หลังจากแยกจากป้าิ่แล้ว เจิ้งซวี่เหยาไม่ได้รีบพาคนกลับบ้าน แต่กลับดึงตัวหมี่หลันเยว่ไปคุยกันก่อน
"หลันเยว่ เธอพกเงินทั้งหมดติดตัวไว้ใช่ไหม?"
เจิ้งซวี่เหยาจ้องมองกระเป๋าสะพายลายดอกไม้ใบเล็ก ถึงแม้ว่าหมี่หลันเยว่จะไม่ได้แสดงท่าทีสนใจกระเป๋าใบนี้เป็พิเศษ แต่เขาก็สังเกตเห็นว่ากระเป๋าใบนี้ไม่เคยห่างจากตัวหมี่หลันเยว่เลย
หมี่หลันเยว่พยักหน้า ถ้าไม่พกเงินติดตัวแล้วจะให้เอาไปไว้ที่ไหน เธอคงไม่วางใจที่ไหนทั้งนั้น เพราะเมืองปักกิ่งนี้ทุกที่ล้วนแปลกหน้าสำหรับเธอ แม้แต่บ้านเจิ้งก็ไม่ใช่ถิ่นของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็ต้องปิดบังเจิ้งซวี่เหยา
"ฉันพาเธอไปฝากเงินก่อนดีไหม เธอเป็เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ พกเงินเยอะขนาดนี้ติดตัวมันไม่ดีหรอกนะ กล้าได้กล้าเสียจริงๆ อันตรายจะตายไป เมื่อกี้เห็นเธอหยิบเงินออกจากกระเป๋าตอนซื้อซาลาเปา ฉันใแทบแย่"
เจิ้งซวี่เหยาพูดด้วยท่าทีจริงจัง เขาเป็ห่วงจริงๆ
"ดีเลยค่ะ ฉันเองก็อยากจะเอาไปฝากเหมือนกัน แต่ไม่มีเวลาสักที"
หมี่หลันเยว่กำลังหาโอกาสที่จะแอบออกไปข้างนอกพอดี ไม่คิดว่าเจิ้งซวี่เหยาจะคิดถึงเื่นี้ก่อนเธอเสียอีก อย่างนี้ก็ดี ไม่ต้องโกหกให้วุ่นวายใจ
"ทำไมถึงไม่มีเวลา ถ้าเธอพูดั้แ่ตอนลงจากรถไฟ ตอนนั้นก็เอาเงินไปฝากได้แล้ว อย่างนั้นมันปลอดภัยกว่าเยอะ อยากใช้เมื่อไหร่ค่อยไปถอนออกมา ใครให้เธอแบกเงินเดินร่อนไปร่อนมาแบบนี้"
เจิ้งซวี่เหยาจ้องเขม็งไปที่หมี่หลันเยว่ นี่มันเด็กไม่รู้จักดูแลตัวเองจริงๆ
"ฮิฮิ อาจารย์เจิ้ง ถ้าฉันบอกอาจารย์ั้แ่ตอนลงจากรถไฟว่าฉันแบกเงินมาเยอะแยะขนาดนี้ อาจารย์จะชวนพวกเราไปบ้านอาจารย์ไหมคะ? แล้วอาจารย์คิดว่าฉันเป็คนที่เจอกันครั้งแรกก็จะเปิดเผยความลับทั้งหมดของตัวเองออกมาเหรอคะ? ถ้าอย่างนั้นฉันก็น่าจะมีชีวิตสั้นแล้วค่ะ"
คำพูดนี้ก็ถูก แต่ก็แรงไปหน่อย
"ตายไม่ตายอะไร อายุแค่นี้พูดจาไม่ระวังเลย มีใครเขาแช่งตัวเองแบบนี้บ้าง"
แต่ตอนที่พูดคำนี้ เจิ้งซวี่เหยาเองก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย
ใช่สิ เขารู้ว่าตัวเองไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่เด็กผู้หญิงจะไปรู้ได้อย่างไร จะให้เจอกันครั้งแรกแล้วจะบอกเื่ที่ตัวเองแบกเงินก้อนใหญ่มาด้วย ให้คนอื่นทำอย่างนั้นก็คงไม่ได้เหมือนกัน เขานี่มันคิดไปเองเกินไปแล้ว คิดเข้าข้างว่าตัวเองสนิทกับคนอื่นมากเกินไปหน่อย
"อาจารย์เจิ้งคะ อย่าคิดมากนะคะ ฉันแค่พูดตามความจริง ถ้าอาจารย์มีเงินเยอะขนาดนี้ อาจารย์ก็คงไม่บอกพวกเราเหมือนกันใช่ไหมคะ? ถึงจะคุยกันถูกคอแค่ไหน นั่นก็แค่เจอกันครั้งแรกเท่านั้นเอง เห็นอกเห็นใจกันน่ะมี แต่เอาใจแลกใจมันก็เกินไปหน่อย"
พอโดนหมี่หลันเยว่พูดแบบนี้ เจิ้งซวี่เหย่ายิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ ตอนนั้นเขาก็แบกเงินก้อนใหญ่มาเหมือนกัน ถ้าไม่ได้ถูกดึงดูดด้วยบทสนทนาของเด็กๆ พวกนี้ เขาคงไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ไม่ต้องพูดถึงเื่เปิดเผยความลับเลย แค่คุยกับคนแปลกหน้าเขาก็ไม่คิดจะทำแล้ว
"ก็ได้ เธอชนะแล้ว เธอบอกว่าไม่มีเวลามาทำเื่นี้จริงๆ แต่ตอนนี้เธอมีเวลาหรือยัง?"
คำพูดของเจิ้งซวี่เหยามีน้ำเสียงหยอกล้อ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ได้เป็แค่คนที่เจอกันครั้งแรกบนรถไฟอีกต่อไป ถึงแม้ว่าเวลาจะยังไม่นาน แต่ก็ถือว่าได้เปิดใจให้กันแล้ว
"ตอนนี้มีเวลาแน่นอนค่ะ อาจารย์เจิ้งจะให้ไปทำอะไร ฉันมีเวลาให้ทั้งนั้น"
หมี่หลันเยว่แสดงความรู้สึกออกมา บอกอาจารย์เจิ้งว่า ตอนนี้เธอไม่ได้มองอาจารย์คนนี้เป็แค่คนที่เจอกันครั้งแรกบนรถไฟอีกต่อไป แต่เป็อาจารย์ และเป็เพื่อนที่ดี
"ถ้าอย่างนั้นก็ดี งั้นเราไปธนาคารก่อนดีกว่า หาแถวๆ นี้แหละ ใกล้ร้านเธอดี ไปฝากเงินถอนเงินจะได้สะดวก"
หมี่หลันเยว่ก็คิดว่านี่เป็ความคิดที่ดี
ทั้งสองคนเดินออกมาจากมุมหนึ่ง แม่เจิ้งและเด็กหนุ่มทั้งสี่คนจ้องมองทั้งสองคนเขม็ง อยากจะหาอะไรผิดปกติ แต่ก็เปล่าประโยชน์ ทั้งสองคนแสดงท่าทีเป็ธรรมชาติจนไม่สามารถจับพิรุธได้เลย เจิ้งซวี่เหยาโบกมือ
"ไปกันเถอะครับ พวกเราเดินเล่นแถวนี้ก่อน แล้วค่อยกลับบ้าน"
แม่เจิ้งไม่เชื่อคำพูดของลูกชาย เธอรู้ดีว่าลูกชายไม่เคยทำอะไรที่ไม่เป็ประโยชน์ ถ้าเขาไม่ได้มีจุดประสงค์อะไร เขาคงไม่ออกไปเดินเล่นแน่นอน
"มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ แถวนี้แม่ชำนาญกว่าลูกอีก"
โดนแม่ขยี้แบบนี้ เจิ้งซวี่เหยาก็ไม่อยากจะเสแสร้งอีกต่อไป แต่กลับเข้าไปออดอ้อนดึงแขนเสื้อแม่ แล้วกระซิบข้างหูเบาๆ
"แม่ครับ ผมต้องหาธนาคาร เอาเงินของหลันเยว่ไปฝาก มันไม่ปลอดภัย"
แม่เจิ้งรู้ว่าลูกชายคงไม่ทำอะไรที่ไม่เป็ประโยชน์ แต่ไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรเพื่อหมี่หลันเยว่ขนาดนี้
"แค่นี้ก็ต้องไปเดินเล่นด้วย ไม่เมื่อยหรือไง บอกแม่ตรงๆ ก็ได้แล้ว ไปเถอะ ด้านขวา ไม่ไกลจากนี่ก็มี"
เจิ้งซวี่เหยาเหลือบมองหมี่หลันเยว่อย่างกระดากอาย เห็นอีกฝ่ายกำลังมองเขาด้วยรอยยิ้ม ตาหยีเล็ก บอกชัดเจนว่ากำลังสมน้ำหน้าเขาที่โดนแม่เจิ้งเหน็บแนม เจิ้งซวี่เหยาพึมพำในใจ ‘นี่ฉันทำทุกอย่างเพื่อเธอนะ สุดท้ายไม่ได้อะไรเลย’
เจิ้งซวี่เหยาเบะปากใส่หมี่หลันเยว่อย่างไม่พอใจ แล้วกัดฟันด้วยสีหน้าบูดบึ้ง หมี่หลันเยว่ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอหัวเราะออกมา แม่เจิ้งก็เห็นท่าทางแปลกๆ ของลูกชายเหมือนกัน เธอหัวเราะออกมาพร้อมกับหลันเยว่ แล้วสองคนก็ควงแขนกันเดินไป ทิ้งให้เจิ้งซวี่เหยาเกาจมูกอย่างเสียหน้าอยู่ตรงนั้น
หมี่หลันหยางเห็นอาจารย์เจิ้งยืนเคอะเขินอยู่ตรงนั้น รีบยื่นมือมาดึงเขา
"อาจารย์เจิ้ง พวกเราก็ไปกันเถอะครับ"
เขาไม่กล้าถามว่าเมื่อกี้ น้องสาวกับป้าเจิ้งทำอะไรอาจารย์เจิ้ง ตอนนี้ทำได้แค่ทำตัวเป็คนดี
"หลันหยางนี่ดีจริงๆ ใจของผู้หญิงนี่มันเหมือนเข็มในมหาสมุทร แทบจะเดาไม่ออกเลย"
เขาไม่ได้อยากจะให้ช่วยสักหน่อย สุดท้ายกลับโดนผู้หญิงสองคนรังเกียจพร้อมกัน มีอะไรที่น่าเศร้าไปกว่านี้อีกไหม แทบจะทำให้เขาเสียใจจนเข่าทรุดแล้ว เขาแสร้งทำเป็ทุบหน้าอกตัวเอง น่าเสียดายที่ผู้หญิงทั้งสองคนไม่ได้เห็นการแสดงของเขาเลย
พอฝากเงินเสร็จเรียบร้อย หมี่หลันเยว่เองก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ความรู้สึกที่ต้องแบกเงินไปไหนมาไหนมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าเธอจะทำเป็ไม่สนใจ แต่ในใจก็รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง ถึงแม้จะมีพี่ชายอยู่ข้างๆ เธอก็ไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้นมากนัก แถมเธอยังรู้สึกว่าพวกพี่ชายก็เครียดเหมือนกัน
วันนี้เื่ใหญ่เื่หนึ่งสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ทุกคนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะจัดการเื่ห้องแถวได้เร็วขนาดนี้ แถมยังอยู่ในใจกลางเมืองปักกิ่งอีก ทำให้รู้สึกเหมือนเป็เื่ที่เหมือนกับโชคหล่นทับจริงๆ มาเร็วก็ไม่สู้มาให้ถูกเวลา พวกตัวเองมาปักกิ่งถือว่ามาได้ถูกจังหวะพอดี
"หลันเยว่ แค่เื่นี้เื่เดียวก็เห็นได้แล้วว่าดวงเธอดีจริงๆ เพราะฉะนั้นเธอต้องพยายามเข้านะ ตราบใดที่เธออยากจะทำอะไร โอกาสที่จะทำได้ไม่ดี ฉันว่ามันน้อยมาก"
แม้แต่แม่เจิ้งก็ยังอิจฉาเด็กผู้หญิงคนนี้เลย ดวงดีจริงๆ
"ก็ต้องขอบคุณป้าด้วย ถ้าไม่ได้เจออาจารย์เจิ้งกับคุณป้า เื่นี้คงไม่มาถึงหนูหรอกค่ะ"
สำหรับคำขอบคุณเหล่านี้ หมี่หลันเยว่พูดออกมาจากใจจริง
"มีอะไรให้ต้องขอบคุณกัน เป็เพราะวาสนาของเธอเองต่างหาก"
แม่เจิ้งลูบหัวเล็กๆ ของหมี่หลันเยว่
"ต่อไป ป้าก็จะไปตามหาวาสนาของเธอต่อ พวกเธอรีบกลับบ้านไปพักผ่อนกันก่อนนะ ป้าจะไปเยี่ยมบ้านเพื่อนสนิทสักหน่อย"
พอได้ยินแม่เจิ้งพูดแบบนี้ หมี่หลันเยว่ก็รู้ว่าเธออยากจะช่วยหล่อนหาข้อมูลเื่ที่พัก เธอจึงรีบคว้าแขนแม่เจิ้งไว้
"คุณป้าคะ พรุ่งนี้ค่อยไปดีไหมคะ วันนี้วุ่นวายมาทั้งวันแล้ว พวกเรากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ"
แม่เจิ้งตบมือหมี่หลันเยว่เบาๆ
"หลายๆ เื่มันก็คือโอกาส เหมือนกับเื่วันนี้ ไม่ใช่ว่ามันพอดีเป๊ะเลยเหรอ เพราะฉะนั้นพวกเราต้องรีบหน่อย ใครจะไปรู้ว่าโอกาสต่อไปกำลังรอเราอยู่ตรงนี้หรือเปล่า พลาดไปก็น่าเสียดาย"
เห็นว่าแม่เจิ้งยืนกราน หมี่หลันเยว่ก็ทำได้แค่ปล่อยเธอไป แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะกำชับด้วยความเป็ห่วง
"ถ้าอย่างนั้นคุณป้าระวังด้วยนะคะ ขึ้นลงรถก็ค่อยๆ หน่อยนะคะ"
ทุกคนเดินไปที่รถ แม่เจิ้งโบกมือแล้วกำลังจะขึ้นรถ
"คุณป้าคะ ให้ฉันไปด้วยดีไหมคะ พอถึงที่หมาย ฉันจะรอคุณป้าอยู่ในรถ อย่างน้อยตอนอยู่บนถนนก็มีเพื่อนค่ะ"
หมี่หลันเยว่รู้สึกว่าการที่ต้องให้แม่เจิ้งมาวิ่งวุ่นเพื่อตัวเองมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อากาศก็ร้อนขนาดนี้ แม่เจิ้งก็ไม่ได้สาวแล้ว เห็นเธอวุ่นวายเพื่อตัวเอง หมี่หลันเยว่รู้สึกไม่สบายใจจริงๆ
เธอคิดว่าตัวเองก็ควรจะทำอะไรสักอย่าง ถึงแม้ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้ แค่อยู่เป็เพื่อนก็ยังดี อย่างน้อยก็ทำให้แม่เจิ้งไม่เบื่อ ยังไงกลับไปบ้านก็ต้องพักผ่อนอยู่ดี สู้ไปเป็เพื่อนแม่เจิ้ง
"ไม่ต้องๆ อากาศร้อนขนาดนี้ ถ้าเธอไปด้วย เดี๋ยวก็ละลายหมดหรอก"
"คุณป้าก็บอกว่าอากาศร้อนขนาดนี้ ถ้าให้คุณป้าวุ่นวายอยู่คนเดียว ถ้าไม่ให้ฉันไปด้วย ฉันจะรู้สึกผิดมากเลยค่ะ คุณป้า ให้ฉันไปด้วยเถอะนะคะ ไหนๆ ฉันจะได้เที่ยวชมเมืองปักกิ่งไปด้วย คุณป้าลงตรงไหน ฉันก็จะเดินเล่นแถวนั้น จะได้ทำความคุ้นเคยกับปักกิ่งด้วยค่ะ"
เห็นว่าหมี่หลันเยว่ก็ยืนยันหนักแน่นเหมือนกัน แม่เจิ้งก็ลูบหน้าแดงๆ ของหมี่หลันเยว่อย่างชื่นชม แล้วพูดอย่างพอใจ
"เขาว่ากันว่าลูกสาวเปรียบเสมือนเสื้อกันหนาวตัวน้อยของพ่อแม่ เด็กคนนี้ก็เอาใจใส่ดีจริงๆ งั้นก็ไปด้วยกันเถอะ"
พอหมี่หลันเยว่ขึ้นรถไป เจิ้งซวี่เหยาก็ตามเข้ามา
"ผมไปด้วยกันกับพวกแม่ด้วย เดี๋ยวพอแม่ไปบ้านป้าๆ ผมก็จะพาหลันเยว่ไปเดินเล่นด้วย ไม่งั้นปล่อยเธอไปคนเดียว ผมก็ไม่สบายใจ นี่เพิ่งมาถึงใหม่ๆ"
สุดท้าย พอได้ยินเจิ้งซวี่เหยาพูดแบบนี้ เด็กหนุ่มทั้งสี่คนก็ยืนกรานว่าจะไปด้วย
"หลันเยว่ พวกเราก็ไปเป็เพื่อนเธอด้วยสิ ยังไงแผนการเริ่มต้นของพวกเราก็คือจะไปเดินเล่นรอบๆ เมืองปักกิ่งอยู่แล้ว ถือโอกาสนี้ไปด้วยเลยก็แล้วกัน"
"เื่เที่ยวชมเมืองปักกิ่ง พวกเรากลับไปคุยกันใหม่ บ่ายวันนี้พวกพี่กลับไปพักผ่อนกันให้หมดเลย แดดเปรี้ยงขนาดนี้ จะต้องไปวันนี้ให้ได้เลยหรือไง คุณป้ากำลังจะช่วยพวกเราแก้ปัญหานะคะ ถ้าไปกันเยอะขนาดนี้มันไม่ใช่แก้ปัญหาแล้ว มันคือการสร้างความวุ่นวาย ถ้าเกิดเป็ลมแดดขึ้นมาจะทำยังไง?"
"เชื่อฉันเถอะ กลับไปให้หมด อย่าทำให้ฉันต้องเป็ห่วง อาจารย์เจิ้ง อาจารย์ก็กลับไปกับพวกพี่ชายด้วยเถอะค่ะ ฉันแค่ไปเป็เพื่อนคุณป้า ไม่ได้ไปทำอะไรสักหน่อย"
พอปลอบหมี่หลันหยางกับพวกแล้ว หมี่หลันเยว่ก็เริ่มปลอบเจิ้งซวี่เหยาต่อ เธอรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะกลายเป็ครูอนุบาลแล้ว เด็กพวกนี้ไม่เชื่อฟังกันเลย
เฉียนหย่งจิ้นกับพวกอย่างน้อยก็ยังถูกหมี่หลันเยว่กล่อมให้กลับไปได้ แต่เจิ้งซวี่เหยาไม่ว่าจะกล่อมยังไงก็ไม่ยอมไป เขาจะต้องไปกับหมี่หลันเยว่และแม่ให้ได้ สุดท้ายหมี่หลันเยว่ก็ต้องยอมตามใจเขา เห็นรถที่พี่ชายนั่งมาขับออกไป หมี่หลันเยว่และเจิ้งซวี่เหยา ก็เริ่มออกเดินทางตามหาบ้านสี่ประสานไปกับแม่เจิ้ง
