งานชมดอกฉยงฮวานั้นจัดขึ้นปีละครั้งนี่ถือเป็วันสำคัญทางประเพณีของหนานเจียง ในวันนั้นเชื้อพระวงศ์ ขุนนางยศสูงและผู้มีศักดิ์เป็อ๋องหรือเ้าเมืองของแคว้นทั้งสามล้วนจะเดินทางไปเข้าร่วม งานชมดอกฉยงฮวาที่กล่าวถึงนั้นเป้าหมายหลักมีไว้เพื่อเลือกหญิงงามและผู้มีความสามารถบุรุษและสตรีที่ไม่มีคู่ครองล้วนมีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วม
อีกทั้งในวันที่จัดงานเลี้ยงนั้นจะมีการเลือกบุรุษและสตรีที่มีทั้งรูปโฉมและความสามารถที่โดดเด่นมาเป็ยอดบุปผา
บุรุษหรือสตรีที่ได้รับเลือกก็จะมีชื่อเสียงโด่งดังหลังจากผ่านงานเลี้ยงนี้ทันทีโดยมิต้องกังวลถึงการแต่งงานในอนาคตอีกทั้งถ้าหากได้แต่งแล้วก็ล้วนแต่จะได้คู่สมรสที่ดีเยี่ยม
สิ่งที่เซียวเหยียนและเซียวจู๋กังวลนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
แต่เดิมสกุลเซียวก็ตกต่ำอยู่แล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะฮูหยินเฒ่าถืออำนาจทหารไว้ในมือไม่ยอมปล่อยตอนนี้เกรงว่าจะไม่มีสกุลเซียวเหลืออยู่อีกต่อไป
ถ้าหากว่าเซียวซู่ซู่ได้สร้างเื่อับอายขายขี้หน้าให้กับแคว้นป่ายฮวาอีกเกรงว่าฮ่องเต้หญิงคงไม่มีทางยอมปล่อยสกุลเซียวอีกเป็แน่ แต่ว่าตอนนี้ ทุกคนล้วนอับจนหนทาง ทำได้เพียงแค่ลองดูไปทีละก้าวเท่านั้น
เวลาหนึ่งเดือน ต่อให้เป็อัจฉริยะก็ไม่อาจเรียนรู้ได้มากเท่าใดนัก
“น้องเล็กเื่ที่ฮ่องเต้หญิงทรงออกราชโองการมา ท่านยายยังไม่ได้บอกเ้าใช่หรือไม่เกี่ยวกับงานชมดอกฉยงฮวา...” เซียวเอินผู้เป็บุตรคนโตของเซียวเหยียนกำลังนั่งอยู่ด้านข้างของเซียวซู่ซู่เขาเอ่ยถามนางออกมาด้วยน้ำเสียงที่แ่เบา ใบหน้าฉายแววกังวลออกมาเล็กน้อย
สำหรับน้องสาวที่เพิ่งฟื้นคนนี้ของตน พวกเขาล้วนแต่เห็นนางเป็ดั่งไข่มุกล้ำค่าต้องประคองไว้ในอุ้งมือไม่ให้ได้รับอันตรายใดๆ
บุรุษของแคว้นป่ายฮวานั้นแตกต่างกับสตรีพวกเขาจะไม่แก่งแย่งชิงดีหรือคิดวางแผนทำร้ายใคร
อีกทั้งเซียวเอินเองก็มีนิสัยเรียบร้อยมีมารยาท เป็ที่โปรดปรานของญาติผู้ใหญ่แต่ถึงกระนั้นการที่เขาเป็บุรุษก็ทำให้ไม่อาจกลายเป็เสาหลักของสกุลเซียวได้
และเขาก็ดูเหมือนจะชอบเซียวซู่ซู่มากกว่าคนอื่นๆทุกวันเขามักจะมาถามไถ่เป็ห่วงนางอยู่เสมอ
เซียวซู่ซู่ที่กำลังก้มหน้าอ่านหนังสือก็เงยหน้าขึ้นมามองเขา “งานชมดอกฉยงฮวา?”
เมื่อเห็นวงคิ้วและดวงตาที่เรียวงามของเซียวซู่ซู่ประกอบกับใบหน้าที่เล็กน่ารักของนางแล้วดวงตาของเซียวเอินก็มีประกายปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง ไม่นานเขาก็สะกดอารมณ์ตัวเองลงสตรีของแคว้นป่ายฮวานั้นมิได้เห็นความบอบบางน่าทะนุถนอมเป็ความงามแต่รูปรางที่ผอมบางของเซียวซู่ซู่ กลับทำให้เซียวเอินที่เห็นบุคลิกที่สง่างามและแผ่นไหล่อันกว้างใหญ่ของสาวงามแคว้นป่ายฮวาจนเคยชินนั้นรู้สึกถึงความแปลกใจที่งดงาม
เมื่อก่อนเซียวซู่ซู่ได้แต่พักอยู่ในห้องตัวเองพร้อมกับสติที่ไม่สมประกอบเท่าใดนักทำให้เขามิเคยได้สังเกตนางดีๆ มาก่อน
ตอนนี้นางกลับเป็เหมือนไข่มุกล้ำค่าของสกุลเซียวแน่นอนว่าจะต้องดึงดูดความสนใจของทุกคน
แน่นอนว่าโฉมหน้าของเซียวซู่ซู่ในตอนนี้เรียกได้ว่างดงามมีเสน่ห์อย่างไร้ผู้เทียบเทียมกระทั่งซูเมิ่งหรูผู้ถือเป็สุดยอดสาวงามของต้าเยียนนั้นหากมายืนอยู่ข้างนางแล้วก็ยังดูด้อยกว่ามากนัก
แต่ว่าในแคว้นป่ายฮวารูปร่างและโฉมหน้าของนางนั้นไม่อาจจัดได้ว่างามไร้ที่ติ
การเลือกสาวงามของแคว้นป่ายฮวาคือการยึดเอารูปร่างที่สูงใหญ่เป็หลัก
โชคดีที่งานชมดอกฉยงฮวาถูกจัดโดยแคว้นทั้งสามจึงทำให้มิได้เลือกโดยยึดเอาความงามของแคว้นป่ายฮวาเป็หลัก
“ใช่แล้วฮ่องเต้หญิงทรงมีราชโองการว่าหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ให้เ้าไปร่วมงามเลี้ยงเชยชมดอกฉยงฮวากับพวกพี่ชายของเ้าพระองค์ตรัสว่าในเมื่อทางราชสำนักของแคว้นอ้าวอวิ๋นได้ถอนหมั้นแล้วมิสู้ไปเลือกคู่ครองใหม่ในวันนั้นแทน”
ฮ่องเต้หญิงองค์ปัจจุบันนั้นหาได้มีความรู้สึกดีๆต่อสกุลเซียวไม่
เซียวซู่ซู่ยิ้มออกมาอย่างเ็าแวบหนึ่งนางมิได้แสดงท่าทีตื่นตระหนกหรือกังวลใจ และก็มิได้แสดงท่าทีหงุดหงิดโมโหทำเพียงแค่พยักหน้านิ่งๆ ยอมรับความจริงเื่นี้อย่างไม่มีข้อกังขา
“น้องเล็ก...เ้าไม่กังวลเลยหรือ?ฮ่องเต้หญิงนั้นตั้งใจที่จะ...” เซียวเอินเอ่ยมาได้ครึ่งหนึ่งแล้วก็หยุดลงเขาไม่อยากให้คำพูดของตนทำร้ายน้องสาวผู้นี้
“ตั้งใจจะิ่หยามสกุลเซียว”เซียวซู่ซู่กลับเอ่ยต่อประโยคเมื่อครู่ มุมปากกระดกยิ้มเย็นขึ้น
ทว่าในแววตากลับไร้ซึ่งความใส่ใจ
ถ้าหากพูดถึงความสามารถแล้วนางซูฉีฉีมีชีวิตมาสิบกว่าปี พิณหมากอักษรภาพวาดก็ยิ่งเรียนมาแล้วสิบกว่าปีนางคิดว่าต่อให้ตนไม่อาจตำแหน่งยอดบุปผาก็ไม่มีทางจะทำให้สกุลเซียวขายหน้าอย่างแน่นอน
เดิมเซียวเอินคิดว่าน้องสาวจะรู้สึกเสียใจเพราะคำพูดของตนหรือว่าจะรู้สึกหวาดกลัว เพราะถึงอย่างไรความกดดันในงานชมดอกฉยงฮวานั้นก็มีมากนักอีกทั้งเซียวซู่ซู่ยังถูกผลักออกไปให้เป็จุดสนใจอีกด้วย
ดวงตาเ็าของเซียวซู่ซู่นั้นมีความเยือกเย็นดุจหิมะปรากฎขึ้นแวบหนึ่ง “คิดมิถึงว่าองค์ชายเก้าจะโเี้ได้ถึงเพียงนี้เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าเซียวซู่ซู่ไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
นางนั้นมิใช่คนประเภทที่จะใจดีกับผู้อื่น ชาตินี้นางจะไม่ยอมให้ใครเหยียบย่ำนางได้อีกโดยเด็ดขาด
แม้ว่าเซียวเหยียนและเซียวจู๋จะคิดวางแผนจัดการนางแต่ว่าในเวลาสำคัญพวกนางก็ยังคงยืนอยู่ด้านหลังสนับสนุนนาง รวมถึงสมาชิกสกุลเซียวทุกคน พวกเขาล้วนยืนหยัดจะเป็ทัพหลังคอยสนับสนุน ครั้งนี้เพื่อสกุลเซียว นางจะต้องทำตัวให้โดดเด่นคว้าชัยชนะอย่างงดงามมาให้ได้
เหอะ! ป๋ายหลี่ม่อ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน
คนผู้นี้ เซียวซู่ซู่จะขอรับมือเอง
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวซู่ซู่ เซียวเอินก็นิ่งอึ้งไปเขาไม่รู้ว่าน้องสาวที่เพิ่งฟื้นได้สติของตนนั้นมีความมั่นใจเท่าใดในการจัดการกับองค์ชายเก้าแต่ว่าดูจากแววตารวมถึงรัศมีของบารมีที่แผ่ออกมาจากตัวนางแล้วเขากลับรู้สึกได้ถึงความมั่นใจและความแข็งแกร่งในตัวนาง
เห็นเซียวซู่ซู่เป็เช่นนี้ ทันใดนั้นเซียวเอินก็รู้สึกว่าความมั่นใจของตนเองพุ่งขึ้นสูงเช่นกัน
หลังจากที่ฮูหยินเฒ่ารู้ถึงท่าทางของเซียวซู่ซู่หลังทราบข่าว ก็รู้สึกพอใจเป็อย่างมาก ทว่าเพราะงานชมดอกฉยงฮวาและอำนาจทหารในมือทำให้นางยุ่งจนไม่มีเวลาพักครั้งนี้เหล่าขุนนาง เ้าเมือง อ๋องและองค์ชายจากสามแคว้นล้วนจะเดินทางมาที่แคว้นป่ายฮวาเพราะฉะนั้นนางไม่อาจวางใจอยู่เฉยได้
จะต้องเตรียมแผนป้องกันไม่ให้เกิดเหตุผิดพลาดขึ้นเป็อันขาด
“่นี้สกุลเซียวไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้นเลยหรือ?”องค์ชายเก้าป๋ายหลี่ม่อกำลังจิบชาขณะมองไปที่หนานกงม่อมุมปากกระดกยิ้มที่แฝงด้วยความไม่พอใจออกมา
สำหรับท่าทีในวันที่ถอนหมั้นของเซียวซู่ซู่นั้นเขาก็รู้สึกค้างคาใจมาโดยตลอดหากมิใช่เพราะอำนาจของแคว้นป่ายฮวาตอนนี้เทียบมิได้กับแคว้นอ้าวอวิ๋นเกรงว่าเขาจะต้องยอมรับในการอภิเษกครั้งนี้อย่างไม่มีทางเลือกแล้ว
เมื่อคิดว่าต้องแต่งหญิงสติไม่สมประกอบเป็ชายาใจของเขาก็เต็มไปด้วยเพลิงโทสะ ดวงตาฉายแววรังเกียจขึ้นมาแวบหนึ่ง
คนปัญญาอ่อนมาครองคู่กับเขาผู้เป็ถึงองค์ชายเก้านี่ช่างเป็เื่ที่น่าตลกเป็ที่สุด
“เวลาเพียงหนึ่งเดือนต่อให้เป็คนธรรมดาก็ไม่อาจเรียนรู้อะไรได้อย่างชำนาญ ยิ่งมิต้องพูดถึงคนปัญญาอ่อนเมื่อถึงเวลานั้นพวกเราก็รอชมละครสนุกก็แล้วกัน” หนานกงม่อเองก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
แต่ในดวงตากลับปรากฏภาพของสตรีสกุลเซียวในวันนั้นขึ้นมาแวบหนึ่ง เขาไม่เชื่อว่าคนผู้นั้นคือเซียวซู่ซู่แต่กลับไม่อาจลืมนางไปได้ เพราะว่านางมีท่วงท่าและบารมีที่โดดเด่นไม่เหมือนผู้อื่น
“ฮ่าๆๆ...”ป๋ายหลี่ม่อหัวเราะออกมาอย่างดัง
สิ่งที่เขาอยากได้ก็คือการทำให้สกุลเซียวขายหน้าให้พวกเขาไม่อาจเงยหน้าขึ้นอีกในสังคม
เหมือนดั่งเช่นทุกวัน เซียวซู่ซู่จะนั่งอาบแสงแดดอยู่ในเรือนพลางอ่านหนังสือด้วยท่าทีสงบนิ่งมีเพียงเวลานี้ที่นางไม่รู้สึกอ้างว้างแล้วเพราะว่าเซียวเอินมักจะอยู่ข้างกายนางเสมอ และยังมีท่านลุงทั้งสามของนางที่มักจะมาถามไถ่ความเป็อยู่ของนางอยู่บ่อยครั้ง ไม่เหมือนกับตอนอยู่ที่จวนสกุลซูที่ไม่เคยมีผู้ใดมาถามไถ่หรือแสดงความเป็ห่วงเป็ใยต่อนาง
และยิ่งไม่เหมือนกับตอนอยู่จวนอ๋องติ้งเป่ยโหวที่นางต้องโดนดูถูกเหยียดหยาม ซ้ำยังถูกคนหลอกใช้
ทุกครั้งที่นางงีบหลับตอนกลางวัน นางมักจะรู้สึกหวาดกลัวนางสลัดปมในใจของตนไปไม่พ้น ความรู้สึกจะขาดอากาศหายใจ ความรู้สึกเ็ปความรู้สึกอับจนหนทางและความรู้สึกสิ้นหวังในยามที่นางกำลังจะสิ้นชีวิตลงนั้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำของนางไม่เลือนหาย
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็เพราะฮวาเชียนจือแต่คนที่นางนั้นรู้สึกโกรธแค้นและกล่าวโทษนั้นกลับเป็ม่อเวิ่นเฉิน เพราะว่าดาบนั้นของเขาได้แทงทะลุหัวใจของนางด้วยตนเอง และวันนั้นนางเองก็ได้ยินเื่เกี่ยวกับการพนันทั้งหมดด้วยหูของตัวเอง
“ซู่ซู่ งานชมดอกฉยงฮวานั้นจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้แล้ว เ้ายังไม่คิดว่าจะทำเช่นไรดีอย่างนั้นหรือ?”ท่านป้าใหญ่เซียวเหยียนค่อยๆ เดินมาหานาง สีหน้าเข้มงวดไม่น้อย “สกุลเซียว ไม่อาจรับคำครหาใดๆ ได้อีกแล้ว”
เซียวซู่ซู่เลิกตาขึ้นสบเข้ากับดวงตาของเซียวเหยียนในดวงตาของนางสงบนิ่ง ไร้ซึ่งความกังวล “ท่านป้าใหญ่วางใจเถิดซู่ซู่จะต้องไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่”
เซียวเหยียนรู้ดีอยู่แล้วว่าการกระทำของตนนั้นไม่มีประโยชน์แต่ว่าเมื่อเห็นแววตาที่หนักแน่นของเซียวซู่ซู่แล้ว กลับรู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที
ทันใดนั้นนางกลับรู้สึกเชื่อในคำพูดของเซียวซู่ซู่อย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ โดยเชื่อว่าเื่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะทำอะไรหลานสาวคนเล็กผู้นี้ของตนไม่ได้ แผนการในใจที่คิดไว้ทั้งหลายในตอนแรกวินาทีนี้ก็ได้มลายหายไปหมดแล้ว
ถ้าหากไม่มีสกุลเซียวแล้วสิ่งที่พวกนางแย่งกันไปมานั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร