“ใบหน้าชายหนุ่มหล่อเหลากระนั้นหรือ? คุ้นเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อนด้วยหรือ? เขาคือเทพเซียนองค์ใดกัน?” เหล่าไท่ไท่สับสนยิ่งนัก นางหรี่ตาครุ่นคิดครู่หนึ่ง ในระดับชั้นของเทพศักดิ์สิทธิ์ภายใต้สามมหาเทพซานชิงและหกเทวราชผู้ยิ่งใหญ่ มีเทพเ้าประจำทิศทั้งห้า เทพเ้าซานเต่าสือโจว สามเทพเ้าแห่ง์ โลกมนุษย์ ใต้พิภพ และเทพสี่ทิศ…จะเป็เทพเหล่านี้หรือไม่? นางนึกไม่ออกจึงหันมองหยางมามา ก่อนส่ายศีรษะเชิงว่านางไม่รู้เกี่ยวกับ “เซียนผู้เฒ่า” ที่เปลี่ยนหน้าเป็ “เซียนหนุ่ม” ผู้นี้เลย
ตายแล้ว เสี่ยวอี้คงไม่ได้เจอเทพสุนัขจิ้งจอกกระมัง...หรือจะเป็ปีศาจสุนัขจิ้งจอก? เหล่าไท่ไท่พลันประหม่า บีบมือเหอตังกุยครั้งแล้วครั้งเล่าราว้ารู้ว่าสตรีตรงหน้าผู้นี้เป็หลานสาวของตนหรือไม่ ทว่านางก็มีใบหน้า คิ้วและแววตาที่เหมือนกัน! เหล่าไท่ไท่หัวเราะสมองอันเลอะเลือนของตนเพราะไม่ได้หลับทั้งคืนอยู่ในใจ ในเมื่อเซียนผู้เฒ่าตั้งใจมาบอกวิธีช่วยเหลือเสี่ยวจู เขาต้องเป็มหาเทพที่ดีแน่นอน บนท้องฟ้ามีเทพเ้าและพระพุทธองค์มากมาย มนุษย์ตัวเล็กเช่นนางจะรู้จักตัวตนท่านได้อย่างไร?
“เสี่ยวอี้ ลักษณะของ ‘เซียนผู้เฒ่า’ ตอนพบครั้งแรกเป็เช่นไร?” เหล่าไท่ไท่คิดว่าเซียนผู้เฒ่าต้องใช้พลังปลอมตัวเพื่อปิดบังใบหน้าที่แท้จริงเมื่อพบกับมนุษย์ นางจึงเอ่ยเสริม “เ้าบอกทุกคำที่เขาพูดให้พวกเราฟังได้หรือไม่ หากรู้ว่าเทพองค์ใดช่วยพวกเราและทำให้นายน้อยจูกลับมีชีวิตอีกครั้งได้ ในอนาคตตระกูลหลัวจะสร้างวิหารเพื่อถวายแก่เซียนผู้เฒ่าเพื่อเชิดชูคุณธรรมของเขา”
“เ้าค่ะ ให้ข้าทบทวนสักครู่นะเ้าคะ…” เหอตังกุยเอียงศีรษะพลางเอ่ยตอบ “เพราะเป็ความฝัน ภาพความทรงจำจึงไม่ค่อยชัดเจนนัก เซียนผู้เฒ่าอยู่ห่างไกลจากตัวข้าจึงจำได้เพียงราง ๆ ว่าเขาสวมเสื้อคลุมนักบวชเต๋าเก่า ๆ ถือแส้หางม้าในมือ เส้นผมสีเทา ใบหน้าตอบ จมูกเหลี่ยมและปากกว้าง ทว่าดวงตาสดใสราวกับว่ามันสามารถพูดได้ก็ไม่ปาน”
ฉานอีที่นั่งดื่มชาซางจาอยู่ด้านนอกรถพลันคิดในใจ ฟังจากลักษณะของเซียนผู้เฒ่าที่คุณหนูอธิบาย เห็นได้ชัดว่าเป็นักพรตชราในร้านฉวินเสียนโหลวที่คุณหนูอยากให้เขาถอดเสื้อตลอดเวลา
เป็ครั้งแรกในชีวิตที่เหล่าไท่ไท่และหยางมามาได้ยินคนบรรยายภาพของ “เซียนผู้เฒ่า” แบบละเอียด ชัดเจนและเฉพาะเจาะจงกว่านักเล่าเื่ในโรงน้ำชา เหล่าไท่ไท่และหยางมามาอดสงสัยไม่ได้จึงถามอย่างพร้อมเพรียง “ต่อไปเป็อย่างไรหรือ?”
“ต่อมาหรือ? ข้าขอทบทวนครู่หนึ่งเ้าค่ะ...” เหอตังกุยกะพริบตาก่อนเอ่ย “เซียนผู้เฒ่าบอกข้าว่าเขาบังเอิญผ่านมาแล้วััได้ถึงลมหายใจที่แตกต่างจากเบื้องล่าง จึงอยากรู้จนต้องลงมาดู เขาบอกว่าดวงตาของข้าเป็ประกาย ร่างกายก็แข็งแรง มีเมฆแห่งโชคลาภลอยเหนือศีรษะ ความโชคดีจะวิ่งเข้ามาหาข้าและคนรอบตัวข้า ข้าไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ทันใดนั้นก็ยกนิ้วขึ้นมานับจึงรู้ว่าข้าเคยกินกากยาสมุนไพรที่เหลือจากเตาหลอมยาของเทพโอสถ! เขาััได้ว่าข้ามีวาสนาจึงยอมเสี่ยงให้ความลับของ์รั่วไหลโดยการทำนายดวงชะตาแก่ข้า ข้าขอให้เขาช่วยทำนายดวงชะตาความสงบสุขของท่านยายและท่านแม่ หลังนับนิ้วก็บอกกับข้าว่าแม้ทั้งสองคนที่ข้าถามจะอยู่เย็นเป็สุข แต่เด็กรุ่นเยาว์ของตระกูลจะมีหนึ่งคนที่ทุกข์ทรมาน นั่นคือเหตุผลที่ข้ายอม “แลกิั” กับเทพชรา”
เมื่อฉานอีที่นั่งจิบชาซานจาอยู่ด้านนอกได้ยินก็แทบจะพ่นน้ำชาออกจากปาก คำว่า “ดวงตาเป็ประกายและร่างกายแข็งแรง…” เห็นได้ชัดว่าเป็คำกล่าวของนักพรตผู้นั้น...
“ขออวยพรให้เ้ามีความสุขมาก ๆ !” เหล่าไท่ไท่เอ่ยอวยพรก่อนถอนหายใจพลางเอ่ย “นี่เป็พรแก่ตระกูลหลัวของข้าด้วยเช่นกัน พวกเราทำให้เสี่ยวอี้ต้องลำบาก ผิวที่เคยขาวเนียนละเอียดก็หายไปไม่กลับมาอีกแล้ว เฮ้อ…ถึงอย่างไรหากแลกด้วยชีวิตของคุณชายจูก็ถือว่าคุ้มค่าไม่น้อย…ข้าหวังว่าวิธีการของเซียนผู้เฒ่าจะทำให้เขาฟื้นคืนชีพได้จริง ๆ เทพเ้าอู๋เลี่ยงเทียนจุนโปรดปกปักรักษาตระกูลหลัวด้วย!”
เหอตังกุยเอ่ยเสริม “เมื่อข้าตื่นก็พบว่าิัั้แ่หัวจรดเท้าเป็ดั่งในฝัน ข้ากลายเป็คนผิวสีเหลืองซีดดุจเปลือกข้าวสาลี ข้าส่องกระจกอย่างละเอียดก็พบว่าดวงตาเล็กลง จมูกและปากก็ดูใหญ่ขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้าอัปลักษณ์แล้ว ฮือ ๆ ๆ ”
เหอตังกุยปิดหน้าร้องไห้ เหล่าไท่ไท่จึงลูบศีรษะเพื่อปลอบใจ ไม่นานเหอตังกุยก็เงยหน้าเช็ดน้ำตาพลางเอ่ยต่อไป “ขณะข้ากำลังเสียใจและสงสัยเกี่ยวกับเื่นี้ ไฮว่ฮวาก็มาบอกว่าหยางมามามาที่วัดสุ่ยซังเพื่อเยี่ยมข้า ตอนนั้นข้าไม่รู้ว่าเื่ที่เซียนผู้เฒ่าบอกว่า “หนึ่งในหลานชายฝาแฝดของข้าตกอยู่ในอันตราย” เป็เื่จริงหรือไม่ ข้าจึงไม่กล้าบอกความฝันแปลก ๆ ให้หยางมามาฟัง ทั้งยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับหยางมามาด้วยใบหน้าอัปลักษณ์เช่นตอนนี้ ข้าจึงใช้แป้งสีขาวทาบนใบหน้า ลำคอและมือ แต่ก็ยังกังวลที่จะเผยใบหน้าแท้จริงจึงนำผ้าคลุมมาบดบังไว้แล้วโกหกมามาว่าข้าไม่สบาย ขอมามาอย่าตำหนิข้านะเ้าคะ!”
หยางมามาโบกมือปฏิเสธพลางเอ่ย “ข้าจะตำหนิท่านได้เยี่ยงไร? เื่ที่คนในตระกูลได้พบเซียนผู้เฒ่าล้วนเป็บุญกุศลที่ทำมาในชาติที่แล้ว ท่านต้องสั่งสมคุณงามความดีมากมายในชาติก่อน ชาตินี้จึงได้รับความช่วยเหลือจากทวยเทพถึงสองครั้ง หากนายน้อยจูฟื้น ท่านก็คือผู้มีพระคุณสูงสุดในตระกูลหลัว ท่านจะได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่เหนือต้าเส่าไหน่ไน[1] เหล่าไท่ไท่คิดเหมือนกันหรือไม่เ้าคะ?”
เหล่าไท่ไท่พยักหน้า “แน่นอนอยู่แล้ว เสี่ยวอี้ไม่เพียงเป็ผู้มีพระคุณอันดับหนึ่งเท่านั้น หากคุณชายจูฟื้นคืนชีพได้จริง ๆ ในฐานะแม่ของเขา นางจะต้องขอบคุณเ้าแน่นอน!”
“ตังกุยไม่กล้า” เหอตังกุยห่อไหล่หลังได้รับคำชื่นชมที่น่าใ ไม่นานนางก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ข้าเป็ห่วงหลานจูจริง ๆ ท่านยาย พวกเรากลับจวนกันเถิด ดูว่าท่านพี่ไป๋เฉียนทำสิ่งเ่าั้ไปถึงไหนแล้ว เซียนผู้เฒ่าเคยบอกว่าหลานจูจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งหลังเสร็จสิ้นห้าขั้นตอน หากขาดไปแม้แต่ข้อเดียวจะไม่ได้ผล”
......
“ข้อแรก นำแมวตัวโตที่หิวโหยฝูงหนึ่งขังไว้ในกรงเพื่อเตรียมใช้ในอนาคต
ข้อสอง โรยน้ำมันงา ผลไม้ผัดแห้งและขนมหวานอบกรอบให้ทั่วสวนดอกไม้ด้านล่างูเาจำลองฝั่งตะวันตก เมื่อถึงเวลาเหมาะสมให้ปล่อยแมวออกมาแล้วจุดไฟ
ข้อสาม จุดไฟเผาเรือนซีคั่วอย่าให้เหลือซาก
ข้อสี่ โรยน้ำปูนขาวต้มและน้ำดอกไม้อิ่นฮวาที่เรือนหลิวหลี่ โดยเฉพาะในห้องของหลัวสื่อจู จากนั้นทำแบบเดียวกันให้ทั่วจวนตระกูลหลัวตง
ข้อห้า นำศพหลัวสื่อจูแช่ในน้ำมันงาอุ่น และผสมยาดังต่อไปนี้ลงในน้ำมันงาอุ่น เมื่อผสมเสร็จแล้ว ใช้น้ำมันงาอุ่นทาที่ร่างของเขาจากบนลงล่างซ้ำหลาย ๆ รอบ
คำเตือน ขั้นตอนข้างต้นห้ามขาดหรือทำย้อนกลับ มิฉะนั้นจะเสียใจภายหลัง จำให้ขึ้นใจ”
ทุกครั้งที่หลัวไป๋เฉียนอ่านหนึ่งขั้นตอน น้ำเสียงของเขาก็จะเพิ่มระดับขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออ่านจบเสียงก็พลันแหลมเล็กราวกับเสียงของสตรี เขาจับจ้องเนี่ยชุนพลางเอ่ยถาม “จดหมายนี้เขียนโดยน้องสามจริง ๆ หรือ? เหตุใดนางจึงเขียนจดหมายบ้า ๆ ฉบับนี้? คิดไม่ถึงว่าท่านย่าจะขอให้เ้าส่งสิ่งนี้มาให้ข้า นี่...ความจริงแล้วเ้าเขียนจดหมายฉบับนี้เพื่อปั่นหัวข้าเล่นใช่หรือไม่?”
เนี่ยชุนขยับปากเล็กน้อยก่อนเอ่ย “ไอ้โง่” จากนั้นเท้าขนาดใหญ่ที่สวมบูตเรียบร้อยแล้วก็ยืนเขย่งอยู่กับที่...
หลัวไป๋เฉียนรู้ว่านี่เป็ขั้นตอนแรกในวิชาฝีเท้าเร็วของเนี่ยชุน จึงรีบคว้าแขนเสื้อสีแดงไว้พลางเอ่ย “เ้าคนแซ่เนี่ย รีบพูดให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้ วิธีการบนกระดาษสามารถช่วยชีวิตลูกชายข้าได้จริงหรือไม่? เื่นี้เกี่ยวพันกับชีวิตคุณชายจู เ้าพูดดี ๆ ไม่ได้หรืออย่างไร?”
เนี่ยชุนหันกลับมาพร้อมหรี่ตา ก่อนใช้แรงดึงนิ้วมือทั้งห้าของอีกฝ่ายออกไป ลูบเสื้อที่ยับย่นเพราะถูกกระชากให้เรียบด้วยท่าทีจริงจัง จากนั้นฝ่าเท้าใหญ่ก็เขย่งยืนอยู่กับที่เช่นเดิม...
โทสะของหลัวไป๋เฉียนพลันะเิอีกครั้ง “เ้าคนแซ่เนี่ย เ้ารีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร? รีบไปไหนนักหนา? พูดให้ชัดเจนก่อน!”
“ข้าจะไปหาแมว…แต่เ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด เหล่าไท่ไท่ขอให้ข้าทำ” หลังก้าวเท้าไปข้างหน้าสองสามก้าว ร่างสีแดงก็หายไปในชั่วพริบตา ก่อนปรากฏตัวห่างจากหลัวไป๋เฉียนในระยะกว่าสิบจั้ง เป็เช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดร่างสีแดงก็หายไปจากเส้นสายตาของหลัวไป๋เฉียน
หลัวไป๋เฉียนไม่ได้รับคำตอบที่้าจึงถอนหายใจ พลางก้มหน้าอ่านเนื้อความจดหมายซ้ำอีกครั้ง “หลังทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ทุกข้อ หลัวสื่อจูลูกชายของท่านจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง” ถุย! วิธีการบ้าบออะไร? แต่ในเมื่อเป็เจตนาของเหล่าไท่ไท่ แม้จะเป็เพียงเื่ตลกก็ถือเสียว่าสงเคราะห์เหล่าไท่ไท่ผู้มีนิสัยเชื่อโชคลางก็แล้วกัน…เอ๊ะ? “ข้อสี่ โรยน้ำปูนขาวต้มและน้ำดอกไม้อิ่นฮวาในเรือนหลิวหลี่ โดยเฉพาะในห้องของหลัวสื่อจู” กระนั้นหรือ?”
แม้ “น้ำปูนขาว” จะมีประโยชน์มากมาย แต่หลัวไป๋เฉียนก็ไม่เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของการกระทำนี้ อย่างไรก็ตาม หลัวไป๋เฉียนจำได้ชัดเจนว่า “น้ำดอกไม้อิ่นฮวา” ใช้สำหรับฆ่าหนูและกำจัดเชื้อโรคโดยเฉพาะ!
ทันใดนั้นเขาพลันนึกถึงฝูงหนูที่พบในสวนเมื่อคืนและผื่นิัอันบอบบางของลูกชาย…การตายของลูกชายเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้หรือ? แม้เขาจะไม่เคยไปยังพื้นที่หนูระบาด ทั้งยังไม่เคยเห็นอาการของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคจากหนู แต่อย่างไรก็เคยรักษาคนไข้ที่มีพยาธิในท้องเพราะทานอาหารไม่สะอาดมาก่อน อาการก่อนเสียชีวิตของลูกจูนั้นคล้ายกับพวกเขา!
“นี่ หลัวไป๋เฉียน!” ต่งซื่อที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงประบ่าราวผีสตรีะโขึ้นมาจากด้านหลัง พลันเอ่ยถามเสียงแหลม “เ้ารู้จักสตรีแซ่เหอได้อย่างไร? นางจะทำอะไร? เ้ากับนางมีความสัมพันธ์อันใดกัน” ขณะพูดก็เอื้อมไปแย่งจดหมายในมือของหลัวไป๋เฉียน
“นังบ้า เ้าเป็บ้าอะไร?” หลัวไป๋เฉียนรีบนำจดหมายฉบับนั้นออกไป ก่อนผลักต่งซื่อให้ห่างตัว พลันเอ่ยอย่างเดือดดาล “เหล่าไท่ไท่สั่งให้เนี่ยชุนนำจดหมายฉบับนี้มาส่ง น้องสามเป็คนเขียนจดหมาย!”
“เหอตังกุยเขียนจดหมายหรือ?” เมื่อต่งซื่อได้ยินก็เดือดดาล พลางเอ่ยด้วยความโมโห “นางเขียนจดหมายถึงเ้าด้วยเหตุใด? หลัวไป๋เฉียน ลูกชายของเราเสียชีวิต แต่เ้ากลับส่งจดหมายแลกเปลี่ยนกับลูกพี่ลูกน้องหรือ? มีอะไรในจดหมาย เหตุใดเ้าจึงไม่อยากให้ข้าเห็น หึ" ต่งซื่อแค่นเสียงเ็า ก่อนเท้าสะเอวแล้วเอ่ยต่อ “เฮอะ ๆ ข้าสงสัยนานแล้วว่าพวกเ้านั้นแปลก ๆ สองวันก่อนซุนเหม่ยเหนียงส่งคนมาบอกข้าว่าเ้าเกลี้ยกล่อมให้เหล่าไท่ไท่ไปรับนางกลับมา! ตอนนั้นครอบครัวสาขาที่สองและสาขาที่สามไม่เห็นด้วย มีเพียงเ้าเท่านั้นที่เห็นด้วย! หลัวไป๋เฉียน เ้าคิดอันใดกันแน่? คิดจะให้นางเป็ฮูหยินรองของเ้าหรือ พวกเ้าวางแผนสังหารข้าแล้วแต่งนางเป็ฮูหยินเอกใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลัวไป๋เฉียนก็ตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว “เ้าพูดไร้สาระอะไร! ต่งซินหลัน ดูสภาพเหมือนผีของเ้าตอนนี้สิ ไหนเลยจะมีความเป็สตรีจากตระกูลบัณฑิต ตอนนี้เ้าหยาบคายและไร้มารยาทมากกว่าคนเดินถนนเสียอีก! ข้าเคยอธิบายให้เ้าฟังแล้วไม่ใช่หรือว่าก่อนหน้านี้ฉีเสวียนอวี๋มาหาข้า ขอให้ข้าช่วยพูดแทนน้องสาม ให้ท่านย่ารับนางกลับมาโดยเร็ว!”
“คงมีแต่ผีเท่านั้นที่เชื่อคำพูดของเ้า!” ต่งซื่อกัดฟันกรอดด้วยความเ็า ก่อนเอื้อมมือแย่งชิงจดหมายอีกครั้ง “ฉีเสวียนอวี๋เป็บิดาของเ้าหรืออย่างไร ไยต้องทำตามที่เขาบอก! เหตุใดไม่เชื่อฟังข้าและป้าสามเช่นนี้บ้าง? เอาจดหมายที่เหอตังกุยเขียนมาให้ข้าดูเดี๋ยวนี้ นางเขียนอะไรกันแน่! เหตุใดเ้าต้องซ่อนด้วย? หรือมีความลับที่ไม่อยากให้คนอื่นเห็นกระนั้นหรือ”
---------------------------------------------------------
[1] ต้าเส่าไหน่ไน คือมารดาของคุณชายจู
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้