สายตาของเย่เทียนเซี่ยกวาดมองไปรอบๆ มอนสเตอร์ที่มาใหม่มีจำนวนทั้งหมด 12 ตัว พวกมันกำลังโบกโครงกระดูสีขาวที่ชวนให้คนสั่นกลัวไปมาแล้วตีวงล้อมเข้ามาใกล้เย่เทียนเซี่ยที่เป็เป้าหมายทีละก้าวๆจากทิศทางที่แตกต่างกัน
“ฮือ.....ฮือ.......ที่นี่คือที่ไหนเหรอเ้าคะ...... งื้อ....... กลิ่นเหม็นมากเลยเ้าค่ะ...... เอ๋? ของแปลกๆพวกนั้น..... อ๊าย!!!”
กั่วกัวเบิกตากว้างทันทีที่มองไปยังโครงกระดูกรอบๆอย่างชัดเจน เสียงกรีดร้องอย่างกะทันหันทำให้เย่เทียนเซี่ยแทบทนไม่ไหวจนเกือบจะทิ้งห้วงเวลาแห่งโชคชะตาแล้วยกมือขึ้นปิดหูแทน.......
“กรี๊ดๆ!!! น่ากลัว.......น่ากลัวมากเลยเ้าค่ะ..... นายท่าน.......นายท่านๆๆๆ นายท่านอยู่ไหมเ้าคะ.... พวกมันน่ากลัวมากเลย........ฮือๆๆ....” สองมือของกั่วกัวกอดคอเย่เทียนเซี่นแน่น แรงของเธอแทบจะทำให้เย่เทียนเซี่ยหายใจไม่ออก หัวน้อยๆของเธอซุกลงกับซอกคอของเขา ไม่กล้าปล่อยมือและยิ่งไม่กล้าลืมตาขึ้นมา
เธอก็เหมือนกันเด็กสาวคนอื่นๆที่ชื่อชอบของสวยๆงามๆ ดังนั้นกั่วกัวจึงมีการปฏิเสธและมีความหวาดกลัวต่อมอนสเตอร์ที่สกปรกและน่าเกลียดน่ากลัวอย่างมากโดยสัญชาติญาณ เย่เทียนเซี่ยรู้สึกได้ถึงร่างอันสั่นเทาของเธอ........ เขารับรู้ได้แม้กระทั่งน้ำตาที่ไหลออกมาจนชุ่มเพราะความใกลัว
ในที่สุด........เย่เทียนเซี่ยก็หาสิ่งที่ทำให้กั่วกัวกลัวเจอสักที
“อืม กั่วกัวไม่ต้องกลัว คอยดูนะเดี๋ยวนายท่านจะกำจัดพวกมันไปให้หมดเดี๋ยวนี้แหละ” เป็ครั้งแรกที่เขาถูกกั่วกัวใช้เป็ที่พึ่งอย่างนี้ เย่เทียนเซี่ยที่มักจะถูกกั่วกัว “จูงจมูก” อยู่ตลอดเวลาในที่สุดก็หาความรู้สึกนั้นที่เขาควรจะมีในฐานะเ้านายเจอสักที (ไอ้ความรู้สึกนั้นนี่มันควรจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ?) เขายกห้วงเวลาแห่งโชคชะตาขึ้นมาก่อนจะกำหนดทิศทางแล้วพุ่งตัวออกไปยังทหารโครงกระดูกที่อยู่ด้านหน้า
มนุษย์ : เซี่ยเทียน
ระดับ : เลเวล 14
อาชีพ : ไม่มี
ชื่อเสียง : 220
เงิน : 1023 เหรียญทอง
ระดับความหิว : 30/195
คุณสมบัติพื้นฐาน : พละกำลัง 95, ความแข็งแกร่ง 22, ความคล่องตัว 19, จิติญญา 19
คุณสมบัติถาวร : โชค 12, ความฉลาด 12, เสน่ห์ 22
พลังชีวิต : 560
มานา : 300
พลังโจมตีทางกายภาพ : 252
พลังโจมตีด้วยเวทมนต์ : 38
พลังป้องกันทางกายภาพ : 26
การสร้างความเสียหาย : 19
การหลบหลีก : 19
การตอบสนอง : 72
การรับรู้ :53
สมาธิ : 42
ระดับความเร็วในการโจมตี : 100
ระดับความเร็วในการเคลื่อนที่ : 100
การฟื้นฟูพลังชีวิต : 5 (ฟื้นฟูพลังชีวิตโดยอัตโนมัติ 5 หน่วยทุกวินาที)
การฟื้นฟูพลังเวทย์ : 0
ความต้านทานธาตุไฟ : 3%
ความต้านทานธาตุน้ำ : 3%
ความต้านทานธาตุลม : 3%
ความต้านทานธาตุสายฟ้า : 8%
ความต้านทานธาตุดิน : 3%
ความต้านทานธาตุแสง : 3%
ความต้านทานธาตุความมืด : 3%
นี่คือสถานะของเย่เทียนเซี่ยที่เลเวล 14 รางวัลคุณสมบัติจากการผ่านการทดสอบระดับนรกบวกกับคุณสมบัติเพิ่มพลังชีวิต 200 หน่วยของแหวนแห่งชีวิต ทำให้พลังชีวิตของเขาในตอนนี้อยู่ที่ 560 หน่วย ตัวเลขนี้ใกล้เคียงกับนักรบทั่วไปที่มีเลเวลเท่ากันเลยทีเดียว แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับผู้พิทักษ์ที่มีเลเวลเท่ากันอยู่ดี เพราะอาชีพ....... หากจะพูดถึงผู้พิทักษ์แล้ว ค่าคุณสมบัติที่ถูกเพิ่มขึ้นมาโดยการเปลี่ยนอาชีพจากผู้พิทักษ์ฝึกหัดมาเป็ผู้พิทักษ์ที่แท้จริงจะทำให้พลังชีวิตของพวกเขาเพิ่มขึ้นมา 300 หน่วย
และเนื่องจากคุณสมบัติอันแข็งแกร่งของห้วงเวลาแห่งโชคชะตา ความสามารถในการโจมตีของเย่เทียนเซี่ยจึงยังคงนำหน้าอาชีพที่เน้นการโจมตีเป็หลักในเลเวลเดียวกันอยู่ แต่หากดูจากภาพรวมแล้ว คุณสมบัติของเขาในเวลานี้ยังคงล้ำหน้าผู้เล่นธรรมดาที่มีเลเวลเท่ากันอยู่เล็กน้อยเท่านั้น ขณะเดียวกันเขาก็ไม่มีทักษะโจมตีเลยแม้แต่อย่างเดียว ทว่าผู้เล่นคนอื่นๆกลับมีทักษะโจมตีมากมาย ดังนั้นนี่จึงเป็จุดอ่อนของเขา
แต่คุณสมบัติพร์ของเขาอันประกอบด้วย การตอบสนอง : 72, การรับรู้ :53, สมาธิ : 42 ก็เป็คุณสมบัติที่ห่างไกลจากคุณสมบัติพร์ของผู้เล่นธรรมดาอยู่มากจนทำให้ปรากฏผลอันน่ากลัวและชวนตื่นตะลึง
ผู้แข็งแกร่ง แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยมีสาเหตุอยู่แล้ว
ภายใต้แสงสลัวของความมืดห้วงเวลาแห่งโชคชะตาก็วาดออกไปเป็เส้นสีดำในครั้งแรก ขณะที่มันพุ่งเข้าใส่ทหารโครงกระดูกสามตัว การโจมตีจากทหารโครงกระดูกอีกสามตัวก็มาถึงร่างของเขาพร้อมกัน
-201,-204,-200。
-59,-62,-60!
พลังชีวิตของทหารโครงกระดูกเลเวล 17 ยังเทียบไม่ได้กับพลังชีวิตของแรคคูนน้อยเลเวล 15 ที่เย่เทียนเซี่ยเคยฆ่าไปก่อนหน้านี้ ทว่าความสามารถในการป้องกันของพวกมันกลับแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าร่างกายของพวกมันจะเหลือแต่โครงกระดูกแต่ความสามารถในการป้องกันของพวกมันก็นับว่าแข็งแกร่งทีเดียว เมื่อทหารโครงกระดูกสามตัวโจมตีเข้ามาหนึ่งครั้ง พลังชีวิตของเย่เทียนเซี่ยก็ลดลงเกือบหนึ่งในสามของพลังชีวิตทั้งหมด การโจมตีสามครั้งจากทหารโครงกระดูกสามตัวก็สามารถทำให้เย่เทียนเซี่ยมาอยู่ในจุดนี้ได้แล้ว ถ้าทหารโครงกระดูกที่อยู่รอบๆสิบกว่าตัวโจมตีเข้ามาที่เขาเป็จุดเดียวพร้อมกันพวกมันก็คงจะสามารถจัดการเขาได้ทันทีภายใต้การโจมตีเพียงครั้งเดียว
สีหน้าของเย่เทียนเซี่ยไม่มีความเปลี่ยนแปลง ร่างกายของเขาไม่ขยับเขยื้อน เขาทักทายทหารโครงกระดูกที่โจมตีถูกร่างกายของเขาก่อนหน้านี้ด้วยการโจมตีออกไปเป็วงเล็กๆในแนวนอนอย่างสวยงาม ทำให้พลังชีวิตของเ้าโครงกระดูกทั้งสามตัวลดลงถึงครึ่งหนึ่ง
-60,-62,-93!
การโจมตีทั้งสามครั้งของทหารโครงกระดูกสามตัวฟาดลงมาโดนตัวของเย่เทียนเซี่ยพร้อมกันอีกครั้ง และตัวเลขความเสียหายจากการโจมตีครั้งสุดท้ายที่สร้างความเสียหายได้ถึง 150% ก็ทำให้พลังชีวิตของเย่เทียนเซี่ยลดลงจนต่ำกว่า 100 หน่วย ในตอนนั้นเองการเคลื่อนไหวโดยรอบไม่ว่าจะเป็การก้าวเท้าหรือการขยับมือกระดูกของบรรดาโครงกระดูทั้งหลายก็พุ่งเข้ามาใกล้เย่เทียนเซี่ยในทันที
รอยยิ้มเย็นปรากฏขึ้นบนมุมปากของเย่เทียนเซี่ยก่อนจะหายไปในชั่วพริบตา เท้าของเขาก้าวหลบไปหนึ่งก้าวก่อนจะหมุนตัวเก้าสิบองศาแล้วใช้พื้นที่การเคลื่อนไหวที่เล็กที่สุดหลบหลีกการโจมตีจากทหารโครงกระดูกทั้งหมดไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากนั้นเขาจึงปลดปล่อยเสียงคำรามต่ำออกมาจากปากของเขาเบาๆ
“าคลั่ง!!”
แสงสลัวเปล่งประกายออกมาจากร่างของเย่เทียนเซี่ยก่อนจะหายวับไป ความรู้สึกบ้าคลั่งที่หาทางระบายออกไม่ได้อัดแน่นอยู่ในอกของเย่เทียนเซี่ย....... ระดับความสมจริงของ World of Fate นั้นน่าใมาก ดังนั้นทักษะนี้จึงส่งผลสมบูรณ์แบบเกินจะบรรยายต่ออารมณ์ของผู้เล่น ทว่าเย่เทียนเซี่ยไม่เพียงไม่ปฏิเสธความรู้สึกเช่นนี้ แต่เขากลับชอบมันเสียด้วยซ้ำ และยังรู้สึกเหมือนโหยหาความรู้สึกเช่นนี้อยู่ในใจลึกๆ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยจนกลายเป็รอยยิ้มบิดเบี้ยวอันเย็นเยียบ เขาะโโจมตีออกไปเป็แนวนอนพุ่งตรงไปยังเป้าหมายด้านหน้าด้วยลมหายใจอันบ้าคลั่ง
-275,-270,-552,-271
ท่าทางของเขาเปลี่ยนเป็โเี้ การโจมตีของเขาดุร้ายมากขึ้น และร่างกายของเขาก็คล่องตัวมากขึ้นด้วย มันเป็ความรู้สึกที่ทำให้เขารู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก
การเผชิญหน้ากับศัตรูภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เพียงคนเดียวเป็เวลาที่เขาจะสามารถปลดปล่อยพลังทั้งหมดของเขาออกมาถึงขีดสุดได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทหารโครงกระดูกเลเวล 17 สำหรับผู้เล่นธรรมดาแล้วทักษะ ‘าคลั่ง’ ถือเป็ทักษะที่รนหาที่ตายโดยแท้ ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าคงสถานะเช่นนี้ไว้ขณะต่อสู้กับมอนสเตอร์เพียงเพื่อที่จะเพิ่มพลังโจมตีและความเร็วแน่นอน แต่เย่เทียนเซี่ยคือคนที่คาดไม่ถึงอย่างน่ากลัว เมื่อเขาได้รับทักษะที่สามารถนำมาใช้ในการต่อสู้เพียงทักษะเดียวนี้มา มันไม่ได้ทำให้เขากังวลหรือระมัดระวังมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม....... เขากลับตื่นเต้น
การโจมตีครั้งนี้ทำให้ทหารโครงกระดูกสามตัวถูกโจมตีจนหลอดเืว่างเปล่า พวกมันถูกซัดล้มลงบนพื้นราวกับเป็ของเล่นจนกลายเป็เศษซากกระดูก........ ทว่ากลับไม่มีเงินหรือไอเทมใดๆดรอปออกมาจากร่างของมันเลย เย่เทียนเซี่ยรีบกลับตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อคำนวณระยะห่างอย่างดีแล้วแขนทั้งสองข้างก็โบกสะบัดโจมตีออกไปเป็รัศมีขนาดใหญ่หนึ่งครั้ง การโจมตีเพียงหนึ่งครั้งนั้นฟาดฟันลงบนร่างของทหารโครงกระดูกถึงห้าตัว เมื่อห้วงเวลาแห่งโชคชะตาััถูกร่างของทหารโครงกระดูกก็ก่อให้เกิดเสียง “แกร๊งๆๆ” ตามมาราวกับกระดูกถูกฟันด้วยมีดอย่างไรอย่างนั้น
แกร๊ง!
แกร๊ง!
แกร๊ง!
เวลาเพียงชั่วพริบตาทหารโครงกระดูกห้าตัวก็ลมลงด้วยน้ำมือของเย่เทียนเซี่ย เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เทียนเซี่ยที่มีปฏิกิริยาตอบสนองและการรับรู้อันแข็งแกร่งจนเรียกได้ว่าผิดปกติ ทหารโครงกระดูกที่มีการเคลื่อนไหวชักช้า เดินหนึ่งก้าวสั่นไปสามก้าวอย่างเ้าพวกนี้จึงแทบจะเป็ไปไม่ได้เลยที่จะััถูกเย่เทียนเซี่ย และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเย่เทียนเซี่ยที่มีความเร็วเพิ่มขึ้นถึง 30% จึงยิ่งทำให้ขอบเขตการโจมตีของทหารโครงกระดูกพวกนี้ไม่อาจััถูกแม้แต่ชายเสื้อของเย่เทียนเซี่ย
ภายใต้สภาพแวดล้อมอันมืดมิดที่มีไอความมืดหนาแน่นนี้ เงาร่างสั่นไหวของเย่เทียนเซี่ยขณะต่อสู้กับโครงกระดูกเ่าั้ก็ยิ่งเหมือนกับภูติผีจริงๆ
แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง!
ทหารโครงกระดูกอีกสามตัวถูกเย่เทียนเซี่ยโจมตีอีกสามครั้งอย่างต่อเนื่องจนล้มลงบนพื้น เย่เทียนเซี่ยปรายตามองพวกมันเล็กน้อย และเมื่อมองไปยังทหารโครงกระดูกสามตัวสุดท้ายั์ตาของเขาก็เปล่งประกาย ร่างกายที่สั่นไม่หยุดของทหารโครงกระดูกถูกชักนำมาภายใต้เงาร่างที่แทบจะมองไม่เห็น ภายใต้การชักนำของเย่เทียนเซี่ยทหารโครงกระดูกสามตัวก็มายืนรวมตัวกันในที่สุด พวกมันเข้ามาใกล้เขาจากเส้นทางหนึ่งด้วยท่าทางบิดเบี้ยว แล้วทันใดนั้นเย่เทียนเซี่ยก็หมุนตัวกลับมาและทำการโจมตีสุ่มๆไปที่พวกมันทั้งสามตัว
เย่เทียนเซี่ยจัดการมอนสเตอร์จนเกลี้ยง ที่พื้นรอบๆเท้าของเขาเต็มไปด้วยเศษซากกระดูกกองกระจัดกระจายเต็มไปหมด ทหารโครงกระดูกตั้ง 12 ตัวแต่ไม่มีอะไรดรอปออกมาเลยแม้แต่อย่างเดียว แม้กระทั่งเหรียญทองแดงสักเหรียญก็ยังไม่มี....... นี่มันแย่ยิ่งกว่าชาวเมืองกู่ผิงซะอีก
“ฮือๆ..... ฮือๆ....... น่ากลัวจังเลยเ้าค่ะ น่ากลัวจังเลย...... นายท่าน พวกเราไปจากที่นี่ดีไหมเ้าคะ กั่วกัวกลัวมากเลยเ้าค่ะ..........”
ร่างของกั่วกัวขดตัวจนเป็ก้อนกลมๆจนแทบจะจมลงไปในซอกคอของเย่เทียนเซี่ย ดวงตาของเย่เทียนเซี่ยกวาดมองไปรอบๆครั้งหนึ่ง หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีทหารโครงกระดูกตัวใหม่ปรากฏตัวขึ้นมาอีกเขาก็จัดการยกเลิกทักษะ ‘าคลั่ง’ ความบ้าคลั่งในใจของเขาก็กลับกลายเป็ความสงบ ขณะเดียวกันในใจของเขาก็เกิดความสงสัยอย่างห้ามไม่ได้....... ชั้นที่หนึ่งของถ้ำหัวกะโหลกกว้างขวางมาก แต่ทำไมมีมอนสเตอร์โผล่มาแค่สิบกว่าตัวเท่านั้น?
“เอาล่ะกั่วกัว มอนสเตอร์น่ากลัวๆพวกนั้นถูกนายท่านจัดการไปหมดแล้วนะ” เย่เทียนเซี่ยยกมือตบก้นของกั่วกัวเบาๆ แล้วพูดออกมาอย่างใจเย็น
กั่วกัวค่อยๆเงยหน้าขึ้นอย่างระวัง เธอขยับหันซ้ายหันขวา และหลังจากดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีมอนสเตอร์น่ากลัวๆอีกแล้วจริงๆร่างของเธอถึงผ่อนคลายลง ร่างกายเล็กๆนั่งอยู่บนไหล่ของเย่เทียนเซี่ยก่อนจะพูดออกมาทั้งที่ยังคงกลัวอยู่ “นายท่าน พวกเราไปจากที่นี่ดีไหมเ้าคะ ที่นี่มืดมากเลย มันน่ากลัวมากจริงๆ....... มันจะต้องมีมอนสเตอร์ที่น่ากลัวๆเหมือนพวกเมื่อกี้โผล่มากอีกแน่ๆเลยเ้าค่ะ.......”
เย่เทียนเซี่ยกระตุกยิ้มมุมปาก จากนั้นจึงแสดงสีหน้าจริงจังสุดๆออกมาทันที “วางใจเถอะ มอนสเตอร์เมื่อกี้ถูกจัดการไปหมดแล้ว มันไม่ออกมาอีกแล้วล่ะ...... แต่ว่า....... ที่นี่ไม่ได้มีแค่มอนสเตอร์น่ากลัวๆเหมือนพวกเมื้อกี้อีกเยอะแยะเท่านั้นนะ แต่ยังมีมอนสเตอร์ที่น่ากลัวกว่าพวกนั้นอีกมากเลยล่ะ!”
“อ๊า......” สองมือของกั่วกัวกุมหน้าอกไว้ ฟันน้อยๆของเธอสั่นกระทบกันอย่างรุนแรง
น้ำเสียงของเย่เทียนเซี่ยเปลี่ยนเป็เย็นเยียบทำให้กั่วกัวที่ได้ยินถึงกับตัวสั่นไปทั้งตัว “โครงกระดูกเมื่อกี้เป็โครงกระดูกที่สมบูรณ์ ก่อนที่ฉันจะมาที่นี่มีคนบอกฉันมาว่าที่นี่ยังมีโครงกระดูกที่ไม่สมประกอบอยู่อีกเยอะแยะเลยล่ะ พวกมันมีเืท่วมแล้วก็ไม่มีหัวด้วย แต่พวกมันจะยืดลิ้นออกมาจากคอเพื่อกินคนแทน พวกเขายังบอกอีกว่าโครงกระดูกที่น่ากลัวพวกนี้น่ะชอบกินเด็กผู้หญิงที่สุดเลย......”
ทั่วร่างของกั่วกัวสั่นสะท้าน ใบหน้าเล็กๆที่ขาวราวหิมะเปลี่ยนเป็ขาวซีด แล้วจากนั้นเธอก็ส่งเสียง “ว๊าย” ออกมาครั้งหนึ่งแล้วกอดคอเย่เทียนเซี่ยแน่นจนแทบจะทำให้เขาขาดอากาศหายใจตาย ปากเล็กๆนั่นยังคงส่งเสียงร้องโวยวายด้วยความกลัวออกมาไม่หยุด
ผลที่ได้สมบูรณ์แบบ ในที่สุดเย่เทียนเซี่ยก็เก็บงำสีหน้าต่อไปไม่ไหว เขายิ้มออกมาอย่างพอใจ และหัวเราะจนน้ำตาแทบเล็ดออกมา “ฮ่าๆๆๆๆ..... ที่แท้กั่วกัวก็กลัวอะไรแบบนี้นี่เอง ที่พูดไปทั้งหมดนั่นฉันหลอกกั่วกัวเล่นน่ะ จะไปมีไอ้ของแบบนั้นได้ยังไงกัน ฮ่าๆๆๆๆๆ........”
“แต่..ต....ต........ต..... แต่ว่า......น.....นนนนน......นายท่าน........มัน.........มันอยู่ข้างหลังของนายท่านไงล่ะเ้าคะ!!!!!”
“!@#¥%……” เย่เทียนเซี่ย
เย่เทียนเซี่ยรีบหันกลับมาทันที แล้วทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด
