หลี่หรูอี้ที่กำลังคุยกับจ้าวซื่ออยู่ในห้องโถงได้ยินเสียงคนแปลกหน้าร้องะโอยู่ตรงประตูจึงเดินออกไปดู พบว่าเป็คนนอกหมู่บ้านสามคน จึงถามไปว่า “พวกท่านเป็ใคร มาหาใครหรือเ้าคะ”
ชายชราร่างผอมเห็นว่าเป็เพียงเด็กหญิงคนหนึ่งจึงถลึงตาใส่ ะโไปว่า “ข้าคือเฒ่าชวีจากหมู่บ้านชวี หวังไห่ของหมู่บ้านเ้าเป็ลูกเขยข้า” ในใจก็คิดว่า เมื่อหวังไห่พบเขาก็ยังต้องเรียกว่าพ่อ
บุรุษผู้มีดวงตาเรียวแหลมชี้ไปที่เฒ่าชวี กล่าวเสียงดังว่า “พวกเราคือบุตรชายของเขา พวกเรามาหาหลี่สือ”
หลี่หรูอี้ยังคงยืนอยู่ที่เดิม “พวกท่านมาหาอารองของข้า มีธุระอันใดหรือเ้าคะ”
“หลี่สือเล่า?”
“พวกเรามาหาอารองของเ้า ยังไม่รีบไปตามเขามาอีก”
“เรียกอารองของเ้าออกมาเสีย”
สามพ่อลูกเฒ่าชวีผลัดกันกล่าวคนละประโยค ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ พวกเขาคิดในใจว่า กระทั่งประตูก็ไม่ยอมเปิดให้พวกเขาเข้าไป แม้แต่คนของครอบครัวหวังไห่ก็ยังไม่กล้าปฏิบัติต่อพวกเขาเช่นนี้ รอให้พวกเขาพาตัวหลี่สือที่รู้วิธีทำเต้าหู้กลับไปได้ก่อนเถิด ดูซิว่าบ้านพวกเ้ายังจะทำอันใดได้
จ้าวซื่อเดินออกมากล่าวว่า “เ้าก้อนหิน เ้ามาที่ลานด้านหน้าหน่อย” นางยื่นมือไปจับไหล่หลี่หรูอี้ ก่อนก้มตัวลงกระซิบข้างหูว่า “คนของบ้านชวีไม่มีดีสักคน เ้าไม่ปล่อยให้พวกเขาเข้ามาก็ถูกแล้ว”
“ข้าทราบแล้วเ้าค่ะ” หลี่หรูอี้จับจ้องไปยังบุรุษทั้งสาม นางเคยได้ยินเื่ของพวกเขามาจากเฟิงซื่อและคนในหมู่บ้าน
ปีนี้เฒ่าชวีอายุเจ็ดสิบสามแล้ว ภรรยาของเขาเป็สตรีที่มีรูปโฉมงดงาม มีบุตรสาวให้เขาสี่คน แต่ละคนล้วนงดงามทั้งสิ้น บุตรสาวคนโตแต่งให้หวังไห่ เขาเรียกร้องสินสอดจากหวังไห่เป็เงินสิบตำลึง ส่วนบุตรสาวที่เหลืออีกสามคนแต่งออกไปหมดแล้ว เขาก็เรียกสินสอดเป็เงินจำนวนมากกับบ้านสามีของพวกนาง
ไม่เพียงเท่านี้ เฒ่าชวียังบอกให้บุตรสาวที่แต่งออกไปแล้วส่งเงินมาแสดงความกตัญญูต่อเขาปีละสามตำลึงอีกด้วย
หากบุตรสาวไม่ยอม เฒ่าชวีก็จะรับอนุภรรยามาทำหน้าที่คลอดบุตร บุตรสาวทั้งสี่ไม่อยากให้มารดาแท้ๆ ได้รับความ อยุติธรรม จึงทำได้เพียงปิดบังสามีและนำเงินมามอบให้เฒ่าชวี
เมื่อภรรยาของเขาตายไป เฒ่าชวีก็นำสินสอดที่ได้จากการขายลูกสาวมาแต่งภรรยาที่อายุน้อยกว่าตนยี่สิบกว่าปี
ชวีผิงและชวีคังบุตรชายทั้งสองของเขาก็เป็บุตรที่เกิดกับภรรยาใหม่
เฒ่าชวีเป็คนเห็นแก่ตัว บุตรชายทั้งสองก็ย่อมเป็เช่นนั้น พวกเขาถือว่าที่บ้านนิยมให้ผู้ชายเป็ใหญ่ จึงไปขอเงินกับครอบครัวของพี่สาวทั้งสี่
ปีนั้นตอนที่ชวีซื่อผู้เป็ภรรยาคนแรกของหวังไห่ยังไม่ตาย ชวีผิงและชวีคังมักจะมาขอเงินกับนางถึงบ้านหวังไห่อยู่เสมอ หากให้น้อยก็จะเอะอะโวยวาย
ชวีซื่อไม่เคยบอกเหตุผลกับหวังไห่ หวังไห่ก็ไม่ทราบสถานการณ์ คิดเพียงว่านางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบ้านเดิม ต่อมาเมื่อชวีซื่อตายไปหวังไห่ก็ยังส่งของขวัญไปให้เฒ่าชวีทุกปีใหม่และทุกเทศกาล
เมื่อน้องสาวทั้งสามคนของชวีซื่อมีบุตรแล้วย่อมต้องเตรียมสินเดิมและสินสอดให้ลูกๆ ของตน ไม่มีเงินให้ชวีผิงและชวีคังอีก
เฒ่าชวีจึงพาชวีผิงและชวีคังไปโวยวายถึงบ้านบุตรสาวทั้งสามคน เมื่อเขาไปก่อเื่เช่นนี้ บ้านสามีของทั้งสามจึงค่อยรู้ว่าพวกนางแอบส่งเงินให้บ้านชวีมานานหลายปี หากมิใช่ว่าพวกนางอายุมากแล้วทั้งยังคลอดบุตรให้พวกเขา และให้ความเคารพผู้าุโในตระกูลมาตลอดคงจับพวกนางหย่าไปนานแล้ว
บุตรสาวที่แต่งออกไปแล้วก็เหมือนน้ำที่ถูกสาดออกไป น้องสาวทั้งสามคนขอชวีซื่อมีบุญแต่กรรมบังจริงๆ สุดท้ายก็ตัดญาติขาดมิตรกับเฒ่าชวี
หมู่บ้านที่น้องสาวทั้งสามคนของชวีซื่อแต่งไปนั้นอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านหลี่ เื่นี้เพิ่งบอกเล่าต่อกันมาเมื่อไม่นานนี้ คนหมู่บ้านหลี่ล้วนเคยได้ยินทั้งสิ้น
“พี่สะใภ้ ข้ามาแล้ว” หลี่สือเดินยิ้มออกมาจากลานด้านหลัง เมื่อครู่เขากำลังทำความสะอาดคอกลาอยู่
จ้าวซื่อกล่าวกับเขาว่า “เ้าก้อนหิน ชายสามคนด้านนอกเป็คนจากหมู่บ้านชวี บอกว่ามีธุระกับเ้า พี่ชายเ้าไม่อยู่บ้าน ข้าไม่สะดวกพบพวกเขา เ้าไปคุยกับพวกเขาที่ด้านนอกเถิด”
อีกไม่นานจ้าวซื่อจะคลอดแล้ว แม้หลี่หรูอี้จะรู้วิธีทำคลอด แต่หลี่ซานก็ยังไม่วางใจ จึงไปหาหมอตำแยนอกหมู่บ้านเพื่อทำการนัดหมาย
ฤดูหนาวมีสตรีคลอดลูกเป็จำนวนมาก หลี่ซานกลัวว่าหมอตำแยจะยุ่ง จึงไปนัดหมายกับหมอตำแยเอาไว้ถึงสามคน
“ได้” หลี่สือลูบหัวตนเองพลางเดินออกไปจากลานบ้าน เมื่อออกไปพ้นประตูรั้วก็ไปยืนข้างๆ บุรุษทั้งสามคน
เฒ่าชวีถลึงตามองสำรวจหลี่สือ เ้าหมอนี่สูงใหญ่หล่อเหลาพอๆ กับบุตรชายทั้งสองของเขา เขากล่าวชมเชยไปว่า “ไอ้หนุ่มนี่หล่อดีจริงๆ!”
ชวีผิงและชวีคังก็กล่าวยิ้มๆ
“หล่อจริงๆ”
“ข้าว่าเขาหน้าตาเหมือนพวกขุนนาง ดูมีวาสนา”
หลี่สือไม่ได้รับคำชมจากคนในหมู่บ้านมานานแล้ว จึงรู้สึกเฉยๆ และเขายังจำได้ว่า ที่ลานด้านหลังยังไม่ได้ทำความสะอาดเลย จึงกล่าวอย่างหยาบกระด้างว่า “ข้าไม่รู้จักพวกเ้า พวกเ้ามาหาข้ามีธุระอันใด”
หากเป็เด็กๆ สามคนมาพูดคุยกับหลี่สือ เขาย่อมมีความอดทน แต่นี่เป็ผู้ใหญ่สามคนเขากลับไม่อยากฟังจริงๆ เขาไม่อยากใช้สมองนึกถึงความหมายในคำพูดของอีกฝ่าย
เฒ่าชวีเชี่ยวชาญในการข่มขู่หลอกลวงผู้คนมามาก เมื่อปีนั้นเขาสามารถทำให้บุตรสาวทั้งสี่นำเงินจากบ้านสามีมามอบให้เขาได้ทุกปี ตอนนี้ใบหน้าเหี่ยวย่นของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มประจบประแจง “พวกเรามาหาเ้าเพราะมีเื่มงคล”
ชวีผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจและลำพองใจว่า “ใช่แล้ว เป็มงคลใหญ่ ชวีฟางฟางลูกสาวข้าเป็สตรีที่งดงามที่สุดในหมู่บ้านชวี ข้าจะให้นางแต่งกับเ้า”
ชวีคังเลิกคิ้วขึ้น มองหลี่สือด้วยสายตาที่บุรุษทุกคนเข้าใจ ทั้งยังแย้มยิ้มอย่างหื่นกระหาย “อีกไม่นานเ้าจะได้แต่งกับหญิงงามแล้ว ต่อไปก็จะได้เสพสุขทุกค่ำคืน” ชวีฟางฟางเป็หลานสาวของเขา แต่คำลามกเช่นนี้ก็ยังพูดออกมาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็พวกเศษเดนจริงๆ
“ข้าไม่กล้าแต่งเมีย” หลี่สือสีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“เ้าเติบโตเพียงนี้แล้ว เืลมกำลังดี จะไม่แต่งเมียได้อย่างไร” เฒ่าชวีคิดว่าหลี่สือเพียงเกรงใจ จึงส่งเสียงหัวเราะแปลกประหลาดออกมาจากปากที่มีฟันเหลือเพียงสองซี่ที่ทั้งเหลืองทั้งดำ เมื่อกระทบกับแสงอาทิตย์ยิ่งทำให้ดูน่าขยะแขยง
หลี่สือถลึงตา กล่าวอย่างโง่งมว่า “ข้าไม่แต่ง ข้าจะไม่แยกบ้านกับพี่ชายและพี่สะใภ้” คราวที่แล้วเพื่อให้ตนไม่ต้องแต่งงานและไม่ต้องแยกบ้านเขาถึงกับยอมอดข้าว ตอนนี้จะเห็นด้วยเื่แต่งภรรยาได้อย่างไร ไม่ว่าผู้ใดจะมาทาบทามก็ไม่ยอมทั้งสิ้น
ชวีผิงรีบร้อนกล่าวว่า “จะไม่แต่งงานไม่แยกบ้านได้อย่างไร”
ที่เฒ่าชวีมาในครั้งนี้ก็เพื่อโน้มน้าวให้หลี่สือแยกบ้านกับหลี่ซานและหลอกเอาสินสอดจากครอบครัวหลี่เป็จำนวนครึ่งหนึ่งของทรัพย์สิน
ทรัพย์สินของบ้านหลี่มีอะไรบ้าง พวกเขาถามจากชวีหงมาอย่างชัดเจนแล้ว มีลาสามตัว ที่ดินสิบกว่าหมู่ และเงินอีกนับร้อยตำลึง
หลี่สือทำเต้าหู้เป็ เต้าหู้ตระกูลหลี่ส่วนใหญ่ก็มาจากหลี่สือ หากหลี่สือแยกบ้านกับหลี่ซาน เขาต้องแบ่งทรัพย์สินออกไปด้วยครึ่งหนึ่ง ไม่ว่าไปที่ใดก็ย่อมคุยกันได้
เฒ่าชวีกลัวว่าชวีผิงจะพูดจามั่วซั่ว จึงสะกิดแขนของเขาเบาๆ จากนั้นก็มองไปทางหลี่สือ กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เ้าหนุ่ม เ้าหน้าตาหล่อเหลาเช่นนี้ ทั้งยังทำเต้าหู้เป็ มีความสามารถเพียงนี้เหตุใดไม่แต่งงานเล่า ข้าว่าเ้าถูกพี่ชายกับพี่สะใภ้ของเ้าหลอกเสียแล้ว พวกเขาหลอกใช้เ้าเหมือนทาส บ้านหลี่มีเงินมาก เ้าก็โตเพียงนี้แล้ว แต่พวกเขากลับไม่ยอมให้เ้าแต่งงาน มีพี่ชายพี่สะใภ้คนใดทำเช่นนี้บ้าง”
ชวีคังส่ายหน้า มองไปยังหลี่สือด้วยความสงสาร “พี่ชายกับพี่สะใภ้เ้าโเี้ยิ่งนัก”
ชวีผิงกล่าวด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “พี่ชายกับพี่สะใภ้เ้าช่างใจดำจริงๆ!”
หลี่สือกำหมัดแน่น กล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า “ห้ามมาว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้ของข้าเป็อันขาด” หากจะว่าตัวของเขาย่อมได้ แต่ห้ามกล่าววาจาว่าร้ายต่อพี่ชายและพี่สะใภ้เป็อันขาด
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้