หลินซือฉิงกะพริบตาปริบๆ “เดิมทีไดมอนด์กรุ๊ป้าลงทุนด้านโฆษณามากกว่าสิบล้านเพื่องานจัดแสดงอัญมณี และยังเตรียมขายเครื่องประดับลดราคาในงานนี้ด้วย หากพวกเขาถอนตัวล่ะก็คนร่วมงานจะหายไปครึ่งหนึ่งเลยนะ...”
เย่เฟิงฟังแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่ามันไม่ถูกต้อง การถอนตัวของไดมอนด์กรุ๊ปเกี่ยวอะไรกับเขา? หลินซือฉิงเองไม่ใช่เหรอที่บีบให้อีกฝ่ายถอนตัว?
“นายคิดดูสิ” หลินซิอฉิงรู้ทันความคิดของเขาจึงอธิบายต่อทันที “ถ้าฉันไม่พูดอย่างนั้น จูอี้ฉวินจะไม่ตามรังควานนายไปทุกที่เลยหรือไง? ตอนนี้เขา้าจะเอาเื่ ซึ่งคงจะเปลี่ยนมาลงที่ตระกูลหลินแทน”
เมื่อเย่เฟิงได้ฟังที่เธอพูดก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล เพียงแต่ว่า...
“พี่้าให้ผมชดใช้ให้ยังไง?”
เย่เฟิงยิ้มอย่างอับจนหนทาง
“นายคิดว่ายังไงล่ะ? พี่สาวจะลองฟังนายดู” หลินซือฉิงปิดปากหัวเราะ “ดูแล้วนายคงจ่ายเงินจำนวนมากขนาดนั้นไม่ได้ แต่ไม่เป็ไร แค่จำไว้ว่านายติดหนี้พี่อยู่ก็พอ”
ในที่สุดหางจิ้งจอกเ้าเล่ห์ของเธอก็โผล่ออกมาแล้ว หญิงสาวอยากให้เย่เฟิงติดค้างหนี้น้ำใจเธอ! น่าเสียดาย เพราะเย่เฟิงจะให้โอกาสนั้นแก่เธอได้อย่างไร!
“งานนี้จะเริ่มเมื่อไรครับ?” เย่เฟิงเอ่ยถาม
“อีกห้าวัน” หลินซือฉิงตอบสบายๆ
“โอเค เมื่อผมกลับมาจากสำนักอิ่นเซียน ผมจะใช้หนี้คืนให้ เื่เงินไม่ใช่ปัญหา!”
เย่เฟิงยิ้มมีเลศนัย
“นายจะไปปล้นหรือไง?”
ดวงตาคู่สวยของหลินซือฉิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เธอนึกว่าเย่เฟิงจะลอบเข้าสำนักอิ่นเซียนที่มีศิษย์อยู่มากมายแล้วแอบคุกคามฝ่ายตรงข้ามโดยไม่เปิดเผยตัวตนอะไรแบบนั้นเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเขาจะเคลื่อนไหวโจ่งแจ้งเช่นนี้
“อืม มันเป็หนึ่งในสิบสำนักใหญ่ของยุทธจักร คงจะมีของดีเก็บไว้อยู่บ้างจริงไหม?” เย่เฟิงตอบอย่างผ่อนคลาย
แม้ผู้ฝึกวรยุทธ์บางคนที่เป็ชนชั้นล่างค่อนข้างจน แต่สำหรับสำนักใหญ่ย่อมต้องมีทรัพย์สินมากมาย เขาจะไปเดินเล่นที่ถ้ำคั่วชางซานสักหน่อย อาจจะได้ของดีติดมือกลับมาบ้างก็ได้
“นาย...”
หลินซือฉิงตกตะลึงกับความคิดของเขาจนพูดไม่ออกอยู่นาน
เ้าหมอนี่จะไปปล้นสำนักอิ่นเซียนจริงด้วย! ใครต่อใครต่างรู้ว่าสำนักนี้แข็งแกร่งและมีความเป็มาที่ยาวนานมาก เด็กอย่างเย่เฟิงยังกล้าตัดสินใจแบบนี้เหรอ? ถึงจะทำสำเร็จจริง แต่ก็จะทำให้เขาและสำนักอิ่นเซียนแตกหักกันโดยสิ้นเชิง และเื่นี้ก็คงถูกกระจายสู่บรรดาผู้ฝึกวรยุทธ์ จนมีปัญหาอีกนับไม่ถ้วนตามมาแน่ สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือเมื่อถึงเวลานั้น ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่การสร้างความโกรธแค้นต่อบรรดาผู้ฝึกวรยุทธ์ แต่เป็การข่มขวัญต่างหาก ซึ่งเย่เฟิงไม่คิดจะอธิบายความคิดของตัวเองให้หลินซือฉิงฟัง
“งั้นก็ตามนี้นะพี่หลิน ไว้เรียบร้อยเมื่อไร ผมจะกลับมาช่วยพี่แล้วกัน”
เย่เฟิงยิ้มแล้วดึงแขนตัวเองกลับมาจากอีกฝ่าย
ความจริงเขาก็อยากจะอยู่ให้อีกฝ่ายคล้องแขนต่อไป เพราะการถูกสาวสวยอย่างหลินซือฉิงคล้องแขนนับว่ารู้สึกดีมากทีเดียว น่าเสียดายที่หลงหว่านเอ๋อร์อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก เย่เฟิงจึงไม่กล้าเอาเปรียบอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้
“อ่า... งั้นโอเค”
หลินซือฉิงพยักหน้าด้วยความลังเล ขณะเย่เฟิงดึงแขนกลับ เธอก็รู้สึกเหมือนในใจสูญเสียบางสิ่งที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่อาจเข้าใจ
“งั้นก็ระวังตัวด้วยล่ะ จำไว้ว่านอกจากพวกเธอสองคนแล้ว ยังมีพี่ที่รอนายกลับมานะ” หลินซือฉิงกล่าวด้วยความกังวล
เย่เฟิงมองคนตรงหน้าด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร?
“คิดไปถึงไหนล่ะนั่น?” หญิงสาวยิ้มบาง “พี่ก็รอนายกลับมาคืนหนี้ที่ค้างอยู่ไง”
ในความเป็จริง ถ้าคนอื่นในตระกูลหลินเป็ผู้รับผิดชอบงานจัดแสดงครั้งนี้ การล่วงเกินไดมอนด์กรุ๊ปจนทำให้อีกฝ่ายโกรธเคือง ย่อมส่งผลกระทบมหาศาลต่อสถานะของพวกเขาในตระกูลหลิน แต่หลินซือฉิงไม่สนใจ เพราะเธอเป็ผู้หญิง วันหนึ่งก็ต้องแต่งงานออกไป ฉะนั้นแล้วเื่ที่ทำมันสำคัญตรงไหน? ั้แ่รู้จักกับเย่เฟิง เธอก็เริ่มเปลี่ยนความคิดในหลายๆ เื่และเริ่มเป็ตัวเองมากขึ้น นั่นทำให้เธอรู้สึกมีอิสระมาก...
ทั้งสองคนยืนคุยกันสักพัก ไม่นานนักเหลยิพร้อมกับสมาชิกสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติกว่าสิบคนก็มาถึง จะเห็นได้ว่าเหลยิมาที่นี่อย่างเร่งรีบ แต่บนใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าทำไมหลินซือฉิงจึงขอร้องให้พวกเขาออกมา เพราะเมื่อก่อนเธอไม่ได้เป็แบบนี้เลย
“กระจายกำลังออกไป!”
เมื่อเหลยิมาถึงวิลล่าชิงเฟิงก็ให้สมาชิกในทีมแยกย้ายกันไปตามพื้นที่โดยรอบทันที พวกเขามีอุปกรณ์ทันสมัยทุกประเภท เมื่อมีบุคคลน่าสงสัยปรากฏตัวขึ้นก็สามารถตรวจพบได้ทันที ในโลกใบนี้ไม่มีใครที่มีความสามารถมากเท่าเย่เฟิงที่พรางตัวจากการตรวจจับของสำนักงานความมั่นคงได้
ยิ่งกว่านั้นแม้จะไม่มีสำนักความมั่นคงแห่งชาติขัดขวาง แต่ก็ยังมีเย่เวิ่นเทียน รวมทั้งเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์สำหรับป้องกันที่มอบให้หลงหว่านเอ๋อร์ด้วย ภายใต้การคุ้มกันแ่าหลายชั้นเช่นนี้ หากใครคิดจะลอบทำร้าย พวกเขาจะต้องจ่ายค่าตอบแทนมากมายเลยทีเดียว
หลังจากสมาชิกในทีมอยู่ในตำแหน่งแล้ว เหลยิก็วิ่งไปหาเย่เฟิงและหลินซือฉิงทันที เมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนม เหลยิก็สงสัยขึ้นมา
“ไม่เป็อะไรนะครับคุณหนูหลิน?” เหลยิถามหลินซือฉิงด้วยความเป็ห่วง
“ฉันไม่เป็อะไรค่ะ” หลินซือฉิงยิ้มบาง “ถ้าเมื่อครู่ไม่ได้เย่เฟิงช่วยไว้ ฉันก็คงถูกโรคจิตลวนลามแล้ว”
“...”
เย่เฟิงคิดในใจว่า หากจูอี้ฉวินรู้ว่าหลินซือฉิงเรียกว่า ‘โรคจิต’ มันจะไม่กระอักเืตายเลยเหรอ?
“ขอบใจมากน้องชาย”
เหลยิมองเย่เฟิงขณะที่แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหลินซือฉิงถึงดูสนิทสนมกับเย่เฟิงแบบนี้ พูดตามตรงว่าถ้าไม่ใช่เพราะคำขอร้องของหลินซือฉิง หลินเต๋อเทียนไม่มีทางส่งเขามาคุ้มกันเย่เฟิงแน่ รวมถึงคนในบ้านหลังนี้ด้วย ซึ่งเป็เื่ที่ผิดแผกธรรมชาติไปมาก
“น้าเหลย ไม่ต้องเดามั่วเลยค่ะ” หลินซือฉิงคล้องแขนเย่เฟิงอีกครั้งพร้อมกับหัวเราะ “ตอนนี้เขาเป็คนของเราแล้ว ถ้าจะคุ้มกันเขาก็ไม่ผิดใช่ไหมคะ?”
เมื่อเห็นการกระทำของเธอ เหลยิก็มึนงงเหมือนถูกะเิด้วยนิวเคลียร์ คุณหนูหลินชอบเ้าเด็กนี่แล้วงั้นเหรอ? หรือจะเต็มใจยอมรับเื่หมั้นแล้ว?
กลิ่นหอมน่าดึงดูดของหญิงสาวลอยเข้าจมูกเย่เฟิงอีกครั้ง ใบหน้าของเขาจึงแปลกไปเล็กน้อย นี่มันอะไรกัน นี่ไม่ใช่ว่าหลินซือฉิงจงใจยั่วยวนเขาหรอกใช่ไหม?
“ทำไมนายทำหน้าแบบนั้น?” หลินซือฉิงเห็นเย่เฟิงทำหน้าประหลาดจึงบ่นออกมา “เราเป็ของกันและกันแล้ว นายบอกฉันเองนี่?”
ได้ยินดังนั้น เหลยิก็รู้สึกเดือดปุดๆ เกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้กันแน่? แล้วที่บอกว่า ‘เป็ของกันและกัน’ หมายความว่าอะไร? ปฏิกิริยาของเหลยิเปลี่ยนไปทันที ั้แ่นี้ไปเขาไม่อาจปฏิบัติต่อเย่เฟิงเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว! เพราะชายคนนี้จะเป็สามีในอนาคตของคุณหลินแน่นอน เื่ที่มันเกิดขึ้นแล้วก็ให้มันแล้วไปก็แล้วกัน!
“คุณหนูสบายใจได้ พวกเราจะคุ้มกันอย่างดี ไม่มีบกพร่องแน่นอน!”
เหลยิเปลี่ยนจากหน้ามือเป็หลังมือในทันที เขาแสดงความเคารพแบบทหารอย่างขึงขัง จากนั้นหันหลังไปสั่งงานสมาชิกสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติอย่างเคร่งขรึม
“โอเคนะเสี่ยวเย่” ในที่สุดหลินซือฉิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ใบหน้าสวยเจือความเขินอายเล็กน้อยก่อนผุดยิ้ม “แบนนี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว รับรองว่าเหลยิต้องทำเต็มที่แน่นอน”
เย่เฟิงรู้ว่าเธอคิดจะทำอะไร เพราะกลัวว่าเหลยิจะทำหน้าที่ไม่เต็มที่ หญิงสาวจึงกระตุ้นอีกฝ่ายด้วยความตั้งใจ... อ่า กลายเป็ว่าเย่เฟิงใจเต้นรัวเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายตกหลุมรักเขาแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้