กฎข้อแรกของนิรวาน บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่มีค่าไปกว่าชีวิตของตัวเอง การรอดชีวิต ไม่ว่าจะรอดภายใต้สถานการณ์ใดก็ตาม คือจุดมุ่งหมายพื้นฐานของชาวนิรวาน
อันฉีสนใจแต่สิ่งที่เธอ้า เธอรักเสิ่นิสุดหัวใจ จนควบคุมตนเองไม่ได้ หากสามีของเธอยังมีชีวิตรอดต่อไป มีดในมือของเธอ สามีก็คงจะพอให้อภัยและเข้าใจเธอได้ในที่สุด
แต่ในขณะนี้ เสิ่นิกลับเอาชีวิตของเขามาขู่ และนั่นก็คือสิ่งเดียวที่เธอให้ความสนใจ...
“นายคิดว่าฉันไม่กล้าฆ่านังนี่เหรอ?” อันฉีคำรามด้วยความโมโห
“ฉันรู้ว่าเธอกล้า นี่เป็เื่ที่เธอเชี่ยวชาญที่สุด แต่เธอก็ควรรู้ไว้ด้วยว่าฉันจะไม่มีวันทิ้งเพื่อน ตอนนั้นที่เราตกอยู่ในวงล้อม เป็ตายเท่ากัน เธอร้องขอให้ฉันฆ่าเธอ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องตกไปอยู่ในเงื้อมของมือศัตรูและได้รับการปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรม เธอไม่เชื่อว่าฉันจะพาเธอไปถึงที่สุดได้ ดังนั้นเธอจึงคิดตายดีกว่าที่จะฟื้นขึ้นมาใหม่ แล้วฉันยอมแพ้หรือเปล่าล่ะ?” เสิ่นิยกตะกรันแก้วขึ้นมาพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ทำไม? คิดจะหงายการ์ดขอความเมตตากับฉันอย่างนั้นเหรอ? โลกของชาวนิรวานไร้ความเมตตา อยากให้ฉันปล่อยแม่นี่เหรอ อย่าหวัง!” อันฉีส่งสายตาดูิ่
“ฉันรู้ เรารู้จักโลกนั้นกันดี ฉันแค่คิดว่าเธอจะเข้าใจ ว่าตอนนั้น เธอคือเพื่อนของฉัน ตอนนี้เซี่ยวอี๋ก็คือเพื่อนของฉัน เป็ความผิดของฉันเองที่ทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ฉันถึงต้องรับผิดชอบความอยู่รอดของเธอ
ฉันรู้ว่าฉันเอาชนะเธอไม่ได้ แต่ฉันก็จะสู้ไม่ถอย”
“โกหก! หลอกลวง! คนลวงโลก! ถ้าเธอไม่สำคัญจริง ทำไมไม่ฆ่าทิ้งแล้วเปลี่ยนคนใหม่ล่ะ? ผู้ช่วยแบบนี้ หาที่ไหนก็ได้?!” อันฉีขึ้นเสียงด้วยความโมโห เส้นทางมือสังหารอันยาวนานของเธอ ไม่เคยมีเป้าหมายคนไหนที่ทำให้เธอทั้งสับสนและเกลียดชังได้เช่นนี้
“ฉันโกหก ขอโทษ เธอเป็ผู้ช่วยที่ดีที่สุด ถึงจะขี้เหนียวไปหน่อย อารมณ์ร้อนไปนิด บางครั้งก็ผิดคำสั่ง แต่ทำงานกับเธอ ฉันมีความสุข...ถึงต้องกินหญ้า ฉันก็มีความสุข” เสิ่นิ “สารภาพความรู้สึกที่แท้จริง” ทำเอาเซี่ยวอี๋ตกตะลึง จนเธอลืมกลัวมีดอิโต้ที่อยู่ตรงหน้าไปจนหมดสิ้น
“ไอ้งี่เง่า!” อันฉีล้มตัวลงกับพื้น มีดเจาะลึกลงไปบนพื้นหินอ่อน ปลายมีดห่างจากคอของเซี่ยวอี๋ไปเพียง 1 มิลลิเมตรเท่านั้น
“ขอบคุณ” เสิ่นิยิ้มอย่างเป็สุข โลกนี้ไม่เคยมีใครเปลี่ยนเจตนาการฆ่าของนางแม่มดได้ เสิ่นิประสบความสำเร็จกับภารกิจซึ่งไม่อาจเป็ไปได้
“ครั้งนี้เท่านั้น แค่คนนี้เท่านั้น อย่าให้ฉันเห็นสายตานายมองผู้หญิงคนไหนด้วยความรักใคร่แบบนี้อีก ไม่อย่างนั้น เมียนายคนนี้ ฉันไม่เอาไว้แน่” อันฉีลุกขึ้นพร้อมกับเสียงไซเรนของรถตำรวจที่แว่วมา สายตาของเธอเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง
“จริงหรือ?” ราวกับว่าเสิ่นิพบทางออก
“จริง แต่ต้องตัดอัณฑะนายทิ้งก่อน” อันฉีพูดมาแค่ประโยคเดียว ทำเอาเสิ่นิใร่นถอยกลับไป
เื่ราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นช่างบ้าคลั่ง เซี่ยวอี๋ยังไม่ทันปรับความคิดในหัว พายุฝนก็ผ่านไปแล้ว
เซี่ยวอี๋ไม่ได้รับาเ็สักเท่าใด ในทางตรงกันข้าม เสิ่นิกลับมีาแเต็มตัว
ความแกร่งของอันฉีช่างทรงพลังอย่างที่เสิ่นิบรรยายไว้จริงๆ ด้วยการต่อสู้ระยะประชิด เสิ่นิไม่ใช่คู่มือของหล่อน ตอนที่ต่อสู้และเต้นรำกันในวงล้อมไฟทำให้เสิ่นิได้รู้ว่า แม่มดนั่นแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมอีก...
ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน เสิ่นิก็ถูกส่งตัวขึ้นรถพยาบาลอีกครั้ง เซี่ยวอี๋นั่งเฝ้าอยู่ที่ข้างเตียงฉุกเฉินภายในรถ คอยเช็ดคราบเืตามร่างกายให้กับเสิ่นิ
“เจ็บ” เสิ่นิขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เจ็บกับป้าน่ะสิ อย่ามาแกล้งทำสำออย ก็เมียนายเป็คนทำ แล้วจะไปโทษใครได้?” เซี่ยวอี๋อยากจะพูดคำว่าขอบคุณ แต่พอเห็นท่าทางที่น่าหมั่นไส้ของเสิ่นิ คำว่า “ขอบคุณ” ก็ถูกกลืนลงท้องไป
“ผมเป็อย่างนี้แล้ว ่นี้คงรับงานใหม่ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยลดดอกเบี้ยให้ผมสักหน่อยได้ไหม?” เสิ่นิแสร้งทำหน้าทำตาน่าสงสาร
“ฝันไปเถอะ ดีเท่าไรแล้วที่ฉันไม่คิดค่ากระทบกระเทือนทางจิตใจกับนายน่ะ” เซี่ยวอี๋ทำเสียงเข้ม
“เฮ้ เธอสองคนอีกแล้วเหรอ? ท่าจะมีวาสนาต่อกันนะ!” แพทย์ประจำรถคือหมอคนเดียวกันกับที่เย็บแผลให้เสิ่นิและเซี่ยวอี๋เมื่อครั้งก่อน “ดูเหมือนว่าคู่รักอย่างพวกเธอนี่ช่างเคราะห์ร้ายซะเหลือเกินนะ รีบมีเ้าตัวเล็กกันั้แ่ยังหนุ่ม ยังสาวนะ จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข!”
มือของหมอยังคงเย็บแผล พอเขาพูดจบ พยาบาลด้านข้างก็เปิดประตูรถออก จู่ๆ ก็มีมือมาจับที่คอเสื้อหมอ และโยนเขาออกจากรถพยาบาลทันที
“ก็เห็นอยู่ว่าเป็หมอ แต่ก็ยังเที่ยวจับคู่ให้คนอื่นอยู่ได้ ช่างไร้จรรยาบรรณ สมควรโดนโยนออกไปแล้ว” นางพยาบาลถอดหน้ากากออกจากใบหน้า ที่แท้เธอก็คืออันฉีนี่เอง
หญิงสาวหยิบเข็มและด้ายในมือขึ้นมาอย่างเย็นใจและทำการเย็บปากแผลต่อไป
“ทำไมเธอยังอยู่ที่นี่?” เซี่ยวอี๋ขนลุกซู่ทันที หญิงสาวจ้องไปยังมีดผ่าตัดในกล่องเครื่องมือโดยสัญชาตญาณ
“ฉันรับปากกับเสิ่นิไว้ว่าจะไม่ฆ่าเธอ ขอเพียงแค่เธอไม่คุกคามฉัน ถ้าเธอคิดจะหยิบเ้าสิ่งนั้นขึ้นมาล่ะก็ ฉันก็จะดีใจมากที่จะได้บาดคอเธอ” อันฉีเย็บแผลพลางเอ่ยเตือนเบาๆ
“เหมือนอย่างที่ฉันคิดไว้ ที่เธอมาหาฉันไม่ใช่เพียงเพราะอยากรำลึกความหลัง มีเื่เดือดร้อนมาหรือ?” เสิ่นินอนยิ้มอยู่บนเปล
“ครึ่งปีก่อนฉันได้รับภารกิจหนึ่ง ให้ติดตามการคอร์รัปชันในเวกัสมูลค่า 30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประกอบด้วย
มาเฟียญี่ปุ่น 3 แก๊ง
มาเฟียอิตาลี
แก๊งรัสเซียสกินเฮด
ตระกูลอาชญากรรมพญาอินทรีไมค์
แก๊งแอโฟรผิวสี
กลุ่มชาวจีนโพ้นทะเล
ชมรมม่านไม้ไผ่แห่งเกาะไต้หวัน
7 กลุ่มร่วมกันโจรกรรมทรัพย์สิน
พวกเขาร่วมมือกับเซียนบัญชี เดิมมีแผนที่จะฟอกเงินในเวกัส แต่บังเอิญว่า เมื่อสองเดือนก่อนนักบัญชีหายตัวไปอย่างลึกลึบ 3 วันก่อนปิดบัญชี 7 แก๊งใหญ่จึงเกิดการขัดแย้งและแบ่งฝักแบ่งฝ่าย พวกเขาสงสัยว่าคนในได้ลักพาตัวนักบัญชีไปและ้ายักยอกเงิน
ที่น่าสงสัยมากที่สุดก็คือเป้าหมายที่ฉันกำลังติดตามชื่อ ัดำ เขาเป็หัวหน้าชมรมม่านไม้ไผ่ในสหรัฐฯ นักฆ่าลงมือสอบสังหารเขาแทบทุกวัน นายรู้ไหม ฉันถนัดแต่ฆ่าคน ไม่ถนัดคุ้มครองคน
ถ้าอยากสืบหาร่องรอยของนักบัญชี เขาจำเป็ต้องมีชีวิตรอด” ในขณะที่อันฉีแนะนำ หญิงสาวก็ได้เย็บแผลให้เสิ่นิจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เทคนิคมีความเป็มืออาชีพยิ่งกว่าหมอที่เพิ่งจะถูกโยนทิ้งออกไปนอกรถเสียอีก
“ทำไมถึงได้มาหาเสิ่นิล่ะ? ในนิรวานไม่มีคนอื่นให้ช่วยหรือ?” เซี่ยวอี๋ถามด้วยความประหลาดใจ
“นิรวานมีกฎว่า ภารกิจที่ได้รับมอบหมาย จะขอความช่วยเหลือจากคนในไม่ได้เด็ดขาด แต่ผมไม่นับว่าเป็คนในอีกต่อไปแล้ว” เสิ่นิอมยิ้ม
“ผิดแล้ว ฉันแค่อยากหาข้ออ้างมาสมรักกับสามีของฉัน แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะมาเจอกับเมียน้อยเข้า” อันฉีเหล่สายตาอาฆาตไปที่เซี่ยวอี๋
“อย่าเรียกฉันแบบนี้ได้ไหม? เราบริสุทธิ์ใจนะ” เซี่ยวอี๋รู้สึกว่าเอาตัวเองใส่ตะกร้าล้างน้ำสักเท่าไรก็ไม่สะอาดเสียที
“ไม่ต้องอธิบายแล้ว ผู้ชายน่ะ เป็กมลสันดาน ต่อให้ฉันฆ่าเธอ ก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะหาเมียคนที่สาม คนที่สี่มาให้ฉันปวดใจอีก
สู้แบ่งปันกับเธอดีกว่า เธอยังพอช่วยฉันดูแลเขาได้ ถ้าเขาทำตัวเหลวไหลอีกเธอก็บอกฉันนะ ฉันจะไปเก็บคนอื่นๆ ให้เอง” อันฉีเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับจับมือของเซี่ยวอี๋ เป็การแสดงออกว่ายอมรับเมียน้อยผู้นี้แล้ว
“คนบ้าบอแบบนี้ใครจะอยากแบ่งกับเธอล่ะ? ถ้าเธอชอบก็รีบๆ มาเอาไปซะ! ทิ้งเอาไว้ที่นี่ก็รังแต่จะทำให้คนรังเกียจ...” สิ่งเหล่านี้คือเสียงที่อยู่ในใจของเซี่ยวอี๋ แต่เธอกลับพูดมันไม่ออก ์เท่านั้นที่รู้ว่าผู้หญิงโรคจิตคนนี้ จะฆ่าเธอฐานที่ทำให้สามีของเธอขายหน้าหรือเปล่า?
“แล้วจะไปเมื่อไร?” เสิ่นิไม่ถามแม้กระทั่งราคา แล้วก็ไม่ได้ถามระยะเวลาคุ้มครองอีกด้วย เขาตกปากรับคำแล้ว เห็นได้ชัดว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าอดีตเพื่อนร่วมงาน เสิ่นิก็ยังคงมีความเสน่หา
“ฉันจะขึ้นเครื่องคืนนี้ ตอนนี้ฉันเป็เลขาส่วนตัวของัดำ ที่ฉันห่างเขามาได้เพราะบอกว่าจะมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อน สำหรับนาย ฉันจองตั๋วเครื่องบินบินตรงไปที่เวกัสให้แล้วในวันมะรืนนี้ ใช่แล้ว ที่จริงฉันไม่ได้กะจะไว้ชีวิตผู้หญิงคนนี้ ตอนนี้ก็เลยต้องจองตั๋วให้เธอเพิ่มอีกใบ” อันฉีถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ราวกับยังคิดอยากจะฆ่าเซี่ยวอี๋อยู่
“ได้ เป็อันตกลง” เสิ่นิยื่นมือออกไปเพื่อจับมือ เพื่อขอให้ร่วมงานกันได้อย่างราบรื่น
อันฉีจ้องไปที่มือข้างนั้น จู่ๆ เธอก็โผกอดเสิ่นิ ก่อนจะจูบแบบลึกซึ้งสไตล์ฝรั่งเศส เธอใช้เวลาทั้งหมดทั้งมวลในการจูบนาน 1 นาทีก่อนจะถอนจูบออกและเช็ดคราบน้ำลายที่มุมปากอย่างมีเสน่ห์ “อย่าเห็นฉันเป็ลูกค้าล่ะ ฉันเป็เมียนายนะ เมียน่ะ!” อันฉีพูดจบก็พลิกตัวขึ้นไปที่้าของรถพยาบาล เธอล้มตัวลงบนหลังคา ก่อนจะกางชุดสีขาวออกเป็เส้นโค้งอันสวยงามและวาดลอยไปในอากาศ
“ถ้าเธอรู้ว่าปัจจุบันนี้นายจูบปากลูกค้าก่อนหน้านี้ทุกราย ไม่รู้ว่าเธอจะกลับมาตัดลูกอัณฑะนายหรือเปล่านะ?” เซี่ยวอี๋แสยะยิ้ม เสิ่นิไม่ได้มีเจตนาเ้าชู้ แต่ดูเหมือนว่าคุ้มกันทีไร เขาก็คว้าใจของสาวๆ ไปครองได้ทุกที
“ที่รัก เตรียมพาสปอร์ตด้วยล่ะ เดี๋ยวจะพาไปเที่ยวต่างประเทศ” เสิ่นินอนเอามือหนุนศีรษะอยู่บนเปล
“นายทำตัวเป็สาวในหอแดงสิ รับงานไปเรื่อย ไม่ถามราคาก็พร้อมจะขายตัวเองแล้ว” เซี่ยวอี๋กล่าวอย่างชิงชัง
“ไม่ต้องห่วงหรอก นิรวานบำเพ็ญตบะให้นิรวานนิพพานช่วยไม่ใช่เื่ที่ไม่เคยเกิดขึ้น นิรวานบำเพ็ญตบะจะมีค่าเบี้ยเลี้ยงพิเศษสำหรับการปฏิบัติงานที่อุดมสมบูรณ์เป็แรงขับเคลื่อน แต่การที่พวกเขาขอให้นิพพานช่วย โดยทั่วไปจะตกอยู่ที่งานละ 1 ล้าน” เสิ่นิกล่าวอย่างเกียจคร้าน
“1 ล้าน!” เซี่ยวอี๋สูดลมหายใจเข้าลึกๆ นี่เป็ใบเสร็จมูลค่าสูงสุดของเสิ่นิ
“ผมหมายถึงดอลลาร์สหรัฐ” ที่เสิ่นิไม่ได้บอกเซี่ยวอี๋ก็คือ เงินเป็เพียงแค่สัญลักษณ์ บำเพ็ญตบะแต่ละคนปฏิบัติภารกิจเพียงเพื่อให้มีชีวิตรอด การแอบสะสมเงินไว้หลายสิบล้านดอลลาร์จึงเป็เื่ปกติ แต่เงินเ่าั้ก็จะใช้ได้แค่ในนิรวานเท่านั้น เมื่อนิพพานแล้วจะนำกลับมาใช้ในชีวิตธรรมดาในเมืองไม่ได้
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือตอนที่เป็นิรวานบำเพ็ญตบะนั้นรวยอู้ฟู่ เหลือกินเหลือใช้ แต่พอกลับเข้าเมืองมาก็กลายเป็ยาจก
ดังนั้น ในเหล่านิรวานจึงมีกลไกช่วยเหลืออยู่ เมื่อนิรวานบำเพ็ญตบะปฏิบัติภารกิจเดี่ยว แล้วพบอุปสรรคหรือปัญหาเข้า พวกเขาจึงมักจะขอความช่วยเหลือจากเหล่านิพพาน และตกรางวัลให้เหล่านิพพานนั้นเป็การตอบแทน เพื่อให้พวกเขาอยู่รอดได้ในเมืองหลวง
แต่นิพพานสามารถเข้าร่วมภารกิจได้แค่เพียงครั้งเดียว และความยากของงานจะต้องมากถึงระดับที่นิรวานบำเพ็ญตบะไม่อาจดำเนินการได้เพียงลำพัง ไม่เช่นนั้นทั้งนิรวานบำเพ็ญตบะและนิพพานก็จะถูกคณะกรรมการบริหารค่ายถอนรากถอนโคน