ย้อนเวลากลับมาเป็แฟนหนุ่มที่ดีแบบ 300%
Chapter 8
/
เพียะ!
ใบหน้ารูปไข่ของเด็กชายวัยแปดขวบถูกฝ่ามือใหญ่ฟาดเข้าอย่างจังจนร่างทั้งร่างกระเด็นกระดอนล้มลงกับพื้นตามแรงตบ แม้จะรู้สึกเจ็บจนอยากร้องไห้แต่กระนั้นก็จำต้องอดทนไว้แล้วพยุงกายลุกขึ้นยืนให้บุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเป็บิดาตีซ้ำไป ซ้ำมาจนกว่าจะสาแก่ใจ
“แกไม่ควรเกิดเป็โอเมก้า ไม่สิแกไม่ควรเกิดมาด้วยซ้ำ!” ร่างเล็กในตอนนั้นหลุบตาลงพื้นโดยที่หัวสมองก็เอาแต่จดจำคำพูดร้ายกาจ ที่ไม่ว่าจะถูกพ่นใส่บ่อยครั้งแค่ไหนเขาก็ไม่เคยชินมันเสียที...
จานินเ็ปจนเกินกว่าจะรับไหว เขาเคยคิดว่าหากพยายามเรียนให้เก่งหรือแข็งแกร่งพอ ๆ กับอัลฟ่าจะได้รับความรักจากผู้เป็พ่อบ้าง แต่ไม่เลย—เพราะต่อให้มันสมองหรือร่างกายจะเทียบเท่าหรือมากกว่าเพียงใดสุดท้ายในสายตาของอีกฝ่ายเขาก็เป็เพียงแค่โอเมก้าไร้ค่าอยู่ดี
ครั้นเมื่ออายุครบสิบห้าปีบริบูรณ์ เขาถูกทนายประจำบ้านพาไปเปลี่ยนนามสกุลเป็ฝั่งแม่ ซ้ำยังถูกไล่ให้ไปอยู่ในเรือนเล็กที่มีเพียงแม่บ้านและคนสวนแวะเวียนมาทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้ง ส่วนบิดาน่ะหรือ หากไม่มีความจำเป็อะไรอีกฝ่ายจะไม่ยอมเดินเฉียดกายมาใกล้อย่างเด็ดขาด
จานินโดดเดี่ยว แต่เมื่อเทียบกับการต้องเป็ที่ระบายโทสะแน่นอนว่าอย่างแรกนั้นย่อมดีกว่า
...เขามีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อว่าพาย อีกฝ่ายมีเพศรองเป็เบต้า เราทั้งคู่มีความชอบคล้าย ๆ กันไม่ว่าจะเป็เกม เพลง หนัง หรือแม้กระทั่งความฝันในอนาคต—พายรู้ว่าจานินไม่มีแม่ อา เรียกแบบนั้นก็คงไม่ถูก เขาเคยมีแต่อีกฝ่ายดันตรอมใจตายเพราะคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็สามีไม่สนใจ ั้แ่เขาอายุยังไม่ทันครบสามขวบดีเลยด้วยซ้ำ ส่วนพ่อและพื้นเพครอบครัวจานินไม่เคยเล่าให้เ้าตัวฟังเพราะเขามองไม่เห็นถึงความจำเป็ที่จะเอ่ยถึงแม้แต่น้อย
ทว่าความเฮงซวยก็ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะเมื่อน้องชายต่างแม่ถึงวัยเจริญพันธุ์ความปลอดภัยที่มีเพียงเชือกฟางแบ่งกั้นก็ขาดสะบั้นเมื่อคืนหนึ่งไอ้เดรัจฉานและเพื่อนสนิทอีกสองคนของมันงัดบ้านเข้ามาทำร้ายร่างกาย ก่อนจะจับเขาเปลืองผ้าเพื่อให้เบต้าที่มาด้วยกันใช้สายตาโลมเลียราวกับจานินเป็วัตถุทางเพศก็มิปาน
“คุณชาย มีของดีเก็บไว้ใกล้ตัวทำไมไม่บอกเพื่อนวะ”
“ของดีห่าอะไร ของมีตำหนิต่างหาก”
“...”
“พวกมึงเล่นมันได้ตามสบายเลยนะ แค่อย่าให้มันตายคามือก็พอ”
“ทำไม มึงห่วงมันอ่อ?”
“เอาเหี้ยอะไรคิด กูแค่อยากจะเก็บมันไว้เล่นนาน ๆ ต่างหากล่ะ”
เสียงหัวเราะน่ารังเกียจดังขึ้นประสานกันท่ามกลางความรู้สึกหดหู่ของโอเมก้าที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นพรมหลังจากที่ถูกซ้อมเป็เวลาเนิ่นนาน—ว่ากันว่าคนใกล้ตายภวังค์สุดท้ายมักจะนึกถึงคนที่รัก ทว่าช่างน่าแปลกที่ในหัวของจานินกลับว่างเปล่า จะมีก็เพียงแต่หมอกขาวที่เริ่มทึบเรื่อย ๆ จนกลายเป็ความมืดมนในที่สุด...
“พี่กูบอกว่าพวกโอเมก้าแม่งอย่างเด็ด”
“...”
“อยากลองว่ะ มึงอนุญาตปะธันวา?”
“แล้วแต่ พวกมึงอยากจะทำเหี้ยอะไรก็ทำ”
เฮือก!
ร่างบางที่เนื้อตัวสั่นเทาผวาเบิกตาโพลง เมื่อฝันถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองในอดีต ความรู้สึกพะอืดพะอมตีตื้นขึ้นมาในลำคอและก่อนที่จะปล่อยของเสียเปรอะเปื้อนที่นอน คนที่หลงเหลือสติอยู่ไม่ถึงครึ่งก็รีบประคับประคองร่างกายที่สั่นไหวไปยังห้องน้ำด้วยท่าทีทุลักทุเล
เสียงโอ้กอ้ากดังขึ้นมาจากในห้องน้ำ ทำให้อัลฟ่าหนุ่มที่มีประสาทััดีเลิศเด้งตัวออกจากที่นอนก่อนจะสาวเท้ายาว ๆ ตรงไปหาคนรักที่บัดนี้กำลังนั่งจุ้มหน้ากอดคอโถส้วมอยู่ไม่ห่าง...
“น้ำยาแซคนี่มันดีจริง ๆ ขนาดยังไม่สอดใส่ก็ทำเธอท้องได้แล้วแฮะ” เพราะเห็นว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความขุ่นมัว ชายหนุ่มที่มีนิสัยขี้เล่นอยู่เป็ทุนเดิมจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวคนรักเพื่อหวังให้อีกฝ่ายหันมาประทุษร้ายอย่างที่เคยทำ ทว่าดูเหมือนจะไม่เป็ผลเพราะเ้าตัวยังคงนิ่งเงียบจนแซคตัดสินใจใช้ฝ่ามือประคองแก้มนุ่มให้หันมามอง ก่อนดวงตาคมจะเบิกกว้างเมื่อเห็นสภาพแสนเวทนาของคนรักในยามนี้
มันดูแย่...แย่เสียยิ่งกว่าตอนกลางวันเป็สิบเท่า
ชายหนุ่มประคองเ้ายอดดวงใจไปยังหน้ากระจก ก่อนจะกวักน้ำล้างใบหน้าและยื่นน้ำยาบ้วนปากให้คนที่เหม่อลอยทำความสะอาดตัวเอง จานินทำทุกอย่างเงียบเชียบซ้ำยังหายใจอย่างแ่เบาราวกับกลัวว่าใครจะได้ยิน จนแซคอดไม่ได้ที่จะคว้าอีกฝ่ายเข้ามากอดเพื่อยืนยันถึงตัวตนที่ยังคงมีอยู่ไม่ได้แหลกสลายกลายเป็ผุยผงแต่อย่างใด
...จานินถูกประคองให้มานอนลงบนเตียงกว้าง ก่อนผ้าห่มที่มีกลิ่นฟีโรโมนของคู่พันธะจะถูกคลุมทับจนถึง่อก แซคไม่ได้เอ่ยถามอะไร อีกฝ่ายเอาแต่ตระกองกอดและใช้ฝ่ามือลูบศีรษะของเขาเอาไว้ไม่มีห่าง และดันเป็จานินเองที่หลุดสะอื้นออกมาด้วยความรู้สึกอึดอัดใจที่ใกล้จะแตกพร่านออกมาเต็มทน
“ตาแดงหมดแล้วที่รัก”
“ฮึก แซค”
“ว่าไงครับ”
“ร...เราเจ็บ เจ็บจนไม่อยากมีชีวิตอยู่” มือปริศนาบีบรัดก้อนเนื้อทางด้านอกซ้ายอย่างรุนแรงเมื่อได้ยินประโยคที่ไม่คิดว่าจะได้ยินหลุดออกจากปากของคนรัก แซคพยายามรวบรวมสติก่อนจะค้นหาถ้อยคำดี ๆ มาปลอบโยน ทว่าในความเป็จริงเขาดันเป็พวกโง่เง่าที่เอาแต่กอดร่างบางเอาไว้แน่นระคนหวาดกลัว
“เจ็บตรงไหน บอกแซค”
“...”
“เธอเจ็บตรงไหน” เขาใช้สายตาที่เริ่มแดงก่ำมองสำรวจไปทั่วทั้งเรือนร่าง นี่เป็ครั้งแรกที่แซคหวังให้ร่างกายของจานินมีาแ...แค่สักนิดก็ยังดี แต่ทว่าเนื้อตัวขาวนวลกลับว่างเปล่าไม่มีแม้กระทั่งริ้วรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ ประดับอยู่บนเรือนร่าง
ชัดเจนแล้วว่าจานินไม่ได้เจ็บที่กาย, อีกฝ่ายกำลังเจ็บที่ใจ
“แซคใช่ไหมที่ทำเธอเจ็บช้ำ เธออยากตีแซคไหม แซคยอมแล้วที่รัก”
“อึก ไม่ใช่”
“แล้วไอ้เหี้ยนั่นมันเป็ใคร เธอบอกแซคทีได้ไหม แซคจะฆ่ามันให้เธอเอง”
/
เวลาตีสองสี่สิบห้าร่างที่เอาแต่สะอื้นไห้ไร้คำพูด นอนหลับใหลไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน จะมีก็เพียงแต่ร่างกำยำที่เอาแต่นั่งทอดมองคนรักด้วยแววตารวดร้าวเพราะคำพูดที่เขาไม่เคยเตรียมใจที่จะมาได้ยิน
มือหนาลูบหน้าตัวเองแรง ๆ หนึ่งทีก่อนจะค้นลิ้นชักบนหัวเตียงเพื่อหาซองบุหรี่ที่ั้แ่ย้อนเวลากลับมาเขาก็ไม่เคยคิดจะหยิบมันมาใช้เลยสักครั้ง—แซคขอวันนี้แค่วันเดียว แค่วันเดียวเท่านั้น
จุ๊บ
ริมฝีปากสีคล้ำจุมพิตลงบนหน้าผากเนียน จากนั้นจึงเดินไปเปิดประตูระเบียงแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้แบบพิงโดยหันหน้ามาทางห้องนอนเพราะเกรงว่าหากคนรักสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วไม่เจอใครจะรู้สึกหวั่นใจเสียยิ่งกว่าเดิม
มวนบุหรี่ถูกคาบเอาไว้ในริมฝีปาก ก่อนมือหนาจะใช้ไฟแช็กจุดส่วนปลายในมุมที่ไม่มีสายลมพัดผ่าน—กลุ่มควันสีเข้มถูกพ่นออกมากลางอากาศและมันลอยละล่องอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ จางหายเหลือเพียงกลิ่นฉุนติดตามเนื้อผ้ามิต่างจากการประกาศศักดาว่าครั้งหนึ่งพวกมันเคยมีตัวตนอยู่...
ทันทีที่มวนแรกถูกเปลวไฟแผดเผาเกินครึ่ง เขาก็จี้มันลงบนกระถางดอกไม้และเมื่อแน่ใจว่ามันมอดดับไปแล้วก็หย่อนลงในถังขยะเปียกข้าง ๆ ตัว แล้วหยิบมวนใหม่ขึ้นมาจุดอีกครั้ง และอีกครั้ง
แซคหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ่กลางวันที่ผ่านมาด้วยความหัวร้อน หากเขาเข้าไปช้ากว่านี้อีกเพียงนิดไม่อยากจะคิดเลยว่าจานินจะสภาพจิตใจยับเยินแค่ไหน นี่ขนาดยืนอยู่ในที่สาธารณะ คนที่แต่งตัวดูดีมีการศึกษายังหน้าด้านพ่นวาจาน่าเตะปากออกมาอย่างไม่อายสายตาใคร
ยิ่งกับคนที่เรียกตัวเองว่าพ่อ แม้จะไม่ได้ร่วมวงด่าทอทว่าการยืนมองเฉย ๆ แม่งก็เลวระยำไม่ต่างกัน
หลังจากแปรงฟันและฉีดน้ำหอมกลบกลิ่นเป็ที่เรียบร้อย ร่างสูงใหญ่ก็สอดกายเข้ามานอนเคียงข้างคนรัก โดยที่ถือวิสาสะสอดแขนเข้าไปรองใต้ลำคอแล้วจากนั้นก็รั้งร่างบอบบางเข้ามาในอ้อมกอดด้วยความเคยชิน—แซคหยิบสมาร์ตโฟนที่ถูกชาร์จอยู่บนหัวเตียงกดส่งข้อความหาเพื่อนสนิทที่ตอนนี้น่าจะสานสัมพันธ์่ล่างกับใครสักคนอยู่อย่างไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจ
แซค : แบร์ ลุงมึงเป็ตำรวจใช่ปะ
แซค : วานสืบประวัติคนให้กูทีดิ มันชื่อธันวานามสกุลเหี้ยไรไม่รู้ ขอละเอียด ๆ เลยนะ
แซค : ค่าตอบแทนกูจ่ายไม่อั้นบอกลุงมึงด้วย
ทันทีที่ข้อความสุดท้ายถูกส่งทิ้งไว้ แซคก็วางสมาร์ตโฟนลงบนตำแหน่งเดิม ก่อนจะกลับมากกกอดคนรักและเริ่มสวดภาวนาต่อเทพเทวาที่ไม่รู้ว่ามีตัวตนอยู่จริง ๆ หรือเปล่า...
ขอให้จานินหลับไม่ฝัน
และนั่นเป็พรเพียงข้อเดียวที่คนละโมบอย่างเขาร่ำร้องวิงวอนในค่ำคืนนี้
/
เ้าของแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่กำลังขะมักเขม้นทำความสะอาดพื้นห้องอยู่นั้นสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรับรู้ถึงความร้อนผ่าวที่แนบลงบนผิวเนื้อเปลือยเปล่า—มือหนาวางไม้ถูในถังน้ำก่อนจะหันมาประจันหน้ากับคนรักที่วันนี้ดูเหมือนจะตื่นสายกว่าปกติ
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“อือ อรุณสวัสดิ์”
คำทักทายยามเช้าที่มาพร้อมกับจุมพิตเบา ๆ บริเวณข้างแก้มทำให้โอเมก้าที่ตัวหอมหน้าแดงก่ำด้วยความขวยเขิน...
เหตุการณ์เมื่อคืนไม่มีใครขุดคุ้ยขึ้นมาพูดคุยซึ่งนั่นก็นับว่าเป็เื่ดี เพราะแซคใจเสียอยู่ไม่น้อยหากเ้าตัวกลับไปร้องไห้ฟูมฟายแล้วเอ่ยประโยคนั้นดังเช่นเมื่อคืน
“กี่โมงแล้ว” จานินถาม
“สิบเอ็ดโมงครับ เธอไปอาบน้ำเร็วเดี๋ยวแซคอุ่นกับข้าวรอ”
“โอเค”
เช้านี้เ้าของร่างสูง ตื่นั้แ่ตะวันยังไม่โผล่เพราะนอนไม่หลับ เขานั่งปอกเปลือกกุ้ง หั่นหมึกให้พอดีคำเพื่อทำต้มยำน้ำข้นเป็มื้อเช้าทดแทนเมื่อเย็นวานที่พวกเราสั่งไก่ทอดง่าย ๆ เพราะหมดพลังกายจากกิจกรรมบนเตียงเกินกว่าจะลุกไปหาอะไรกิน
มือหนาเอื้อมหยิบผ้ากันเปื้อนที่ได้ฟรีมาจากห้างสรรพสินค้าสวมทับลงกับท่อนบนเปลือยเปล่า จากนั้นจึงเปิดเตาไฟฟ้าเพื่อทำการอุ่นต้มยำน้ำข้นหม้อโตที่เยอะเสียจนแบ่งแจกคนทั้งคอนโดยังได้
ครืด ครืด
เสียงสมาร์ตโฟนที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์หินอ่อนสั่นเครืออย่างรุนแรงจนเ้าของมันต้องหยิบขึ้นมาดู และเมื่อพบว่าปลายสายคือเพื่อนสนิทที่ตอบรับคำขอของเขาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน คนที่กำลังใช้อำนาจในทางที่ผิดก็กดรับสายอย่างไม่ลังเล...
“(ซื้อโทรศัพท์ไว้ทำกระดาษมั้งไอ้เหี้ย)” ดวงตาคมกลอกมองบนเมื่อได้ยินถ้อยคำกระแนะกระแหนจากคนในสาย หากเป็เวลาปกติแซคคงรับฝีปากกับมันสักยก ทว่าเขายังต้องพึ่งพามันอยู่จึงเลือกที่จะสงบปากสงบคำแล้วค่อยด่าแม่งวันอื่นแทน
“กูปิดแจ้งเตือนไว้”
“(อ๋อจ้า)”
“รีบเข้าเื่สักที ชักช้าลีลาฉิบหาย” แซคไม่ได้เร่งรีบอยากจะรู้เหตุผลที่มันโทรมาเท่าไรหรอก แต่เพื่อเป็การหลีกเลี่ยงไม่ให้ด่าไอ้ส้นตีนนี่เพราะฉะนั้นเขาจะทำเหมือนว่ารีบนักหนาก็แล้วกัน
“(จะโทรมาบอกว่าเื่ที่มึงวานให้ลุงกูสืบ ส่งข้อมูลให้ในไลน์ละนะ)”
“ไวสัตว์ แต่ยังไงก็ขอบใจมาก แค่นี้นะ”
“(เดี๋ยว ๆ เงินอะ มึงอย่าลืมเงิน—)”
ยังไม่ทันที่แบร์จะได้เอ่ยจบ เ้าของใบหน้าเปื้อนยิ้มก็รีบกดวางก่อนจะเปิดห้องแชทของเพื่อนสนิทซึ่งมีไฟล์ที่ถูกตั้งชื่อว่า ‘ธันวา’ เด่นหราอยู่เบื้องหน้า
แซคเอี่ยวตัวไปปิดเตาแก๊ส และไม่ลืมที่จะเอียงหูฟังเสียงในห้องน้ำซึ่งดูจากทรงแล้วจานินคงไม่เสร็จเร็ว ๆ นี้เป็แน่—เมื่อได้ข้อสรุปดังนั้น ไฟล์ที่ถูกอัปโหลดไว้ใน keep อยู่ก่อนหน้านี้ก็ถูกเปิดออกมาอย่างเชื่องช้าแต่ทว่า...
ข้อมูลบุคคลที่ชื่อธันวา
รายชื่อของธันวา ทว่าแต่ละคนนามสกุลแตกต่างกันไปผุดขึ้นมาเป็ดอกเห็ดและนั่นทำเอาแซคอดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด ก็ว่าทำไมลุงมึงเก่งจังใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็ได้ข้อมูลมาแล้ว
แม่งเอ๊ยยยย! :-(
แต่ยังดีที่ข้อมูลของแต่ละบุคคลมีการแนบรูปถ่ายปัจจุบันมาด้วย ถึงจะจำได้แค่ชื่อเล่น (เพราะแม่มันเรียก) ทว่าสิ่งที่แซคจำได้ดีกว่าคือใบหน้าแสนขี้เหร่ แววตาโอหังหรือแม้กระทั่งน้ำเสียงที่ใช้เย้ยหยันคนของเขาอย่างไม่มีความย่ำเกรง...
ธันวาคนแรก ไม่ใช่
ธันวาคนที่สอง ไม่ใช่
ธันวาคนที่สาม... อ๋อ เป็มึงเองสินะ
คงต้องกราบขอบคุณลุงไอ้แบร์ที่เอานามสกุลของคนมีอำนาจขึ้นก่อน แซคจึงใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีในการค้นหาตัวตนของไอ้ระยำนี่—ธันวา ศาสนดานันท์ คือมึงเองสินะ ถึงจะแอบแปลกใจที่พ่อเดียวกันแท้ ๆ แต่ทำไมจานินถึงได้ใช้อีกนามสกุล แต่กระนั้นก็ปล่อยเบลอไม่หยิบขึ้นมาใส่ใจ
บ้านนี้โคตรแปลก
มีเมียกูคนเดียวเองมั้งที่ปกติ
“ทำอะไร” เพราะการมาไม่ให้สุ้มให้เสียง ทำเอาแซคสะดุ้งโหยงทั้งยังหลุดกรี๊ดออกมาอย่างหมดมาด แต่ไหนแต่ไรเขาเป็พวกบ้าจี้อีกทั้งยังขี้ใซึ่งอาการเหล่านี้หนักพอ ๆ กันกับจานินนั่นแหละ เพียงแต่ว่าแซคมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยกว่าเพราะแค่อีกฝ่ายย่างกรายเข้ามาใกล้กลิ่นฟีโรโมนก็ตีตื้นขึ้นจมูกเป็ที่เรียบร้อย ต่างจากครั้งนี้ที่แซคมัวแต่คิดอะไรเพลิน ๆ ประสาทััที่มีเลยไม่ยอมทำงานอย่างที่ผ่านมา
“เธอออ ถ้าแซคหัวใจวายทำไงอะ”
“ก็ตายไง ถามมาได้”
“เหอะ ถ้าผมตายคุณก็เป็หม้ายอะ เอาดิ” แซคเอ่ยอย่างท้าทายและรางวัลของผู้กล้าคือฝ่ามือหนัก ๆ ของคนรักที่หวดลงบนกลางหลังจนความแสบสันวิ่งแล่นไปทั่วทั้งกล้ามเนื้อ
“โรคจิตหรือไง ทำไมชอบให้ตี”
“เลียนแบบเธอทั้งนั้น...ยิ่งตีแรงเธอก็ยิ่งชอบ”
“อย่ามาพูดจามั่วซั่วนะ เราไปชอบตอนไหนเหอะ” จานินขมวดคิ้วมุ่นให้กับคนที่มีนิสัยขี้จุ๊ ใครจะชอบเวลาถูกตีกัน บ้าหรือเปล่า—
“ก็ตอนที่แซคสอดไอ้นั่นเอาไว้ในรูเธอ แล้วเอามือฟาดก้นไง”
“ห...หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ชอบไหมไม่รู้ แต่ขมิบรูสู้ใหญ่เลยนะ—โอ๊ย! เธอ!”
ฝ่ามือขาวกอบกุมลำคอแกร่งก่อนจะเขย่าจนร่างสูงกว่าหัวสั่นหัวคลอนตามแรงอารมณ์ และหากคิดว่าแซคปล่อยให้เขากระทำอยู่ฝ่ายเดียวทุกคนคิดผิดเพราะบัดนี้ฝ่ามือหนาล็อกใบหน้าของจานินให้แนบลงกับวงแขนแกร่ง ร่างบางขัดขืนจนเหนื่อยหอบจะสู้ก็ไม่ได้เลยยืนเฉย ๆ ให้อีกฝ่ายกลั่นแกล้งจนพอใจ
ฝากไว้ก่อน!
กว่าจะเริ่มมื้อแรกของวันได้ก็ปาไปเกือบบ่ายโมง อีกทั้งแซคยังต้องอุ่นต้มยำน้ำข้นอีกเป็รอบที่สองเพราะแม่ตัวดีดันงอแงบอกว่าถ้าไม่ร้อนจะไม่อร่อย—หนอย อย่าให้เห็นว่าเป่าเชียวนะ!
และใช่จานินตักมันเข้าปากโดยไม่เป่า เพราะ...
“หายร้อนแล้วครับ อ้าปากเร็ว”
“อันนี้ตัวอย่างสกินสำหรับซีซั่นหน้าครับ โทนสีสดใสขึ้นแต่ไม่ได้โดดจากเดิมจนเกินไป ส่วนชุดเกราะมีให้เลือกสองแบบครับ ผมสเกตภาพมาให้ดูก่อนคร่าว ๆ...” แซคเท้าคางมองคนรักที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ จนแก้มป่อง ก่อนจะถือวิสาสะสะกิดต้นแขนนุ่มแล้วใช้ปลายนิ้วชี้มาที่หัวคิ้วตัวเองเพื่อเป็การบอกกลาย ๆ ให้อีกฝ่ายคลายมันออกจากกัน
ความจริงวันนี้เป็วันหยุด แต่อยู่ ๆ หัวหน้าของจานินก็ส่งลิงก์การประชุมมาทางข้อความโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าและบังคับให้ทุกคนเปิดกล้อง ซึ่งนั่นทำให้แซคสังเกตเห็นสภาพของเหล่า Game artist แต่ละคนที่ค่อนข้างเยินพอตัว
“โอเคครับ เดี๋ยวงานคืบหน้ายังไงผมจะแจ้งลงกลุ่มอีกที...เจอกันวันศุกร์ครับ...ครับ สวัสดีครับ” ทันทีที่ปิดการประชุม ร่างบางที่หงุดหงิดเพราะถูกรบกวนเวลาพักผ่อนก็พับหน้าจอลงก่อนจะถอดหูฟังที่สายพันกันมั่วซั่วทิ้งลงบนโซฟาอย่างไม่ไยดี เขากินข้าวได้เพียงไม่กี่คำ อยู่ ๆ ก็ถูกดึงให้เข้าร่วมการประชุมเพื่อตรวจเช็กความคืบหน้าของงานอย่างกะทันหันและแน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หัวหน้าทีมเอาแต่ใจตัวเองโดยไม่คำนึงถึงความสะดวกของคนอื่น
นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็หุ้นส่วนของบริษัท ป่านนี้โดนด่าจนเสียหมาไปแล้ว!
“ดูทำหน้า เอาข้าวอีกไหมครับ เดี๋ยวแซคไปตักให้”
“อิ่มแล้ว” จานินเอ่ยเสียงแ่ ก่อนจะขยับกายไปนั่งพิงอกแกร่งของคนรักเป็เชิงออดอ้อนที่นาน ๆ ครั้งจะมีให้เห็นทีหนึ่ง—แซครู้สึกแปลกใจกับการกระทำของคนตรงหน้าอยู่ไม่น้อย แต่กระนั้นก็ไม่ได้ตั้งคำถามอะไรนอกเสียจากใช้วงแขนโอบรัดร่างบอบบางก่อนจะใช้ปลายจมูกเกลี่ยลงบนกลุ่มผมนุ่มอย่างที่ชอบทำ
“ตัวรุม ๆ ที่รักไม่สบายหรือเปล่า”
“ไม่รู้” โอเมก้าตัวหอมส่ายหน้ากอปรกับคำพูด ซึ่งการกระทำแสนน่ารักนั้นทำเอาคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็เ้าของพันธะโน้มตัวฟัดแก้มนุ่มแรง ๆ ด้วยความมันเขี้ยว
“แก้มหอม”
“เอาอะไรมาหอม ยังไม่ได้อาบน้ำเลย”
“ก็หอมอะ—หอมกลิ่นฟีโรโมนเธอด้วย” เท่าที่จำได้ในยามปกติโอเมก้าที่ถูกกัดจะส่งกลิ่นอ่อน ๆ อบอวลไปทั่วทั้งเนื้อตัว ซึ่งตรงข้ามกับกลิ่นของจานินในวันนี้ที่เข้มขึ้นอีกทั้งยังดูหอมหวานกว่าปกติราวกับว่า...
“เธอจะฮีทแล้วเหรอ” แซคเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้นและที่เขาใช้คำว่า ‘จะ’ แทน ‘ใกล้’ เพราะว่าจานินกินยาคุมอยู่ตลอดอาการฮีทจึงมาไม่เป็กำหนดเหมือนกับโอเมก้าคนอื่น ๆ
“เธอได้กลิ่นเหรอ?”
“ก็ได้กลิ่นอยู่ตลอด แต่วันนี้มันแรงกว่าปกตินิดหน่อย” ชายหนุ่มตอบเสียงอ้อมแอ้มคล้ายเขินอายแต่ทว่าจมูกโด่งกลับสูดกลิ่นหอมเย้ายวนจากหลังคอขาวฟอดใหญ่อย่างลืมตัว
แซคจำรสชาติการร่วมรักของเราสองคนได้เป็อย่างดี แม้ในความเป็จริงระยะเวลาจะถูกทิ้งห่างไปแล้วถึงยี่สิบปี...เราต่างปรนเปรอร่างกายของกันและกันอย่างไม่เสียดายเวลา ทว่านั่นก็เป็เพียง่แรก ๆ ที่คบกัน เพราะจานินต้องทำงานต่างจากแซคที่เตะฝุ่นไปมาซ้ำความ้ายังมากล้นจนเผลอเอาแต่ใจกับคนรักทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายเหนื่อยกายเสียจนสายตัวแทบขาด
“ที่รัก”
“หือ”
“ครั้งนี้เธอจะกินยาต้านฮีทไหม”
“ทำไมอยู่ ๆ ถึงถาม” จานินเอียงใบหน้ามามองกันอย่างนึกแปลกใจ
“แซคกลัวว่าร่างกายเธอจะรับไม่ไหว” เพราะฮีทในแต่ละครั้งกินเวลานานถึงสามวันและแน่นอนว่าทันทีที่ความหรรษาจบลงคนที่ต้องนอนซมเป็ใครไปไม่ได้นอกเสียจากคนที่ต้องรับศึกหนักอย่างจานินเอง
“ถ้าเราอยากกินยาล่ะ...”
“เดี๋ยวแซคเตรียมรังกับเตรียมยาไว้ให้ครับ”
“แล้วถ้าเราอยากปล่อย เอ่อ ปล่อยตามธรรมชาติล่ะ”
“แซคก็จะลงไปซื้อถุงยางเดี๋ยวนี้แหละครับ—”
Rrrrrrrrr
ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ เสียงสมาร์ตโฟนของคนรักก็แผดดังลั่นราวกับตั้งใจจะขัดจังหวะเต็มที่ แซคเหลือบไปเห็นรายชื่อของปลายสายก่อนจะกลอกตามองบนเมื่อพบว่าคนที่โทรมาคือไอ้หมาพาย...อีระยำ! อีขวางทางรักกู!
“มีไร”
“(ถ้าไม่มีก็คือโทรหาไม่ได้?)
“อย่ากวนประสาทนะพาย” จานินกดเสียงต่ำก่อนจะได้ยินเสียงคนปลายสายหัวเราะดังลั่นราวกับสะใจนักหนาที่ได้แกล้งเขา
“(เปิดกล้องหน่อย มีอะไรให้ดู)”
“กูไม่สะดว—อ๊ะ!”
พรึ่บ!
แซคเป็คนมีมารยาท—ใช่ เขามีมารยาท แต่การกระทำเ่าั้แซคเลือกที่จะปฏิบัติกับคนที่สมควรจะได้รับซึ่งไอ้พาย ไอ้สัตว์พาย ไอ้เหี้ยพายไม่สมควรที่จะได้รับทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเขาจึงถือวิสาสะกดเปิดกล้องเพื่อให้มันได้เห็นหน้าเมียชาวบ้านอย่างเต็มตาโดยที่มีผัวเขานั่งเอาคางเกยหัวไหล่อยู่ไม่ห่าง...ไง เหวอเลยดิมึง
“ดูอะไรอะ กูดูด้วยดิ”
“(เสือกว่ะแซค...เอาหน้าออกห่างจานินหน่อยก็ได้มั้ง เกาะติดเป็เห็บหมาเลยไอ้ฉิบหาย)”
“แง ตัวเองไอ้เหี้ยนี่มันด่าเค้าว่าเห็บหมา” แซคทำเสียงหงอยก่อนจะเบะปากโดยที่ใบหน้ายังคงคลอเคลียคนรักอยู่ไม่ห่าง อกแตกตายไปนะไอ้สัตว์ คนโสดมีเป็ร้อยเป็พันเสือกไม่ชอบ มาชอบห่าอะไรเมียกู
“(เกลียดขี้หน้ามึง)”
“โอ๊ยยยย เจ็บจังเลย แต่ว่าน้ากูก็เกลียดขี้หน้ามึงเหมือนกันค่า”
เ้าของโทรศัพท์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความรำคาญ มันจะอะไรกันนักกันหนาคุยกันดี ๆ ไม่ถึงประโยควกกลับมาด่ากันอีกแล้ว...จานินสอดตัวออกจากใต้วงแขนของคนรัก ปล่อยให้มันสองคนด่ากันให้พอส่วนเขาจะไปหยิบไอศกรีมมากินฆ่าเวลา และถ้าถามว่าทำไมถึงไม่ห้าม ประการแรกเขาชินแล้วล่ะ ส่วนประการที่สองมันแค่ไม่ชอบหน้ากันไม่ได้เกลียดกันถึงขั้นไม่เผาผีเพราะฉะนั้นหากอยู่ในขอบเขตที่สามารถควบคุมได้เขาพร้อมจะปล่อยเบลอ แต่ถ้าวันหนึ่งมันเหนือการควบคุมแล้วจานินจำเป็ต้องเลือกฝั่งแน่นอนว่า...เขาไม่เลือกใครทั้งนั้น ตัดทิ้งทั้งผัวทั้งเพื่อนนั่นแหละ แม่ง ทำตัวน่ารำคาญ!
“เฮ้ย ไอ้หมาพาย”
“(เหี้ยไรล่ะ ไอ้ควายแซค)”
เฮ้อ เอาเถอะ -_-
Tbc
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้