ตกหลุมรักคนที่ผมเคยเล่นด้วย ไม่คิดว่าสกปรกเหรอครับ?
เจียงอี้เฉินมั่นใจว่าเขายังเป็สามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของเสิ่นอันอันอยู่ จึงไม่ยอมโดนดูถูก
เขาพูดเย้ยหยันด้วยเสียงทุ้มต่ำและเ็า “แล้วที่คุณชายฮั่วคอยไล่ตามผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว มันเป็พฤติกรรมของสุภาพบุรุษเหรอครับ?”
“ถ้าคุณชอบใครสักคน คุณย่อมมีสิทธิ์ที่จะไล่ตามเขา”
เมื่อเื่ถูกเปิดเผยแล้ว ก็ไม่จำเป็ต้องปิดบังอะไรอีก
“ชอบ?” เจียงอี้เฉินรู้สึกขบขันขึ้นมา “คุณชอบเธอ แต่เธออาจจะไม่ชอบคุณก็ได้!”
เขารู้ดีว่าเสิ่นอันอันชอบเขามาหกปีแล้ว
แม้หัวใจจะแตกสลาย แต่ก็เป็ไปไม่ได้ที่จะตกหลุมรักคนอื่นในทันที
ดังนั้น เจียงอี้เฉินจึงมั่นใจกับประเด็นนี้มาก
แต่ความมั่นใจในตัวเองนี้ทำให้เขาเพิกเฉยต่อความเป็จริงตรงหน้า เขาจับมือเธอไว้แน่น แววตาฉายความภาคภูมิใจเล็กน้อย “อันอัน เธอชอบเขาไหม?”
เสิ่นอันอันพูดด้วยท่าทางเ็า “ปล่อยฉันก่อน”
“ผมถามว่าเธอชอบเขาไหม!” เมื่อเจียงอี้เฉินไม่ได้ยินคำตอบจากเธอ สีหน้าของเขาก็มืดมนขึ้น “เสิ่นอันอัน เธอ...”
“ชอบ” เธอขัดจังหวะเขา
คำพูดที่ยังไม่จบประโยคของเจียงอี้เฉินหยุดลงอย่างกะทันหัน
แววตาของเขาแสดงความประหลาดใจ และค่อยๆ เปลี่ยนเป็ความใ
“ฉันชอบเขา” เสิ่นอันอันพูดซ้ำอีกครั้งและสะบัดมือเขาออกอย่างสุดกำลัง “คุณชายเจียงพอใจหรือยัง?”
เจียงอี้เฉินรู้สึกเ็ปใจอย่างรุนแรงเมื่อได้ยินคำตอบ
เส้นเืในขมับของเขาตึงเครียด ความมีเหตุผลสลายหายไปทันที
“ทุกคนในเมืองต่างบอกว่าคุณชายฮั่วรักความสะอาด แต่ตอนนี้กลับตกหลุมรักคนที่ผมเคยเล่นด้วย ไม่คิดว่าสกปรกเหรอครับ?” เขาเยาะเย้ยใส่ทีละคำ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเสิ่นอันอันก็ซีดลงทันที
ตลอดสองปีของการแต่งงาน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาเลย และไม่มีทางที่เจียงอี้เฉินจะไม่รู้
แต่เพื่อการรักษาความน่าเกรงขาม เขากลับพูดคำที่น่าเกลียดออกมา...
“ในเมื่อผมชอบมาก ผมจะรังเกียจได้ยังไง?” ใบหน้าของฮั่วเฉิงโจวยังคงปกติและมีรอยยิ้มส่งไปถึงดวงตาของเขา “แล้วอันอันก็บอกว่าคุณสองคนไม่เคยมีอะไรกัน”
เสิ่นอันอันเงยหน้าขึ้นมอง เธอพูดแบบนี้กับเขาั้แ่เมื่อไร?
เธอเคยบอกว่าเธอกำลังจะหย่า แต่ไม่ได้พูดถึงเื่อื่นเลย
เจียงอี้เฉินมองท่าทาง “ยักคิ้วหลิ่วตา” ของทั้งสองคนและรู้สึกโกรธจนจะบ้า
ถ้าเธอไม่คิดอะไรกับฮั่วเฉิงโจว เธอจะบอกเื่นี้กับเขาทำไม?
แต่ที่นี่เป็สถานที่สาธารณะ เขาทะเลาะกับเธอที่นี่ไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะโกรธแค่ไหนก็ทำได้แค่อดทน “อันอัน กลับบ้านกับผมก่อน”
เขาพูดพร้อมเอื้อมไปคว้าข้อมือของเธอ
ทว่า เสิ่นอันอันชักมือกลับและหลีกเลี่ยง
“เจียงอี้เฉิน ยื้อไปเรื่อยๆ แบบนี้ไม่สนุกหรอกนะ” ใบหน้าของเธอซีดราวกับน้ำ “คุณทำสิ่งน่ารังเกียจมานับครั้งไม่ถ้วนตลอดสองปี ไม่จำเป็ต้องมาแสดงบทรักกับฉันตอนนี้หรอก”
เธอถอยออกมาหนึ่งก้าว แม้จะรู้ว่าเขาสำนึกผิดอย่างจริงใจ แต่เธอจะไม่ให้โอกาสเขาอีกแล้ว
วินาทีที่เห็นเขาใช้เรือนหอกับผู้หญิงอื่น หัวใจของเธอก็ตายไปแล้ว
เจียงอี้เฉินเม้มริมฝีปากและเย้ยหยัน “ผมก็พูดไปแล้วเหมือนกันว่าถ้า้าให้ผมเซ็นใบหย่าละก็ เลิกคิด!”
เขากัดฟันพูดเน้นสองคำสุดท้ายเป็พิเศษ
“คุณจะไม่เซ็นก็ได้” เสิ่นอันอันไม่กลัวแม้แต่น้อย ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้านไว้[1] “ฉันแค่กังวลว่าถ้าฟ้องหย่าในชั้นศาล มันจะน่าเกลียดเกินไป”
..............................................................................................
แผนการของฮั่วเฉิงโจว
“อะไรนะ? เธอวางแผนฟ้องหย่าไว้ด้วยเหรอ?”
เจียงอี้เฉินถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“นี่คือวิธีสุดท้าย” เสิ่นอันอันจ้องเข้าไปในดวงตาของเขาอย่างเ็า “เจียงอี้เฉิน สองปีที่ผ่านมาคุณนอกใจครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าเื่ขึ้นศาล นอกจากจะส่งผลกับคุณแล้วยังกระทบป๋อถงด้วย ฉันแนะนำให้คุณคิดให้ดี”
เขาคิดว่ามันช่างไร้สาระ “เสิ่นอันอัน เธอรู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่?”
การฟ้องหย่าเป็เื่ตลกหรือไง?
ชีวิตคู่ของพวกเขาเกี่ยวข้องกับหลายอย่าง ถ้าเื่ถึงศาล ความคิดเห็นของสาธารณชนจะไม่พุ่งเป้าไปที่คนสองคนเท่านั้น แต่ป๋อถงมีเดียและจิ่งเซิ่งกรุ๊ปก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
เสิ่นอันอันพยักหน้าอย่างใจเย็น “ฉันรู้”
หากไม่เข้าตาจน ก็คงไม่มีใครเลือกวิธีแก้ปัญหาที่จะทำร้ายทั้งสองฝ่ายหรอก
แต่เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว เธอจะไม่ยอมเจ็บอยู่ฝ่ายเดียว
เหมือนหัวใจของเจียงอี้เฉินถูกแช่แข็ง เขาคิดว่าเธอโกรธเพียงชั่วครู่ พอเวลาผ่านไปก็จะสงบลงเอง เขาไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะแน่วแน่ถึงเพียงนี้
เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากลดท่าทีขึงขังและคว้ามือเธออีกครั้ง “อันอัน...”
“อย่าแตะต้องตัวฉัน” เสิ่นอันอันซ่อนมือไว้ด้านหลัง “เซ็นข้อตกลงการหย่าด้วยตัวเองหรือจะให้ฉันไปฟ้องหย่าที่ศาล หวังว่าคุณจะคิดอย่างรอบคอบ”
หลังจากพูดจบเธอก็มองไปทางอื่น ราวกับไม่้าเห็นเขาอีก
ฮั่วเฉิงโจวค่อยๆ คว้าข้อมือของเธอจากด้านหลัง “อันอัน ผมพาคุณกลับเอง”
“ค่ะ” เสิ่นอันอันพยักหน้า เสียงแหบเล็กน้อย
เธอแสร้งทำเป็สงบนิ่งต่อหน้าเขา แต่ทันทีที่เธอหันหลังให้ ั์ตาหวานก็แดงก่ำขึ้นมา
อย่างไรแล้ว นี่ก็เป็ความรักหกปีของเธอเชียวนะ
ไม่ใช่ว่าเธอทำใจแยกทางกับเจียงอี้เฉินไม่ได้ แต่เมื่อนึกถึงการทุ่มเทตลอดหกปีและไม่เคยมีเื่ราวดีๆ ตอบแทนกลับมา ความพลุ่งพล่านคับแค้นใจก็ปะทุขึ้น
เธอกัดริมฝีปากแน่น เพราะกลัวจะร้องไห้ออกมา
เจียงอี้เฉินยืนอยู่ตรงจุดเดิม มองเธอเดินจากไปทีละก้าว
ในใจเขาอยากไล่ตามไป แต่เหมือนขาจะถูกตรึงอยู่กับที่ ไม่ว่าอย่างไรก็ขยับไม่ได้เลย
ฮั่วเฉิงโจวพาเสิ่นอันอันเข้าไปนั่งในรถ
หลังจากเธอคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จ ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ “แล้วรถของฉันล่ะ”
“ผมเรียกคนขับรถของคุณมาให้แล้ว เดี๋ยวเขาจะมาขับกลับไป”
ก่อนมาสำนักกิจการพลเรือน เขาคำนวณทุกอย่างไว้หมดแล้ว
ด้วยนิสัยของเจียงอี้เฉิน คงไม่ยอมเซ็นชื่อง่ายๆ และต้องมีปากมีเสียงกันแน่ๆ
ส่วนเขาก็จะพาเสิ่นอันอันออกไปให้ทันเวลา และเจียงอี้เฉินก็ไม่มีทางไม่สนใจเื่นี้
แม้จะไม่ได้พูดอะไรในทันที แต่เื่นี้จะกลายเป็เสี้ยนหนามตำใจของเขาไปตลอด
ยิ่งผูกไว้นานเท่าไรก็ยิ่งเ็ปมากขึ้นเท่านั้น และความแน่วแน่ในการหย่าก็จะมากขึ้นด้วย
ฮั่วเฉิงโจวเลื่อนกระจกรถลงให้ลมเย็นๆ พัดเข้ามา เขาพูดเบาๆ ว่า “อันอัน ผมจะพาคุณไปที่ที่หนึ่ง”
“ที่ไหนเหรอ?”
“ที่ที่...” รอยยิ้มบนริมฝีปากของเขายกขึ้นอย่างจงใจอวด “ที่ที่จะทำให้คุณมีความสุขได้”
เสิ่นอันอันลดศีรษะลง มือเล็กๆ ทั้งสองข้างเล่นกันอย่างเบื่อหน่าย
ตอนนี้เธอไม่มีความสุขเลยจริงๆ
สัญญาณไฟสีแดงปรากฏขึ้นบริเวณสี่แยกข้างหน้า ฮั่วเฉิงโจวเหยียบเบรกและชำเลืองมองด้านข้างเล็กน้อย “อันอัน คุณจะฟ้องหย่าจริงเหรอ?”
เสิ่นอันอันตอบ “อืม” มาหนึ่งคำ “ถ้าเขายืนกรานอย่างนั้น นี่ก็เป็วิธีสุดท้ายแล้ว”
ฮั่วเฉิงโจวยกยิ้มอย่างเกียจคร้านและถามอย่างเป็กันเอง “ผมมีเพื่อนร่วมรุ่นในมหา’ลัยที่เก่งเื่ฟ้องหย่า เดี๋ยวผมช่วยถามเขาให้เอาไหมครับ?”
[1] ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็สามารถรับมือได้