์ช่างกลั่นแกล้ง พ่อของหลิวฉีซื่อเป็คนรับใช้ตามติดย่าใหญ่ที่แต่งเข้าบ้านตระกูลหวง มีหน้าที่ช่วยย่าใหญ่เก็บค่าเช่า วันหนึ่งพ่อของนางไปเก็บค่าเช่าที่หมู่บ้านสามสิบลี้และได้เจอกับโจรปล้นสะดม หลิวต้าฟู่ซึ่งเป็สามีคนปัจจุบันของหลิวฉีซื่อได้ช่วยชาวบ้านไว้ พ่อของนางจึงไปขอร้องอ้อนวอนกับเ้านายเพื่อยกฉีหรุ่ยเอ๋อร์ให้กับหลิวต้าฟู่ และกลายเป็หลิวฉีในปัจจุบัน ก่อนจะมอบนาผืนดีให้ทั้งหมดสิบแปลง
หลิวฉีซื่อนั้นเก่งเื่งานเย็บปักถักร้อย ในตำบลนี้ได้รับการนับหน้าถือตาอย่างเป็อย่างยิ่ง ทุกๆ ปีมักจะมีนายหญิงจากตระกูลใหญ่มาเชิญนางไปถ่ายทอดวิชาให้กับบุตรสาว และด้วยเหตุนี้จึงมีเงินเก็บส่วนตัวไม่น้อยทีเดียว
หลิวฉีซื่อมีบุตรชายสี่คน บุตรสาวหนึ่งคน ตอนนี้มีเพียงหลิวซานกุ้ยซึ่งเป็บุตรชายคนที่สามกับบุตรสาวคนเล็กหลิวเสี่ยวหลันที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้
ตระกูลหลิวมีนาทั้งหมดสามสิบแปลง มีที่ดินสิบแปลง ส่วนตัวบ้านนับว่าเป็ต้าเหอย่วน [1] ที่ได้มาตรฐาน อาคารหลักหันจากทิศเหนือไปใต้ ส่วนทางเชื่อมฝั่งทิศตะวันออกและตะวันตกจะมีเอ่อร์ฝาง [2] ขนาบอยู่
ห้องทางเชื่อมฝั่งทิศตะวันออกมีทั้งหมดห้าห้อง เป็ห้องโปร่งสามห้อง ห้องทึบสองห้อง โดยแบ่งเป็ห้องของครอบครัวบุตรชายคนโตกับบุตรชายคนรอง แม้ว่าบุตรชายคนโตของนางจะย้ายทั้งครอบครัวไปอยู่ในเมืองเป็ระยะเวลานานแล้วก็ตาม ส่วนครอบครัวบุตรชายคนรองก็มักจะอาศัยอยู่ในตำบล แต่ก็มีสะใภ้รองที่มักจะพาลูกกลับมาพักที่บ้านบ้าง แต่ก็กลับมาเพื่อขอเสบียงข้าวสารจากหลิวฉีซื่อเป็ส่วนใหญ่
ส่วนห้องเอ่อร์ฝางอยู่ตรงทางเชื่อมฝั่งทิศตะวันตกหันหน้าทางทิศใต้กับอีกหนึ่งห้องที่อยู่ในอาคารหลัก คือเรือนพักของครอบครัวหลิวซานกุ้ย ส่วนทิศเหนือสามห้องนั้นเก็บไว้ให้บุตรชายคนที่สี่ผู้ซึ่งรักการเรียนเพียงหนึ่งเดียวในตระกูล
ส่วนหลิวเสี่ยวหลันก็อยู่กับพ่อแม่ในอาคารหลัก เพียงแต่ห้องนอนของนางจะอยู่ชิดฝั่งทิศตะวันตก
ตอนที่หลิวเต้าเซียงฟื้นขึ้นมา หลิวฉีซื่อยังคงด่าตามกิจวัตร นางมองดูทิวทัศน์เบื้องหน้าด้วยความมึนงง ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านที่เป็รูปแบบไม้ยุคโบราณกาล ส่วน้านั้นยังมีรูเหมือนโดนตัวอะไรกัดแทะ?
นางรู้สึกว่าตนเองนอนอยู่บนพื้นแข็ง แม้ว่าผ้าห่มจะขาดแต่ก็ถูกเย็บปะไว้อย่างดี มองดูสะอาดสะอ้าน จากจุดนี้หลิวเต้าเซียงพอจะเดาได้ว่าสตรีที่อาศัยอยู่ในบ้านนี้มีนิสัยค่อนข้างขยันขันแข็ง
ด้านนอกมีเสียงก่นด่าแบบบ้านๆ โชคดีที่หลิวฉีซื่อไม่ได้พูดภาษาจีนกลางที่ถูกต้องตามมาตรฐาน หากแต่พูดอย่างฉะฉานเป็ภาษาถิ่นที่หลิวเต้าเซียงคุ้นเคย
ท่ามกลางความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่
หลิวเต้าเซียงมึนงง แต่ก็ประติดประต่อเื่ราวได้หลังจากมองดูรอบข้างว่าตนเองข้ามมิติมาเสียแล้ว
นอกเสียจากการก่นด่าเทพข้ามมิติในใจเงียบๆ แล้ว นางก็ได้แต่นอนดูใยแมงมุมฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ
คล้อยกันนั้น ก็ได้ยินเสียงคนแก่ด้านนอกยังคงด่าคนอยู่ ระหว่างนั้นก็พยายามจับใจความที่พอจะเป็ประโยชน์ได้บ้างเล็กน้อย
ทำอย่างไรได้ ในเมื่อนางส่งข้อความวีแชท [3] หาท่านเทพข้ามมิติไม่ได้ และไม่มีเวยป๋อ [4] ของท่านด้วย ยิ่งไม่มีรายชื่อเพนกวินเฒ่าทารกให้เพิ่มเพื่อนได้ หมดหนทางที่จะยื่นขอออกจากระบบ
ขณะที่หลิวชิวเซียงเดินเข้ามา หลิวเต้าเซียงยังคงเหม่อลอย ในสมองของนางเหมือนมีผึ้งบินเริงระบำอยู่นับหมื่นตัว ความทรงจำแปลกประหลาดถาโถมเข้ามา มีทั้งเื่ป่าเถื่อนและรุนแรง
ใครสามารถบอกเธอได้บ้างว่าราชวงศ์โจวคือที่ไหน? แล้วหมู่บ้านสามสิบลี้บ้าบอนี่คืออะไรกัน
ขณะนี้หลิวเต้าเซียงแทบอยากจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมปิดหน้าร้องไห้อย่างบ้าคลั่งสักยก เกมของเธอล่ะ? คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของเธอล่ะ? โทรศัพท์มือถือของเธอล่ะ?
ฮือๆ เธอยังชวนเพื่อนสาวประเภทสองของเธอไปดื่มโค้กไม่ใส่น้ำแข็งที่ร้านแห่งหนึ่งตอนวันเสาร์อาทิตย์ แล้วค่อยไปกินบุฟเฟ่ต์เ้าที่เปิดใหม่ด้วยกัน
แต่ว่า…
ต่อจากนี้เธอคงไม่ได้กินอีกแล้ว ไม่มีเครื่องสารพัดนึกเหมือนยุคปัจจุบัน ท่ามกลางยุคสมัยโบราณที่ทั้งห่วยแตกและล้าหลัง เธออยากกินอะไรก็คงไม่มีทางทำเองได้
โดยเฉพาะคนที่ใช้ชีวิตเหมือนแมวเช่นเธอ การมีปลาบนโต๊ะอาหารทุกมื้อคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ แต่ดูจากสภาพบ้านซอมซ่อหลังนี้ เธอจินตนาการได้เลยว่าในระยะเวลาอันยาวนานต่อจากนี้ ต่อให้เธออดอยากจนน้ำลายไหลย้อยแค่ไหนก็คงไม่มีทางได้กินปลาแน่นอน
แม้ว่าบ้านหลังนี้จะถูกเก็บกวาดทำความสะอาดอย่างเรียบร้อย ทว่าเมื่อเทียบกับบ้านในยุคปัจจุบันที่ทั้งกว้างขวางโอ่อ่า สว่าง เต็มไปด้วยแสงอาทิตย์และสีเขียวสดใส นี่แทบทำให้เธอเป็บ้าได้เลย
ตอนนี้หลิวเต้าเซียงถึงขั้นมีความคิดอยากตาย เธอเป็พวกรักอนามัยสุดๆ ไปเลยนี่นา!
“น้องรองๆ ” หลิวชิวเซียงสะดุ้งใ เมื่อเห็นหลิวเต้าเซียงไม่กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว “แม่ พ่อ รีบมาเร็ว น้องรอง น้องรอง…”
เธอหันมากะพริบตาใส่หลิวชิวเซียง นี่คือกองทัพพันธมิตรอย่างในนิยายออนไลน์หรือ? หรือเป็แฟนคลับตัวยง? หรือตัวละครประกอบหญิงที่จงรักภักดี?
หลิวซานกุ้ยพอได้ยินเสียงร้องของหลิวชิวเซียงก็รีบหยิบข้าวสารที่เพิ่งได้รับแล้ววิ่งเข้ามา พลางเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “ชิวเซียง เต้าเซียงเป็อย่างไรบ้าง?”
หลิวเต้าเซียงนอนอยู่บนเตียง รู้สึกว่าสมองแทบจะะเิออกมาให้ได้
นี่มันชื่อบ้าบออะไรกัน? ชิวเซียง [5] เต้าเซียง [6] คงไม่ใช่ว่าจะมีชุนเซียงอีกคนหรอกนะ อา สามขาดไปหนึ่ง สู้เ้าถิ่นไม่ไหวจริงๆ ขณะนี้เด็กน้อยที่ถูกพิษเกมออนไลน์เล่นงานกำลังจะถึงแก่คราแล้ว
หลังจากนั้นจึงรู้ความจริงว่าน้องสามก็เป็ชุนเซียงที่ว่า ขณะนั้นกำลังอยู่ในอ้อมกอดของแม่แล้วครางเหมือนแมวน้อย จากนั้นก็ผล็อยหลับไปอีก
“พ่อ น้องรองฟื้นแล้ว”
หลิวชิวเซียงนึกว่าเมื่อครู่น้องรองของตนเองเสียชีวิตไปแล้ว ชีวิตมนุษย์ก็เช่นนี้แล มีเกิดก็มีดับ!
หลิวชิวเซียงที่ใใช้มือลูบหน้าอกของหลิวเต้าเซียง โชคยังดีที่หัวใจยังเต้นอยู่
หลิวซานกุ้ยรีบเร่งเข้ามาดู เป็ห่วงบุตรสาวของตนที่หน้าผากถูกกระแทกจนโนเป็ลูกเท่าไข่
“ทำไมย่าถึงใจร้ายเช่นนี้” หลิวชิวเซียงถอดรองเท้าแล้วคลานมาข้างกายหลิวเต้าเซียง ก้มศีรษะลงมาเป่าให้นางเบาๆ พลางนึกโมโหจนน้ำตาไหล “พ่อ ข้าเห็นกับตา ย่าสะบัดน้องรองอย่างรุนแรง จนน้องไปกระแทกกับเสาด้านนอกหน้าต่าง”
หลิวซานกุ้ยถอนหายใจแล้วเอ่ย “เขาคือย่าของพวกเ้า อย่าได้พูดอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับย่าเ้าเลย ไม่อย่างนั้นครั้งหน้าคงขอข้าวสารมาไม่ได้อีก”
พูดจบเขาก็ยื่นชายเสื้อของตนเองที่มีข้าวสารออกมาให้ทั้งสองพี่น้องดูด้วยความปลื้มปริ่ม
คิดว่าขอเพียงได้ใช้ข้าวสารเหล่านี้ต้มเป็โจ้กให้สองแม่ลูกได้กิน ก็คงจะดีขึ้นทันใดอย่างไรอย่างนั้น
หลิวชิวเซียงได้กลิ่นคาวเืจางๆ ผ่านปลายจมูก ซึ่งทิศทางมาจากมารดา “พ่อ เราขอให้หมอมาช่วยดูแม่ดีหรือไม่?”
หลิวซานกุ้ยนึกลำบากใจ เมื่อครู่เขาเห็นสีหน้าแม่ของลูกที่ย่ำแย่จึงรีบไปขอข้าวสาร ยากเย็นแสนเข็ญกว่าจะขอมาได้ หากว่าไปขอเงินเพื่อรักษากับหลิวฉีซื่อ เขากังวลว่าแม่จะเอาเื่เดิมมาพูดอีกว่าจะจับบุตรสาวคนที่สามกดน้ำในอ่างล้างเท้า แล้วโยนไปให้สัตว์ป่าบนหลังเขา
ในบ้านที่ยากจนเช่นนี้ การที่ไม่มีความสามารถในการเลี้ยงดูบุตรสาวก็มักจะใช้วิธีนี้ในการกำจัดปัญหา จะได้ไม่ต้องให้เด็กเกิดมาแล้วทนทุกข์ สู้รีบตายๆ ไปจะได้ไม่ต้องอดอยากหรือหนาวตาย
ขณะนั้นเสียงจากด้านนอกก็ดังเข้ามาถึงด้านในที่มีเพียงไม้ไผ่กั้นอยู่ตรงกลาง
หลิวเต้าเซียงยังคงเวียนศีรษะและได้ยินเสียงร้องไห้ดัง จึงหันไปมองทางแผ่นกั้นไม้ไผ่
นางรู้ได้ทันทีว่าครอบครัวนี้อาศัยอยู่ในห้องเดียว แต่ใช้ไม้ไผ่มากั้นทำเป็สองห้อง
หลิวซานกุ้ยได้ยินเสียงร้องไห้ของภรรยาจึงเอ่ยผ่านแผ่นกั้นว่า “เมียจ๋า เ้าอย่าร้องไห้ไปเลย ว่ากันว่า่อยู่เดือนต้องระวังโรคเรื้อรัง อีกหน่อยพอโดนลมน้ำตาก็จะไหลได้ง่ายๆ สร้างความาเ็ให้ดวงตานะ”
จางกุ้ยฮัวได้ยินดังนั้นน้ำตาก็ไหลดุจสายฝน อดไม่ได้ที่จะพร่ำพรรณนา “หลิวซานกุ้ย ข้าแต่งเข้าบ้านตระกูลหลิวของเ้าตอนอายุสิบสี่ ตอนนี้ชิวเซียงอายุเก้าขวบแล้ว ข้าอดทนตื่นแต่เช้ามืดเพื่อทำงานแข็งขันเยี่ยงวัวเยี่ยงควาย แต่ทำไมขอแค่ข้าวสารก็ยังไม่ได้? หรือว่ามองข้าเป็คนนอกมาตลอด แม้จะเป็เช่นนั้น แต่เต้าเซียงก็เป็หลานสาวแท้ๆ ดูสิว่านางได้รับาเ็จนสภาพเป็เช่นนี้ ใจร้ายจริงๆ เหมือนคนเป็ย่าที่ไหน? นี่มันศัตรู! จะมีย่าบ้านไหนที่ลงมือโเี้กับหลานสาวตนเองได้ลงคอเช่นนี้อีก? ตกลงเ้าใช่บุตรชายของนางจริงหรือไม่ ทำไมนางถึงได้ลงมือหนักเช่นนี้ บวมไปหมด”
เมื่อพูดจบ ก็ได้ยินเสียงของหลิวฉีซื่อที่ยืนอยู่ตรงบันไดหน้าเรือนหลักและตวาดเสียงดัง “มารดามันเถอะ ร้องไห้หามารดาเ้าหรือ นังคนไร้ค่า ขนาดแม่ไก่ยังออกไข่ไปแลกเงินได้ ส่วนแกมันวันๆ เอาแต่ร้องกะต๊ากๆ ออกลูกมาก็มีแต่พวกกินล้างกินผลาญ นึกว่าตัวเองสูงส่งนักหรือ ถุย! จะให้ข้ามารับใช้ตัวไร้ค่าอย่างเ้า ไม่มีทางเสียหรอก”
ขณะนั้นเสียงร้องไห้อย่างหมดหนทางของจางกุ้ยฮัวก็ดังขึ้น
หลิวเต้าเสียงฟังจนสมองสั่นระรัว สำหรับหญิงสาวติดบ้านที่รักความสงบ นี่คือเสียงที่ก่อกวนโสตประสาทอย่างยิ่ง นางมีความคิดอยากจะพุ่งชนกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด
“กุ้ยฮัว อดทนหน่อย แม่ก็แค่ปากร้าย เ้าดูสิ นางก็ให้ข้าวสารกับเราแล้วนี่ไง” หลิวซานกุ้ยเปิดข้าวสารที่ห่ออยู่ในชายเสื้อให้นางดู
จางกุ้ยฮัวมองดูความตื้นตันของเขา แต่ในใจเกิดความรู้สึกอับจน สิ้นหวังกับชีวิตเหลือเกิน นางได้แต่ยอมรับสภาพเพราะไม่มีใครเปลี่ยนแปลงหลิวฉีซื่อได้ เื่นี้นางย่อมรู้ดี
“เต้าเซียง ไปเอาถ้วยมารองข้าวสาร อีกเดี๋ยวต้มแล้วให้น้องสาวลูกกิน”
หลิวชิวเซียงเพิ่งจะลงจากคั่ง [7] ส่วนหลิวเต้าเซียงถูกรบกวนจนหงุดหงิด ขณะที่กำลังจะคลานลงจากเตียงก็พบว่าตนเองมีแต่ดินโคลนเปื้อนเล็บเต็มไปหมด สำหรับคนที่รักความสะอาดอย่างนางแล้วแทบทำให้ล้มทั้งยืน ขณะเดียวกันนางรับรู้แล้วว่าที่ตนเองนอนเมื่อครู่ไม่ใช่เตียงไม้ แต่เป็เตียงที่ก่อด้วยอิฐ
“ชิวเซียง!” ด้านนอกมีเสียงของหลิวเสี่ยวหลันดังขึ้น คล้อยกันนั้นนางก็เดินเข้ามาในห้องและเห็นพี่สามชะโงกศีรษะออกมาดู จึงแสร้งยิ้มหน้าตาย “โอ้โฮ พี่สาม พี่กับพี่สะใภ้สามนี่ช่างรักกันเสียจริง”
หลิวซานกุ้ยเป็คนที่ใสซื่อ หนุ่มชนบทบ้านๆ พอถูกนางพูดแซะแบบนี้ก็หน้าแดงระเรื่อแล้วเอ่ยเสียงอ้ำอึ้ง “เมื่อครู่พี่สะใภ้เ้ารู้สึกไม่ค่อยสบายตัวน่ะ”
“พี่สะใภ้สามไม่สบาย โอ๊ย แล้วนี่จะทำอย่างไรดี แม่บอกว่าให้พี่สะใภ้สามไปทำกับข้าวน่ะ” อันที่จริงคือกำลังเตือนเื่ที่หลิวชิวเซียงเคยรับปากว่าจะทำงานบ้าน
หลิวเต้าเซียงนอนอยู่บนเตียง รู้สึกเหมือนมียุงนับไม่ถ้วนบินอยู่เหนือศีรษะจนนึกหงุดหงิดรำคาญ โอ๊ย! บ้านแกสิ! แล้วยังมีอีกอย่างที่ดูขัดตา บ้านนี้จนอย่างกับอะไรดี แต่ทำไมหล่อนถึงได้แต่งตัวเหมือนลูกคุณหนูแบบนี้?
หลิวซานกุ้ยถูมือทั้งสองที่หยาบกร้านแล้วเอ่ย “อา พี่สะใภ้เ้าเพิ่งจะคลอดลูกยังลุกจากเตียงไม่ได้”
เขาอธิบายจบ ด้านนอกก็มีเสียงด่าของหลิวฉีซื่อดังขึ้น “นี่ตะวันจะลับฟ้าอยู่แล้ว คนหายหัวไปไหนกันหมด มีแต่พวกี้เีตัวเป็ขน รอข้ามารับใช้กันหมดแล้วหรืออย่างไร!”
ถัดจากนั้นก็เป็เสียงปึงปังจากสวนด้านนอก
“น้องสะใภ้สาม ทำไมเ้าถึงสูงส่งเช่นนี้ แม่บอกให้เ้าลุกมาทำกับข้าวได้แล้ว” ขณะนั้นเอง ในสวนก็มีเสียงแหลมของอีกคนหนึ่งดังขึ้น
“พี่สาม ดูสิ โอ๊ย พี่สะใภ้รองเร่งแล้ว” หลิวเสี่ยวหลันดึงผ้าเช็ดหน้าพร้อมกับเตือนหลิวซานกุ้ย
หลิวเต้าเซียงมองดูกระโปรงผ้าไหมที่สว่างสดใสของนางแล้วเทียบกับความทรงจำของตนเอง จึงรู้ว่านี่คือน้องคนสุดท้องของบ้านในตระกูลพ่อ ซึ่งก็คือบุตรสาวของหลิวฉีซื่อ นางถูกตามใจราวกับเป็แก้วตาดวงใจ
“อา อาเล็ก ข้า ข้าไปเอง ทำ ทำกับข้าว”
หลิวชิวเซียงผู้ขลาดเขลา เกรงกลัวหลิวเสี่ยวหลันอย่างมาก
หลิวซานกุ้ยตอบจากในห้อง “สะใภ้รอง ตอนนี้ร่างกายของกุ้ยฮัวยังไม่สะอาดดี ให้ชิวเซียงไปทำกับข้าวเถอะ”
โชคดีที่หลิวซานกุ้ยพอจะรู้ว่าหญิงสาวที่เพิ่งคลอดลูกต้องอยู่เดือนก่อน
หลิวเสี่ยวหลันหันไปมองหลิวชิวเซียงที่อยู่ในสภาพมอซออย่างดูแคลน ก่อนจะเชิดหน้าแล้วเดินไปหาเต้าเซียงแล้วเอ่ยเสียงกระซิบ “นังเด็กเหลือขอ”
หลิวเต้าเซียงอยากะโลุกขึ้นมาอัดหลิวเสี่ยวหลันสักทีถ้าไม่ติดที่ตอนนี้ร่างกายยังเ็ปอยู่
------
เชิงอรรถ
[1] ต้าเหอย่วน (大合院)คือ บ้านจีนสมัยโบราณ เป็รูปตัว 凹 อาว ซึ่งจะประกอบด้วยอาคารหลักตรงกลาง เจิ้งอู 正屋 และมีทางเชื่อม เซียงฝาง 厢房ซึ่งขนาบข้างด้วยห้องปีกสองฝั่งคือ ทิศตะวันออกและตะวันตก โดยที่อาคารทั้งหลายจะมีรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสหรือผืนผ้าประกอบเข้าด้วยกันเป็สี่ด้าน เรียกว่า ซื่อเหอย่วน四合院 หรือ สามด้าน เรียกว่า ซานเหอย่วน三合院 ก็ได้ บ้านของตระกูลหลิวในเื่เป็แบบ ซานเหอย่วน
[2] เอ่อร์ฝาง (耳房)ห้องปีกที่อยู่ด้านข้างสองฝั่งเชื่อมกับอาคารหลัก
[3] วีแชท (微信) We Chat เป็แอพพลิเคชั่นสื่อสารของประเทศจีน ใช้กันหลากหลายทั้งในจีนและทั่วโลก คล้ายกับ Line
[4] เวยป๋อ (微博)Wei bo เป็แอพพลิเคชั่นที่ใช้ทวีตสถานะ ของประเทศจีน ซึ่งทำงานคล้ายๆ กันกับทวิตเตอร์
[5] ชิว แปลว่า ฤดูใบไม้ร่วง เซียง แปลว่า หอมอบอวล ชิวเซียง แปลว่า ฤดูใบไม้ร่วงอันหอมอบอวล
[6] เต้า แปลว่า ผืนนา เซียง แปลว่า หอมอบอวล เต้าเซียง แปลว่า ผืนนาอันหอมอบอวล
[7] คั่ง (炕)คือ เตียงที่ก่อด้วยอิฐหรือดินในสมัยโบราณ ตรงกลางเป็รูคล้ายกับเตาในสมัยก่อน ซึ่งสามารถเป็ได้ทั้งเตาและเตียง แล้วแต่การใช้งาน