หวงหนิวเชื่อมั่นเต็มที่เพราะกว่าจะได้ก้อนดินนี้มานั้นไม่ธรรมดาเลย
“รีบเอาออกมาเร็วเข้า!” ฉู่เฟิงเร่งยิกๆ
หวงหนิวกระวีกระวาดเอาก้อนดินก้อนนั้นออกมาจากกระเป๋าผ้าใบใหญ่ที่ติดอยู่กับตัววางลงบนโต๊ะหินกลางสวนอย่างระมัดระวัง มันดึงดูดสายตาของฉู่เฟิงในทันที
ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย!
มันโปร่งใส ระยิบระยับ อย่างกับหยกอย่างนั้นแหละ ใสบริสุทธิ์อย่างยิ่งที่สำคัญก็คือ มันมีขนาดประมาณครึ่งกำมือของผู้ใหญ่
ก่อนหน้านี้ ก้อนดินพิเศษที่ฉู่เฟิงได้มาหลายก้อนนั้นมีขนาดเท่าเล็บมือเท่านั้น เทียบไม่ได้เลยกับก้อนนี้ ห่างชั้นกันเป็อย่างมาก
เมื่อพิจารณาดูดีๆ มันไม่เหมือนก้อนดิน แต่กลับเหมือนก้อนหยกเล็กๆ ที่อัดแน่นรวมกันระยิบระยับจับตา
ก้อนดินพิเศษนี้มีสองสี สีเขียวขจีและสีม่วงทองสอดประสานกลมกลืนกันส่องประกายแพรวพราว สีเขียวขจีเหมือนลำต้นของมันคละกันกับสีม่วงทองของลูกสน
“ดูเจ๋งกว่าก้อนดินพิเศษจากรากของพวกต้นหญ้าพวกนั้นอีก!” ฉู่เฟิงชื่นชม
ก้อนดินพิเศษจากต้นไม้พิเศษได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ก็สะท้อนแสงสีเขียวม่วงสองสีออกมา อย่างกับเปลวเพลิงกำลังเริงระบำ!
ฉู่เฟิงตะลึง จากนั้นก็ยิ้มแฉ่ง
หวงหนิวแยกเขี้ยว ฉีกยิ้มไม่หุบ
พวกเขาต่างก็คาดหวัง คิดว่าคราวนี้ต้องสำเร็จแน่
“ไม่รู้ว่าเมล็ดพันธุ์สามเมล็ดนั่นเป็ยังไงบ้างแล้ว”
ฉู่เฟิงคุกเข่าลง ค่อยๆ ขุดดินในแปลงดอกไม้อย่างระมัดระวังครั้งที่แล้วเขาฝังก้อนดินพิเศษขนาดเท่าเล็บมือลงไปด้วย รดน้ำพรวนดินเรียบร้อย
นับไปนับมา ก็หลายวันอยู่
“มีเปลี่ยนแปลงนิดๆ แฮะ!”
ใต้ดินอันชื้นแฉะ มองเห็นเมล็ดพันธุ์เม็ดที่ค่อนข้างกลมก็ยังคงไม่งอกอยู่ดี แต่ว่าบนผิวมีรอยสีเขียวมากขึ้น แลดูมีสัญญาณแห่งชีวิต
แต่ก็ยังคงไม่มีพัฒนาการอะไร รากก็ยังไม่งอกอยู่ดี
หวงหนิวแถเข้ามามุงพินิจพิเคราะห์ด้วย
“เมล็ดนี้เนี่ย ที่จริงแล้วเรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงเยอะที่สุดแล้วนะ”ฉู่เฟิงเอ่ย
ตอนนี้ บนผิวไม่ค่อยมีรอยย่นแล้ว ทั้งยังมีรอยเส้นสีเขียวพาดพันเป็เขียวที่ส่องประกายวิบวับอย่างบอกไม่ถูกแต่กลับรู้สึกได้ถึงพลังชีวิตอันแปลกประหลาด
ริ้วรอยบนเมล็ดพันธุ์นั้นดูพิเศษอย่างยิ่ง ถึงจะดูลึกลับซับซ้อนหากสีเขียวสดใสนั้นมีเสน่ห์อย่างยากจะอธิบาย
ฉู่เฟิงขุดดินอีกครั้ง แต่ก็ต้องผิดหวังเมล็ดพันธุ์อีกสองเมล็ดนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ยังคงไร้ซึ่งชีวิตชีวา
เม็ดที่ทั้งดำทั้งแห้งนั้น ผิดรูปไปเล็กน้อยส่วนเม็ดแบนรีสีม่วงน้ำตาลก็ยังคงดูเหมือนถูกทับ ตอนที่ได้มาพวกมันก็เป็อย่างนี้ไร้ซึ่งพลังชีวิต
คิดจะให้สองเมล็ดงอกเงยขึ้นมา ระดับความยากเรียกได้ว่าสูงสุด
“เอาก้อนดินพิเศษทั้งหมดมาอัดใส่เมล็ดพันธุ์เมล็ดแรกแล้วกัน”ฉู่เฟิงตัดสินใจอย่างนี้
หวงหนิวผงกหัว แสดงว่าเห็นด้วย
ปัญหาก็คือ การเพาะเมล็ดพันธุ์นั้น้าเวลา
ส่วนงูขาวที่เขาไท่หังซานก็สร้างความหวาดกลัวให้ผู้คน
หวงหนิวแวบหายตัวไป มันไปตามหาวัวั์สีดำถามย้ำให้แน่ใจว่าพื้นที่แถบนี้ปลอดภัยจริงหรือไม่ เพราะมันไม่อยากทิ้งเมล็ดพันธุ์ไว้นานด้วยอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันได้
มันไปไวมาไว บอกฉู่เฟิงว่า ใน่ระยะสั้นๆ นี้ไม่มีปัญหา
ในกลุ่มจ้าวแห่งสัตว์กลายพันธุ์ย่อมรู้ไส้รู้พุงกันเองดี
“ก็หวังว่าจะงอกอะไรสักอย่างออกมาโดยเร็ว!”หวงหนิวคาดหวัง
เป็เพราะวัวั์สีดำบอกมันว่าอีกไม่นาน จะพามันเดินทางไปทิศตะวันตกไปเขาหั่วเยี่ยนซาน เวลาของมันเหลือไม่มากแล้ว
“มันคือหนิวหมัวหวังจริงอ่ะ!?” ฉู่เฟิงตะลึง
หวงหนิวส่ายหัว มันเองก็ไม่รู้
ที่เรียกว่า เขาหั่วเยี่ยนซานก็เพราะมันตั้งอยู่ในเขตูเาไฟใกล้เขาคุนหลุน
หวงหนิวอยากไปเขาคุนหลุนั้แ่ไหนแต่ไรแล้วย่อมไม่ยอมพลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน
“แล้วต้นไม้ต้นนั้นเป็ยังไงบ้างล่ะ?” ฉู่เฟิงถามต้นไม้ต้นที่หยั่งรากบนูเาสำริดยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำของเขา
“ตาวัวลวงโลกไม่ได้บอก พูดแต่ว่าอีกหน่อยจะพาฉันไป” หวงหนิวเขี่ยพื้นตอบ
ฉู่เฟิงเอาเมล็ดพันธุ์เม็ดอิ่มเต็มที่มีลวดลายสีเขียวยัดเข้าไปในก้อนดินพิเศษขนาดเท่ากำปั้นนั่นจากนั้นเอามันฝังลงในถังไม้
ก้อนดินพิเศษขนาดเท่าเล็บมือที่ได้มาก่อนหน้านี้ก็ไม่ทิ้งให้เปล่าประโยชน์เทใส่มันรวมไปด้วย
ถ้าหากสถานการณ์ไม่ดีล่ะก็ เขาจะหอบถังไม้หนี
รดน้ำเรียบร้อยแล้ว หนึ่งคนหนึ่งวัวก็นั่งอยู่ตรงนั้น เฝ้ารออย่างกระวนกระวายอยากจะให้เมล็ดพันธุ์งอกออกมาเสียในทันที
นึกภาพออกเลยว่า พวกเขากระตือรือร้นและคาดหวังมากเพียงใด
ฉู่เฟิงเต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างไม่มีอะไรเปรียบและก็เพราะมีสิ่งมาดึงความสนใจเช่นนี้ ทำให้เขายังไม่ได้กินเมล็ดสนสีม่วงทองนั่น
เขารู้สึกว่าเมล็ดพันธุ์ที่ฝังอยู่ในก้อนดินนั้นบางทีอาจจะสร้างความอัศจรรย์ใจให้เขาก็ได้!
หวงหนิวก็คันหัวใจเหมือนมีกรงเล็บนับร้อยมาข่วน เดินไปเดินมา เดี๋ยวๆก็เดินไปดูถังไม้ ทำเอาฉู่เฟิงเองก็วุ่นวายไปตามกัน
ทันใดนั้น เครื่องมือสื่อสารของฉู่เฟิงก็ดังขึ้น เป็มารดาของเขาโทรมา
“ครับแม่!” เขารับสาย
อีกฟากของเครื่องมือสื่อสาร มารดาของเขาวิตกกังวลจนแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อละล่ำละลักถามว่าเขายังอยู่ที่เมืองชิงหยางหรือไม่
ตอนนี้ โลกภายนอกต่างวุ่นวายอย่างหนัก เหตุวุ่นวายที่เขาไท่หังซานร้ายแรงอย่างยิ่งภายในระยะเวลาอันสั้นก็แพร่กระจายไปทั่วทุกหัวระแหง
งูขาวตัวยาวร่วมร้อยเมตร แม้ถูกยิงด้วยจรวดนำวิถีก็ไม่ตายมันทะยานไปทั่วเขาไท่หังซาน สังหารมนุษย์พิเศษไปร่วมพันทุกแห่งหนทั่วโลกต่างก็แตกตื่นกับข่าวนี้
นี่ไม่ใช่เื่ประเทศใครประเทศมัน หากส่งผลกระทบไปทุกประเทศ
พูดได้ว่า ผลกระทบของมันรุนแรงอย่างยิ่งนี่เป็เื่ร้ายแรงเื่หนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
ทั่วโลกต่างกำลังปรึกษาหารือกัน
“แม่ฮะ ผมไม่เป็อะไร แม่วางใจได้ เดี๋ยวผมก็กลับไปหาแม่กับพ่อแล้ว”
ฉู่เฟิงได้แต่ปลอบไม่หยุด ตอนนี้ก็ได้แต่โกหกเขาไปก่อน อย่างเช่นบอกพวกเขาว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วแต่ไปอยู่บ้านเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน
ปลอบอยู่นาน ในที่สุดเขาก็วางสาย
จากนั้น ฉู่เฟิงก็ไถดูข่าวมันทุกสำนัก โลกภายนอกวุ่นวายอย่างหนักจริงๆด้วย ผลกระทบจากเื่นี้หนักหน่วงอย่างมาก
มีรูปของงูขาวไม่กี่รูปที่ส่งต่อกันในอินเทอร์เน็ตงูตัวมหึมาขนาดทลายยอดเขาราบคาบ เร็วทะลุกำแพงเสียง พุ่งทะยานในอากาศได้มันช่างเขย่าขวัญผู้คนเป็อย่างยิ่ง
เมื่อประกอบกับคำบอกเล่าของมนุษย์พิเศษที่อยู่ในเหตุการณ์บรรยายถึงสิ่งที่พบเจอ นั่นยิ่งทำให้สะท้านะเืกันไปทั่ว
ผู้คนต่างพะว้าพะวง การปรากฏตัวของงูขาวตอกย้ำตำนานที่ว่ามันดำรงอยู่ในเขาไท่หังซานมาโดยตลอด
ที่ร้ายคือแต่ละแหล่งแห่งที่ล้วนมีตำนานเล่าขานเช่นนี้บางแห่งเื่ราวพิสดารยิ่งกว่า น่ากลัวยิ่งกว่าหรือว่าจะมีสัตว์ในตำนานเร้นกายอยู่ตามสถานที่เ่าั้?
ต่างประเทศก็วุ่นวายไม่ต่างกัน เพราะแต่ละที่ต่างก็มีตำนานลึกลับไม่น้อยถ้าหากว่าแต่ละเื่กลายเป็จริงขึ้นมา มิใตายไปตามๆ กันหรือ
ฉู่เฟิงอ่านอยู่นาน จนตะวันตกดิน จึงวางเครื่องมือสื่อสารลง
“ฉู่เฟิง เกิดเื่แล้ว ช่วยด้วย!”
ตอนนี้เอง โจวเฉวียนร้องะโแตกตื่น พุ่งเข้ามาในบ้านของฉู่เฟิง
ใบหน้าเขาซีดเผือด เต็มไปด้วยแววหวาดกลัว
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉู่เฟิงเองก็ใอย่างมากเห็นได้ว่าโจวเฉวียนเจอเื่อะไรบางอย่าง ถึงกับใจนสติแตก
หวงหนิวระแวดระวังตัวทันที ะโออกไปที่หัวกำแพงมองไปทางทิศของเขาไท่หังซาน มันสงสัยว่างูขาวตัวนั้นจะปรากฏตัวขึ้น แล้วพุ่งมาทางนี้
“ให้ฟ้าผ่าตายสิ ตายๆๆๆๆ!” โจวเฉวียนะโลั่น
“พี่ชายนายเกิดอุบัติเหตุเหรอ?”ฉู่เฟิงรู้ว่าโจวเฉวียนมีพี่ชายคนหนึ่ง ที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันโดยเฉพาะในตอนนี้ที่ถนนหนทางหลายแห่งถูกตัดขาด จึงไม่อาจกลับบ้านได้
“ไม่ใช่!” โจวเฉวียนสั่นศีรษะ เขาตัวสั่นเทิ้มชี้ที่ตัวเอง บอกว่า “ฉันสิเกิดเื่”
แล้วมันเื่อะไรถึงได้สติแตกอย่างนี้?ฉู่เฟิงมองเขางงๆ
“ฉันมีเขางอกออกมาอีกแล้วววว!” โจวเฉวียนคร่ำครวญ
ก่อนหน้านี้ ที่เขาสองข้างหักไปนั้น เขารู้สึกผ่อนคลาย ชีวิตกลับคืนสู่ความสงบสุข
แต่ว่า หลังจากที่กินเมล็ดสนสองเมล็ดที่ฉู่เฟิงให้มาแล้ว เขานอนหลับไปตื่นพอตื่นมาก็รู้สึกคันหนังหัว เขาโผล่ออกมาอีกแล้ว มันงอกออกมาท่อนสั้นๆ
ฉู่เฟิงไร้คำพูด นี่มันเื่ใหญ่อะไรกัน เขาคาดไว้แล้วว่าจะอย่างไรร่างกายโจวเฉวียนก็ต้องฟื้นฟู
หวงหนิวโมโหปรี๊ด มันก็นึกว่างูขาวตามมาหาเื่ถึงที่นี่แทบจะดีดเขาเข้าให้
“ก็เขาสองข้างไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไรหรอกน่า!” ฉู่เฟิงตบไหล่เขาพลางปลอบใจ
โจวเฉวียนพลันน้ำตานองหน้า เอ่ยว่า “ไม่ใช่แค่เขาสองข้างน่ะสิถ้าแค่นั้นฉันก็ไม่โวยวายอย่างนี้หรอก”
“พวกนายดู มันมาอีกหนึ่ง ตอนนี้เป็สามเขาแล้ว!”เขาแหวกผมทรงเสย ชี้หมับเข้าที่กลางหัว
จริงๆ ด้วย นอกจากสองเขาที่งอกขึ้นมาใหม่แล้วตรงกลางกระหม่อมยังมีเขาใหม่งอกขึ้นมาอีกเขา พุ่งตรงอย่างกับพู่กันเหมือนกับผมที่หวีจนเรียบแล้วถักเป็เปียตั้งชี้ฟ้าอย่างไรอย่างนั้น
“มาอีกหนึ่งได้ยังไงกัน?” ฉู่เฟิงเองก็แทบจะพูดไม่ออก
โจวเฉวียนแหงนหน้า ถามไถ่ท้องฟ้าอย่างไร้ซึ่งวาจา ตอนแรกมีสองเขาเขาก็วุ่นวายใจอยู่แล้ว ใครจะนึกล่ะ ว่าพออัพเลเวล เขาที่สามก็โผล่มา!
ฉู่เฟิงออกจะเห็นใจ เขาที่สาม ถ้าหากว่าเข้าทำนอง “เรียบๆ”สักหน่อยก็ยังพอทำเนา แต่นี่ถักเป็เปียพุ่งตระหง่านอย่างนี้ โดดเด่นเป็บ้า
หวงหนิวแยกเขี้ยวหัวเราะพลางเข้ามาใกล้ ลูบๆ คลำๆ เขาที่สามของโจวเฉวียน
โจวเฉวียนโมโหจนแทบจะงับมัน เวลาอย่างนี้ไอ้วัวไร้ยางอายนี่ยังมาหัวเราะเยาะกันอีก
“มอ!”
หวงหนิวร้องเสียงต่ำ เขี่ยพื้นบอกว่า อย่างนี้เป็เื่ดี ขอบอกเขาชัดๆเลยว่า ต่อไปภายหน้าบางทีเขาอาจเป็ที่รู้จักในแวดวงศ์พงศาวัวก็เป็ได้
“แก ไปให้พ้น!” โจวเฉวียนโมโหจนปวดฟันเขาปัดกีบมันที่ลูบๆ คลำๆ เขาของเขาออก แล้วพกเอาความคับแค้นวิ่งกลับไปตึกหลัง
กลางดึก ฉู่เฟิงกับหวงหนิวนั่งอยู่กลางสวน เหมือนกับว่ากำลังชมจันทร์แต่อันที่จริงคือกำลังจ้องถังไม้กันอยู่ อยากให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นตอนนี้จริงๆให้ดิ้นตาย
“มีคนมา!”
ทันใดนั้น ฉู่เฟิงรู้สึกตัวทันที
อันที่จริง หวงหนิวรู้สึกตัวแต่แรกแล้ว ตอนนี้ความสามารถของมันล้ำหน้าขึ้นมาก สัญชาตญาณเฉียบคมขึ้นมากโข
“นายไปซ่อน ห้ามออกมาเด็ดขาด!”
ฉู่เฟิงบอก แล้วรีบจัดระเบียบข้าวของในสวนกับในบ้านอย่างรวดเร็วเผื่อจะมีอะไรที่ไม่ควรปรากฏสู่สายตาคนอื่นหลุดรอดออกมา
จันทร์สว่างลอยสูงอยู่กลางฟ้า ราตรีเงียบสงัดวังเวง
บ้านของฉู่เฟิงตั้งอยู่สุดทิศตะวันออกของเมืองเล็กๆ นี้ ติดกับสวนผลไม้แสงจันทร์กระจ่างสาดส่องไปทั่วอาณาบริเวณ ที่ตรงนี้สะอาด บริสุทธิ์สงบเงียบอย่างยิ่ง
เงาร่างสูงโปร่งของหญิงสาวผู้หนึ่งปรากฏขึ้น เยื้องย่างมาตามแสงจันทร์เธองามอย่างยิ่ง ท่ามกลางแสงจันทร์กระจ่างราวกับสายน้ำบนร่างเปล่งแสงระเรื่อเรืองรอง
หลินนั่วอี เป็เธอนั่นเองที่มาเยือน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้