ซุนเฟยพูดอย่างเด็ดเดี่ยว สวมบทบาทนักรบผู้กล้าหาญ แต่ในใจของเ้าสัตว์ร้ายตัวนี้กลับไม่ได้มีท่าทีแบบนั้นเลย ในใจของมันะโโลดเต้นโห่ร้องประหนึ่งโจรย่องเบาที่ทำการขโมยของสำเร็จแล้ว ฮ่าๆๆ ใช่แล้ว ใช่แล้ว มันต้องเป็แบบนี้ ต้องเป็แบบนี้! ฮึๆ ใช้ภาพลักษณ์วีรบุรุษพิชิตใจสาวๆ ที่ศรัทธาพวกนักรบ วะฮะฮ่า...
“พอได้แล้วอเล็กซ์ซานเดอร์ เ้าเลิกก่อเื่ได้แล้ว...”
สาวน้อยผมทองเจ็มม่าไม่สนใจท่าทางเก๊กหล่อของซุนเฟย ใบหน้าของสาวน้อยแดงก่ำ ดวงตากลมโตสีน้ำเงินแซฟไฟร์ ถลึงตาใส่ซุนเฟยด้วยอารมณ์ทั้งโมโหทั้งเป็ห่วง
“เจ็มม่า แองเจล่า ให้อเล็กซานเดอร์อยู่ที่นี่ต่อเถอะ!”
ไม่รู้ว่านักรบสามดาวแฟรงก์ แลมพาร์ด เดินเข้ามาหาทั้งสามคนั้แ่เมื่อไร เขาลูบหัวเจ็มม่าที่กำลังโกรธเบาๆ และจ้องมองไปที่ซุนเฟยด้วยสายตาซับซ้อน แลมพาร์ดพบว่าตอนนี้เขามองไม่เห็นาาองค์น้อยที่ตัวเองรู้จัก เขาเฝ้าดูการเติบโตของเด็กคนนี้มาตลอดและเห็นอเล็กซานเดอร์ถูกผู้คนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะและดูถูกเขา เื่วันนี้อยู่เหนือกว่าที่เขาจินตนาการไว้ จนถึงตอนนี้ แลมพาร์ดยังไม่อาจทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เขาเห็นได้
“หา? ท่านแลมพาร์ด ท่าน...”
แองเจล่าและเจ็มม่าต่างคาดไม่ถึงว่าแลมพาร์ดจะพูดแบบนี้จึงพากันใ
ทั้งสองสาวต่างรู้ดีว่า หากจะบอกว่าในเมืองแซมบอร์ดนอกจากพวกนางทั้งสองคนแล้ว ยังมีอีกคนที่เป็ห่วงอเล็กซานเดอร์ไม่แพ้กัน ไม่มีใครอื่นเลยนอกจากแฟรงก์ แลมพาร์ด นักรบระดับสามดาวคนนั้นที่คอยดูแลและปกป้องอเล็กซานเดอร์มาตลอด ดังนั้นพวกนางจึงยากจะเชื่อว่าแลมพาร์ดจะเห็นด้วยที่จะให้อเล็กซานเดอร์คนที่ไม่มีความสามารถในการป้องกันตนเอง อยู่ท่ามกลางคมหอกคมดาบบนกำแพงเมืองที่พร้อมจะเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ
“แองเจล่า เจ็มม่า พวกเ้าดูสายตาของพวกทหารที่มองอเล็กซานเดอร์สิ...”
แลมพาร์ดถือโอกาสชี้ไปที่เหล่าทหารที่กำลังพักผ่อนและจัดวางกำลังป้องกัน ที่กำลังมองมาที่ซุนเฟยด้วยท่าทางปีติยินดี ก่อนจะหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “อเล็กซานเดอร์พูดถูกแล้ว เมื่อครู่ถ้าไม่ใช่ว่าเขาปรากฏตัวมาทันเวลาพอดีและช่วยกอบกู้สถานการณ์ เมืองแซมบอร์ดคงถูกศัตรูตีแตกแล้ว...แองเจล่า ข้ายอมรับว่าเ้าพูดไม่ผิด อเล็กซ์ซานเดอร์ถูกลิขิตให้กลายเป็าาที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง...เอาล่ะ ข้าเหนื่อยเล็กน้อย จะไปพักสักครู่”
แลมพาร์ดพูดจบ ก็เดินจากไปอย่างเงียบๆ ทันที
มีบางคนสังเกตเห็นว่าตอนที่เขาหมุนตัว สีหน้าแลมพาร์ดเปลี่ยนไปเล็กน้อยและมีเืไหลออกจากมุมปากเขา...
ถึงตอนนี้ แองเจล่าและเจ็มม่าเพิ่งจะสังเกตถึงบรรยากาศรอบๆ ที่แปลกไป
ทหารทุกคนต่างใช้สายตาเลื่อมใสศรัทธาจ้องมองมาที่อเล็กซานเดอร์ เมื่อก่อนองค์าาเป็เพียงเื่ตลกที่ถูกพูดคุยหลังอาหาร แต่มาตอนนี้ดูเหมือนจะกลายเป็วีรบุรุษที่เหล่าทหารต่างพร้อมจะถวายชีวิตให้ทุกเมื่อ สายตาเลื่อมใสแบบนั้นเมื่อก่อนมีเพียงนักรบสาวดาวแลมพาร์ดที่มีพลังมากที่สุดในเมืองแซมบอร์ดถึงจะได้รับสายตาแบบนี้จากเหล่าทหาร
“องค์าาทรงพระเจริญ!”
“องค์าาอเล็กซานเดอร์ทรงพระเจริญ!”
ซุนเฟยยักคิ้ว ตั้งใจอวด ‘ความสง่างาม’ ให้แองเจล่าเห็น ขณะเดียวกันก็ขยิบตาส่งสัญญาณอย่างรู้กันของผู้ชายให้กับเหล่าทหาร เหล่าทหารพากันหัวเราะยกใหญ่ก่อนจะชูมือขึ้นแล้วะโประสานกันว่า “องค์าาทรงพระเจริญ”
เมื่อก่อนเหล่าทหารทั้งหมดต่างรู้สึกว่า การที่แองเจล่าต้องกลายมาเป็คู่หมั้นของอเล็กซานเดอร์มันเหมือนกับดอกไม้ที่สวยงามปักอยู่กับกองขี้วัว แต่ตอนนี้พวกเขากลับรู้สึกว่าในเมืองแซมบอร์ดนี้มีเพียงกองขี้วัวอย่างองค์าาอเล็กซานเดอร์เท่านั้นถึงจะคู่ควรกับสาวงามอย่างแองเจล่า
บรรยากาศแบบนี้เป็สิ่งที่แองเจล่าและเจ็มม่าไม่เคยเห็นมาก่อน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” สองสาวที่เป็คนฉลาดมาตลอดแต่ตอนนี้กลับโง่งมขึ้นเล็กน้อย
ตอนนี้เอง
“ฝ่าา เพียร์ซใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว...”
บรู๊ค ชายผมดำที่เป็ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
แม้จะรู้อยู่ว่าองค์าาอเล็กซานเดอร์ไม่ใช่ทั้งนักบวชของศาสนจักร ไม่ใช่ทั้งหมอ แต่ในาวันนี้กับฉากที่ทำให้ผู้คนตกตะลึง ทำให้บรู๊คที่กำลังวิตกกังวลรีบวิ่งมาหาซุนเฟยเพื่อขอให้ช่วย เขาหวังว่าเขาจะโชคดี พระเ้าคุ้มครอง หวังว่าองค์าาพระองค์นี้จะสร้างปาฏิหาริย์ สร้างปาฏิหาริย์อะไรก็ได้อีกสักครั้งเถอะ
เพียร์ซ?
เมื่อได้ยินชื่อนี้แล้ว ในหัวของซุนเฟยก็นึกถึงชายผมขาวคนนั้นที่แม้ว่าจะมีดาบเสียบอยู่ที่ร่างแต่เขาก็พยายามสุดชีวิตที่จะทำลายบันไดยึดเมืองทั้งสองอันของศัตรู ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ชายแบบนี้เป็นักรบที่แท้จริง เขาไม่เพียงแต่มีพลังแต่เขายังรู้จักการเสียสละปกป้องเมืองไว้
“บรู๊ค ฝากเ้าดูแลผู้หญิงสองคนนี้ด้วย ข้าจะไปดูเขาเอง!”
ซุนเฟยตบเบาๆ ที่มือขาวเนียนนุ่มของแองเจล่าแล้วพูดเตือนอย่างลึกซึ้งประโยคหนึ่งว่า ‘ระวังตัวนะ’ จากนั้นก็เดินมายักคิ้วกวนๆ ใส่สาวน้อยผมทองเจ็มม่าแล้วนำทหารหนึ่งนายไปดูเพียร์ซ
“ชิ มีอะไรให้อารมณ์ดีกัน!”
สาวน้อยผมทองที่ถูกกวนประสาทก็ถลึงตาอย่างโมโหใส่แผ่นหลังของซุนเฟย จากนั้นก็หมุนตัวเรียก ‘ท่านอาบรู๊ค’ อย่างออดอ้อนแล้วถามอย่างสงสัยว่า “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่เ้าคะ? อเล็กซานเดอร์เขาดูเหมือน...”
ที่ถามคำถามแบบนี้ ก็เพราะท่าทางมีเลศนัยของซุนเฟยเมื่อครู่นี้ และช่วยไม่ได้ที่แองเจล่าที่กำลังหน้าแดงใจเต้นรัวจะอยากรู้เช่นกัน
บรู๊คยิ้ม ก่อนจะเริ่มเล่าเหตุการณ์ในาบนกำแพงเมืองตอนที่คับขันทั้งหมดให้สองสาวฟัง
ในฐานะที่เป็ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ บรู๊คเห็นสองสาวมานาน สำหรับสองสาวงาม บรู๊คก็เหมือนบิดาคนหนึ่งและบรู๊คเองก็รักทั้งสองคนเหมือนลูกสาวของตัวเอง ความจริงแล้วเกือบทุกคนในเมืองแซมบอร์ดต่างชอบความใสซื่อบริสุทธิ์ของทั้งสองสาว เมื่อก่อนทุกคนเห็นแองเจล่าออกหน้าช่วยเหลืออเล็กซานเดอร์ยามถูกรังแกเสมอ มันเป็เื่ที่น่าสงสารนักที่สาวงามคนนี้ต้องมาแต่งให้กับาาปัญญาอ่อน แต่ตอนนี้บรู๊คและทหารที่เข้าร่วมาเมื่อกี้ต่างคิดอย่างมั่นใจว่า มีเพียงาาอเล็กซานเดอร์ที่เหมาะสมกับสาวงามแสนบริสุทธิ์อย่างแองเจล่า
หลังจากที่ได้ฟังบรู๊คพูด แองเจล่าและเจ็มม่าก็ตกตะลึงจนตาค้าง
วีรบุรุษคนนั้นที่ท่านอาบรู๊คพูดถึง คืออเล็กซานเดอร์ที่เป็ปัญญาอ่อนคนนั้นจริงๆ เหรอ?
เจ็มม่าแสดงอาการสงสัยออกมา
…
…
สถานพยาบาลของเมืองแซมบอร์ด
ตอนที่ซุนเฟยเดินเข้ามาก็ต้องใ
ที่นี่เป็สถานพยาบาลที่ไหนกัน นี่มันเล้าหมูชัดๆ
อากาศเย็นะเื กลิ่นอับชื้น ราขึ้นเต็มห้อง อีกทั้งห้องนี้ก็ดูเหมือนจะร้างมานานมาก ประตูกันลมฝนก็ไม่มี หน้าต่างสี่บานก็ถูกก้อนหินปิดทับ ทุกที่ก็เต็มไปด้วยฝุ่นและดินโคลน บนพื้นปูฟางแห้งๆ ที่มีเหล่าทหาราเ็เืท่วมร่างหลายร้อยคนนอนอยู่ เสียงร้องไห้คละเคล้ากับเสียงร้องครวญครางด้วยความเ็ปดังทั่วห้อง
มีคนสวมชุดสีดำเสื้อคลุมสีขาวราวๆ สี่ห้าคน พวกเขาดูเหมือนจะเป็หมอ เดินไปมาท่ามกลางเหล่าทหารที่ได้รับาเ็ เห็นได้ชัดว่าพวกเขายุ่งมากจนมือเป็ระวิงเหงื่อไหลซกเต็มใบหน้า
“องค์าาเสด็จ!”
ทหารที่นำเข้ามาก็พูดประโยคนี้เสียงดัง
ทุกคนในสถานรักษาพยาบาลทหารต่างพากันตื่นใ ยกเว้นแต่พวกคนที่าเ็สาหัสจนหมดสติไป
ในาเมื่อสักครู่ความกล้าหาญที่องค์าาอเล็กซ์ซานเดอร์แสดงออกมา ต่างถูกนำมาเล่าให้ผู้าเ็ฟังในเวลาต่อมา โดยเฉพาะฉากการต่อสู้ที่รุนแรงของเขาทำให้พวกเขารู้สึกดุเดือดเืพล่าน ทำให้เหล่าทหารจำนวนมากที่ได้ฟังต่างพากันหลงใหล แน่นอนว่าเหล่าทหารที่ได้รับาเ็ก่อนหน้านี้และไม่ได้เห็นฉากนั้นก็ยังคงสงสัย พวกเขาอยากเห็นกับตาว่าจากาาโง่ๆ จะกลายมาเป็วีรบุรุษได้อย่างไร
เมื่อเห็นองค์าาอเล็กซานเดอร์เข้ามา เหล่าทหารที่ได้รับาเ็ก็พากันตื่นใ
แม้กระทั่งมีทหารบางส่วนลืมอาการาเ็บนร่าง พยายามลุกขึ้นมานั่งจนแผลปริก็มี ทหารบางส่วนที่ได้ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับซุนเฟยต่างรู้สึกตื่นเต้นชูมือขึ้นมาแล้วโห่ร้องว่า ‘องค์าาทรงพระเจริญ!’
ซุนเฟยมองทหารที่นำทางเขาอย่างตำหนิ จากนั้นก็รีบปลอบขวัญทหารที่พยายามจะลุกขึ้นมา...
เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่โอกาสที่เหมาะสมจะวางมาดาา เขามองใบหน้าของผู้ใหญ่ เด็กหนุ่มหรือคนแก่ และเห็นว่าร่างกายของพวกเขาต่างได้รับาเ็ที่น่าใ เืสดๆ บนร่างพวกเขาค่อยๆ ไหลออกมาย้อมดินโคลนให้เป็สีแดง....
บางอย่างในใจของซุนเฟยถูกกระตุ้น
มันเป็เื่ราวเกี่ยวกับเื้ัวีรบุรุษและความรุ่งโรจน์ของบ้านเมืองในอดีต ที่ต้องแลกมาด้วยเืเนื้อซึ่งดูเหมือนว่าจะได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาแล้ว พูดกันตามความรู้สึก ทหารเหล่านี้ต่างได้รับาเ็ในการปกป้องบ้านเมือง บางคนเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพิการไปตลอดชีวิต ในฐานะที่เป็ผู้ทะลุมิติมา เห็นได้ชัดว่าที่จริงแล้วซุนเฟยก็ไม่อาจโน้มน้าวตัวเองให้รับเื่ราวทั้งหมดได้ และถ้าเขาสามารถทำได้ เขาอยากจะเข้าร่วมากับคนเหล่านี้ั้แ่เริ่มต้น
โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์จะมีความย้องแย้งในตัว ซุนเฟยก็เป็เช่นนั้น
เดิมทีเขาเป็คนที่กลัวความตายมาก แต่ ณ เวลานี้ เขากลับหวังว่าตนเองจะได้ร่วมรบ บางทีอาจจะเกี่ยวกับประสบการณ์ฆ่าฟันในโลก Diablo หรือที่จริงนี่อาจจะเป็สันดานที่แท้จริงของเขาเพียงแค่มันถูกกระตุ้นออกมาเท่านั้น
“เหล่านักรบของข้า พวกเ้าได้ปกป้องความรุ่งโรจน์ของตัวเองและเมืองแซมบอร์ดเอาไว้!”
กลั้นใจพูดจนจบ แต่ไหนแต่ไรมาซุนเฟยรู้สึกว่าฝีปากตัวเองนั้นไม่เลว แต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เขายืนอยู่ที่ประตูและโค้งคำนับผู้าเ็ โชคดีจริงๆ อีกนิดเขาเกือบจะโพล่งออกไปว่า ‘ลำบากหน่อยนะเพื่อนยาก’ โชคดีสุดๆ ที่กลับลำเปลี่ยนคำเป็ ‘รุ่งโรจน์’ ได้ทัน
สำหรับโลกนี้ ยุคนี้เป็ยุคสังคมศักดินาแบบยุโรปกลาง ในระบบลำดับชั้น าาที่ก้มหัวให้กับทหารที่ต่ำต้อยกว่าตัวเองนั้น พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน เกรงว่ายังคงเป็าาโง่ๆ คนหนึ่งเท่านั้นแหละ
จิตใจของมนุษย์นั้นเรียบง่ายมาก
คนจำนวนมากถูกภาพนั้นสั่นคลอนจิตใจในชั่วพริบตา
เดิมทีทหารบางส่วนที่ได้รับาเ็จนต้องพิการไปตลอดชีวิตต่างพากันนึกคับแค้นใจ แต่ทว่าตอนนี้ดวงตาของพวกเขากลับเปล่งประกายขึ้นมา
…
ซุนเฟยปลอบใจทหารทีละคนๆ สุดท้ายก็ค่อยมาหยุดตรงหน้าชายผมขาวเพียร์ซ
ชายที่ทรงพลังบนกำแพงคนนั้นที่ในตอนนี้กำลังสลบไสลอยู่ ดาบที่เ้าเงาดำแทงเข้าไปที่ไหล่ซ้ายหลงเหลือพลังไปทำลายอวัยวะภายใน เืไหลออกจากาแไม่หยุด หมอหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ช่วยพยุงชีวิตเขามือเป็ระวิง แต่ก็เหมือนไม่มีประโยชน์เท่าไรนัก
ซุนเฟยเริ่มจะเข้าใจรูปแบบการทำงานของพวกหมอแล้ว
และมันก็ทำให้เขาสิ้นหวัง หมอในเมืองแซมบอร์ดไม่ได้มีพลังเวทมนตร์แปลกๆ ตามที่ตัวเองจินตนาการไว้ ทำได้เพียงแค่พันผ้าไว้แล้ว ทาสมุนไพรบางอย่างที่คล้ายๆ ยาจีนที่เห็นได้บ่อยๆ ในโลกก่อน การรักษาแบบนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยมีประโยชน์ จะอยู่หรือจะตายก็ขึ้นอยู่กับสมรรถภาพทางกายของผู้าเ็เอง แล้วแต่ฟ้าลิขิต ทนได้ก็รอด ทนไม่ได้ก็ตาย!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้