เวลาหนึ่งชั่วยาม ไม่นานก็ผ่านไป!
การแข่งขันจัดอันดับศิษย์สำนักนอกการแข่งขันชิงชนะเลิศที่เป็รอบสุดท้ายกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
รอบที่สิบ หมายเลข 3 หยางติ่งจวินกับหมายเลข 467 เสวียนเทียนการต่อสู้ระหว่างสองสุดยอดของการแข่งขันจัดอันดับครั้งนี้
คนชนะเป็ที่หนึ่ง
คนแพ้เป็ที่สอง
ถึงแม้ว่าจะห่างกันเพียงลำดับเดียว แต่ชื่อเสียงและรางวัลที่ได้ต่างกันราวฟ้ากับเหว
เ้าตำหนัก ผู้าุโ ผู้ดูแลลูกศิษย์สำนักกระบี่์ต่างก็สนใจการต่อสู้คู่นี้
ศาลาฟางบนยอดเขาฝั่งตรงข้ามผู้เฒ่าผมขาวกับหลิงซิงเยว่ยังคงนั่งอยู่เหมือนเดิม มองลานกว้างบนยอดเขาฝั่งตรงข้ามจากที่ไกลๆ
เพื่อที่จะแย่งที่ยืนใกล้ชิดติดขอบเวทีประลองที่สุดบรรดาศิษย์ทานอาหารกลางวันเสร็จก็แทบจะมารออยู่ในลานกว้างการแข่งขันยังไม่ทันเริ่ม ทั้งลานกว้างก็มีบรรดาศิษย์เบียดอยู่ไม่เหลือช่องว่าง
ก่อนที่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจะเริ่มขึ้นไม่นานเสวียนเทียนกับหยางติ่งจวินก็มาถึงลานกว้างแทบจะพร้อมกัน ดวงตาสี่ข้างของสองคนสบกันสายตาปะทะกันอย่างรุนแรงกลางอากาศ
“ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ! ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ!”
“ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ! ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ!”
..........
..........
“ศิษย์พี่หยาง อันอับหนึ่ง! ศิษย์พี่หยาง อันอับหนึ่ง!”
“ศิษย์พี่หยาง อันอับหนึ่ง! ศิษย์พี่หยาง อันอับหนึ่ง!”
..........
..........
ตอนที่เสวียนเทียนกับหยางติ่งจวินปรากฎตัวขึ้นนั้นเองฉับพลันเสียงกู่ร้อง เสียงร้องให้กำลังใจของบรรดาลูกศิษย์บนลานกว้างก็ดังกึกก้อง
เสียงของทั้งสองฝั่งดังะเืฟ้าะเืดินดังสนั่นจนหูเกือบหนวก
แต่ว่าเมื่อเทียบกันแล้วศิษย์นอกที่สนับสนุนหยางติ่งจวินแล้ว ศิษย์ชั้นสูงจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศิษย์ชั้นหัวแถวพลังวัตรขั้นสิบในกลุ่มของเขาแทบจะเป็ครึ่งหนึ่งของศิษย์หัวแถวพลังวัตรขั้นสิบทั้งหมด
เพราะจางหลงพ่ายแพ้เสวียนเทียนจนหมดสิ้นความมั่นใจชื่อเสียงที่สร้างมา ฉับพลันก็แตกสลายศิษย์ชั้นสูงใต้อาณัติล้วนตีตัวออกห่างกลุ่มอำนาจของจางหลงแต่เสวียนเทียนผู้เอาชนะจางหลงพวกเขาก็ยังคงแค้นส่วนใหญ่จึงไปเข้ากับฝั่งของหยางติ่งจวิน ร้องะโอย่างบ้าคลั่งพวกเขาไม่มีความสามารถจะเล่นงานเสวียนเทียนได้แต่หวังให้หยางติ่งจวินเอาชนะเสวียนเทียน อัดเขาให้หมอบ
“พวกเ้าว่า พวกเขาสองคนใครมีหวังจะได้ที่หนึ่งมากกว่ากัน?” ศิษย์ชั้นหัวแถวพลังวัตรขั้นสิบรวมตัวกันอยู่มุมหนึ่งไป๋จั่นเฮ่อถามคนข้างๆ ขึ้นมา
นอกจากศิษย์ชั้นหัวแถวที่ะโสนับสนุนหยางติ่งจวินอยู่ศิษย์ชั้นหัวแถวที่เหลือโดยส่วนใหญ่ก็อยู่ที่นี่ หลินอู๋อิ่ง หลี่อี้ฉาง จูตันกู้ซีหยวน หม่าเทา...แปดอันดับแรกล้วนอยู่ที่นี่
ในนั้นมีเพียง หลินอู๋อิ่ง หลี่อี้ฉางฝานหงสามคนเท่านั้นที่เคยประมือกับเสวียนเทียน ส่วนเหลียงจ้ง ตู้เหวินเค่อตอนนี้กำลังร้องะโให้กำลังใจหยางติ่งจวินอยู่
“คงเป็ศิษย์พี่หยางกระมังศิษย์พี่ไป๋ พลังปราณหยางบริสุทธิ์ระดับขั้นเจ็ด แม้แต่ท่านยังต้านทานไว้ไม่ได้หวงเทียนจะต้านได้อย่างไรเล่า?” ศิษย์ชั้นหัวแถวผู้หนึ่งตอบ
คนผู้นี้ยืนอยู่ข้างศิษย์ผู้ครองแปดอันดับแรกในการแข่งขันจัดอันดับครั้งนี้เขาได้ลำดับที่สิบ นามว่าเจิ้งอวี้หง
ฝานหงที่อยู่ด้านหลังส่ายศีรษะ กล่าวว่า “ศิษย์พี่เจิ้งกล่าวเช่นนี้ผิดไปแล้วพวกท่านไม่ได้ประมือกับศิษย์พี่หวงเทียน ไม่อาจััถึงความน่ากลัวของกระบี่ในมือเขาความสามารถของศิษย์พี่หวงเทียน ไม่เป็รองศิษย์พี่หยางแน่นอน ผลของการแข่งขันน่าจะแพ้ชนะก้ำกึ่งเกรงว่าใครก็ยากจะทำอะไรใครได้” เจิ้งอวี้หงหัวเราะเบาๆแล้วกล่าวขึ้น “ศิษย์พี่หยางพลังภายในล้ำลึกศิษย์นอกไม่มีใครเทียบได้ การต่อสู้ยิ่งนานความสามารถที่เปล่งประกายออกมายิ่งร้ายกาจหวงเทียนแม้ว่าจะบรรลุศาสตร์กระบี่ลึกซึ้งแต่ก็คงต้านศิษย์พี่หยางได้เพียง่เวลาหนึ่งเท่านั้น นานเข้าเมื่อพลังภายในหดหายจะเป็คู่มือของศิษย์พี่หยางได้อย่างไร”
กระบี่ปีศาจหลี่อี้ฉางพูดขึ้นว่า “ศิษย์น้องเจิ้งพลังภายในของศิษย์พี่หวงเทียนไม่อ่อนแอความชำนาญศาสตร์กระบี่ของเขาลึกซึ้งจนเ้าไม่อาจจินตนาการได้เมื่อเผชิญหน้าศิษย์พี่หวงเทียนต่อให้ทั้งร่างเปี่ยมพลังก็ยากจะใช้ออกมาให้ได้ถึงแปดส่วนดูจากพลังที่เขาล้มจางหลงเมื่อครู่ การต่อสู้คู่นี้แพ้ชนะ พูดยากอย่างยิ่ง”
เจิ้งอวี้หงพูดดูถูกว่า “ข้าไม่เห็นว่าเป็เช่นนั้นหวงเทียนไม่มีทางเป็คู่มือของศิษย์พี่หยางแน่นอน”
จูตันผู้มีผิวออกคล้ำยืนอยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นว่า“การแข่งขันครั้งนี้ศิษย์พี่หลี่ไม่ได้ประมือกับศิษย์พี่หยางไม่อย่างนั้นมุมมองของท่านจะต้องเปลี่ยนกลับตาลปัตรร้อยแปดสิบองศาแน่นอน”
จูตันพ่ายแพ้ในมือของหยางติ่งจวินจึงเกรงกลัวหยางติ่งจวินอยู่มาก ทั้งยังไม่ได้มองว่าเสวียนเทียนเก่งกาจ
หลินอู๋อิ่งกล่าวว่า “ศิษย์น้องจูเ้าเองก็ไม่ได้ประมือกับศิษย์พี่หวง มิเช่นนั้นมุมมองของเ้าก็จะกลับตาลปัตรร้อยแปดสิบองศาเหมือนกัน”
“นั่นเป็ไปไม่ได้!” จูตันเชิดหน้าขึ้น
ไป๋จั่นเฮ่อลูบฝ่ามือของตัวเองมีรอยแผลฉีกขาดลางๆ อยู่ กล่าวขึ้นว่า “พลังของหยางติ่งจวินน่ากลัวจริงๆข้าต้านเขาได้สามสิบหกกระบี่ ฝ่ามือก็ถูกแรงะเืฉีกขาดแล้วพลังภายในของเขาเข้มแข็งเหลือเกินวิชาปราณที่หวงเทียนฝึกฝนไม่ด้อยไปกว่าวิชาปราณของหยางติ่งจวินแต่ระดับชั้นต่ำเกินไป จะเอาชนะหยางติ่งจวิน ความหวังยังเลือนราง”
ไป๋จั่นเฮ่อเป็คนที่พลังวัตรสูงที่สุดในหมู่ศิษย์ชั้นหัวแถวกลุ่มนี้คำพูดของเขามีน้ำหนักอยู่มาก ศิษย์หัวแถวไม่น้อยพากันพยักหน้า
“ข้าว่าอย่างไรศิษย์พี่หยางก็ร้ายกาจกว่า!” เจิ้งอวี้หงกับจูตันพูดอย่างมั่นใจ
หลินอู๋อิ่งกลับถามขึ้นว่า “ศิษย์พี่ไป๋ หวงเทียนฝึกฝนวิชาปราณอะไรหรือ?”
ไป๋จั่นเฮ่อตอบว่า “ปราณเบิกนภา!”
“อะไรนะ...?”
“ปราณเบิกนภา?”
“ฝึกฝนปราณเบิกนภาพลังวัตรกลับเพิ่มพูนขึ้นเร็วขนาดนี้ บรรลุชั้นพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดแล้ว?”
“พลังวัตรขั้นแปดอย่างน้อยก็ต้องฝึกปราณเบิกนภาถึงขั้นที่ห้า มิน่าเล่าพลังภายในของเขาถึงลึกล้ำขนาดนั้น!”
……
……
ฉับพลันบรรดาศิษย์ชั้นหัวแถวก็ส่งเสียงอุทานใพูดขึ้นมา
เจิ้งอวี้หงเม้มปาก กล่าวขึ้นว่า “เพิ่งฝึกถึงขั้นห้าก็ยังไม่ใช่คู่มือของศิษย์พี่หยางอยู่ดีปราณหยางบริสุทธิ์ของศิษย์พี่หยางฝึกถึงขั้นเจ็ดแล้วเชียวนะ”
ตอนนี้เองเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นลอยมาจากที่ไกลทางด้านข้าง “ลงเงินจ้า ลงเงินจ้า แทงศิษย์พี่หยางชนะแทงสองจ่ายสาม แทงศิษย์พี่หวงชนะ แทงหนึ่งจ่ายสาม!”
ศิษย์ผู้นั้นมีพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดกำลังเดินวนเวียนในหมู่ศิษย์ชั้นสูงร้องะโ
หลี่อี้ฉางเห็นสถานการณ์ เอ่ยขึ้นว่า “ศิษย์น้องเจิ้งในเมื่อเ้ามั่นใจขนาดนั้นว่าศิษย์พี่หยางจะชนะ ทำไมไม่ลองไปพนันดูสักตาเล่า?”
เจิ้งอวี้หงถูกยุก็กล่าวว่า “พนันก็พนันข้าไม่เชื่อว่าหวงเทียนจะชนะศิษย์พี่หยางได้เช่นกัน”
เจิ้งอวี้หงเดินไปถึงหน้าศิษย์ชั้นสูงที่กำลังร้องะโคนนั้นถามขึ้นว่า “ศิษย์น้องนามว่าอะไร”
เห็นศิษย์หัวแถวชั้นพลังวัตรขั้นสิบศิษย์คนนั้นก็พูดขึ้นอย่างนอบน้อมว่า “คารวะศิษย์พี่ ศิษย์น้องมีนามว่าหม่าหวง”
ที่แท้คนผู้นี้ก็คือศิษย์ที่หลินตงชนะเงินพนันหนึ่งหมื่นตำลึงมาเมื่อตอนเสวียนเทียนต่อสู้กับหนิวจื้อเกานั่นเองตอนนั้นหม่าหวงเพิ่งพลังวัตรขั้นหก ตอนนี้เหยียบเข้าขั้นเจ็ดกลายเป็ศิษย์ชั้นสูงแล้ว
เจิ้งอวี้หงเอ่ยว่า “ศิษย์น้องหม่าหวงข้าแทงศิษย์พี่หยางชนะ เงินสามหมื่นตำลึง”
“หา?” หม่าหวงพลันสีหน้าลำบากใจลงสามหมื่นตำลึง นั่นต้องคืนหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงเชียวนะตอนนี้เขายังมีเงินลงพนันฝั่งเสวียนเทียนไม่มาก มีแค่ไม่กี่ร้อยตำลึงเงินพนันฝั่งศิษย์พี่หยางกลับมีถึงสองพันกว่าตำลึง ตอนนี้ ฉับพลันมีเงินพนันก้อนใหญ่ลงมาสามหมื่นตำลึงถ้าหากศิษย์พี่หยางชนะ ตัวเขาต้องตายแน่
เจิ้งอวี้หงพริบตาก็หยิบตั๋วเงินปึกใหญ่ปึกหนึ่งออกมาจากอกเสื้อไม่ให้หม่าหวงได้ปฏิเสธ เขาก็ยัดตั๋วเงินเข้ามาในมือ พูดว่า “สามหมื่นตำลึงแทงข้างศิษย์พี่หยาง พนันแล้วนะ”
.....
เสวียนเทียนกับหยางติ่งจวินเดินขึ้นเวทีประลองไปพร้อมกันจากสองฝั่งเวทีประลอง
หยางติ่งจวินมองไปที่เสวียนเทียนดวงตาฉายประกายความโกรธเทียมฟ้า
“หวงเทียนแค้นเก่าแค้นใหม่คิดรวบทีเดียว วันนี้ข้าจะตีเ้าให้พิการตีให้แม้แต่มารดาเ้าก็จำไม่ได้!”
เพิ่งขึ้นมาบนเวทีประลองหยางติ่งจวินก็ะโขึ้นเสียงดัง ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายพูด ‘กระบี่โลหะแดง’ ในมือพลันะเิแสงสว่าง พาพลังอันรุนแรงเหนือผู้ใดหนึ่งกระบี่ฟันมาหาเสวียนเทียน
กระบี่นี้ ปราณกระบี่อัดแน่นราวกับจะจับต้องได้เจิดจ้าบาดตายิ่งนัก
กระบี่นี้ พลังราวกับูเาทลายทะเลปั่นป่วนทำลายทุกสิ่ง ฟาดฟันทุกอย่าง ไม่อาจต้านทาน
เขาพูดว่าลงมือก็พลันลงมือแม้กระทั่งโอกาสให้เสวียนเทียนพูดก็ไม่ให้ กระบี่ที่รุนแรงไร้ขอบเขตนี้จากขอบเวทีด้านหนึ่งฟันออกมา ปราณกระบี่ะเิพุ่งออกมาถึงห้าหกสิบก้าวพาพลังอันแข็งแกร่งไม่อาจต้านทาน ฟันทลายสิ้นทุกสิ่ง ฟันไปทางเสวียนเทียน
กระบี่นี้หยางติ่งจวิน้าจะฟันเสวียนเทียนให้เป็สองท่อน เืกระเซ็นห้าก้าว!
กระบี่นี้หยางติ่งจวิน้าให้เสวียนเทียนตัวตาย ิญญาสะบั้น!
นี่เป็กระบี่ที่เปี่ยมด้วยจิตสังหารอันรุนแรง
ทุกคนตกตะลึงเมื่อหยางติ่งจวินฟันกระบี่นี้ออกมาการต่อสู้คู่นี้ก็ไม่ใช่การแข่งขันระหว่างศิษย์ร่วมสำนักแล้ว กลับกลายเป็การต่อสู้เดิมพันชีวิตระหว่างสองคู่แค้นแทน
ผู้าุโและผู้ดูแลสำนักนอกบนเวทีผู้ชมฉับพลันก็ลุกขึ้นยืนตื่นตัวถึงขีดสุด หยางติ่งจวินกล้าจงใจฆ่าบนเวทีประลองทำให้ผู้าุโและผู้ดูแลต่างใเสวียนเทียนเป็คนที่เ้าสำนักกระบี่์สนใจมากจนส่งคำสั่งมา หากเกิดอะไรขึ้นในการแข่งขันจัดอันดับใครก็รับผิดชอบไม่ไหว
“เ้าหยางติ่งจวินเป็คนเสียสติจริงๆ!” ไป๋จั่นเฮ่อมองเวทีประลอง พึมพำออกมา
กระบี่นี้ของหยางติ่งจวินมีพลังมากถึงขีดสุด รวดเร็วถึงขีดสุด รุนแรงสยบฟ้าดินหนึ่งกระบี่ฟันออกมา ปิดทางถอยรอบด้านของเสวียนเทียนจนหมดสิ้นไม่ว่าเสวียนเทียนจะหลบหลีกอย่างไร กระบี่นี้ก็ดูราวกับจะฟันมาถึงได้ในพริบตา
บรรดาศิษย์สำนักนอกมองกระบี่ที่รุนแรงเหลือประมาณกระบี่นี้เสียงะโ เสียงให้กำลังใจเงียบลงไป แต่ละคนตาโตปากค้างไม่รู้ว่าเสวียนเทียนจะทำลายกระบี่นี้อย่างไร พาลให้ใจของตนตื่นเต้นสุดประมาณหัวใจเต้นรัวแรง
เมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่อันรุนแรงสยบฟ้าดินนี้ของหยางติ่งจวินสีหน้าเสวียนเทียนยังคงเหมือนปกติ ไม่ร้อนรนแม้ว่ากระบี่นี้จะเหนือชั้นยิ่งกว่าคู่ต่อสู้ทุกคนที่เสวียนเทียนได้เผชิญมาในการแข่งขันทั้งเก้ารอบก็ตาม
แต่เสวียนเทียนยังคงมีเพลงกระบี่ดับเงาเป็ไพ่ตายที่ยังไม่ได้ใช้ดังนั้นเสวียนเทียนจึงไม่หวาดกลัวการโจมตีของหยางติ่งจวินแม้แต่น้อย
“ท่าเกลียววายุ!”
ตอนที่หยางติ่งจวินฟันกระบี่นี้ลงมานั่นเองขนอ่อนทั้งร่างของเสวียนเทียนพลันลุกชันขึ้น ในสภาพ ‘ตื่นตัว’ สมาธิทั้งร่างพลันพุ่งถึงจุดสูงสุดสมาธิจดจ่ออย่างที่สุด กระบี่หิมะเหมันต์ในมือฟันออกมา ความเร็วไม่ได้เร็วมากแต่วาดวงกลมออกมา วงแล้ววงเล่า
แรงลมหมุนสายหนึ่งเกิดขึ้นมาตามท่ากระบี่ที่วาดวงกลมออกไปพริบตานั้นกระบี่หิมะเหมันต์กับกระบี่โลหะแดงก็เข้าปะทะกัน
ได้ยินเพียงเสียงเคร้งดังกังวานเสียงหนึ่ง ท่ากระบี่ที่รุนแรงสยบฟ้าดินของหยางติ่งจวินก็พลันเบี่ยงออกถูกแรงลมหมุนที่เกิดจากท่ากระบี่ของเสวียนเทียนพาออกไปด้านข้าง
ร่างของเสวียนเทียนไม่ขยับจากตำแหน่งเดิมแต่กระบี่ของหยางติ่งจวินเบี่ยงทิศไป กระบี่พลาดเป้าแล้ว
“ท่าวายุแฉลบ”
เสวียนเทียนโถมไปข้างหน้าตามท่วงท่ากระบี่หิมะเหมันต์ฟันตามออกไป ปราณกระบี่ที่สว่างดุจแสงจันทร์สายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นฟันเข้าไปหาหยางติ่งจวิน
เสวียนเทียนสลายกระบี่ที่รุนแรงเหนือคาดของหยางติ่งจวินได้ในกระบี่เดียวชวนให้บรรดาศิษย์พิศวง แต่กระบี่ที่สองกลับฟันเข้าไปหาหยางติ่งจวินตรงๆ ไม่มีชั้นเชิงดูไปแล้วคงเอาพลังเข้าปะทะกับหยางติ่งจวิน ทำให้คนตกตะลึงไป จุดแข็งของหยางติ่งจวินก็คือพลังภายในอันล้ำลึกเสวียนเทียนจะเอาพลังเข้าสู้ นี่ไม่ใช่เอาไข่ไปกระแทกหินหรอกหรือ?