องค์หญิงฉวี่หลงละอายใจจริงๆ แล้ว นางคุกเข่าลง “น้องชายโง่เขลา ขอฝ่าาโปรดประทานอภัย ครั้งนี้พวกเรานอกจากจะมาถวายพระพรฝ่าาแล้ว ยังมีอีกเื่นี้ ขอให้ฝ่าาโปรดประทานอนุญาต”
“อ้อ? เื่อันใดรึ?” จ้าวหนิงฮ่องเต้ตรัสถาม
“แคว้นของเราอยากจะเชื่อมสัมพันธไมตรีด้วยการแต่งงานเพคะ น้องชายรู้สึกกับคุณหนูเจียงราวกับรักแรกพบ ดังนั้นหม่อมฉันขอเป็ตัวแทนแคว้นฉวี่หลง ทาบทามเื่การแต่งงานแทนน้องชาย แต่งคุณหนูเจียงในฐานะพระชายาเอก” องค์หญิงฉวี่หลงกล่าว
เมื่อองค์หญิงฉวี่หลงกล่าวจบ ในชั่วขณะนั้นพลันสร้างความตกตะลึงให้กับทั้งราชสำนัก ั้แ่โบราณมาจนถึงปัจจุบัน การแต่งงานระหว่างสองแคว้น ไฉนเลยจะมาเกิดขึ้นกับบุตรีขุนนางขั้นสี่ได้? ฐานะของเจียงซูเอ๋อร์ไม่เหมาะสมพอที่จะเป็ตัวแทนของแคว้นไปแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี โดยส่วนใหญ่แล้วต้องเป็องค์หญิงหรือท่านหญิงที่แต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี หากจะว่ากันตามลำดับขั้นของเชื้อพระวงศ์และวัยในเวลานี้ ผู้ที่เหมาะสมที่สุดคือองค์หญิงใหญ่ ท่านหญิงหลิงโหมวธิดาขององค์หญิงฉางหนิง และท่านหญิงจื่อโยวบุตรีของคังจวิ้นอ๋อง หากไม่เหมาะยังมีธิดาของเหล่าเชื้อพระวงศ์อีกมาก เช่น ท่านหญิง อันได้แก่ตำแหน่ง จวิ้นจวิน[1] เซี่ยนจวิน[2] เป็ต้น ต่อให้ฐานะไม่สูงมาก แต่นับได้ว่าเป็ธิดาของเชื้อพระวงศ์ ไฉนเลยจะมาถึงบุตรีของขุนนางขั้นสี่ได้
แน่นอนว่าหากสำหรับแคว้นจีนแล้วนั้น สำหรับจ้าวหนิงฮ่องเต้แล้วนั้น นี่เป็การแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีที่ไม่ขาดทุน ก็แค่บุตรีของขุนนางขั้นสี่ ต่อให้เป็หลานสาวของสกุลอวี๋ ต่อให้เป็บุตรีของสกุลอวี๋ เขาก็ยังรู้สึกว่าคุ้มค่า วันนี้ต่อให้ผู้ที่องค์ชายฉวี่หลงชมชอบเป็องค์หญิงหรือเป็สตรีของเขา จ้าวหนิงฮ่องเต้ล้วนยินดียกให้ทั้งสิ้น
ไม่มีสิ่งใดจะสำคัญไปกว่าการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
สีหน้าของเจียงซูเอ๋อร์ซีดขาว คนของจวนสกุลเจียงคิดไม่ถึงว่าองค์ชายฉวี่หลงจะเสนอเื่การแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีขึ้น เจียงอวี๋ซื่อคิดจะยืนขึ้นมาคัดค้าน แต่นางไม่กล้า นางไม่มีสิทธิ์ นางได้แต่คิดถึงสกุลอวี๋ วันนี้แม่ทัพผู้เฒ่าอวี๋ไม่อยู่ที่นี่ อวี๋เหล่าไท่ไท่ส่ายหน้า สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไม่มีสิทธิ์พูดจา ดังนั้นอวี๋เหล่าไท่ไท่จึงมองไปที่กู้จวิ้นเฉิน ทว่ากู้จวิ้นเฉินเงียบขรึม ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ให้กับสกุลอวี๋
หัวใจของอวี๋เหล่าไท่ไท่ดิ่งลงวูบ นางมีหลานยายเพียงคนเดียว ไฉนเลยจะตัดใจได้?
“แคว้นฉวี่หลงคิดจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี องค์ชายฉวี่หลงมีรักแรกพบกับคุณหนูเจียง เช่นนั้นมารยาทและธรรมเนียมในการทาบทามนั้นย่อมต้องว่ากันตามธรรมเนียมประเพณีของแคว้นเราใช่หรือไม่?” ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบงัน กู้จวิ้นเฉินพูดจาแล้ว
ฉีอ๋อง?
ขุนนางใหญ่ที่สนับสนุนกู้จวิ้นเฉินต่างไม่เข้าใจ หากเจียงซูเอ๋อร์แต่งให้องค์ชายฉวี่หลง เป็พระชายาของฉวี่หลง เช่นนั้นแคว้นฉวี่หลงย่อมเป็กำลังของฉีอ๋อง ไยฉีอ๋องจึงเอ่ยวาจาเช่นนี้ คิดจะทำอันใด?
“ฝ่าา?” อวี๋เหล่าไท่ไท่ตื่นเต้นขึ้นมา
“แน่นอน” ยังไม่ได้รอให้องค์หญิงฉวี่หลงตอบ องค์ชายฉวี่หลงยิ้มให้คนงาม รีบเอ่ยขึ้น ขณะเดียวกันเขาลุกขึ้นแล้วเดินออกมายืนข้างหน้าสกุลเจียง มองเจียงซูเอ๋อร์ “ข้ามีใจต่อคุณหนูเจียง ชีวิตนี้หากไม่ใช่คุณหนูเจียงข้าจะไม่แต่ง ดังนั้นไม่ว่าสิ่งใดล้วนแล้วแต่นาง”
กู้จวิ้นเฉินยกยิ้มมุมปาก ปรากฏรอยยิ้มที่คล้ายมีคล้ายไม่มี “เช่นนั้นหากว่ากันตามธรรมเนียมของแคว้นเรา องค์ชายฉวี่หลง้าแต่งพระชายา สินสอดนั้นจะบกพร่องไปไม่ได้”
“สิน...สินสอดอันใดหรือ?” องค์ชายฉวี่หลงงุนงง แคว้นฉวี่หลงของพวกเขานั้น ชอบหญิงสาวคนใด ตรงเข้าไปอุ้มก็ได้แล้ว นี่ยังต้องมีสินสอดด้วยหรือ?
กู้จวิ้นเฉินถาม “เสนาบดีกรมพิธีการอยู่หรือไม่?”
“ข้าน้อยอยู่พ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีกรมพิธีการลุกขึ้น
“บอกกับองค์ชายฉวี่หลง เกี่ยวกับธรรมเนียมของชินอ๋องแคว้นเราแต่งพระชายาเอก” พูดเช่นนี้ ทว่าสายตาของเขากลับมองข้ามผู้คนทั้งหมดไปหยุดอยู่ที่หลี่ลั่ว สายตานั้นราวกับ้าบอกกับหลี่ลั่วว่า ‘เ้าตัวน้อย เ้าฟังให้ดีเล่า’
หลี่ลั่วรู้สึกว่า ตนเองถูกลูกหลงเข้าให้แล้ว
“พ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีกรมพิธีการกล่าวกับองค์ชายฉวี่หลง “หากว่ากันตามธรรมเนียมประเพณีของแคว้นเรา ชินอ๋องแต่งพระชายาเอก ชินอ๋องต้องตระเตรียมเงินสินสอดไม่ต่ำกว่าสิบหมื่นตำลึงพ่ะย่ะค่ะ”
“เงินสิบหมื่นตำลึงรึ?” องค์ชายฉวี่หลงตกตะลึง มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าแคว้นฉวี่หลงยากจนเพียงใด “เช่นนั้น...ข้าจดจำได้ว่าพวกท่านยังมีสินเ้าสาวใช่หรือไม่?”
“มีพ่ะย่ะค่ะ” แม้เสนาบดีกรมพิธีการจะเป็ชายชรา ทว่าเขาเป็ตัวแทนของแคว้นจีน เขาจึงตอบด้วยรอยยิ้มสุภาพ “บิดาของคุณหนูเจียงรั้งตำแหน่งขุนนางขั้นสี่ ขุนนางขั้นสี่ของแคว้นเราแต่งบุตรีออก สินเ้าสาวเป็เงินประมาณสองพันตำลึงพ่ะย่ะค่ะ”
อะไรกัน? องค์ชายฉวี่หลงทึมทื่อไปเลยทีเดียว นี่ไม่ใช่ว่าแต่งภรรยาแล้วจะได้กำไรหรอกหรือไร
องค์หญิงฉวี่หลงเป็คนฉลาดเฉลียว มองแล้วก็รู้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้คือการปฏิเสธการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี เหตุการณ์นี้ฉีอ๋องต่างหากที่เป็คนสำคัญ เขาแสดงจุดยืนของเขาต่อหน้าฝ่าา และฝ่าาไม่เอ่ยอันใด นั่นหมายความว่า มีความเป็ไปได้เป็อย่างมากที่ฝ่าาจะปฏิเสธ
หากเป็เช่นนี้ หน้าของแคว้นฉวี่หลงจะเอาไปไว้ที่ไหน?
สำหรับน้องชายที่ไม่เอาถ่านคนนี้ แม้องค์หญิงฉวี่หลงจะเอือมระอา แต่อย่างไรก็เป็น้องชายของตน แล้วนางจะปล่อยให้เขาถูกผู้อื่นรังแกเช่นนี้ได้อย่างไร? องค์หญิงฉวี่หลงกล่าวขึ้นว่า “ฝ่าา บนถนนวันนั้น น้องชายรู้สึกกับคุณหนูเจียงราวกับเป็รักแรกพบ ควบคุมตนเองมิได้ จึงได้กระทำการล่วงเกินเล็กน้อย ชายหญิงที่ไม่ใช่ญาติััทางผิวกายกันแล้ว หากน้องชายไม่แต่งคุณหนูเจียง เกรงว่าจะผิดต่อคุณหนูเจียงเอาได้เพคะ”
ไม่พูดไม่ได้ว่า องค์หญิงฉวี่หลงพูดเช่นนี้ช่างโเี้นัก เช่นนี้แล้วคนทั้งเมืองหลวงล้วนรู้เื่ที่เกิดขึ้นกับเจียงซูเอ๋อร์ ชื่อเสียงของนางไม่เหลือ อยู่ในเมืองหลวงเกรงว่าจะแต่งไม่ออกแล้ว
เจียงซูเอ๋อร์น้ำตาไหลพราก เหตุใด เหตุใดคนเหล่านี้จึงต้องกระทำกับนางเช่นนี้? เหตุใดนางต้องตกเป็ขี้ปากของคนเช่นนี้? “ฝ่าา” เจียงซูเอ๋อร์เดินออกมา คุกเข่าลง “วันนั้นนอกจากองค์ชายฉวี่หลงแล้ว ยังมีหลี่ฉางเฉิงที่กอดหม่อมฉัน หากกล่าวว่าได้ัักันทางผิวกายแล้ว หม่อมฉันและหลี่ฉางเฉิงก็เช่นเดียวกันเพคะ อีกอย่างหม่อมฉันนั้นมีใจปฏิพัทธ์ต่อหลี่ฉางเฉิง ถูกคนไม่ดีล่วงเกินกลางถนน เพื่อมิให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของสตรีแคว้นเรา หม่อมฉันขอให้ฝ่าาโปรดพระราชทานสมรสให้กับหม่อมฉันและหลี่ฉางเฉิงด้วยเพคะ”
ทั้งงานเลี้ยงเงียบกริบ
สีหน้าของหลี่ลั่วดำทะมึนลง เจียงซูเอ๋อร์ผู้นี้ไม่ธรรมดาสามัญจริงๆ ทั้งๆ ที่นางรู้ว่าหลี่ฉางเฉิงนั้นหมั้นหมายกับหยวนโม่อยู่แล้วกลับยังทำเช่นนี้อีก ช่างเป็คนหน้าไม่อายที่ปราศจากศัตรูในใต้หล้าโดยแท้
หลี่ฉางเฉิงนั้นตื่นเต้น แต่เขาไม่เกรงกลัว เขาเดินออกมาจากข้างกายหลี่ลั่ว คุกเข่าเบื้องหน้าจ้าวหนิงฮ่องเต้ “ฝ่าา กระหม่อมมีว่าที่ภรรยาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ได้หมั้นหมายกันไว้แล้ว รอจนปีหน้าว่าที่ภรรยาของหม่อมฉันเข้าพิธีปักปิ่นแล้วจึงจะแต่งงาน ความปรารถนาดีของคุณหนูเจียงนั้น ข้าน้อยมิกล้ารับพ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ?” จ้าวหนิงฮ่องเต้เลิกพระขนง “เช่นนั้นทางนี้...”
“ไม่รู้ว่าว่าที่ภรรยาของท่านพี่ฉางเฉิงคือผู้ใด และเป็บุตรีของครอบครัวใดหรือ?” เจียงซูเอ๋อร์ถาม
หลี่ฉางเฉิงเงียบขรึมทันที เขาไม่ได้รู้สึกเสียหน้าที่หยวนโม่เป็สาวใช้ แต่หากเอ่ยขึ้นมาในเวลานี้ จะให้หยวนโม่ทำเช่นใด? แต่ต่อหน้าองค์ฮ่องเต้ ไม่พูดก็ไม่ได้ “นางเป็สาวใช้ของจงหย่งโหว”
สาวใช้หรือ...ทุกคนต่างยิ้มอย่างกลั้นไม่ไหว แม้ฐานะครอบครัวของหลี่ฉางเฉิงจะไม่มีอันใด แต่บิดาของเขานั้นมีความดีความชอบทางทหาร หมั้นหมายกับสาวใช้คนหนึ่ง เกินไปหรือไม่... ไม่ว่าจะเป็ชายหรือหญิงล้วนเอามือปิดปากแล้วแอบหัวเราะ
เจียงซูเอ๋อร์ยิ้มอ่อนหวาน “ท่านพี่ฉางเฉิง แม้ว่าท่านจะหมั้นหมายกับสาวใช้ผู้นั้นอยู่ก่อน แต่ท่านกับข้า...ได้ัักันแล้วเป็เื่จริง ในเมื่อเป็เช่นนี้ คงได้แต่ขออภัยสาวใช้ผู้นั้นแล้วกระมัง รอให้พวกเราทั้งสองแต่งงานกันแล้ว ท่านค่อยรับนางเป็อนุเป็เช่นใดเล่า?” สาวใช้คนหนึ่ง ที่จริงควรจะคู่กับบ่าวคนหนึ่ง ให้เป็อนุถือว่ามีวาสนาใหญ่คับฟ้าแล้ว
“แม้ยากลำบากก็จะไม่ทอดทิ้งภรรยา แม้ว่าข้าและนางจะยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่นางในใจข้านั้นเป็ภรรยาเพียงคนเดียวอย่างไร้ข้อกังขา ขอให้คุณหนูเจียงเคารพตนเองด้วย” หลี่ฉางเฉิงกล่าว
“ท่านพี่ฉางเฉิง ไฉนท่านจึงทำกับข้าเช่นนี้? ั้แ่โบราณมา ผู้ชายมีสามภรรยาสี่อนุ ข้ารับปากให้ท่านรับนางเป็อนุได้ หรือว่าข้าผิดเล่า?” เจียงซูเอ๋อร์ถามทั้งน้ำตาคลอเบ้า หญิงงามอันดับหนึ่งนั้นสมคำร่ำลือยิ่งนัก การร่ำไห้นี้ยังคงเป็หญิงงามอยู่นั่นเอง
หลี่ลั่วนั่งไม่ติดแล้ว เขายืนขึ้น “หากคุณหนูเจียง้าตอบแทนบุญคุณ มิใช่สมควรที่จะมาขอบคุณเปิ่นโหวหรือ?” หลี่ลั่วถาม
เจียงซูเอ๋อร์มองหลี่ลั่วอย่างงุนงง
หลี่ลั่วเดินมาจนถึงเบื้องหน้านาง “วันนั้นที่ถนนสายนั้นชาวบ้านล้วนเป็พยานได้ เป็เปิ่นโหวที่สั่งให้หลี่ฉางเฉิงไปช่วยท่าน ท่าน้าตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิต เช่นนั้นมิใช่ต้องมาขอบคุณเปิ่นโหวหรอกหรือไร?”
พรืด...มีบางคนหัวเราะขึ้นมา
เจียงซูเอ๋อร์ที่น้ำตานองหน้าขมวดคิ้ว “เสี่ยวโหวเหฺยล้อข้าเล่นแล้ว ด้วยอายุขนาดเสี่ยวโหวเหฺย...แต่คนที่ยื่นมือมาช่วยคือท่านพี่ฉางเฉิง ข้าย่อมต้องตอบแทนบุญคุณให้ท่านพี่ฉางเฉิง”
“แน่นอน ฐานะของคุณหนูเจียง เป็เพียงบุตรีขุนนางขั้นสี่ ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมพอที่จะเป็ภรรยาเอกของข้า หากเป็อนุน่ะพออนุโลมได้” หลี่ลั่วกล่าว
“เ้า...” เจียงซูเอ๋อร์หน้าซีดเผือด
“เสี่ยวโหวเหฺย ท่านจะเกินไปแล้วหรือไม่?” เจียงอวี๋ซื่อลุกขึ้นยืนพูด สีหน้าดำทะมึน “เ้าเป็ถึงว่าที่พระชายาเอกของฉีอ๋อง เ้าพูดจาเช่นนี้ จะให้ฉีอ๋องทำเช่นใด?
หลี่ลั่วหัวเราะออกมาพรืดหนึ่ง “บุตรสาวของท่านยังไม่ได้แต่งออกไป แต่จะยื่นมือเข้ามายุ่งเื่ภายในครอบครัวคนของข้า นี่เป็ท่านใช่หรือไม่ที่สั่งสอนอบรมมา?”
“เ้า...เ้าไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ข้าเป็ป้าแท้ๆ ของฉีอ๋อง” เจียงอวี๋ซื่อหน้าแดงก่ำ
“แล้วอย่างไรเล่า จวนฉีอ๋องและจวนสกุลเจียงถือเป็สองครอบครัว มิได้เป็เช่นที่เจียงฮูหยินกล่าว ท่านเป็ท่านป้าของฉีอ๋อง ก็ถือเป็คนของจวนฉีอ๋องแล้วหรือไร? สกุลจวนฉีอ๋องนั้นคือสกุลกู้” สายตาของหลี่ลั่วเย็นเยียบ “ข้าละนับถือคนเช่นใต้เท้าเจียงยิ่ง แต่งภรรยามาสิบปีไม่ตั้งท้องยังไม่ละทิ้งภรรยา ทว่าวันนี้คุณหนูเจียงบีบบังคับจะแต่งงานให้ชายที่มีคู่หมายแล้ว ช่างทำเื่งามหน้าให้กับใต้เท้าเจียงยิ่งนัก”
“ฮึ” เจียงอวี๋ซื่อหัวเราะเสียงขื่น “การอบรมสั่งสอนอย่างเสี่ยวโหวเหฺย นี่แหละหนาที่เขาว่าเติบโตมาข้างนอก แม้กระทั่งผู้าุโก็ไม่ยอมเคารพนับถือ คนเช่นเ้า คู่ควรกับฉีอ๋องหรือไม่?”
“หา...บุตรีบ้านเ้าแทบจะเอาตัวเองใส่พานให้กับคนของข้า ยามนี้มารังเกียจนายท่านของเขาเสียแล้ว” หลี่ลั่วยิ้มบางๆ “อีกอย่าง หากข้าแต่งเข้าจวนฉีอ๋อง ก็เป็ข้าที่สูงศักดิ์กว่า ท่านต่ำต้อย เชื้อพระวงศ์นั้นนับกันตามตำแหน่ง ไม่ใช่วัดกันที่ผู้าุโหรือผู้เยาว์”
“เ้า...”
“พอได้แล้ว” กู้จวิ้นเฉินดึงหลี่ลั่วออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นจึงคุกเข่าหันหน้าไปทางจ้าวหนิงฮ่องเต้ “หลานสั่งสอนไม่เข้มงวดพอ ขอให้เสด็จอาโปรดประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ แต่ลั่วเอ๋อร์ยังเด็กไม่รู้เื่ ต้องขอให้เสด็จอาโปรดอภัยให้เขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” คำพูดของกู้จวิ้นเฉินทุกคำล้วนให้อภัยหลี่ลั่ว ไม่ได้เห็นเจียงอวี๋ซื่ออยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
เวลานี้เจียงอวี๋ซื้อเพิ่งจะกระจ่างแจ้ง ที่นี่คือวังหลวง อยู่ต่อหน้าฮ่องเต้
กู้จวิ้นเฉินรู้ว่าหลี่ลั่วคุ้มครองคนของตน แต่วันนี้เขาวู่วามเกินไป คำพูดเหล่านี้หากพูดกันตามลำพังนั้นช่างเถิด แต่ยามนี้ทำให้คนทั้งราชสำนักหัวเราะเยาะ หัวเราะเยาะ...จวนฉีอ๋อง
เห็นกู้จวิ้นเฉินดึงมือของตนแน่น หลี่ลั่วจึงกระจ่างแจ้งในทันใด หลี่ลั่วรีบคุกเข่าลง “เสี่ยวเฉินสำนึกผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอฝ่าาโปรดประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ”
“พวกเ้าแต่ละคนล้วนขวัญกล้านัก ทะเลาะเบาะแว้งกันต่อหน้าเจิ้น? ที่นี่เป็เรือนหลังของพวกเ้าหรือไร?” จ้าวหนิงฮ่องเต้ตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเฉียบขาด “จงหย่งโหวเพิ่งจะห้าขวบก็ช่างเถิด เจียงฮูหยินเล่า?”
[1] จวิ้นจวิน (郡君) หนึ่งในตำแหน่ง ท่านหญิง หากแต่เป็ตำแหน่งเชื้อพระวงศ์หญิงลำดับที่ 5 เรียกได้ว่าเป็พระธิดาของเ้านายชั้นชินอ๋องกับพระชายารอง ทว่า คำว่า 'ท่านหญิง' ของท่านหญิงหลิงโหมวและท่านหญิงจื่อโยวคือตำแหน่ง จวิ้นจู่ (郡主) ซึ่งเป็ตำแหน่งเชื้อพระวงศ์หญิงลำดับที่ 3 เป็พระธิดาของเ้านายชั้นชินอ๋องกับพระชายาเอก
[2] เซี่ยนจวิน (县君) หนึ่งในตำแหน่ง ท่านหญิง หากแต่เป็ตำแหน่งเชื้อพระวงศ์หญิงลำดับที่ 6 เรียกได้ว่าเป็พระธิดาของเ้านายชั้นจวินอ๋อง (จวินอ๋องหรือจุนอ๋อง คือเชื้อพระวงศ์ที่มีตำแหน่งรองลงมาจากชินอ๋อง) กับพระชายารอง