“เพียงแต่อันใด? รีบว่ามาเร็ว เกิดอันใดขึ้นกับยียี?”
ท่าทีกระสับกระส่ายของจ่างกุ้ยทำให้เวินซีหวั่นใจ
“เพียงแต่ว่ายียีเขา...เขา...เห้อ คุณหนูเวินซีกลับไปดูเองเถิดขอรับ” จ่างกุ้ยปากสั่นเทา ไม่รู้จะเอ่ยออกมาอย่างไร
“ฮูหยินซ่ง ข้ายังมีเื่ที่ต้องทำ ขอตัวก่อนแล้วเ้าค่ะ”
เวินซีรีบบอกลาฮูหยินซ่งแล้วขึ้นรถไปกับจ่างกุ้ย
รถม้าวิ่งช้า ทำให้เวินซีร้อนใจ นางถือแส้หวดเข้าไปที่หลังม้าแรงๆ ม้าก็ร้องลั่น วิ่งออกไปด้วยความเร็ว
“เจอยียีที่ใด?” เวินซีถอยกลับเข้าไปในรถม้า
“คุณหนูเวินซี...เ้าหน้าที่ไปเจอเขาที่ ‘หอซุ่ยเฟิง’ ขอรับ”
จ่างกุ้ยมีสีหน้าเป็กังวล เขาถอนหายใจยาว ไม่กล้าเงยหน้ามองนาง
เวินซีกำแส้ม้าแน่นขึ้น ความอาฆาตเผยออกมาในแววตาของนางทันใด
หอซุ่ยเฟิงหรือ?
นั่นมิใช่หอนางโลมเพียงแห่งเดียวในเมืองนี้หรือ?
ผู้ใดพายียีเข้าไปกัน?
หากว่า...หากว่ายียีเป็อันใดไป นางจะทำลายหอซุ่ยเฟิงแน่
“คุณหนูเวินซี เตรียมใจให้พร้อมนะขอรับ”
ภายในรถม้า เสียงหนักแน่นของจ่างกุ้ยกระทบลงที่หัวใจของนาง
เวินซีเม้มริมฝีปาก มองออกไปบนถนนด้วยสายตาที่คาดเดามิได้
เมื่อรถม้าขับมาถึงหน้าร้านเครื่องหอม ยังไม่ทันที่จะได้จอดสนิทเวินซีก็ะโลงมา นางวิ่งเหยาะเข้าไปข้างในแล้วผลักประตูออก
ภายในห้องเต็มไปด้วยเ้าหน้าที่ สีหน้าของพวกเขาต่างแสดงความสงสาร จ้าวต้านยืนถือยาอยู่ถ้วยหนึ่ง เขาขมวดคิ้วลำบากใจอยู่ตรงหน้าเตียงที่ยียีขดตัวอย่างสั่นเทาอยู่ที่มุม
เมื่อทุกคนเห็นเวินซีเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบจึงหลีกทางให้
“ยียีเป็เช่นไรบ้าง?”
นางเอ่ยถาม เมื่อเดินไปที่ข้างเตียงก็เอื้อมมือไปจะััยียี แต่กลับถูกปัดออก
มือของนางได้เพียงแต่หยุดอยู่กลางอากาศ ทำอันใดมิได้
“เขาหวาดกลัวน่ะ ยามนี้ผู้ใดก็แตะต้องตัวเขามิได้” จ้าวซานพูดอย่างช่วยมิได้
“กลัวหรือ? หอซุ่ยเฟิงทำอันใดกับเขา?” เวินซีเก็บมือกลับ สายตามองดูยียีที่ไม่พูดอันใด
“ทุบตีเขา ให้เขาใส่ผ้าแพรโปร่ง บังคับให้เขารับแขก ในตอนที่เ้าหน้าที่ไปเจอ ยียีกำลังถูกบุรุษผู้หนึ่งตีเพราะขัดขืน”
“หอซุ่ยเฟิง”
เวินซีกัดฟันพูดสามคำนี้ แต่กลัวว่ายียีจะสติเตลิด นางจึงเก็บความโกรธไว้
“ยียี ข้าคือพี่สะใภ้ ให้ข้าช่วยดูเ้าหน่อยได้หรือไม่?” นางเดินมาใกล้อย่างอ่อนโยน
“มิได้ อย่า อย่าเข้ามาใกล้ข้า ออกไป ออกไปให้พ้น!” ยียีปัดมือมั่วไปมาอารมณ์ของเขารุนแรงมาก
ขณะนั้นแขนเสื้อของเขาก็เปิดออก เผยให้เห็นรอยฟกช้ำที่อยู่บนแขน
เวินซีหรี่ตา ก่อนจะสาดยาผงหอมนอนหลับออกไป ทำให้ยียีที่ขัดขืนอยู่บนเตียงเริ่มเข้าสู่ห้วงนิทรา
“อย่านะ ขอร้องล่ะ อย่า...” เขาส่ายศีรษะ พูดด้วยความมึนงงและมีน้ำตาไหลพราก
เมื่อเห็นเขาอยู่ในสภาพเช่นนี้ เวินซีก็เ็ปใจเหลือทน นางกอดเขาไว้ในอ้อมแขนอย่างเวทนา ก่อนจะค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าให้เขาอย่างอ่อนโยน
บนผิวขาวนวลเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียวจากการถูกทุบตี
นางหยิบเข็มเงินที่ติดตัวออกมา ปักลงบนร่างกายของเขาและใช้ยาทาให้เบาๆ
จ้าวต้านนั่งอยู่อีกฝั่งของยียี เขาเอื้อมมือมาช่วย
“ยียีอารมณ์ไม่มั่นคง ่นี้ต้องดูแลเขาให้ดีเป็พิเศษ อย่าให้เขาทำร้ายตนเองได้”
นางมองดูใบหน้าที่หลับใหลของยียีอย่างเป็กังวล เสียงร้องของเขายังคงดังก้องอยู่ในหู ในใจของนางก็ยิ่งเ็ป
หลังจากที่ทายาให้ก็พาเขากลับลงไปนอนบนเตียง จากนั้นเวินซีจึงลุกขึ้นด้วยท่าทีเคร่งขรึม “เหตุใดยียีถึงไปอยู่ที่หอซุ่ยเฟิงได้?”
ถึงเวลาที่นางจะต้องชำระบัญชีแล้ว
“เถ้าแก่ของหอซุ่ยเฟิงบอกเพียงอย่างเดียวว่านางซื้อยียีมาจากคนคนหนึ่ง นอกจากนี้ก็ไม่รู้อันใดแล้ว ยามนี้ท่านเ้าอำเภอซุนได้พาคนไปปิดล้อมหอซุ่ยเฟิงและกำลังสืบสวนอยู่”
จ้าวต้านวางยาลงบนโต๊ะ
“ข้าจะไปที่หอซุ่ยเฟิงเอง”
หากความโกรธแค้นนี้มิได้สะสาง ภายในใจของนางคงจะทรมานยิ่งนัก
“ข้าจะไปด้วย” จ้าวต้านเอ่ย
“มิต้องหรอก ต้องมีคนคอยดูแลยียี ข้าจะรีบกลับมา”
แผ่นหลังของนางที่น่าหวาดเกรงค่อยๆ หายไปจากห้อง เ้าหน้าที่เกรงว่าจะรบกวนการพักผ่อนของยียีจึงพากันกลับไปเช่นกัน
จ้าวต้านอดเป็ห่วงมิได้ เขาจึงแอบติดต่อจ้าวซาน เมื่อจ้าวซานมาถึง ตนเองก็สลับตัว สวมชุดทหารลับแล้วแอบตามไป
ที่หอซุ่ยเฟิงในขณะนี้มีไฟจุดอย่างสว่างไสว กลิ่นหอมของธูปตลบอบอวลอยู่ทั่วทุกที่ แต่กลับไม่มีเสียงเจื้อยแจ้วใดๆ
ขณะนั้นทุกคนถูกดันให้หมอบอยู่ที่มุมหนึ่ง โดยมีท่านเ้าอำเภอนั่งอยู่ภายในโถง กำลังพูดคุยกับเถ้าแก่ของหอซุ่ยเฟิงอย่างไม่อ่อนข้อให้แก่กัน
“ตามบทบัญญัติแห่งราชวงศ์ หากซื้อขายเด็กโดยมิได้รับความยินยอมจากครอบครัวของเด็ก จะต้องถูกเฆี่ยนร้อยครั้งและถูกเนรเทศ ฮูหยินซูสุขภาพไม่ดีเช่นนี้ หากไม่อยากรับโทษก็สารภาพมาเถิด เด็กน้อยคนนั้นมาอยู่ที่หอซุ่ยเฟิงได้เช่นไร?”
“ท่านเ้าอำเภอ มิใช่ว่าข้าไม่อยากจะสารภาพ แต่ข้าไม่รู้จักคนผู้นั้นจริงๆ เ้าค่ะ”
ฮูหยินซูมิได้แสดงความหวาดกลัวใดๆ นางตอบคำถามอย่างใจเย็น ไม่สามารถพิจารณาได้เลยว่าคำพูดของนางนั้นจริงหรือไม่
นางเปิดหอซุ่ยเฟิงมานานหลายสิบปี เคยผ่านเื่ราวมาทุกรูปแบบ เื่วุ่นวายในวันนี้นั้นช่างเล็กน้อย
“เ้าไม่รู้จักเขา เหตุใดถึงได้รับเด็กไว้?”
“นางคุกเข่าขอร้องข้าน่ะสิ ข้าเห็นว่าเด็กคนนั้นรูปร่างหน้าตาดีจึงรับไว้ หากข้ารู้ว่าจะมีเื่วุ่นวายเช่นนี้ แม้นางจะพูดอันใด ข้าก็จะไม่ซื้อเขาไว้เด็ดขาด”
“ท่านเ้าอำเภอพาคนมาล้อมหอซุ่ยเฟิงของข้าเช่นนี้ ความเสียหายในวันนี้มากพอให้ข้าซื้อเด็กเช่นนั้นได้สามคนกระมัง ข้าไม่จำเป็ต้องทำให้ตนเองมีปัญหา”
ฮูหยินซูจิบชาหนึ่งคำ แล้วมองไปยังผู้คนที่นั่งหมอบอยู่
คนเ่าั้ส่วนใหญ่แล้วเป็แขก เกรงว่าเื่ที่เกิดวันนี้จะทำให้พวกเขาไม่กล้ามาใช้บริการอีกเลย
“ฮูหยินซู เ้าให้ความร่วมมือกับเราเสียจะดีกว่า หากเ้ามิให้คำอธิบายกับตระกูลจ้าว เช่นนั้นตระกูลจ้าวจะไม่ปล่อยเ้าไปแน่”
“เช่นนั้นท่านเ้าอำเภอก็ให้คนตระกูลจ้าวมาคุยกับข้า เด็กนั่นก็พากลับไปแล้วแต่ยังเกาะแกะกับข้าไม่เลิก คงจะอยากได้เงินล่ะสิ คนประเภทนี้ข้าเจอมานักต่อนักแล้ว”
“เช่นนั้นเราก็มาคุยกันเถิด”
“ปัง-”
ในขณะนั้นเอง ประตูที่ปิดอยู่ก็ถูกเวินซีเตะออกจนแตก นางเดินตรงไปด้านหน้าฮูหยินซู
สิ่งที่ฮูหยินซูพูดเมื่อครู่ นางได้ยินทั้งหมดแล้ว สายตาที่นางมองฮูหยินผู้นั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจขั้นสุด
“เ้าเป็ผู้ใด?” ฮูหยินซูเอ่ยถาม
“คนตระกูลจ้าว ฮูหยินซูมิได้อยากคุยกับข้าหรือ?”
เวินซีนั่งลงตรงข้ามฮูหยินซู สายตาที่มองมานั้นดุดันมาก
กลิ่นดินปืนอบอวลไปทั้งห้อง
“ตระกูลจ้าวส่งสตรีมาพูดกับข้าหรือ? ไม่มีผู้ใดมาแล้วหรือ?” ฮูหยินซูมองเวินซีอย่างดูแคลน
“ฮูหยินซูดูถูกสตรีหรือ? ฮูหยินก็เป็สตรีนี่ ทั้งยังเปิดหอนางโลมด้วยมิใช่หรือ”
“ปากดีนัก ข้าี้เีจะต่อปากต่อคำกับเ้า พูดมา เื่วันนี้จะเอาเท่าไรถึงจะยอมสงบ”
ในตอนที่ฮูหยินซูพูดอยู่นั้นก็หยิบเงินออกมาจากอก เมื่อเห็นว่าเวินซีไม่พูดอันใด นางก็วางเงินห้าสิบตำลึงไปให้
“นี่ห้าสิบตำลึง คงจะทำให้คนปกติใช้ชีวิตอยู่ได้ยี่สิบปีกระมัง คงพอสินะ”
นางแย้มริมฝีปากด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ
สำหรับนางแล้ว เงินสามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง หากแก้ไม่ได้ก็แสดงว่าเงินยังไม่พอ
“ฮูหยินซู ขอถามหน่อยสิว่าหอซุ่ยเฟิงของท่านราคาเท่าไร?”
เวินซีเหลือบมองเงิน นางรับมาและเอ่ยปากราวกับพูดเล่น
เมื่อเห็นว่านางรับเงิน ฮูหยินซูก็ยิ้มกว้างขึ้น ก่อนจะกระแอมแล้วกล่าวอย่างเย่อหยิ่งว่า “หอซุ่ยเฟิงนี้มีค่าหนึ่งพันตำลึง”
เงินหนึ่งพันตำลึง เป็หยาดเหงื่อและเืเนื้อกว่าครึ่งชีวิตของนาง คนปกติทั่วไปจะผ่านไปกี่ชาติก็หามิได้
นางอยากจะเห็นปฏิกิริยาของเวินซี แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นเวินซีขยำเงินห้าสิบตำลึงนั้นจนป่นอยู่ในมือ แล้วทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี
“หมายความเช่นไร? อย่าทำเป็ไม่ดื่มเหล้าเคารพ...”
ฮูหยินซูยังพูดไม่จบก็เห็นเวินซีหยิบธนบัตรที่หนากว่าในมือของนาง นับแล้วออกมาวางบนโต๊ะสิบเอ็ดใบ
“ข้าซื้อหอซุ่ยเฟิงของเ้า ที่เหลือเป็รางวัลให้ เงินก็อยู่บนโต๊ะแล้ว ข้าให้ทางเลือกเ้าสองทาง บอกข้ามาว่าผู้ใดขายยียีให้เ้า หรือว่าหอซุ่ยเฟิงของเ้าจะต้องพังลงภายในวันนี้ เ้าคิดให้ดีนะ”