เสี่ยวเฉียวเยว่ไม่นึกว่าตนเองจะได้พบกับเด็กนิสัยเสียคนนั้นอีก ฮึ! คนผู้นั้นหาใช่ใครอื่น เป็รุ่ยรุ่ยของแม่ทัพิ่ผู้นั้น
แม่ทัพิ่พาเขามาเยี่ยมเยือนถึงในจวน เดิมทีเสี่ยวเฉียวเยว่ไม่มีโอกาสจะได้พบเขา แต่ดันมาพบกันตอนที่นางกำลังขายความน่ารักประจบสอพลอท่านย่าพอดี
นางกำลังเป่าน้ำลายให้เป็ฟอง ซึ่งเป็วิธีเล่นที่เพิ่งเรียนรู้ใหม่ได้สองวัน รู้สึกว่าสนุกมาก
แต่พอเห็นแม่ทัพิ่พาเด็กผู้ชายตัวล่ำคนนั้นเข้ามา ก็เกิดความหวาดระแวงทันใด หึๆ เ้ายังมีความหวังว่าเด็กที่ลงไม้ลงมือโดยไม่รู้หนักเบาคนหนึ่งจะเป็มิตรต่อเ้านักหรือ?
นางคว้าชายเสื้อของท่านย่าทันควัน ร้องแอ้ออกมาอย่างฉลาดเฉลียว ราวกับกำลังหาคนคุ้มครอง
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นท่าทางที่น่าเอ็นดูของนาง ก็อุ้มไว้ในอ้อมแขน แล้วเอ่ยว่า "ตอนนั้นบิดาเ้าเลือกคำว่าเฉียวให้เ้า ดูจากตอนนี้เหมาะเหม็งเหลือเกิน เป็เด็กน้อยที่น่ารักน่าทะนุถนอมจริงๆ"
"ผู้น้อยคารวะท่านป้าซู กลับมาเมืองหลวงนานแล้วยังไม่เคยมาเยี่ยมท่าน เป็ความผิดของผู้น้อยเองขอรับ"
แม่ทัพิ่มีหน่วยก้านที่องอาจห้าวหาญ
ฮูหยินผู้เฒ่าอมยิ้มกล่าวว่า "หวายอิงมิต้องทำเช่นนี้ ข้ารู้ว่าเ้ามีงานราชการรัดตัวยิ่ง สามารถมาเยี่ยมหญิงชราอย่างข้าได้ ข้าก็เบิกบานใจมากแล้ว รีบนั่งสิ"
ก่อนมองไปที่เด็กชายข้างกายเขา "นี่คือคุณชายน้อยกระมัง ท่าทางองอาจห้าวหาญยิ่งนัก บิดาพยัคฆ์ย่อมไม่ออกลูกเป็สุนัข แต่ไรมาคำกล่าวนี้มิผิดเลย"
"ทักทายผู้ใหญ่" แม่ทัพิ่กล่าว
รุ่ยรุ่ยยิ่งชูคอแข็ง มองไปที่ก้อนแป้งน้อยในอ้อมแขนของฮูหยินผู้เฒ่าก็ยกมือขึ้นชี้เอ่ยว่า "นี่คือเด็กน้อยวันนั้น"
"พูดจาดีๆ ห้ามเสียมารยาท" ิ่หวายกล่าวตำหนิ
ไท่ไท่รองมองแม่ทัพิ่ ก่อนมองไท่ไท่สามที่นั่งก้มหน้าอยู่ด้านข้าง ก็ยิ้มอย่างมีเจตนาร้าย นางเอ่ยปากว่า "จะว่าไปคุณชายน้อยิ่ก็เคยเห็นยายหนูเจ็ดแล้ว หากชอบมากเช่นนี้ มิสู้แต่งกลับไปบ้านเลยเล่า"
แผนการเล่นงานไท่ไท่สามก่อนหน้านี้ไม่สำเร็จ กลับถูกฮูหยินผู้เฒ่าตำหนิอย่างหนัก ทั้งยังสั่งกักบริเวณไม่ให้ออกมาข้างนอกเป็เวลาครึ่งเดือน ขายหน้าเป็ที่สุด นี่นางเพิ่งจะออกมา ย่อมไม่ปล่อยให้เลิกแล้วกันไป รวมบัญชีทั้งหมดไว้สะสางกับไท่ไท่สาม
แม้ว่าตระกูลิ่จะยิ่งใหญ่ แต่ก็รบทัพจับศึกมาตลอดหลายปี แต่งเข้าไปจะต่างอันใดกับหญิงม่ายร้างสามี ไท่ไท่รองทำเช่นนี้ต้องไม่มีเจตนาดี
"แว้..." จู่ๆ เสี่ยวเฉียวเยว่ก็ร้องไห้ออกมา น้ำตาหยาดโตๆ หยดติ๋งๆ ร้องจนน่าสงสาร
ฮูหยินผู้เฒ่ารีบโอ๋นางทันที "เด็กดี ไม่ร้อง!"
พอเห็นนางร้องไห้ขี้มูกโป่ง รุ่ยเอ๋อร์ก็ตั้งท่ารังเกียจ "เด็กน้อยคนนี้ทั้งขี้แยและสกปรก ข้าไม่อยากได้นางมาเป็ภรรยาเสียหน่อย ข้าจะแต่งกับสตรีที่ดีเหมือนมารดาข้า"
เด็กสองคนต่างร้องไห้กระจองอแง ทำให้หัวข้อสนทนาเบี่ยงเบนไป
ไท่ไท่รองไม่ยอมเลิกรา คิดจะพูดอะไรอีก แต่ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องนางด้วยสายตาดุดัน พลางเอ่ยว่า "บ้านมีแขก เ้าไม่รู้จักหลบเลี่ยง ยังสอดปากพูดจาเหลวไหลอีก หากผู้อื่นไม่รู้ จะนึกว่าตระกูลซูของเราไร้ซึ่งกฎเกณฑ์"
ไท่ไท่รองถูกตำหนิเช่นนี้ ในใจก็นึกโกรธเคืองมาก แต่ไม่อาจกล่าวอันใดได้ ได้แต่ก้มหน้าขบริมฝีปากตัวเอง
เสี่ยวเฉียวเยว่สะอึกสะอื้นร้องไห้อยู่ จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แม่ทัพิ่ย่อมจะอบรมบุตรของตนเอง "ออกไปรอข้างนอก ทำตัวไร้เหตุผล มารดาสั่งสอนเ้ามาเยี่ยงนี้หรือ!"
น้ำเสียงทั้งแข็งกร้าวและเยียบเย็น
สีหน้าของเสี่ยวรุ่ยรุ่ยเต็มไปด้วยความดื้อดึง
แต่เคราะห์ดีที่พวกเขามิได้พัวพันกับเื่นี้นานเกินไป ไม่ช้า แม่ทัพิ่ก็เอ่ยถึงวัตถุประสงค์การมาของตนเอง แต่ไหนแต่ไรมาเขาเป็คนตรงไม่อ้อมค้อม ครานี้มาเยี่ยมเยือนถึงจวน แท้จริงแล้วก็มาเพื่อบุตรชายรุ่ยรุ่ย
แม่ทัพิ่กำลังจะต้องจากเมืองหลวงกลับไปชายแดน แต่การไปครานี้ เขาไม่ได้พารุ่ยเอ๋อร์ร่วมเดินทางไปด้วย
แต่เขาก็ปรารถนาให้ซูซานหลางรับรุ่ยเอ๋อร์เป็ศิษย์ อบรมสั่งสอนเขา
ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมเข้าใจเจตนาของแม่ทัพิ่ ทว่าเข้าใจก็ส่วนเข้าใจ อย่างไรเสียก็ต้องฟังความคิดเห็นของบุตรชาย ไม่อาจบุ่มบ่ามตัดสินใจทุกอย่างแทนเขาได้
เสี่ยวเฉียวเยว่แทะกำปั้นน้อยของตนเองพลางขบคิด บิดาของนางร้ายกาจไม่เบา มิเช่นนั้นทุกคนจะอยากมาเป็ลูกศิษย์ของเขาได้อย่างไร
ควรรู้ว่า แม้แต่รัชทายาทที่ดูเหมือนเซียนน้อยผู้นั้นยังกลายเป็ศิษย์ของบิดานาง
ซูซานหลางทราบแต่แรกแล้วว่าแม่ทัพิ่จะมา แต่ก่อนหน้านี้เขาถูกฝ่าาเรียกเข้าวัง เป็เื่ที่ช่วยไม่ได้ จึงรีบทำธุระให้เสร็จแล้วรีบกลับมา แม้ทราบว่าอาอิ่งกับิ่หวายไม่มีอะไรกัน แต่เขาก็ไม่วางใจอยู่ดี มิใช่วิตกเกี่ยวกับพวกเขาสองคน แต่ยากจะเลี่ยงถ้อยคำกระทบกระเทียบแดกดันของคนปากพล่อยอย่างพี่สะใภ้รองได้ คนผู้นี้ไม่รู้จักขอบเขต อย่างไรก็ไม่เหมาะสม
อันที่จริงซูซานหลางก็เดาถูกจริงๆ ว่าต้องเป็เช่นนี้
เพียงแต่ไม่ก่อให้เกิดคลื่นลมใหญ่หนักหนาเป็ใช้ได้
เมื่อเขากลับมาถึง ก็รีบไปที่เรือนหลัก ย่อมทราบแผนการของิ่หวาย ถามใจตนเองแล้วเขาไม่ยินดีเป็อาจารย์ให้คุณชายน้อยสกุลิ่ หากเป็ไปได้ เขาไม่อยากเกี่ยวข้องอันใดกับสกุลิ่ทั้งสิ้น
เพียงแต่หากปฏิเสธไปตรงๆ ก็คงจะไม่เหมาะสม ถ้าหากิ่หวายไม่ยอมปล่อยมือในตอนนั้น พวกเขาก็คงมิได้สุขสมหวังเช่นตอนนี้
บัดนี้เสี่ยวเฉียวเยว่ถูกฮูหยินผู้เฒ่าวางไว้บนเตียงเตาเล็ก นางจับมือน้องชายโง่เขลาที่รู้แต่นอนทั้งวัน แล้วทำตาปริบๆ มองบิดาของนาง จริงๆ เลย ดูก็รู้ว่าบิดาไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
นางเข้าใจอากัปกิริยาเล็กน้อยของบิดาเป็อย่างดี
แต่ถึงจะเป็เช่นนี้ ซูซานหลางก็ยังคงกล่าวด้วยถ้อยคำสวยหรู "พี่ิ่หวาย เื่นี้ใช่ว่าข้า้าจะปฏิเสธ เพียงแต่ท่านก็ทราบ ตอนนี้ข้ากำลังสอนรัชทายาท ยากจะจัดสรรเวลาที่เหมาะสมได้ อีกอย่างถึงมีใจเพียงใด แต่ไร้กำลังก็หมดความหมาย หากข้ารับคุณชายไว้ เกรงว่าจะทำให้เขาเสียเวลาเปล่า ไม่ว่าจะสอนได้ดีหรือไม่ อย่างน้อยก็ไม่อาจถ่วงเวลาของเด็ก"
"ข้าเข้าวังกราบทูลต่อฝ่าาแล้ว เพียงแต่ซานหลางยินดี รัชทายาทก็สามารถศึกษาร่วมกับรุ่ยเอ๋อร์ได้" แม่ทัพิ่หวายกล่าว
ซูซานหลางก่นด่าฮ่องเต้ในใจ เขาลืมไปได้อย่างไรว่าิ่หวายกับฝ่าาเป็ลูกพี่ลูกน้องกัน แต่เช่นนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้แล้ว
เขาเอ่ยว่า "เมื่อเป็เช่นนี้ ก็ตามนี้เถิด"
เด็กหมี [1] รุ่ยเอ๋อร์ก้มหน้าครุ่นคิดสักครู่ ก่อนเงยหน้าขึ้น "อาจารย์!"
น้ำเสียงก้องกังวานยิ่ง
ในความอ่อนโยนของซูซานหลางระคนไปด้วยความเข้มงวดอยู่หลายส่วน "เมื่อ้าศึกษาเล่าเรียน ก็ต้องมีความตั้งใจ อย่างอื่นข้าคงสอนเ้าไม่ได้ แต่ก็ปรารถนาว่าเ้าจะสามารถเรียนรู้สัจธรรมของการเป็มนุษย์ได้ วันหน้าเ้ากับรัชทายาทก็เรียนร่วมกันเถอะ"
ิ่หวายดีใจมาก มุมปากยกยิ้มอย่างยากจะได้เห็น "เ้าเด็กไม่รักดีคนนี้อยู่ชายแดนมานาน ไม่รู้จักกฎเกณฑ์มารยาท ถึงเวลาข้าไม่อยู่เมืองหลวง ทิ้งบุตรไว้ข้างกายมารดา ท่านก็ย่อมจะรักและตามใจเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อซานหลางรับปากเป็อาจารย์ของรุ่ยเอ๋อร์ เช่นนั้นก็อบรมสั่งสอนได้เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ ควรก็ต้องตี"
ซูซานหลางยิ้มน้อยๆ "ข้าชำนาญเื่การชักจูงคนด้วยหลักคุณธรรม"
พูดถึงจุดนี้ เสี่ยวเฉียวเยว่ไม่ยอมรับ
บิดาของนางไม่ใช่เยี่ยงนั้นเสียหน่อย บางครั้งยังตีก้นน้อยๆ ของนางเลย ผู้ใหญ่เช่นนางแม้ว่าจะข้ามภพมาเป็เด็กทารก แต่เมื่อถูกตีก้น ก็ยังคงขุ่นเคืองใจมาก
นางยู่ปากน้อยๆ ออกมา รู้สึกว่าตนเองสามารถใช้สายตาเยาะหยันบิดาอย่างไรก็ได้ตราบเท่าที่้า
ไม่รู้อย่างไร ซูซานหลางพลันััได้ถึงการจดจ้องของบุตรสาว เห็นเ้าตัวเล็กทำสีหน้าแปลกๆ ก็รู้สึกคล้ายว่าตนเองกำลังถูกยายหนูน้อยหัวเราะเยาะอย่างบอกไม่ถูก
แต่ไม่ช้ารอยแตกร้าวก็ปรากฏบนใบหน้าของเสี่ยวเฉียวเยว่
เสี่ยวฉีอันไม่รู้อย่างไรถึงพลิกตัวมา แล้วขบใบหน้าของเฉียวเยว่ไปเต็มคำ แม้ว่าเขาจะยังไม่มีฟัน แต่ก็ทำให้ใบหน้าของเสี่ยวเฉียวเยว่มีแต่น้ำลาย
เฉียวเยว่โกรธแทบตาย
น้องชายของนางคนนี้คงมิได้ปัญญาอ่อนหรอกนะ!
นางถีบเขาไปทีหนึ่งโดยไม่เกรงใจ ก่อนกลิ้งๆๆ ไปอีกด้านหนึ่ง ฉีอันไหนเลยจะเข้าใจ เขาหัวเราะเอิ๊กอ๊าก น้ำลายไหลออกมา หลังจากนั้นก็คลานกระดึ๊บมาข้างกายเฉียวเยว่
เฉียวก็ยื่นเท้าถีบอีก เพียงแต่เท้าของเด็กทารกไหนเลยจะมีกำลังมากมาย เสี่ยวฉีอันคว้าเท้าของนางไปกัดอีกคำ
เฉียวเยว่ : บ้าฉิบ
"ฮ่าๆๆๆๆ พวกเขาดูงี่เง่าจัง" รุ่ยเอ่อร์มองดูอยู่ในฐานะคนนอกก็ขบขันจนแทบไม่ไหว
แม้แต่แม่ทัพิ่ก็ยังมีรอยยิ้ม "บุตรแฝดัหงส์ของซานหลางคู่นี้ช่างร่าเริงสดใสยิ่งนัก"
ซูซานหลางยังคงวางเฉย เพียงยิ้มมุมปากน้อยๆ ทั้งไม่แสดงความโอหังลำพอง
ตนเองไปชิงภรรยาของเขามา ควรจะนิ่งเข้าไว้ ไม่แสดงความโอ้อวดให้ผู้อื่นขัดเคืองใจ
สิ่งที่ผู้ชนะควรกระทำเวลานี้ไม่ใช่การโอ้อวด แต่เป็การยิ้มแต่ไม่พูดอะไรสักคำ
"พวกเขาหน้าตาเหมือนกันมาก"
รุ่ยเอ๋อร์ก้าวขึ้นหน้า หันไปถามแม่ทัพิ่ "ข้าเข้าไปดูได้หรือไม่?"
แม่ทัพิ่ "ฮูหยินผู้เฒ่า ไม่ทราบว่า..."
ฮูหยินผู้เฒ่าทอยิ้มน้อยๆ "ได้ซิ มา รุ่ยเอ๋อร์มาหาข้าตรงนี้"
รุ่ยเอ๋อร์ลังเลชั่วครู่ก่อนจะเดินมาข้างกายฮูหยินผู้เฒ่า เขายืนมองเด็กน้อยสองคนกำลังไล่ตามตอแยกัน ต่างกลิ้งไปกลิ้งมา คนหนึ่งไล่ตามจับอย่างมีความสุข ส่วนอีกคนก็คอยหลบหลีกด้วยความหงุดหงิด แลดูครึกครื้นสนุกสนานยิ่งนัก
แม้ว่าพวกเขาจะเล็กมาก แต่ก็มองออกถึงสิ่งที่เด็กน้อยสองคนแสดงออก รุ่ยเอ๋อร์ถามฮูหยินผู้เฒ่าด้วยความประหลาดใจ "พวกเขามักเป็เช่นนี้เสมอหรือขอรับ"
ฮูหยินผู้เฒ่าตอบว่า "มักเป็เช่นนี้เอง ไม่ค่อยจะอยู่สุขกันเท่าไร หากรุ่ยเอ๋อร์ชอบน้องชายน้องสาว วันหลังมาดูพวกเขาอีกก็ได้"
รุ่ยเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองฮูหยินผู้เฒ่า เห็นนางยิ้มอย่างเมตตาอ่อนโยน ก็มองไปที่ทารกน้อยสองคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วตอบเสียงเบา "ขอรับ"
ยามนี้น้องชายผู้คลั่งการแทะฝ่าเท้าของนางยังไม่ยอมลดราวาศอก เฉียวเยว่ไหนเลยจะมีแก่ใจแยแสเด็กชายล่ำสันตรงหน้า
ขณะที่นางคิดจะยกเท้าเตะฉีอัน ทันใดนั้นก็ขยับไม่ได้
นางหันไปมอง ก็พบว่าเท้าน้อยๆ ของตนเองถูกคนจับไว้ ซ้ำร้ายยังเป็รุ่ยเอ๋อร์ที่นางไม่ชอบขี้หน้าอีกด้วย
"อย่าซน" เด็กน้อยทำตัวราวกับผู้ใหญ่
เ้าเด็กบ้า!
นางแค่นเสียงหึ ดิ้นรนไม่อยู่สุข แต่รุ่ยเอ๋อร์แรงเยอะกว่า เขาจับเท้าของเฉียวเยว่ไว้ไม่ปล่อย เอ่ยอีกว่า "เด็กผู้หญิงควรว่านอนสอนง่าย" เขาเว้นจังหวะครู่หนึ่ง ก่อนถามอย่างลังเล "นางคือเด็กผู้หญิงใช่หรือไม่?"
ขณะพูด ก็ทำท่าราวกับคิดจะดึงกางเกงน้อยของนางออกดูว่าเป็เด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง
เฉียวเยว่ใมาก นึกอยู่ว่าตนเองควรเตะเ้าเด็กน่าชังคนนี้ให้ตายไปเลยดีหรือไม่
"รุ่ยเอ๋อร์" ฮูหยินผู้เฒ่ารีบหยุดยั้งเขาทันควัน หลังจากนั้นถึงเอ่ยว่า "เฉียวเยว่เป็เด็กผู้หญิง จะดึงกางเกงของนางไม่ได้"
รุ่ยเอ๋อร์พยักหน้าบ่งบอกว่าตนเองเข้าใจ
แต่ไม่ช้าเขาก็ทำสีหน้าจริงจังสั่งสอนว่า "เด็กผู้หญิง จะดื้อรั้นเยี่ยงนี้มิได้ ไม่เช่นนั้นเติบโตไปจะไม่มีใครชอบ"
พูดมาถึงตรงนี้ ไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ ก็รู้สึกอ้างว้างขึ้นมา
เฉียวเยว่หน้าดำ ผุดคำถามขึ้นมาอีกหน เ้าไม่ใช่เด็กผู้หญิงจะไปรู้อะไร!
...
[1] เด็กหมี เป็แสลงทางอินเทอร์เน็ตหมายถึงเด็กที่ซนและดื้อ ค่อนข้างจะไร้เหตุผล บางครั้งก็หมายถึงเด็กที่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนที่ดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้