่มีเสน่ห์และเอาแต่ใจก็ดังขึ้น “หานอวิ๋นซี ข้าสั่งให้เ้าออกมาเดี๋ยวนี้ ถ้าเ้ากล้าแตะต้องพี่ชิงอู่ของข้าอีกครั้ง ข้าไม่มีวันยกโทษให้เ้าอย่างแน่นอน!”
นี่คือ...องค์หญิงฉางผิงสินะ!
คนที่คลั่งไคล้มู่ชิงอู่ที่สุดก็มาด้วยหรือ? ดูเหมือนว่ามู่หลิวเวี่ยจะไปฟ้องสินะ
หานอวิ๋นซีมองไปที่กู้เป่ยเยวี่ยด้วยความกังวลและพูดกับตัวเองว่า “แย่แล้ว”
ในขณะที่กำลังลังเล แม่ทัพมู่ก็เดินออกมาทันทีแล้วทำความเคารพ “ถวายบังคมองค์หญิงฉางผิงพ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่าองค์หญิงจะเสด็จมา โปรดอภัยให้กระหม่อมที่ไม่ได้ไปต้อนรับด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“แม่ทัพมู่ ท่านนี่มันจริงๆ เลย ในสายตาเ้ายังมีข้าอยู่อีกหรือไม่ เกิดเื่ใหญ่กับพี่ชิงอู่ขนาดนี้ เ้าไม่บอกข้าสักคำ!” องค์หญิงฉางผิงพูดอย่างไม่พอใจ
ท่ามกลางการจ้องมองของทุกคน ฉางผิงเดินเข้าไปในห้องทีละก้าว กู้เป่ยเยวี่ยลุกขึ้นและทำความเคารพ “ถวายบังคมองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงฉางผิงโบกมืออย่างเย่อหยิ่ง ส่งสัญญาณให้เขาทำตัวตามสบาย
นางเดินไปหาหานอวิ๋นซีทีละก้าว หานอวิ๋นซีเองก็นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ขยับเขยื้อน
องค์หญิงฉางผิงที่เดินเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นมู่ชิงอู่ ดวงตาที่หยิ่งยโสของนางก็อ่อนลง แต่แล้วก็กลายเป็แข็งกร้าวและไร้ความปรานี นางผลักหานอวิ๋นซีอย่างเ็า “สารเลว เ้ากล้าดีอย่างไรมาทำร้ายพี่ชิงอู่ของข้า!”
หานอวิ๋นซีที่ไม่ทันตั้งตัว ก็เกือบจะล้มลงกับพื้น นางใอย่างมาก “ช่างเป็ผู้หญิงป่าเถื่อนเสียจริง!”
หลังจากนั้น มู่หลิวเยวี่ยน้องสาวของมู่ชิงอู่ก็ตามเข้ามา ชี้ไปที่หานอวิ๋นซีและพูดว่า “องค์หญิง นี่คือผู้หญิงที่แทงพี่ชายของหม่อมฉันด้วยกริชในวันนั้น ทั้งยังโกหกพ่อของหม่อมฉันด้วยว่านางสามารถรักษาพี่ชายของหม่อมฉันให้หายได้ แต่...ฮือๆ...พี่ชายหม่อมฉันยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย!”
องค์หญิงฉางผิงะเิความโกรธ “เ้ามันแค่คนไร้ประโยชน์ คิดไม่ถึงว่าจะกล้ามารักษาพี่ชิงอู่ เ้าเห็นพี่ชิงอู่เป็อะไรกัน เป็ตัวทดลองหรือไร? ทหาร จับนางมาให้ข้า!”
ทันทีที่องค์หญิงฉางผิงพูดจบ องครักษ์สองนายก็รีบเข้ามาจากนอกประตู
ดวงตาของหานอวิ๋นซีฉายความดุร้ายและมองมาด้วยความเ็า จนทำให้องครักษ์สองคนใและไม่กล้าเข้ามาจับตัว นางพูดอย่างเ็าว่า “องค์หญิงฉางผิง คนไข้้าความสงบ ถ้ามีอะไรจะพูด เชิญท่านออกไปคุยข้างนอก”
องค์หญิงฉางผิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง “พวกเ้าได้ยินสิ่งที่นางพูดหรือไม่? ฮ่าฮ่า เื่ไร้สาระเช่นนี้นางก็กล้าพูด! ช่างน่าขันสิ้นดี!”
เมื่อพูดถึงเื่นี้ น้ำเสียงของนางก็เปลี่ยนเป็เ็า “หานอวิ๋นซี พี่ชิงอู่ยังไม่ฟื้น เ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้ เ้าเป็นักฆ่า ฆาตกรที่ฆ่าพี่ชิงอู่! ทหาร จะยืนบื้ออยู่ทำไม พาไปศาลต้าหลี่และทำการสอบสวนให้ดี!”
องค์หญิงฉางผิงมาวันนี้เพื่อจับผิดชัดๆ!
หานอวิ๋นซีเองก็ไม่สุภาพอีกต่อไป พูดอย่างเ็าว่า “องค์หญิงฉางผิงมีหน้าที่จัดการคดีและจับกุมคนไปที่ศาลต้าหลี่ั้แ่เมื่อไรกัน? นี่มันไม่ผิดกฎหรอกหรือ”
องค์หญิงฉางผิงผงะเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าหานอวิ๋นซีจะกล้าพูดกับนางเช่นนี้ เป็ไปได้หรือไม่ว่าข่าวลือในพระราชวังจะเป็ความจริง ว่าหญิงสาวขี้กลัวคนนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง?
“ข้า...ข้า...ข้ายินดีทำ แล้วมันก็เป็เกียรติของศาลต้าหลี่ด้วย!” องค์หญิงฉางผิงตอบอย่างมั่นใจ
“แล้วองค์หญิงฉางผิงรู้หรือไม่ว่าการจับกุมคนต้องมีหลักฐาน” หานอวิ๋นซีถามอีกครั้ง
องค์หญิงฉางผิงไม่ลังเล “หลิวเยวี่ยและหลี่ฉางเฟิงเป็พยาน พี่ชิงอู่ก็เป็พยานเช่นกัน แล้วก็...”
กู้เป่ยเยวี่ยที่ไม่สามารถทนฟังอีกต่อไป จึงขัดจังหวะขึ้นมา “องค์หญิงฉางผิง ข้าเองก็เป็พยานได้ว่าแม่ทัพใหญ่กำลังจะหายดี! พวกท่านออกไปก่อนเถิด มีอะไรจะพูด ค่อยคุยกันหลังจากที่ชิงอู่ฟื้นขึ้นมาเถอะ”
องค์หญิงฉางผิงหรี่ตาลงเล็กน้อยและพูดอย่างเ็าว่า “หมอหลวงกู้ ข้าพูดอยู่ ใครอนุญาตให้เ้าพูดขัดจังหวะกัน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้