เซี่ยนอีจงยอมรับความ้าของเซี่ยเสี่ยวหลาน
ไม่ยอมรับแล้วยังจะมีวิธีอะไรได้อีก สอบครั้งที่สองเธอได้คะแนนรวม 457 คะแนนเชียวนะ
นักเรียนต้องใช้คะแนนต่อรองแน่นอน เซี่ยนอีจงจึงจัดการขึ้นทะเบียนนักเรียนของเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างรวดเร็วเธอจึงถูกจัดไปอยู่ชั้นเรียนของเฉินชิ่งั้แ่วันแรกที่เผยโฉมหน้าต่อสาธารณชนทำเอานักเรียนที่เรียนห้องเดียวกับเฉินชิ่งปั่นปวนจนเจ็บชาหนังศีรษะไปหมดส่วนชีวิตของเธอจะผ่านไปอย่างไรเล่านอกจากปัดๆก้นจากไปแล้วทำธุรกิจเหมือนที่ผ่านมา
เซี่ยเสี่ยวหลานมีกำหนดการทบทวนบทเรียนของตนเอง
เธอเพียงปรากฏตัวเป็ระยะ ทำการสอบแบบทดสอบต่างๆเพื่อให้อาจารย์ในโรงเรียนรับรู้ว่าผลการเรียนของเธอไม่ต่ำลงก็เป็พอ
เหล่าวังและอาจารย์บางคนยังเสียดายไม่หายคิดว่าหากเธอเก็บตัวเรียนในโรงเรียนแล้ว ปีหน้าอาจจะมีผลการเรียนที่ดียิ่งขึ้นกว่านี้ทว่าความคิดของเซี่ยเสี่ยวหลานมุ่งมั่นมาก ทั้งยังมีผู้ใหญ่ที่บ้านไกล่เกลี่ยให้ ดังนั้นใครก็กล่อมเธอไม่ได้
ดังนั้นเมื่อไปส่งปลาไหลอีกครั้ง จูฟ่างจึงรู้สึกกระอักระอ่วนเล็กน้อยอย่างเสียไม่ได้
จูฟ่างไม่มีนิสัยเสียอะไร เพียงแต่มารดาของเขามาตรฐานสูงเหลือเกินเซี่ยเสี่ยวหลานไม่้าให้คนดูถูกว่าตนเองเกาะใครเพื่อยกระดับทางสังคม
เธอจึงไม่มีความคิดแบบนั้นต่อจูฟ่างแน่นอนช่างเป็โชคร้ายที่ไม่คาดคิดโดยแท้
ตอนนั้นจูฟ่างไม่ได้ยินคำพูดของมารดาตนเอง ท่าทางของเขาจึงไม่ได้เฉยชากับเซี่ยเสี่ยวหลานเซี่ยเสี่ยวหลานลองคิดดูแล้ว อย่างไรก็เกริ่นไว้ก่อนเป็ดีที่สุด “ฉันอาจไม่มาส่งสินค้าในเร็วๆ นี้แล้ว”
ธุรกิจปลาไหลทำได้ถึงเดือนพฤศจิกายนเซี่ยเสี่ยวหลานจะจบงานก่อนล่วงหน้า จูฟ่างต้องทำใจไม่ได้อยู่แล้ว
แต่จูฟ่างจะกล่าวอะไรได้อีก เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้บอกว่าเกลียดเขาและก็ไม่ได้บอกว่าไม่้าหาเงิน เธอแค่จะกลับเข้าโรงเรียนไปเรียนหนังสือถ้าเปรียบกับการทำธุรกิจอิสระ สอบเข้ามหาวิทยาลัยถึงเป็หนทางที่เหมาะสมกว่าจูฟ่างอยากสารภาพรัก ทว่าคำพูดนั่นมันกลับตันอยู่ในคอเปล่งออกมาไม่ได้เลย
เขาเองก็มีวุฒิมัธยมต้น
สถานะครอบครัวดี เงินเดือนรายได้ไม่เลว แต่ยังต้องดูว่าเทียบกับผู้ใด
สำหรับทายาทครอบครัวผู้ลากมากดีที่แท้จริง ครอบครัวไม่มีทางเห็นด้วยกับการศึกษาเล่าเรียนถึงแค่มัธยมต้นต่อให้ต้องเผชิญกับ่ยกเลิกเกาเข่าไร้ซึ่งวุฒิการศึกษาก็ตามอย่างนั้นจะปล่อยให้จูฟ่างทำงานจัดซื้ออยู่ที่ภัตตาคารหวงเหอได้หรือ?
ครอบครัวของจูฟ่างถือว่าไม่ขี้เหร่ในหมู่คนทำงานในเมืองคุณสมบัติเพียงพอจะมองเหยียดหยามคนชนบทได้ ที่จริงแล้วก็พอมีอิทธิพลอยู่บ้าง
“เสี่ยวหลาน ขอให้เธอสอบติดมหาวิทยาลัยที่ใจหวังนะ! หากเธอมือไม่ว่าง วานคนอื่นมาส่งของแทนได้ฉันยังเป็คนจัดซื้อของภัตตาคารอยู่ อย่างไรธุรกิจนี้ก็ไม่ล้มเหลวหรอก”
จูฟ่างยังคงไม่อยากยอมแพ้สักเท่าไร
หลงเหลือความคิดถึงไว้เสียหน่อยถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานสอบไม่ติดขึ้นมาเล่า?
คนที่เซี่ยเสี่ยวหลานจะวานให้มาส่งสินค้าไม่มีทางเป็คนนอกอย่างมากคงเป็ลุงของเธอ
หากมีสัมพันธ์อันดีกับลุงของเซี่ยเสี่ยวหลาน มิใช่ว่าเท่ากับเขาก็มีสัมพันธ์อันดีกับเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยหรือ?
จูฟ่างแค่หยิ่งทะนง แต่ไม่โง่งมแน่นอน
เมื่อลาจากภัตตาคารหวงเหอแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานอดตบหน้าตัวเองไม่ได้สิทธิพิเศษในรูปลักษณ์เช่นนี้ ถ้าเป็ชาติก่อนต่อให้เป็ความฝันก็ยังไม่กล้าฝันเลย
จูฟ่างคิดผิดแล้ว หลิวหย่งมิได้จะมาส่งของแทนเซี่ยเสี่ยวหลานเสมอไปเขายังมีครอบครัวของตนเองให้เลี้ยงดู
มีหลี่เฟิ่งเหมยและหลิวเฟินที่ไปช่วยรับซื้อปลาไหลทุกหนแห่งแม้แต่กากน้ำมันที่เซี่ยเสี่ยวหลานขนกลับมาก็มีสองคนนี้แบกไปขายด้วยกันเซี่ยเสี่ยวหลานอาจจะไม่เว้นหนึ่งวันถึงเข้าเมืองซางตูหนึ่งรอบเธอรวบรวมแรงกายขายปลาไหลหลายร้อยชั่งที่กักตุนไว้ในบ้านจนหมดเกลี้ยงรวมกับกากน้ำมันซึ่งสินค้าแทบไม่พอขายในชนบทไม่นานก็สามารถถอนทุนหลายร้อยหยวนคืนได้
หลิวเฟินขี่จักรยานเป็แล้ว
ช่องทางจัดขายสินค้ายังประคับประคองไว้ต่อไปใครเป็คนไปส่งของที่เมืองซางตูนั้นไม่สำคัญ ด้านจูฟ่างหากพบว่าคนส่งของคือมารดาแท้ๆของเซี่ยเสี่ยวหลาน เขาจะกล้าละเลยได้หรือ? จูฟ่างทำได้เพียงยิ่งอัธยาศัยดีต่อหลิวเฟินมากขึ้นไปอีก...เขาพูดอะไรเธอรับฟังไว้หมดแต่ใจคิดว่าตอนนี้เื่สำคัญที่สุดของลูกสาวคือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่อให้คนรักดีมากเท่าไร จะดีไปกว่าการสอบติดมหาวิทยาลัยได้อย่างไร?
คนรักเลิกราแล้วจบกันไป แต่จบการศึกษามหาวิทยาลัยจะได้รับการจัดสรรอาชีพ
หลิวเฟินมีค่านิยมที่เรียบง่ายของตนเองบางครั้งก็ง่ายและหยาบเกินไป ทว่ามีประสิทธิภาพมากทีเดียว
หลิวหย่งจะออกไปทำงานไกลบ้าน
ก่อนหน้านี้จางเสเพลและพวกอันธพาลถูกตัดสินโทษแล้ว พวกอันธพาลที่ขวางทางในตอนนั้นถูกตัดสินจำคุก 20 ปี จางเสเพลถูกจำคุกตลอดชีวิตตีจางเสเพลให้ตายก็ไม่กล้าป้ายสีเซี่ยเสี่ยวหลานว่ามีความสัมพันธ์กับเขาหากเพิ่มโทษคดีอันธพาลให้เขาอีก จำคุกตลอดชีวิตต้องกลายเป็ปะาชีวิตแน่
ตะปูตัวนี้ถูกถอนออกอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
พอเวลาผ่านไปนานเข้าก็จะมีคำนินทาใหม่มาแทนที่ข่าวลือให้ร้ายเกี่ยวกับเซี่ยเสี่ยวหลานเอง
หลิวหย่งรู้สึกสบายใจเหลือเกิน
“รอบนี้ถ้าเร็วหน่อยฉันก็ไปแค่หนึ่งเดือน ช้าก็สองเดือนขึ้นไปพวกเธอผู้หญิงสามคนอยู่บ้านดูแลเทาเทาให้ดี มีเื่อะไรไม่ต้องแบกเอาไว้เองบอกคนในหมู่บ้านให้ช่วยเหลือ”
หลิวหย่งรีบร้อน เพราะเพื่อนเอาแต่เร่งเร้าเขาเนื่องจากเขาเลื่อนเวลามานานมากพอแล้ว
ตอนนี้หลิวเฟินหย่าร้างเรียบร้อยสองแม่ลูกย้ายทะเบียนบ้านเสร็จสิ้น เซี่ยเสี่ยวหลานก็มีที่ให้เรียนพวกอันธพาลโดนตัดสินจำคุก หลิวหย่งจึงไม่อาจเลื่อนออกไปได้อีก
ทำไมคนชนบทถึงอยากมีลูกชาย? ไม่เพียงแต่เพราะอิทธิพลจากค่านิยมเก่าในระบบศักดินาและไม่ใช่แค่เพราะชนบท้าแรงงานไม่มีผู้ชายอยู่บ้านก็จะถูกคนข่มเหงรังแกได้ง่ายอย่าว่าแต่แย่งชิงผลประโยชน์อะไรเลย ตอนนี้หากหลิวหย่งไม่อยู่บ้านเหลือแต่ผู้หญิงสามคน รวมถึงบุปผาอรชรอ้อนแอ้นอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานด้วย ไม่รู้ว่าจะมีพวกผีเสื้อภมรผู้หลงระเริง[1] จะแอบวางแผนอะไรหรือไม่?
แน่นอนว่าตระกูลเซี่ยไม่ขาดแคลนผู้ชายสามพี่น้องบ้านเซี่ยแข็งแรงกำยำกันทุกคนแต่พอชื่อเสียงของเซี่ยเสี่ยวหลานโดนคนเหยียบย่ำจนป่นปี้ ผู้ชายตระกูลเซี่ยกลับไม่โผล่ออกมาช่วยเหลือสักคนสภาพนี้สู้ไม่มีเสียยังดีกว่า
ก่อนหลิวหย่งจะออกจากบ้าน ได้อุ้มสุนัขสองตัวกลับมาเฝ้าบ้านด้วยอีกทั้งฝากฝังคนบ้านใกล้เรือนเคียงไว้เรียบร้อยวานให้คนในหมู่บ้านช่วยดูแลสักหน่อย
“พ่อเทาเทา คุณออกไปข้างนอกต้องดูแลสุขภาพนะ ที่บ้านมีฉันอยู่ทั้งคนไม่ต้องห่วง!”
หลี่เฟิ่งเหมยตาแดงเล็กน้อย
เธอทำใจให้หลิวหย่งไปทำงานไกลบ้านไม่ได้อยู่แล้วแต่หลิวหย่งเป็เสาหลักของครอบครัว ภาระบนบ่าหนักหน่วง เขาไม่ออกไปหาเงินไม่ได้
ถ้าอยากรักหวานชื่นฉันสามีภรรยาอยู่ด้วยกันทั้งวันเช่นนั้นก็ต้องอยู่รับความยากจนไปด้วยกัน ผู้ใหญ่ทนความยากจนย่อมไม่เป็ไร แต่หลิวหย่งและภรรยายังมีลูกชายอีกคนพ่อแม่ต้องคิดถึงอนาคตแทนลูกให้มากเข้าไว้
หลิวหย่งยังคงบอกกับคนนอกว่าเขาออกไปทำงานก่อสร้าง
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกกับตนเอง ลุงของเธอทำท่ามีลับลมคมในไม่เหมือนช่างก่อสร้างผู้ขายแรงงานเสียจริง แต่ใครจะไม่มีความลับกันบ้างเซี่ยเสี่ยวหลานแค่หวังว่าหลิวหย่งออกไปทำงานนอกบ้านทุกอย่างจะราบรื่นปลอดภัย!
หลิวหย่งไปแล้ว ชีวิตยังคงดำเนินดั่งเดิม
ณ บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน เฉินวั่งต๋ากำลังสนทนากันเกี่ยวกับเซี่ยเสี่ยวหลานเช่นกัน
“หลิวหย่งที่เมื่อก่อนเหลวไหลมากคนหนึ่งน่ะนะ? ดูตอนนี้ก้าวหน้าขึ้นแล้ว”
สะใภ้ของเฉินวั่งต๋ากระซิบกับสามีของตน
เฉินวั่งต๋ามิได้มีลูกชายเพียงคนเดียวแต่ตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านต้องส่งต่อให้ลูกชายคนโตอยู่แล้ว เฉินเหล่าต้า [2] และภรรยามีลูกชายแสนดีหนึ่งคน เฉินชิ่งเป็ลูกชายพ่วงหลานชายคนโตและเป็นักศึกษามหาวิทยาลัยในอนาคตของตระกูลเฉิน
เฉินเหล่าต้าใช้กระดาษเหลือทิ้งจากการบ้านที่ลูกชายเขียนม้วนยาสูบทำเป็บุหรี่บุหรี่ที่คนชนบทสูบส่วนใหญ่ล้วนเป็แบบนี้ บุหรี่หนึ่งซองราคาไม่ถูกชนบทก็ไม่ได้รับตั๋วยาสูบด้วยจึงเคยชินใช้กล้องยาสูบหรือใช้กระดาษม้วนยาสูบด้วยตนเองบุหรี่ที่ไม่มีไส้กรองกลิ่นแรงควันขโมง เฉินเหล่าต้ากำลังกลืนเมฆเป่าหมอก
“เขาเหลวไหลก็จริง แต่ไม่เคยก่อเื่ในหมู่บ้าน ไม่เมื่อเขาไม่อยู่พวกเราก็ช่วยดูแลครอบครัวเขาให้มากหน่อยเถอะ”
ก่อนหลิวหย่งออกเดินทางเคยนำของฝากมาเยี่ยมเยียนครอบครัวเขาแล้ว
ทั้งบุหรี่และสุรา ถือว่าเป็ของขวัญที่มีหน้ามีตาทีเดียว
สะใภ้ใหญ่เฉินร้องอืมรับเบาๆ “ชีวิตมีขึ้นมีลง แต่ฉันว่าอีกหน่อยครอบครัวหลิวหย่งก็สบายแล้ว”
หลิวหย่งพัฒนาตนเองเขารับหลิวเฟินน้องสาวผู้ออกเรือนไปกลับมาอยู่ด้วยกันเดิมทีมีลูกสาวชื่อเสียงไม่รื่นหูติดมาด้วย ที่ไหนได้ลูกติดกลับไม่ย่ำแย่เหมือนข่าวลือหาเงินทำงานเก่ง สมองฉลาดปราดเปรื่อง
อาจารย์จากเซี่ยนอีจงถึงกับตามมาที่หมู่บ้าน้าให้เซี่ยเสี่ยวหลานไปเรียนที่โรงเรียน บอกว่าเธอมีความหวังมากในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีหน้า
สะใภ้ใหญ่เฉินก็กำลังพิจารณาเื่นี้อยู่ เฉินชิ่งลูกชายเธอมองเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยสายตาอย่างไรคนเป็แม่จะแยกไม่ออกหรือ?
ถ้าเมื่อก่อนไม่มีทางเห็นด้วยเด็ดขาด
ทว่าถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัยเื่นี้ก็มิใช่ไร้ความเป็ไปได้
เพื่อการนี้ เธอวางแผนจะดูแลครอบครัวหลิวหย่งมากขึ้นอยู่แล้วสะใภ้ใหญ่เฉินพยายามผลักดันสามี
“ที่ดินที่หลิวเฟินและเซี่ยเสี่ยวหลานแบ่งไปในหมู่บ้านยังไม่มีใครคัดค้านใช่หรือไม่?”
เชิงอรรถ
[1]老大 เหล่าต้าหมายถึง ลูกชายคนโต
[2]狂蜂浪蝶 ผีเสื้อภมรผู้หลงระเริง หมายถึงคนที่พฤติกรรมหยิบหย่งไม่เป็โล้เป็พาย ในที่นี้คือผู้ชายที่อาจจะมาเกาะแกะเซี่ยเสี่ยวหลาน