เวลาหัวค่ำ
บ้านพรานเข้ม….
พรึบ
“วันนี้ผมขอไม่ดื่มเหล้าด้วยนะครับ…”ผมว่าเสียงอ่อนพร้อมกับทำหน้าแหยๆให้ลุงสิงห์ไป ลุงสิงห์ที่ล้างมือเสร็จเพราะเราเพิ่งจะกินข้าวเย็นกันเสร็จโดยกับข้าวเย็นฝีมือพี่เข้มตามเดิมก็หันกลับมามองหน้าผมโดยยิ้มเยาะผม
“ทำไม….เหล้าต้มของข้ามันไม่ถูกปากเอ็งเหรอไง?”ลุงสิงห์เอ่ยถามผมพร้อมกับหยิบไหใบเล็กขึ้นมากระดกดื่ม
ผมว่าแล้ว กิจวัตรประจำวันของลุงสิงห์กับพี่เข้มคือ พอตอนเย็นกินข้าวเสร็จก็ต้องดื่มเหล้ากันต่อแบบนี้เป็ประจำทุกวัน
แต่วันนี้ผมขอบายดีกว่า…รู้สึกเพลียๆยังไงไม่รู้และผมไม่ชอบดื่มเหล้าด้วย
“คือผม…เป็คนไม่ค่อยชอบดื่มเหล้าสักเท่าไหร่นะครับ…”ผมบอกลุงสิงห์ไปพร้อมกับยิ้มบางๆให้แกก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบต้นแขนทั้งสองข้างของตัวเองที่มันรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมา
วันนี้อากาศดูเย็นๆหนาวๆกว่าเมื่อวานนะ
“นั่นไง…ข้าบอกแล้วว่าให้ดื่มนี่แก้ร้อน…”ลุงสิงห์ว่าพร้อมกับยื่นไหใบเดียวกันกับแกส่งมาให้ผมแต่ผมก็ยกมือโบกไปมาเป็การปฏิเสธแก
“ไม่กินก็ได้…แล้วแต่..ของอร่อยๆๆ…อึกๆๆ”ลุงสิงห์พลางยกไหกลับกระดกดื่มเองอีกหลายอึก ผมก็หันไปมองพี่เข้มที่กำลังนั่งก่อกองไฟให้เราสองคนอยู่ ใช่วันนี้อากาศหนาวจริงๆนะ
“เอ่อ..ข้าว่าจะถามเอ็งั้แ่เมื่อตอนบ่ายแล้ว…ว่าคอเอ็งน่ะไปโดนอะไรมา?”ลุงสิงห์ว่าพร้อมกับมองจ้อบมาที่ซอกคอของผมและตามเรือนร่างของผมที่มันมีรอยจ้ำแดงๆปรากฏอยู่เป็จุดๆ
คราวนี้ผมกับอึ้งอ้ำอึ้งติดอ่างไปเลยเพราะไม่รู้จะตอบลุงแกไปว่าอะไร
จะบอกตรงๆว่าโดนพี่เข้มดูดก็ไม่ใช่เื่ ลุงแกไม่มีทางเชื่อและรับได้แน่ถ้าแกรู้ว่าลูกชายเพียงคนเดียวของเขาชอบผู้ชายด้วยกันเองน่ะ
“ยะยุงน่ะครับลุง…”
“ยุงที่นี่ตัวใหญ่มาก…”
“แล้วผมก็แพ้ยุงด้วย^_^”ผมตอบลุงสิงห์เสียงสั่นอย่างส่อพิรุธพลางยิ้มแหยๆให้แกไป ลุงแกก็พยักหน้าเข้าใจทั้งๆที่สายตาแกไม่เชื่อผมเสียด้วยซ้ำ
ก็เป็ใครจะเชื่อล่ะ เสียงสั่นขนาดนั้น
“เอ่อ…ไอ้เข้มเอ็งก็ก่อไฟกองใหญ่ๆหน่อย…ไอ้หนุ่มนี่มันแพ้ยุง…”ลุงสิงห์หันไปเอ่ยสั่งพี่เข้มเสียงเข้มที่ตอนนี้พี่เข้มกำลังนั่งยองๆอยู่ตรงกลางของบ้านสองหลังเพื่อทำการก่อกองไฟเพื่อไล่ยุง
“ได้พ่อ…”พี่เข้มตอบลุงสิงห์เสร็จและก็เหลือบหางตามามองหน้าผมพร้อมกับส่งสายตากรุ้มกริ่มให้ผม ผมก็ทำตาหรี่ใส่เขาไป
พอได้เสียผมเป็เมียเข้าหน่อยไอ้นิสัยขี้เก๊กก่อนหน้านี้หายไปหมดเลยนะพี่เข้ม
ผมนั่งยิ้มกริ่มแอบมองพี่เข้มเป็ระยะๆก่อนที่เขาจะรู้ตัวและเงยหน้าขึ้นมามองผมกลับด้วยแววตาหวานเชื่อมอมยิ้มละมุนนั่นทำให้หัวใจของผมเต้นรัวเร็วขึ้นมา
“เอ่อลุงครับ….ผมขอตัวขึ้นไปนอนก่อนดีกว่าครับ….”
“รู้สึกง่วงๆยังไงบอกไม่ถูกครับ…”ผมเอ่ยบอกลุงสิงห์ไปพลางยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองและทำท่าทางหาววอดๆอย่างแสดงออกชัดเจนว่าผมง่วงนอนจริงๆ
“เอ่อๆไปเถอะๆๆ…”ลุงสิงห์ว่าพลางโบกมือไล่ผม ผมก็ยิ้มให้แกก่อนจะก้มศีรษะให้แกก่อนจะลุกขึ้นมาจากแคร่หน้าบ้านของลุงสิงห์
ผมก็หันไปคลี่ยิ้มบางๆให้พี่เข้มพี่เข้มก็ยิ้มให้ผมด้วยสีหน้าเขินอายก่อนจะหลบสายตาผมกลับไปให้ความสนใจกับกองไฟของเขาต่อ ที่ในตอนนี้เขากำลังนำมีดปลายแหลมเล่มยาวคล้ายๆดาบลนไฟอยู่น่ะ เห็นเขาพูดอยู่ว่าพรุ่งนี้จะเข้าป่าไปล่าสัตว์
ผมก็มองพี่เข้มด้วยแววตาหวานเยิ้มและหลงใหลใบหน้าคมเข้มของเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
ผมคงจะหลงรักเขาไปแล้วล่ะครับ
ตึกๆๆ
พรึบๆๆ
แอดดดดด
ผมเดินขึ้นบันไดห้องพี่เข้มมาอย่างช้าๆเหมือนเดิมเพราะผมยังไม่หายเจ็บระบมรูทวารหนักของผม
เมื่อผมเข้ามาถึงหน้าประตูเข้าบ้านผมก็เปิดประตูไม้ระเเนงที่ถูกตอกด้วยตะปูเรียงตัวสวยเข้าไปตัวด้านในของบ้าน
ที่ผมมุ่งตรงไปยังเตียงนอนไม้ไผ่ที่นอนของผมด้วยความเหนื่อยล้า ที่ห้องนี้ให้ความสว่างโดยแสงไฟจากตะเกียง ซึ่งเป็ตะเกียงที่ใช้น้ำมันเป็เชื้อเพลิงเขาเรียกขานกันว่า ตะเกียงเ้าพายุ ซึ่งผมเคยเห็นตามงานประมูลของโบราณสมัยรัชกาลที่6อยู่เป็ประจำ
ของมันตั้งเป็ร้อยปีมาแล้วหนิเนอะ
“เป็ร้อยปีมาแล้ว…?”ผมพึมพำออกมาก่อนจะเดินไปดูตะเกียงใกล้ๆก่อนจะหยิบมันขึ้นมาจากที่โต๊ะไม้ที่ทำจากไม้ไผ่ขึ้นมาดู
ก็เห็นความมันเงาและอายุการใช้งานของมันได้
ว่าตะเกียงเข้าพายุอันนี้ไม่มีทางมีอายุหนึ่งร้อยปีมาแล้วแน่
แต่มันเหมือนเพิ่งจะใช้งานมาได้ไม่ถึงปีเอง
“นาย~~~~ท่าน…..”เสียงแหวานไพเราะเสนาะหูที่ยานครางสักนิดพร้อมๆกับความเย็นะเืของลมหนาวที่พัดเข้ามากระทบแผ่นหลังของผมที่ผมไม่ได้สั่นเสื้อ
ทำให้ขนแขนและขนหัวของผมลุกตั้งขึ้นมาก่อนที่ผมจะขมวดคิ้วงุนงงและแปลกใจ
ว่าที่นี่เราอยู่กันแค่สามคน พ่อพี่เข้ม พี่เข้มและผม
และเสียงผู้หญิงยานครางนี่มาจากไหน
เมื่อคิดได้อย่างงงั้นผมก็ค่อยๆหันตัวไปยังต้นตอของเสียงที่มันดังอยู่ด้านหลังของผมและทันใดนั้นดวงตาของผมก็ต้องเบิกโตขึ้นด้วยความใ
เมื่อสายตาผมสบเข้ากับผู้หญิงผมยาวสีดำที่ผมของเธอยาวติดพื้นของพี่เข้มและเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ก็เป็ชุดสีดำทั้งชุด เธอยืนอยู่มุมสุดของห้องติดกับปลายเตียงที่นอนของผม
“~นายท่าน~”เธอเอ่ยเรียกผมอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็นะเื ตอนนี้ผมสั่นไปทั้งร่างแล้วแววตาของผมสั่นไหวริมฝีปากสั่นระริก เสียงฟันล่างและฟันบนดังกระทบกันจนได้ยินเสียง
“ผะผี!!”ผมเอ่ยออกด้วยเสียงกระตุกสั่นเครือและขาดหาย
พรึบ
ดวงตาของผมเบิกโตขึ้นจนมันแทบจะถลนออกมาเมื่อใบหน้าของหญิงชุดดำผมยาวคนนั้นพุ่งตรงมาหาผมอย่างรวดเร็ว เธอไม่ได้เดินมาแต่เธอลอยมา
ใบหน้าของเราสองคนอยู่ใกล้กันมาก มากจนผมแอบได้กลิ่นยาวเืคละคลุ้งจากร่างกายของเธอ
พรึบ
“ผีหลอกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
“ผีๆๆๆๆๆๆ!!!”ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงร้องะโเสียงดังลั่นบ้านของพี่เข้มพร้อมกับวิ่งหันหลังไปนั่งขุดตู่อยู่บนเตียงไม้ไผ่ของพี่เข้มพร้อมกับยกมือที่สั่นเทาของผมขึ้นมาพนมมือสวดมนต์
“นายท่านไม่ต้องกลัวข้า….”
“ข้ามิได้จะทำให้นายท่านใ….”เสียฃหวานที่เย็นะเืเอ่ยบอกผมเสียงของเธออยู่ใกล้ระยะประชิดของผมและผมก็รับรู้ได้ถึงััที่เย็นะเืแตะลงบนแขนของผมทำให้ผมสะดุ้งสุดตัวสวดมนต์ผิดๆถูกๆออกมา
เกิดมาไม่เคยเห็นผี แต่ที่ทำให้ผมมั่นใจว่าเธอคนนี้ไม่ใช่คนก็คือเธอไม่มีเงา
ตึกๆๆๆๆ
เสียงฝีเท้าหนักๆที่รับรู้ได้ถึงแรงลงฝีเท้าในการเร่งรีบของใครสักคนดังใกล้เข้ามา
“ดาวเหนือ!!”เสียงเข้มเอ่ยเรียกผมด้วยน้ำเสียงเป็ห่วง ผมก็ดีใจที่พี่เข้มเข้ามาหาผม
“ผะผีพี่เข้ม!!”ผมเอ่ยบอกพี่เข้มพลางชี้นิ้วสะเปะสะปะไปยังตรงด้านหน้าของผมทั้งๆที่ผมไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองเสียด้วยซ้ำ แต่ผมมั่นใจว่าเมื่อกี้เธอนั่งอยู่ตรงหน้าของผมจริงๆ
พรึบ
พี่เข้มเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับนั่งลงบนเตียงนอนตรงหน้าผมและคว้าร่างของผมเข้าไปสวมกอด
“ไม่เป็ไรๆ…ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว…เอ็งไม่ต้องกลัว…”
“ตราบใดที่ข้ายังอยู่กับเอ็ง…ไม่ว่าจะผีห่าซาตานตนใดก็ไม่มีวันมาทำอันตรายเอ็งได้…”พี่เข้มพูดเสียงเข้มอย่างไม่พอใจและเป็ห่วงผมไปในตัว ผมก็คว้าเอวสอบกอดพี่เข้มเเน่นพร้อมกับเอาใบหน้าซุกอกเปลือยแกร่งเต็มไปด้วยหมัดกล้ามเนื้อแน่นที่มีความหอมเพิ่มเติมติดมาด้วย
พี่เข้มนี่ตัวหอมชะมัด…
“ฟืดดดดด”ผมสูดดมกลิ่นกายของพี่เข้ม โดยที่เ้าตัวไม่เอ๊ะใจเลยสักนิดเพราะเขาห่วงเอามือลูบศีรษะของผมอยู่เพื่อปลอบโยนผมอย่างอ่อนโยน
“ออกมาได้แล้ว…เมียงเร…”พี่เข้มเอ่ยขึ้นเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าผมเริ่มหายตัวสั่
นแล้ว ว่าแต่เมียงเรคือใคร และพี่เข้มเอ่ยสั่งคนที่ชื่อเมียงเรทำไม….
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้