ใบหน้าของหวังเสี่ยวเชี่ยนเต็มไปด้วยความหดหู่ นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างหมดหนทาง "เพียงแต่ว่าข้าทำอะไรไม่เป็เลยสักอย่าง"
สาวโสดที่ยังไม่ออกเรือนคนนี้อยากจะดูแลผู้ชายนอกบ้าน?
ไม่ว่าหลินกู๋หยู่จะโง่เง่าในเื่ความรักมากเพียงใด แต่กระนั้นนางก็เข้าใจความคิดของหวังเสี่ยวเชี่ยน
สาวงามแสนดีเอย เ้าเป็ที่หมายปองของชายหนุ่ม
เป็ไปได้หรือไม่ว่าสาวงามที่ฉือเย่หมายความถึงในหนังสือคนนั้นจะเป็หวังเสี่ยวเชี่ยน?
หลินกู๋หยู่เม้มปากด้วยรอยยิ้ม มองใบหน้าหวังเสี่ยวเชี่ยนด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย และพูดเบาๆ ว่า "ถ้าเขารู้ว่าเ้ามีความคิดเช่นนี้ เขาต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอน"
“จริงหรือ?” หวังเสี่ยวเชี่ยนอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น สายตามองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยความประหม่า “เขาจะมีความสุขจริงๆ หรือ?”
หลินกู๋หยู่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "แต่กระนั้นเ้าก็อย่าซักไซ้ถามเขาให้ชัดเจนเกินไป เื่เช่นนี้ถามอ้อมๆ จะเป็การดีกว่า"
หวังเสี่ยวเชี่ยนเม้มริมฝีปากแน่น โดยพยายามไม่ฉีกยิ้มร่า เพียงแต่ดวงตาที่คล้ายรูปจันทร์เสี้ยวคู่นั้นกลับทรยศต่ออารมณ์ที่เปี่ยมไปด้วยความสุขเบิกบานใจของนาง
“ข้าควรจะถามว่าอย่างไรดี?” รอยยิ้มบนใบหน้าของหวังเสี่ยวเชี่ยนสว่างสดใสมากขึ้น ในมือถือผ้าขนหนูไว้ นางอดไม่ได้ที่จะบิดผ้าเช็ดหน้า “พี่สะใภ้สาม พี่คิดว่าข้าควรจะถามเขาว่าอย่างไรดี?”
สำหรับเื่เช่นนี้ หลินกู๋หยู่ก็ไม่รู้พอๆ กับหวังเสี่ยวเชี่ยน เดิมทีนางก็ไม่เชื่อเื่ความรัก แต่เมื่อเห็นท่าทีของหวังเสี่ยวเชี่ยนคล้ายตกหลุมรักบางคนเข้าแล้ว มุมปากของนางก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้นเป็รอยยิ้ม "หรือว่าเมื่อเ้ามีเวลาว่าง เ้าก็ไปหาเขาบ่อยขึ้น?”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด รอยยิ้มบนใบหน้าของหวังเสี่ยวเชี่ยนค่อยๆ แข็งขึ้น หว่างคิ้วของนางขมวดเล็กน้อย ริมฝีปากของนางก็ส่อแววเป็กังวล "ท่านแม่ของข้าไม่ปล่อยให้ข้าออกไปข้างนอก ท่านแม่บอกว่า เด็กผู้หญิงเมื่อโตแล้วอย่าไปใกล้ชิดกับผู้ชายนอกบ้านมากเกินไป”
“พี่สะใภ้สาม” หวังเสี่ยวเชี่ยนยื่นมือไปจับมือของหลินกู๋หยู่ เอ่ยถามอย่างประหม่าว่า “พี่ช่วยข้าถามฉือเย่ว่าเขาชอบใครดีหรือไม่?”
เช่นนี้?
หลินกู๋หยู่ทิ้งตัวนั่งลงบนตั่งไม้ด้วยความลำบากใจ
โต้ซาใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่าทางคล้ายยังคงง่วงซึม นอนอยู่บนตักของหลินกู๋หยู่โดยไม่เข้าใจว่าท่านน้ากำลังพูดถึงอะไร
“พี่สะใภ้สาม” หวังเสี่ยวเชี่ยนจับมือหลินกู๋หยู่ พูดอย่างเศร้าใจว่า “ข้าไม่สามารถพูดคุยกับพี่สะใภ้ใหญ่ได้ และถ้าข้าไปบอกพี่สะใภ้รองเกี่ยวกับเื่นี้ละก็ ทุกคนในหมู่บ้านจะได้รู้เื่นี้แน่”
ในยุคนี้ ชื่อเสียงของหญิงสาวนั้นเป็สิ่งที่สำคัญที่สุด
หลินกู๋หยู่ทนไม่ได้ที่เด็กสาวตัวเล็กๆ ยืนอ้อนอยู่ตรงหน้านาง จากนั้นนางก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า "ถ้าข้ามีเวลาว่าง ข้าจะช่วยถามให้ดีหรือไม่?"
ในตัวอำเภอเมือง
วันนี้ไม่ใช่วันที่มีตลาดนัด ในเมืองจึงมีผู้คนไม่มากนัก
ฉือหางกำลังลากเกวียนลา ไม่ว่าเขาจะเดินไปทางใด กลุ่มคนก็มักจะมองมาทางเขาเสมอ สิ่งที่พวกเขามองเป็หลักนั้นคือสิ่งที่อยู่บนเกวียนลา
ปัจจุบันคนที่สามารถฆ่าหมาป่าได้นั้นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ฉือหางลากเกวียนไปที่ประตูด้านหลังของโรงเตี๊ยมอู่ฝู[1] ทันทีที่เขาหยุดเกวียนลา เขาก็เห็นเสี่ยวเอ้อ[2] ของโรงเตี๊ยมเดินออกมาต้อนรับจากด้านใน
"ฉืออู่ เ้าหายป่วยแล้วหรือ ก่อนหน้านี้ข้าได้ข่าวมาว่าเ้าป่วยไม่ใช่หรือ?" เสี่ยวเอ้อในโรงเตี๊ยมและฉือหางคุ้นเคยกันดี เขาชำเลืองมองสิ่งที่อยู่บนเกวียนลาปราดหนึ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เป็ประกายสดใสยิ่งขึ้น
“ข้าหายป่วยแล้ว” ฉือหางหยิบเหรียญทองแดงสองสามเหรียญออกมาจากแขนเสื้อของเขายัดใส่ในมือของเสี่ยวเอ้อ “เ้าไปเรียกเถ้าแก่มาดูว่าหมาป่าตัวนี้ราคาเท่าไร?”
“หมาป่างั้นหรือ?” เสี่ยวเอ้อฟังคำพูดของฉือหาง พรวดมองสิ่งที่อยู่บนเกวียนลาด้วยใบหน้าสยองขวัญ สายตามองจากศีรษะจรดปลายเท้าของฉือหาง “เ้านี่เก่งจริงๆ สิ่งนี้กว่าจะได้มาไม่ใช่เื่ง่ายเลย ข้าเดาว่าเถ้าแก่จะต้องให้เงินเ้าจำนวนมากอย่างแน่นอน”
"ข้าก็แค่บังเอิญโชคดี"
ก่อนที่ฉือหางจะพูดจบ เขาก็ได้ยินเสี่ยวเอ้อพูดว่า "ข้าขอตัวไปเรียกเถ้าแก่"
หลังจากพูดจบ เสี่ยวเอ้อก็พรวดวิ่งเข้าไปในโรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว
ฉือหางจับสายบังเหียนเกวียนลาและยืนรอที่ประตู รอบๆ เขาล้อมด้วยผู้คนจำนวนมาก คนเ่าั้มองดูสิ่งที่อยู่บนเกวียนลาด้วยใบหน้าริษยา
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูสกุลจาง เป็บุรุษรูปร่างผอมสูง อายุประมาณสี่สิบปี
แม้ว่าจะมีโรงเตี๊ยมหลายแห่งในเมือง แต่เดิมฉือหางเคยติดต่อกับโรงเตี๊ยมทุกแห่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจขายสัตว์ที่ล่ามาได้ทั้งหมดให้แก่เถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝู นั่นเป็เพราะเถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูให้ราคาที่ยุติธรรม
เมื่อเถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูได้ยินเสี่ยวเอ้อบอกว่าฉือหางมาหา เขาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะคิดบัญชีต่อไป มองเสี่ยวเอ้ออย่างตื่นเต้น "กล่าวกันว่าเขาเป็ผู้ป่วยติดเตียงไปแล้วไม่ใช่หรือ?"
"แต่ตอนนี้เขาหายป่วยแล้ว" เสี่ยวเอ้อก็ตื่นเต้นเช่นเดียวกัน หลังจากฉือหางล้มป่วย อาหารประเภทเนื้อสัตว์ป่าในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็มีไม่มากนัก บางส่วนที่มีก็มาจากผู้อื่นนำมาขายเป็ครั้งคราวเท่านั้น กิจการในโรงเตี๊ยมก็ไม่ดีเช่นแต่ก่อนแล้ว
"เร็วเข้า รีบพาข้าไปดูเร็ว" นี่คือเงินที่ส่งถึงหน้าประตูเชียว เถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูก็เร่งฝีเท้าเดินออกไปข้างนอกอย่างตื่นเต้น
เมื่อเขาเห็นฉือหางยืนอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางคล้ายว่าเขาสบายดี เถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูก็เอ่ยพูดอย่างตื่นเต้น "ก่อนหน้านี้ข้าได้ข่าวมาว่าเ้าป่วย จึงสั่งคนให้ส่งเงินให้เ้าสองตำลึง โดยหวังว่าจะรักษาอาการป่วยของเ้าให้หายดีได้"
ฉือหางจ้องมองเถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูอย่างเลื่อนลอย บนใบหน้าของเขาฉาบด้วยรอยยิ้มกระอักกระอ่วน
สิ่งที่เถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูพูด ทำไมเขาถึงไม่รู้เื่นี้?
เมื่อเห็นท่าทางของฉือหาง เสี่ยวเอ้อที่อยู่ข้างๆ ก็พูดต่อไปว่า "ก็ให้ในวันที่เ้าแต่งงานอย่างไรเล่า?"
เมื่อได้ยินสิ่งที่เสี่ยวเอ้อพูด ในที่สุดฉือหางก็ตอบสนองและรีบพูดว่า "เถ้าแก่ ขอบคุณจริงๆ"
สายตาของเถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูจับจ้องไปที่สิ่งของบนเกวียนลาของฉือหาง ดวงตาของเขาเป็ประกายวาววับ เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้น
"นี่ นี่คือ?" เถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูมองดูสิ่งของบนเกวียนลาอย่างตื่นเต้น "หมาป่างั้นหรือ?"
"อืม" ฉือหางยื่นบังเหียนให้เสี่ยวเอ้อที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วเดินไปหาเถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝู "ข้าไม่รู้ว่าท่าน้าสิ่งนี้หรือไม่ แต่ข้านำมันมาให้ท่านดูก่อน"
“เอา เอาสิ เอาแน่นอนอยู่แล้ว!” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูผงกศีรษะอย่างตื่นเต้น “สิ่งนี้ ข้า้าแน่นอน”
พูดแล้ว เถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูก็เอ่ยถามว่า "ราคาตัวนี้..."
"เถ้าแก่ ท่านเสนอราคามาเถอะ" ฉือหางเป็คนคุยง่าย
"ห้าสิบอีแปะ[3] ต่อหนึ่งจิน" เถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง "เนื้อหมูที่ดีที่สุดของที่นี่ราคาอยู่ที่ยี่สิบสองอีแปะต่อหนึ่งจิน ส่วนเนื้อหมาป่าหายากมาก เช่นนี้ละกัน ไม่ว่าจะเนื้อส่วนดีหรือไม่ดี คิดในราคาห้าสิบอีแปะต่อหนึ่งจินทั้งหมด ดีหรือไม่?”
"ตกลง" ฉือหางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "ลองชั่งน้ำหนักดูว่าหนักกี่จิน"
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูชอบความตรงไปตรงมาของฉือหาง เขาะโเข้าไปข้างใน "หลายเหริน[4] ชั่งน้ำหนักสินค้า!"
ชายร่างใหญ่สองคนเดินออกมายกหมาป่าออกจากเกวียนลา วางไว้บนตาชั่งขนาดใหญ่แล้วชั่งน้ำหนัก
"หนึ่งร้อยสิบจิน" เถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูมองไปที่ตราชั่ง จากนั้นมองไปที่ฉือหางด้วยรอยยิ้ม "น่าจะห้าพันห้าร้อยอีแปะ เช่นนั้นข้าจะให้เงินห้าตำลึงกับอีกห้าร้อยอีแปะให้เ้า?"
"ตกลง" ฉือหางเปล่งเสียงตอบด้วยรอยยิ้ม "เถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูดูแลกิจการของข้าเช่นนี้ดีจริง"
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูชอบความตรงไปตรงมาของฉือหาง ดังนั้นเขาจึงสั่งคนงานให้นำเอาเงินห้าตำลึงและห้าร้อยอีแปะออกมา
เมื่อคนงานนำเงินออกมา เถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูก็ยื่นให้ฉือหางด้วยรอยยิ้ม
ฉือหางรับมันอย่างง่ายๆ แล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มซึ่งเจือด้วยความไม่มั่นใจเล็กน้อย "เถ้าแก่ ท่านพอจะรู้จักร้านรับซื้อหนังหมาป่าในราคาสูงหรือไม่ ข้ายังมีหนังหมาป่าหนึ่งแผ่นอยู่ในมือ"
ฉือหางพูดพลางหยิบหนังหมาป่าใต้ฟางบนเกวียนลาออกมา แม้ว่าหนังหมาป่าจะลอกจากเนื้อออกหมดแล้ว แต่เพราะมันมีรูอยู่สองสามรูจึงทำให้ดูไม่สมบูรณ์นัก
“นี่” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาลังเล “เ้าลองไปที่ร้านตระกูลเฉินดูสิ เป็ร้านที่อยู่ตรงข้ามเยื้องกับโรงเตี๊ยม ข้าจะให้เสี่ยวเอ้อพาเ้าไปที่นั่น”
"ขอบคุณเถ้าแก่"
ฉือหางวางเกวียนลาไว้ที่ทางเข้าด้านหลังของโรงเตี๊ยมก่อน เสี่ยวเอ้อก็พาฉือหางเดินจากด้านหลัง เดินอ้อมไประยะทางยาวไกล
เมื่อเขามาถึงทางเข้าร้านตระกูลเฉิน ฉือหางมองไปที่แผ่นไม้ประดู่สีทองบนแผ่นประตู เขาคิดในใจว่ามันสวยงามมาก
"ฉืออู่ ร้านนี้" เสี่ยวเอ้อพาฉือหางไปที่ประตูร้านสกุลเฉิน จากนั้นพูดว่า "เ้าเข้าไปถามด้านใน แล้วขอเงินให้ได้มากๆ"
"ข้ารู้"
"งั้นข้าขอตัวไปก่อน" เสี่ยวเอ้อ้าจะวิ่งกลับไปที่โรงเตี๊ยม แต่จู่ๆ ราวกับว่าเขาคิดอะไรบางอย่างได้ เขาดึงฉือหางแล้วเดินเข้าไป "ข้าจะช่วยเ้าต่อรองราคาให้!"
ฉือหางเดินตามเสี่ยวเอ้อเข้าไปในร้านสกุลเฉิน มองดูขนสัตว์บนผนัง ก่อนที่จะทอดถอนหายใจเล็กน้อย
เถ้าแก่เฉินเห็นเสี่ยวเอ้อเข้ามาจึงเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม "เถ้าแก่ของเ้ามีขนดีๆ มาเสนอใช่หรือไม่ เอามาให้ข้าดูสิ"
เสี่ยวเอ้อดึงแขนของฉือหาง จากนั้นฉือหางก็หยิบหนังหมาป่าออกมาจากกระเป๋า
เถ้าแก่เฉินหยิบหนังหมาป่าจากมือของฉือหางอย่างด้วยฝ่ามือสั่นเทา บนขนยังมีเม็ดเืติดอยู่ประปราย อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "วิธีการถลกหนังแผ่นนี้ดีกว่าที่พวกเ้าส่งมาก่อนหน้านี้มาก"
เมื่อก่อนฉือหางขายสัตว์และขนสัตว์ที่ล่ามาได้ทั้งหมดให้กับเถ้าแก่โรงเตี๊ยมอู่ฝูโดยตรง ส่วนใหญ่เป็พวกกระต่ายตัวเล็กๆ ไม่ใช่สัตว์ขนาดใหญ่
"ท่านคิดว่าสิ่งนี้ราคาเท่าไรหรือ?" เสี่ยวเอ้อหรี่ตายิ้มมองไปที่เถ้าแก่เฉิน เขาผลักฉือหางไปด้านหน้า "หนังที่ขายก่อนหน้าก็ได้มาจากเขาเช่นเดียวกัน"
เถ้าแก่เฉินและเถ้าแก่จางมีความสัมพันธ์ที่ดีเสมอมา เมื่อได้ยินสิ่งที่เสี่ยวเอ้อพูด เขาจึงพินิจมองหนังหมาป่าอย่างละเอียดถี่ถ้วน
"อืม" เถ้าแก่เฉินเงยหน้าขึ้นมองที่ฉือหาง "แม้ว่าขนาดตัวหมาป่าจะไม่ใหญ่มาก แต่ขนของมันไม่เลว เดิมทีสามารถขายได้ในราคาเจ็ดสิบตำลึง แต่มันมีรูอยู่บ้าง อืม ห้าสิบตำลึง ราคานี้!"
ฉือหางบิดตัวเบาๆ
เสี่ยวเอ้อเป็คนฉลาดมีไหวพริบ เขาก็เอนกายไปข้างหน้าเถ้าแก่เฉินด้วยรอยยิ้ม "เถ้าแก่ เถ้าแก่ของข้าบอกว่า ท่านคนเดียวที่รับซื้อขนสัตว์ ฉืออู่จะส่งสัตว์ป่ามาที่โรงเตี๊ยมของเราทุกครั้ง ถ้ามีหนังสัตว์ พวกเราจะส่งมาให้ท่าน วันข้างหน้าจะส่งให้ท่านตลอด ท่านให้เงินมากกว่านี้เถอะ!"
เมื่อก่อนทุกครั้งที่มาขายของ เสี่ยวเอ้อจะเป็คนมาขาย เขาเป็คนพูดจาฉะฉาน
เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่เฉินยังคงลำบากใจอยู่ เสี่ยวเอ้อพูดด้วยรอยยิ้มว่า "วันข้างหน้าอาจจะมีหนังสัตว์มากกว่านี้ ท่านช่วยให้เงินมากกว่านี้เถอะ"
"เช่นนี้แล้วกัน" เถ้าแก่เฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาพูดอย่างเป็ทุกข์ราวกับว่าเนื้อของเขาจะถูกตัดออกอย่างไรอย่างนั้น "เช่นนั้นให้ไปห้าสิบห้าตำลึง ไม่สามารถให้มากกว่านี้ได้อีกแล้ว"
"ตกลง" และฉือหางก็รู้สึกว่าไม่สามารถเป็ไปได้มากกว่านี้อีกแล้วเช่นกัน
หลังจากขายหนังหมาป่าแล้ว ฉือหางก็นำเงินใส่กระเป๋าด้วยความรู้สึกหวั่นกลัว นี่เป็ครั้งแรกที่เขาเห็นเงินจำนวนมากถึงเพียงนี้
“นี่ ข้าเรียกเ้าอยู่ ใครบอกให้เ้าเดินต่อ!” ทันใดนั้น น้ำเสียงอ่อนหวานที่เจือด้วยความหยิ่งยโสแว่วดังมาจากด้านหลัง
ฉือหางยังคงเดินไปข้างหน้าโดยไม่สนใจคนที่อยู่ข้างหลังเขาแม้แต่น้อย
“ข้าเรียกเ้า คนสกุลฉือ!”
ก่อนที่จะทันได้โต้ตอบ ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสูงไม่ถึงไหล่ของเขาก็ปรากฏตัวเบื้องหน้า ฉือหางหยุดฝีเท้าทันที
…………………………………………………………………
[1] โรงเตี๊ยมอู่ฝู คือ โรงแรมที่มีความหมายว่าโรงแรมความสุขห้าประการ
[2] เสี่ยวเอ้อ คือ บริกร หรือพนักงานในร้านทั่วไป ในโรงแรม เป็ต้น
[3] อีแปะ (อีแปะ) คือ หน่วยเงินสำริด (คือหน่วยเหรียญที่มีรู) ซึ่งมีค่าน้อยที่สุดในหน่วยเงินตราสมัยก่อนของจีน โดย 1000 อีแปะเท่ากับ 1 ตำลึง 1 เฉียนมี 100 อีแปะ
[4] หลายเหริน เป็คำที่พูดที่ใช้เมื่อร้องเรียกคนมาช่วยหรือมาทำตามคำสั่งใช้ของผู้เรียก ผู้ที่ใช้คำนี้ส่วนใหญ่จะมีศักดิ์เป็เ้าคนนายคน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้