หากบอกว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเป็คนเ้าเล่ห์ เยวี่ยเจาหรานเองก็ยังไม่เคยต่อกรด้วย ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ตอบรับข้อเสนอที่เหมือนขุดหลุมฝังตัวเองนี้ แล้วเล่นเป่ายิงฉุบกับนาง คนอย่างเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเป็ประเภทที่หากชนะในครั้งเดียวไม่ได้ก็จะเปลี่ยนกฎกติกาให้เป็ชนะสองในสาม หากสองในสามก็ยังแพ้ เช่นนั้นก็เลื่อนเป็ชนะสามในห้าอย่างไม่ลังเล...
ดังนั้น ให้ตอนที่เยวี่ยเจาหรานยื่นกำปั้นออกไปใหม่เป็ครั้งที่สามสิบสอง ความรู้สึกเหนื่อยล้าจึงเจือจางความกดดันที่ต้องไปเผชิญหน้ากับฮูหยินตามลำพังไปอย่างรวดเร็ว เยวี่ยเจาหรานยกมือโยกแกว่งเบื้องหน้าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่างบ้าคลั่ง พลางถอนหายใจยาวเหยียด
“ก็ได้ ข้าไป”
ถึงอย่างไรไปพบฮูหยินเยี่ยน อย่างมากก็แบกรับความกดดันทางจิตใจนิดหน่อย เทียบกับการเป่ายิงฉุบกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วต่อไปแบบไม่มีจุดสิ้นสุดแล้ว ความกดดันทางจิตใจเล็กน้อยนั้นก็ถูกเยวี่ยเจาหรานมองข้ามไปอย่างรวดเร็ว
เยวี่ยเจาหรานถึงอย่างไรก็นับว่าเป็คนหนุ่มผู้มีปณิธาน เตรียมพร้อมจะปลดปล่อยอุดมการณ์ของตนในค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าสักปีหนึ่ง คนหนุ่มผู้มีปณิธานอันเด็ดเดี่ยวนั้นย่อมไม่คาดหวังว่า ในยามที่ตนยังไม่ทันได้ปล่อยวางอุดมการณ์นั้น กลับกลายเป็คนหนุ่มพิการแขนขาดขาหักไปเสียก่อน
ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกินเหตุการณ์รุนแรงเช่นนั้นขึ้น เยวี่ยเจาหรานจึงเลือกที่จะไม่เสียเวลากับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วโดยไม่ลังเล แล้วลุกขึ้นเสียเลย เขาลุกออกจากเก้าอี้อันอบอุ่นของตน แล้วเตรียมขี่กระเรียนไป์ ไม่สิ… เตรียมเดินไปยังห้องของฮูหยินเยี่ยน และพูดคุยเื่การออกเรือนของหลานสาวแท้ๆ ของนางอย่างเต็มที่
“ทีหลังก็รีบพูดสิ ถ้าเ้ารีบก็ไม่ต้องมาเป่ายิงฉุบให้วุ่นวายแล้ว!”
เมื่อเทียบกับความอดทนและออดอ้อนในตอนที่เป่ายิงฉุบกับคนอื่นของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแล้ว ความหน้าไม่อายของนางนั้นเหนือขึ้นไปอีก ถึงอย่างไรจุดเริ่มต้นของการเป่ายิงฉุบนี้ก็เป็ข้อเสนอของนาง นอกจากนี้ยังพลิกแพลงเลื่อนกฎที่ตนตั้งครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อที่จะบรรลุจุดประสงค์ของตน จนเรียกได้ว่า... พยายามทุกวิถีทางอย่างไร้ยางอาย
ทว่าลูกผู้ชายอกสามศอก จะไปถือสาหาความเื่เล็กน้อยกับหญิงสาวได้อย่างไรเล่า? เยวี่ยเจาหรานที่ล้มเหลวในการโน้มน้าวตัวเองถือโอกาสยกมือขึ้นมา... ดีดหน้าผากเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วทีหนึ่ง
“พูดให้น้อยหน่อย ไม่มีใครว่าเ้าเป็ใบ้หรอก”
พูดจบ เยวี่ยเจาหรานก็ฉวยโอกาสตอนที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยังกุมหน้าผากอันเ็ปของตน จนไม่มีเวลามาคิดบัญชีกับเขา วิ่งหนีหายวับออกไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ร้องะโชื่อของเยวี่ยเจาหรานอย่างไร้เสียงอยู่เื้ั
ไม่รู้ว่าั้แ่เมื่อไร ที่เยวี่ยเจาหรานเผชิญหน้ากับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแล้วเริ่มไม่เป็ตัวเองเข้าไปทุกที ตอนที่เขาเพิ่งจะเจอเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ยังเป็คนหนุ่มซื่อตรงไม่ไว้หน้าใคร บุญคุณความแค้นแม้เล็กน้อยก็ต้องใช้คืน เขามักจะรำลึกถึง่เวลานั้นขึ้นมา ถึงอย่างไรตอนนั้นเขาก็ยังไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตนด้วยการพยายามต่อสู้ด้วยเหตุผล
แต่น่าประหลาด เหตุใดความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจึงกลายเป็ว่าเขาคอยโอนอ่อนผ่อนตามเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอยู่เรื่อยเลย?
ว่าไปแล้วก็น่าแปลกยิ่งนัก ในความสัมพันธ์ชายหญิงที่ค่อนข้างประหลาดและไม่ปกตินี้ ตนต่างหากที่ควรจะเป็ ‘ฝ่ายหญิง’ ที่ถูกโอนอ่อนผ่อนตามไม่ใช่หรือ? เหตุใดเยวี่ยเจาหรานถึงไม่รู้สึกถึงความสุขของหญิงสาวเลยสักนิด แต่กลับเต็มไปด้วยความอับโชคและถูกจิกหัวใช้ของชายหนุ่มเสียได้...?
เยวี่ยเจาหรานคิดเช่นนี้พลางเดินเข้าสู่วงล้อม ‘แห่งความตาย’ นั่นก็คือตำแหน่งที่ห่างจากห้องของฮูหยินเยี่ยนเพียงเวลาไม่ถึงชั่วพริบตา...
ไม่มีเวลาให้คิดอะไรมาก เยวี่ยเจาหรานกระแอมเบาๆ สองสามครั้ง แล้วจัดแจงเสื้อผ้าของตนอีกเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปหน้าประตูห้องของฮูหยินเยี่ยนด้วยฝีเท้าอันหนักหน่วง
“อะแฮ่ม... ท่านแม่?” เยวี่ยเจาหรานดึงความกล้าเคาะประตู แล้วเริ่มเรียกฮูหยินเยี่ยนว่าท่านแม่เหมือนกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว บางครั้งนึกขึ้นมา ก็รู้สึกราวกับตนได้แต่งเข้าจวนเยี่ยนแล้วจริงๆ อย่างนั้น
เสียงที่ดังขึ้นจากในห้องทำลายกระบวนความคิดของเยวี่ยเจาหราน เขาดึงสติกลับมาด้วยความกระวนกระวาย ก่อนจะขานรับแล้วเปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง
ภายในห้องของฮูหยินเยี่ยนนั้นคลุ้งไปด้วยควันกำยาน นี่เป็เครื่องหอมชนิดหนึ่งที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจได้ดี เพียงแต่กลิ่นขมฝาดนั้น ไม่ใช่กลิ่นที่เยวี่ยเจาหรานชื่นชอบ เยวี่ยเจาหรานขมวดคิ้วเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่เห็น ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เอ่ยอะไร
“นั่งลงเถอะ” หลิงหลงยืนอยู่ข้างกายของฮูหยินเยี่ยน นางรินชาให้กับเยวี่ยเจาหรานอย่างฉลาดรู้ความ จากนั้นจึงผลักไปตรงหน้าของเยวี่ยเจาหราน เยวี่ยเจาหรานยิ้มพยักหน้าทักทายหลิงหลงเล็กน้อย ก่อนจะขานรับแล้วนั่งลง พลันเอ่ยเปิดประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อม “ที่มาหาท่านแม่วันนี้... แท้จริงแล้วเพราะมีบางเื่ที่อยากจะปรึกษาท่าน...”
“อ้อ? มาปรึกษาข้าหรือ...?” ฮูหยินเยี่ยนที่กำลังดื่มชาอยู่เมื่อได้เยวี่ยเจาหรานเอ่ยเช่นนั้นก็ประหลาดใจไม่น้อยจริงๆ สีหน้าตกตะลึงบนใบหน้านั้นไม่อาจปกปิดไว้ได้ ั้แ่หนุ่มสาวคู่นี้แต่งงานกันมา ไม่ว่าเื่อะไรก็ไม่เคยปรึกษาตนเลย แต่กลับ...
แต่กลับมาร่วมใจสู้ศึกภายนอกได้ถูกเวลา ช่างรู้ใจกันยิ่งนัก
แน่นอนว่า ‘ศึกภายนอก’ ที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วและเยวี่ยเจาหรานร่วมใจกันสู้นั้น ไม่ใช่ว่าคือฮูหยินเยี่ยนตัวนางเองหรอกหรือ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ รอยยิ้มบนริมฝีปากของฮูหยินเยี่ยนก็บังเกิดความหมายบางอย่างที่จะยากจะหยั่งถึง
“มีเื่อะไร เ้าพูดมาตามตรงเถอะ ไม่ต้องบอกปรึกษาหารืออันใด”
จากในคำพูดของฮูหยินเยี่ยน เยวี่ยเจาหรานก็สังเกตเห็นเจตนาปฏิปักษ์ได้อย่างชัดเจน ว่าไปแล้วก็ไม่ได้เข้าใจยากนัก ได้ยินว่าตอนที่บิดาและมารดาแต่งบุตรสาวของตนออกเรือน ก็มักจะแสดงเจตนาร้ายต่อลูกเขยของตนไม่มากก็น้อย... ถึงเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะแต่งกับ ‘ลูกสะใภ้’ ด้วยใจฮึกเหิมอย่างยิ่ง ทว่าความรู้สึกที่หวงแหนบุตรสาวของฮูหยินเยี่ยนและแม่ทัพเยี่ยนนั้น ก็เป็เช่นเดียวกับพ่อแม่ที่มีลูกสาวทั่วใต้หล้านั่นล่ะ!
เยวี่ยเจาหรานฉุดดึงความคิดของตนกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วจึงเอ่ยกับฮูหยินเยี่ยนอย่างราบเรียบ “อ้อ คือว่าอย่างนี้เ้าค่ะ ข้ากับอวิ๋นเฟยรู้สึกว่า... อายุอานามของเปี่ยวเม่ยชิวเยวี่ย ก็นับว่าไม่น้อยแล้ว นางจะ...”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ในใจของฮูหยินเยี่ยนคิดอะไรขึ้นมาได้บ้างแล้ว นางจึงเข้าใจความหมายในคำพูดของเยวี่ยเจาหรานอย่างรวดเร็ว ฮูหยินเยี่ยนวางถ้วยชาในมือลงช้าๆ แล้วอย่างสงบนิ่ง “ทำไมหรือ พวกเ้าแค้นเคืองชิวเยวี่ย ที่มาเบียดเบียนปากท้องของจวนเยี่ยนเช่นนั้นหรือ? เื่นี้พวกเ้าไม่จำเป็ต้องพะวง จวนเยี่ยนไม่ได้ตกอับถึงขนาดแค่ปากเดียวท้องเดียวก็ยังเลี้ยงไม่ไหวหรอก”
“ไม่ๆ ข้ากับอวิ๋นเฟยไม่ได้หมายความเช่นนั้น...” เยวี่ยเจาหรานพลันเริ่มรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็มขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ยังชะเง้อชะแง้รอข่าวดีของตนอยู่ในห้อง เยวี่ยเจาหรานที่ทนเห็นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วผิดหวังไม่ได้นั้น ก็กระแอมให้คอโล่ง แล้วรวบรวมความกล้าเอ่ยต่อไป “พวกเราเพียงคิดว่า เปี่ยวเม่ยชิวเยวี่ยลำบากลำบนมาไกล หากได้พบเจอสามีที่ดีในเมืองหลวง... ต่อไปข้างหน้า ก็สามารถอยู่เป็เพื่อนท่านแม่ได้ เื่ในบ้านของเปี่ยวเม่ยชิวเยวี่ย ก็คงจะสามารถวางใจได้ยิ่งขึ้นเป็แน่ ท่านว่าเช่นนั้นหรือไม่?”
นิ้วมือของเยวี่ยเจาหรานลูบคลึงไปบนถ้วยชาไม่หยุด เห็นได้ชัดว่ากำลังประหม่าเล็กน้อย ฮูหยินเยี่ยนไตร่ตรองชั่วครู่ โดยไม่ได้เอื้อนเอ่ยอันใด แต่กลับมองเจตนาของการมาในครั้งนี้ของเยวี่ยเจาหรานกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่างละเอียดลึกซึ้ง
“ความหมายของพวกเ้า ข้าเองก็เข้าใจดี... เพียงแต่ว่า...”
น้ำเสียงของฮูหยินเยี่ยนเอ่ยอย่างเนิบนาบ แต่กลับคว้าจับหัวใจที่ห้อยต่องแต่งด้วยความกังวลของเยวี่ยเจาหรานเอาไว้...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้