จากวันนั้นก็ผ่านมาสองวันแล้ว จ้าวเหม่ยหลินไม่ได้ไปตามนัดของชายแปลกหน้าผู้นั้น และที่สำคัญนางก็ยังไม่ได้ตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนนุ่มของตน
ตลอดสองวันที่ผ่านมาร่างเล็กเอาแต่นั่งคิดแล้วก็ถอนหายใจ จนสุดท้ายก็ล้มเลิกวิธีหาทางกลับบ้าน
“ซูจินล่ะ?” จ้าวเหม่ยหลินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเนือยๆ สายตากวาดมองทั่วเรือนภายในเรือนมีเพียงเสี่ยวถังและเสี่ยวอวี้ที่กำลังปัดกวาดเช็ดถู
“นางออกไปขอข้าวจากชาวบ้านเ้าค่ะ” เสี่ยวถังเงยหน้าขึ้นตอบทันที แต่กระนั้นสายตาของนางกลับหลบเลี่ยงไม่กล้าสบตาผู้เป็นาย เพราะกลัวว่าจะถูกจ้าวเหม่ยหลินตำหนิที่ปล่อยซูจินทำเื่เช่นนั้น
“ทำไมต้องขอข้าว?” จ้าวเหม่ยหลินขมวดคิ้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เสี่ยวอวี้จึงเป็ฝ่ายอธิบายแทนเสี่ยวถังด้วยน้ำเสียงแ่เบา “เงินที่พวกบ่าวให้คุณหนูไป…เป็ก้อนสุดท้ายแล้วเ้าค่ะ หาก้าอีกคงต้องรอฮูหยินรองส่งมาอีกที คาดว่าน่าจะอีกสามเดือนข้างหน้า”
จ้าวเหม่ยหลินถึงกับอ้าปากค้าง สองวันที่ผ่านมา นางก็เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองกินแต่ข้าวต้มไม่มีแม้แต่เนื้อสักชิ้น เมื่อย้อนนึกกลับไปก็เข้าใจได้ทันทีว่าที่เสี่ยวอวี้พูดนั้นไม่เกินจริง หากเป็เช่นนี้ต่อไปทั้งนายทั้งบ่าวคงได้ขาดสารอาหารกันหมดแน่
เมื่อคิดไปคิดมานางก็เป็นักเขียนไม่ใช่หรือ ถึงจะอยู่ในยุคโบราณแต่ก็ยังมีสมองและความสามารถติดตัวอยู่ เช่นนั้นทำไมถึงไม่นำมันมาใช้ให้เกิดประโยชน์กันล่ะ
อย่างแรกคงต้องหาเงินทุนเสียก่อน จ้าวเหม่ยหลินกวาดสายตามองไปรอบเรือนจนสายตาไปหยุดที่ตู้เก่าและหม้อต้มในครัว หากขายสองสิ่งนี้คงพอมีเงินไปซื้อกระดาษพู่กันและหมึกได้บ้าง
เมื่อตัดสินใจแน่วแน่จ้าวเหม่ยหลินจึงเอ่ยความคิดให้สาวใช้ฟัง แล้วออกคำสั่ง “เสี่ยวถัง เ้าไปยกตู้ไม้ไปขาย ส่วนเสี่ยวอวี้เ้าเอาหม้อไปแลกเป็เงินแล้วนำไปซื้อกระดาษกลับมาให้ข้า”
“เ้าค่ะ” สองสาวใช้น้อมรับ ก่อนออกไปทำตามคุณหนูจ้าวสั่ง
ไม่นานนักซูจินก็กลับมาถึงเรือนพร้อมข้าวสารเพียงเล็กน้อย นางรีบตรงไปยังครัวเพื่อจัดเตรียมอาหาร แต่เมื่อเปิดตู้ดูกลับไม่พบหม้อต้มเสียแล้ว
ซูจินขมวดคิ้ว เดินกลับมาหาคุณหนูแล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูเ้าคะ…หม้อต้มหายไปเ้าคะ?”
จ้าวเหม่ยหลินชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะแห้งกลบเกลื่อนความงี่เง่าของตนที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้กินข้าวเช้า แล้วดันให้คนยกหม้อไปขายเสียแล้ว
จ้าวเหม่ยหลินถอนหายใจ หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นอาจจะต้องหาทางกลับจวนบิดาของร่างนี้ เพราะที่นั่นย่อมมีเงินทองมากมายที่สามารถใช้เป็ทุนได้ แต่ก่อนอื่นคงต้องรอดูก่อนว่าของที่ขายไปจะได้เงินมาสักเท่าใดกัน
สองสาวใช้กลับมาถึงเรือนแล้ว ทว่าในมือมีเพียงกระดาษแผ่นเดียวเท่านั้น พอจ้าวเหม่ยหลินเห็นก็ขมวดคิ้วทันที
“แค่นี้หรือ?” ร่างเล็กถามขึ้น
“เ้าค่ะ เงินไม่พอจะซื้อหมึกกับพู่กัน…” เสี่ยวอวี้ตอบเสียงแ่
จ้าวเหม่ยหลินนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นข้าจะต้องกลับจวนรองเสนาบดีคลังเสียแล้ว”
แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดมากไปกว่านี้ สองสาวใช้ก็รีบคัดค้านทันที “ไม่ได้นะเ้าคะ ที่นั่นอันตรายมาก อีกอย่างเมืองหลวงอยู่ห่างจากที่นี่ จะเดินทางอย่างไรกัน?”
หากคุณหนูจ้าวกลับจวนคงอยู่ไม่เป็สุขแน่ ไหนจะฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินรองและยังมีน้องสาวอย่างจ้าวิจูที่คอยเกลียดซังนาง
จ้าวเหม่ยหลินยกยิ้มมุมปากแล้วตอบเสียงมั่นใจ “ก็ให้พวกเขามารับข้าเองสิ”
วาจานั้นสิ้นสุดนางก็โน้มตัวลงกระซิบข้างหูของสาวรับใช้แต่ละคน เสียงหัวเราะร่าเริงอย่างภูมิใจกับแผนการของจ้าวเหม่ยหลินก็ดังขึ้นทันที
เสี่ยวอวี้ยิ้มบาง พลางพยักหน้า “เช่นนั้นปล่อยให้บ่าวจัดการเองเ้าค่ะ” ั้แ่คุณหนูจ้าวเปลี่ยนไปจากเดิม ชีวิตของนางก็ไม่เคยได้อยู่อย่างสงบสุขต้องคอยระแวงอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่เพราะความโกรธเกรี้ยวของคุณหนูหากแต่เป็ความขี้เล่นเกินคาดเดา ไม่รู้ว่าจะมีอะไรแผลงๆโผล่มา วันดีคืนดีนางอาจจะสั่งขายเรือนก็เป็ได้ ปล่อยให้คุณหนูกลับจวนอาจเป็เื่ที่ดี
ส่วนทางด้านซูจินยังคงยุ่งอยู่กับการหาอุปกรณ์ทำอาหาร นางเดินวนไปมาก่อนจะหยิบใบไม้มาห่อข้าวที่มีอยู่น้อยนิด แล้วจากนั้นก็นำไปย่างท่ามกลางกลิ่นควันและความเงียบงันในครัว วันนี้คุณหนูของนางไม่ต้องอดข้าวแล้ว
เสียงนกกระจิบร้องเจื้อยแจ้วทั่วลาน
ยามรุ่งอรุณยังมาไม่ถึง ทว่าในยามนี้ที่ควรสงบกลับเต็มไปด้วยข่าวลือหนาหู ‘บุตรสาวของรองเสนาบดีคลังที่ถูกส่งตัวไปอยู่เรือนนอกนั้น ถูกกลั่นแกล้งอย่างสาหัส ผู้อยู่เื้ัก็มิใช่ใครอื่นหากแต่เป็ฮูหยินรองเสียเอง’
ภายในจวนจ้าว หญิงวัยกลางคนในชุดผ้าสีขาวเรียบหรูกำลังร้อนใจ นางนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นิ้วมือเคาะบนโต๊ะอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยออกมา “เสี่ยวอวี้เคยรายงานว่านางตายไปแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงมีข่าวเช่นนี้เล่า?”
สาวใช้ข้างกายที่ชื่อซูเซียวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนรีบตอบกลับเสียงเบา
“บางทีอาจเป็แผนของคุณหนูใหญ่ เพื่อใส่ร้ายฮูหยินรองเ้าค่ะ”
เกาฟางหรี่ตาลงเล็กน้อย จ้องสาวใช้แล้วกล่าวช้าๆ “นางร้ายกาจถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”
ซูเซียวพยักหน้า “หรือไม่…ก็อาจอยากกลับมาแย่งตำแหน่งคุณหนูใหญ่คืนเ้าค่ะ”
เกาฟางแค่นเสียงเยาะ “เหอะ! คิดว่าข้าจะยอมง่ายๆ หรือ?” นางเว้นจังหวะกลืนน้ำลายแล้วกล่าวต่อ “แต่หากจะดับข่าวลือให้สิ้น…ก็มีอยู่ทางเดียวคือต้องรับนางกลับจวน”
ฮูหยินรองเกากัดฟันแน่น “ิจูอยู่ที่ใด?”
“อยู่เรือนฮูหยินผู้เฒ่าเ้าค่ะ” ซูเซียวตอบทันที
“ดี…ข้าจะไปปรึกษาท่านรองเสนาบดีเสียหน่อย คงต้องรีบจัดการรับนางกลับมาเสีย ก่อนข่าวลือจะลุกลามใหญ่โต” แม้ไม่อยากรับลูกเลี้ยงกลับจวน แต่หากปล่อยเื่ยืดเยื้อชื่อเสียงของนางก็อาจจะได้รับผลกระทบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้