“มีพลังแค่นี้แต่อยู่ในรายนามขั้นรวมชี่เนี่ยนะ ไสหัวไปซะ!” เย่เฟิงแสยะยิ้มแม้จะเผชิญหน้ากับฝ่ามือของเฉินอ้าวิก็ตาม จากนั้นเห็นเขาเหวี่ยงหมัดออกไป ก่อนจะเข้าปะทะกับฝ่ามือของเฉินอ้าวิ ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น นาทีต่อมาได้ยินเสียงกระดูกแตกหักพร้อมกับเสียงหวีดร้องอันเ็ป ผู้คนพบว่าเฉินอ้าวิถูกหมัดของเย่เฟิงซัดกระเด็นออกไปนอกแถวขั้นรวมชี่พร้อมกับกระอักเื
“เป็ไปได้ยังไง หมอนี่แข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ? เฉินอ้าวิอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 3 แท้ ๆ แต่ไม่นึกว่าจะรับการโจมตีของเขาไม่ได้ เช่นนั้นพลังของเย่เฟิงคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?” ทุกคนต่างตกตะลึงขณะมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า และรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นระรัวไม่หยุด
เฉินอ้าวิอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 3 เป็ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 10 ในรายนามขั้นรวมชี่ แต่กลับถูกหมัดของเย่เฟิงซัดปลิว โดยที่ไม่มีโอกาสโต้กลับ นี่คือความห่างชั้นที่มิอาจชดเชยได้!
“คนของตระกูลเฉินก็แค่เศษสวะ น่าขันนักที่ท่านเฉินเซี่ยงเทียนพูดเื่ฐานะชนชั้นกับข้า สวะแบบนี้น่ะหรืออยู่ในรายนามขั้นรวมชี่ ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่ารายนามนี้วัดกันที่อะไร!” เย่เฟิงไม่สนใจเฉินอ้าวิ แต่เขามองไปที่เฉินเซี่ยงเทียนด้วยสายตาเย้ยหยันและกล่าวเช่นนั้น นี่ทำให้เฉินเซี่ยงเทียนรวมทั้งคนของตระกูลเฉินเผยสีหน้าไม่สู้ดี ทั้งยังมองเย่เฟิงด้วยสายตาเยือกเย็นแฝงจิตสังหาร
“ข้าชนะเขาและได้อยู่อันดับที่ 10 ในรายนามขั้นรวมชี่ จะสามารถเข้าร่วมการประลองได้หรือยัง?” เย่เฟิงเหยียดยิ้ม ขณะมองเฉินเซี่ยงเทียนที่ถูกยั่วโมโหจนเผยสีหน้าไม่พอใจ
“เราเข้าไปกันเถอะ!” จากนั้นเย่เฟิงไม่รอให้เฉินเซี่ยงเทียนพูดอะไร ก็หันไปพูดกับฉินเยียนหรานที่กำลังนิ่งงัน
“อืม” ฉินเยียนหรานชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า หมอนี่มีพลังที่น่าสะพรึงกลัวมากเพียงนี้เชียวหรือ? จากนั้นทั้งสองเดินเข้าไปในแถวขั้นรวมชี่ เพียงแต่ฉินเยียนหรานใช้เวลาสักพักใหญ่ กว่าจะสงบจิตสงบใจลงได้
“คนผู้นี้...” ผู้คนถึงกับไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ เย่เฟิงผู้นี้ป่าเถื่อนอย่างในข่าวลือจริง ๆ เฉินเซี่ยงเทียนใช้ฐานะชนชั้นกดดัน มิหนำซ้ำยังปฏิเสธเย่เฟิงที่จะเข้าร่วมการประลองรอบแรก ทว่าเย่เฟิงกลับท้าผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 10 ในรายนามขั้นรวมชี่ โดยการเอาชนะอีกฝ่ายในหนึ่งหมัด นี่เท่ากับเป็การตบหน้าเฉินเซี่ยงเทียน
“กร๊อบ!” เสียงกำหมัดจากมือเฉินเซี่ยงเทียนดังลั่น เขาถูกเย่เฟิงตบหน้าฉาดใหญ่ ซ้ำยังใช้คนของตระกูลเฉินเป็ก้อนหินให้ตนเองเหยียบข้าม ขณะเดียวกันความเกลียดชังที่เฉินเซี่ยงเทียนมีต่อเย่เฟิงก็ไปถึงจุดที่มิอาจอธิบายได้ และสาบานว่าจะกำจัดเย่เฟิงในงานประลองครั้งนี้ให้จงได้
เฉินอ้าวเทียนและเว่ยจี้ต่างมองเย่เฟิงด้วยสายตาอาฆาตอย่างไม่ปกปิดใด ๆ โดยเฉพาะเฉินอ้าวเทียน เย่เฟิงตบหน้าเขาและตระกูลเฉินหลายต่อหลายครั้ง สมควรตายไปตั้งนานแล้ว เพียงแต่เขาเฉินอ้าวเทียนไม่มีโอกาสฆ่าเย่เฟิงก็เท่านั้น
“วูบ!” เมื่อถึงเวลาการประลองรอบแรก จู่ ๆ พลังมายาพวยพุ่งออกจากอาวุธมายาที่ผู้าุโเ่าั้ถือ ก่อนจะกลายเป็ม่านแสงมายาที่ส่องแสงระยิบระยับ พร้อมกับเข้าปกคลุมศิษย์สำนักยุทธ์เทียนเสวียนนับแสนที่เข้าร่วมการประลอง พลังมายาที่แผ่ออกจากม่านแสงก็ปิดกั้นห้วงอากาศราวกับว่าห่อหุ้มทุก ๆ คน เพียงพริบตาจิตของศิษย์นับแสนคนก็เข้าสู่แดนมายา ซึ่งแยกเป็ขั้นบ่มเพาะกายาและขั้นรวมชี่
“ขั้นพลังเป็เพียงส่วนหนึ่งในความสามารถของพวกเ้า ดังนั้นการประลองครั้งนี้จะไม่กดขั้นพลัง จงสำแดงพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเ้าออกมา และหากในแดนมายาเหลือเพียง 2,000 คนเมื่อใด นั่นก็หมายความว่าสิ้นสุดรอบแรก” ทุกคนที่เพิ่งเข้าแดนมายาได้ยินเสียงที่น่าเกรงขามนี้กันอย่างชัดเจน
แดนมายาถูกสร้างขึ้นจากอาวุธมายาของผู้าุโสำนักยุทธ์ เพื่อให้ศิษย์ที่เข้าการประลองได้ใช้งาน ดินแดนนี้สมจริงมาก ทุกอย่างในนั้นไม่ต่างจากโลกจริง รวมทั้งเอกลักษณ์และพลังของทุกคน แม้อยู่ในที่แห่งนี้ก็ยังคงรักษาไว้ได้ ช่างน่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก
เย่เฟิงกวาดตามองมิติแปลกหน้านี้ ที่แห่งนี้ช่างกว้างขวาง มีพืชพรรณเติบโตบนพื้นดิน แต่กลับไม่บดบังวิสัยทัศน์ แม้ยืนอยู่ที่เดิมก็สามารถมองเห็นทุกอย่างโดยรอบได้อย่างชัดเจน ทำให้ผู้คนที่ยืนอยู่ในพื้นที่แบบเย่เฟิงระมัดระวังตัวเป็พิเศษ ราวกับกลัวว่าตัวเองจะตกเป็เป้าหมาย
“แดนมายานี้ช่างแปลกพิลึกยิ่ง เหมือนจริงชะมัด!” เย่เฟิงพึมพำ ก่อนจะเดินออกไป เขาเห็นหลาย ๆ ที่เกิดศึกปะทะกันแล้ว เป็ศึกที่ดุเดือดมาก ทั้งสองฝ่ายต่างคิดฆ่าศัตรูที่นี่ ซึ่งใครถูกฆ่าที่นี่ ก็จะออกจากแดนมายาและตื่นขึ้นในโลกจริง และถือว่าคนผู้นั้นถูกคัดออก
เย่เฟิงก้าวเดินต่อไปโดยไม่สนใจและไม่ยั่วยุผู้อื่น แต่มีน้อยคนที่กล้ามายั่วยุเขา เพราะก่อนหน้านี้เขาแสดงพลังที่แกร่งกล้าออกมา โดยเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 10 ในรายนามขั้นรวมชี่ด้วยหมัดเดียว แล้วนับประสาอะไรกับพวกเขากันเล่า
การประลองรอบแรกนี้จะมีคนคัดออกหลายแสนคน ทำให้การต่อสู้เป็ไปอย่างดุเดือด นอกจากจุดที่เย่เฟิงอยู่แล้ว ยังมีอีกหลายแห่งที่เกิดศึกปะทะใหญ่ ทำให้มีผู้ฝึกยุทธ์ถูกกำจัดอย่างต่อเนื่อง จนตื่นขึ้นในโลกจริง
อย่างไรก็ตามการตายในแดนมายามีความสมจริงเป็อย่างมาก ราวกับว่าคนเ่าั้ที่ถูกคัดออกเหมือนตายจริง ๆ เป็ประสบการณ์ที่น่าหวาดผวามาก จึงทำให้พวกเขาอกสั่นขวัญแขวน ส่วนผู้แข็งแกร่งเ่าั้ไม่นิ่งนอนใจ พวกเขาเริ่มออกล่าเหยื่อ ในนี้มีเว่ยจี้อันดับที่ 4 ในรายนามขั้นรวมชี่ที่แข็งแกร่งที่สุด เขาป่าเถื่อนและบ้าอำนาจ ผู้ฝึกยุทธ์ที่ถูกเว่ยจี้กำจัดล้วนถูกฆ่าด้วยวิธีโหดร้ายอำมหิต ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามคนที่ถูกเว่ยจี้ฆ่าก็มีกว่าร้อยคน
ในฐานะผู้อยู่จุดสูงสุดในบรรดาศิษย์สำนักยุทธ์เทียนเสวียน ตู๋กูหลงและนี่จ้านเทียนเข้าขากันได้อย่างน่าประหลาดใจ ราวกับมีบางอย่างที่รู้กันเพียงสองคนนั้น ทว่าหลังจากทั้งสองเข้าแดนมายาก็ไม่เคลื่อนไหว เพียงนั่งขัดสมาธิอยู่ที่เดิม หลับตาบ่มเพาะพลัง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้ายั่วยุสองคนนี้ ใครที่เห็นสองคนนี้ต่างต้องถอยหนี เพราะกลัวว่าสองคนนี้จะกำจัดพวกเขา
ผ่านไปสองชั่วยาม การล่าอันโเี้ของผู้แข็งแกร่งเ่าั้ทำให้จำนวนคนในแดนมายาลดน้อยลง ในนี้ผู้อ่อนแอจะตกเป็เหยื่อของผู้แข็งแกร่ง กระทั่งที่ซ่อนก็ยังไม่มี ดังนั้นคนที่รู้จักกันจะรวมกลุ่มและสร้างพันธมิตรขึ้นมา เพื่อร่วมกันจัดการศัตรู แต่พันธมิตรเหล่านี้มีทั้งอ่อนแอและแข็งแกร่ง พันธมิตรที่อ่อนแอจะป้องกันชีวิตของตน แต่พันธมิตรที่แข็งแกร่งเ่าั้จะล่าคนอื่นด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
อย่างเช่นคนของพรรคเทียนจีรวมกลุ่มสร้างพันธมิตร พวกเขาเห็นใครก็ฆ่าคนผู้นั้น โดยเฉพาะศิษย์ของพรรคเทียนเสวียน ยิ่งไม่้าให้อีกฝ่ายมีชีวิตรอด จึงลงมือสังหารด้วยวิธีโเี้ที่สุด เห็นชัดว่าคนของพรรคเทียนจีตั้งใจกำจัดพรรคเทียนเสวียน
การตายในแดนมายานี้เสมือนจริงมาก ต่อให้เป็ภาพลวงตา แต่เมื่อฟื้นขึ้นมาก็จะมีจิตใจผันผวนและรู้สึกหวาดผวาอย่างมาก
เย่เฟิงยังคงเดินอยู่ท่ามกลางแดนมายา น้อยครั้งที่จะพบคนกล้ายั่วยุเขา บางทีอาจเป็เพราะพลังสยบที่เขากำราบเฉินอ้าวิก่อนหน้านี้ ในขณะนั้นเย่เฟิงปีนข้ามเขาไป จู่ ๆ ก็มีเสียงดังมาจากบริเวณเนินเขา เย่เฟิงจึงมองไปที่ตรงนั้น ก่อนจะเห็นสิบกว่าคนยืนอยู่ตรงนั้นซึ่งแบ่งเป็สองฝ่าย หนึ่งในสองฝ่ายมีคนเยอะและได้เปรียบกว่า ซ้ำยังกำลังปิดล้อมอีกฝ่ายที่มีเพียงสามคน สามคนนี้มีชายสองหญิงหนึ่ง ซึ่งเย่เฟิงรู้จักสองในสามคนนี้เป็อย่างดี เขาขมวดคิ้วและมีไอเย็นแผ่ออกจากร่าง
“ศิษย์พี่ฉู่ ศิษย์พี่เฉิง!” แม้สองคนนี้จะหันหลังให้เย่เฟิง แต่เย่เฟิงยังจำพวกเขาได้ดี เป็ฉู่หานและเฉิงเฟยไม่ผิดแน่ ส่วนชายอีกคนที่อยู่กับพวกเขาก็เป็ศิษย์พรรคเทียนเสวียน
ฝ่ายตรงข้ามที่มีสิบกว่าคนมาจากพรรคเทียนจี พวกเขารวมกลุ่มเป็พันธมิตร หมายสังหารพวกฉู่หานที่นี่ ตอนนี้พวกฉู่หานถูกศัตรูปิดล้อมและมีาแเต็มตัว เมื่อดูจากสถานการณ์แล้วฝ่ายพรรคเทียนจีไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไปแน่ ทั้งยังโจมตีหนักกว่าเดิม แต่ขณะนั้นมีเงาร่างงดงามกำลังมองดูทุกอย่างนี้ด้วยท่าทีสงบนิ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง
“เป็นาง หนานกงหลิงซวง!” เย่เฟิงมองเงาร่างงดงามนั้นด้วยสายตาเย็นเยียบ ั้แ่หญิงผู้นี้เข้าร่วมพรรคเทียนจีก็มีนิสัยโอหังมากกว่าเดิม บัดนี้พาผู้ฝึกยุทธ์พรรคเทียนจีนับสิบคนมาจัดการพวกฉู่หานที่มีเพียงสามคน
“เลิกต่อต้านได้แล้ว ขืนพวกเ้ายังต่อต้านเช่นนี้ อีกเดี๋ยวได้ตายอย่างน่าอนาถแน่!” ผู้ฝึกยุทธ์พรรคเทียนจีคนหนึ่งกล่าวเสียงเย็นขณะมองพวกฉู่หานด้วยสายตากำเริบเสิบสาน ในฐานะศิษย์พรรคเทียนจี เขารู้สึกอยู่เหนือกว่า และไม่ใช่คนที่ศิษย์พรรคเทียนเสวียนอย่างพวกฉู่หานจะเทียบเคียงได้
“ศิษย์พรรคเทียนจีเลวยิ่งนัก ใช้ถึงสิบกว่าคนเพื่อปิดล้อมพวกข้าสามคน หรือพวกเ้าไร้ศีลธรรมขั้นพื้นฐานที่สุด?” ฉู่หานดวงตาแดงก่ำพร้อมกับเพลิงโทสะปะทุออกจากร่าง
“สวะ เ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดเื่ศีลธรรมกับข้า ตายซะเถอะ!” ศิษย์พรรคเทียนจีคนหนึ่งกล่าวเสียงเย็น จากนั้นตวัดมีดยาวโจมตีฉู่หาน
“ไสหัวไปซะ!” ตอนนั้นเองมีเสียงเยือกเย็นดังขึ้น นาทีต่อมามีรังสีหมัดทะลวงอากาศมาจากทิศหนึ่ง ก่อนจะเข้าจู่โจมอีกฝ่าย ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของอีกฝ่ายพร้อมกับร่างกระเด็นปลิวออกไป อวัยวะภายในถูกทำลาย ร่างกายจางลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งหายไปในที่สุด
“นี่...” สิ่งที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้ทำให้คนอื่น ๆ ตะลึงงันและหยุดการกระทำ ส่วนฉู่หานและเฉิงเฟยเห็นเย่เฟิงมาก็เผยสีหน้าดีใจ
“ศิษย์น้องเย่เ้ามาแล้ว!” ทั้งสองเรียกเย่เฟิงด้วยแววตาทอประกาย
“อืม!” เย่เฟิงพยักหน้าให้ทั้งสอง แล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ไปหลบข้างหลัง เดี๋ยวข้าจะจัดการเอง!”
ทั้งสองคนได้ยินเช่นนั้นก็กะพริบตาปริบ ๆ แต่เมื่อนึกถึงตอนเย่เฟิงเอาชนะเฉินอ้าวิในหนึ่งกระบวนท่า พวกเขาก็วางใจ
“เขาคือเย่เฟิง ทุกคนบุกโจมตีเขาพร้อมกัน!” ขณะเดียวกันผู้ฝึกยุทธ์พรรคเทียนจีนับสิบคนดูออกว่าผู้มาเป็เย่เฟิง ดวงตาจึงส่องประกายเยือกเย็นแฝงจิตสังหาร แม้ก่อนหน้านี้เย่เฟิงจะแสดงฝีมือได้ไม่เลว แต่มีหรือพวกเขาสิบกว่าคนจะกลัวเย่เฟิงคนเดียว?
เมื่อสิ้นเสียงคนนั้น พวกเขาก็เข้าล้อมกรอบเย่เฟิง หนานกงหลิงซวงเองก็จำเย่เฟิงได้เช่นกัน แต่นางกลับเงียบไม่พูดอะไร ในเมื่อเย่เฟิงอยากจัดการพวกเขา เช่นนั้นนางก็ไม่มีอะไรให้ต้องเกรงใจ
“ฆ่า!” เสียงแผดะโดังขึ้น ก่อนจะมีผู้ฝึกยุทธ์พรรคเทียนจีคนหนึ่งที่อยู่ทางซ้ายเหวี่ยงหมัดโจมตี
“ไปให้พ้น!” แม้เย่เฟิงจะเผชิญหน้ากับศิษย์พรรคเทียนจีเหล่านี้ เขาก็ยังไร้ความหวั่นเกรง จู่ ๆ พลังปราณปะทุออกจากร่างเขา พร้อมกับปลดปล่อยสองเคล็ดวิชาบ่มเพาะร่างกาย ก่อนจะเข้าปะทะกับการโจมตีของอีกฝ่าย
“ตูม!” เสียงะเิดังสนั่น ตามมาด้วยเสียงกระดูกหักดังลั่น กระดูกแขนของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นหักหลายท่อนเพราะหมัดของเย่เฟิง จนเขาต้องกรีดร้องอย่างเ็ป
จากนั้นมีสองการโจมตีมาเยือนที่ด้านหน้าเย่เฟิง พวกเขาล้วนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 2 และขั้นที่ 3 พลังก็ไม่ถือว่าอ่อนด้อย แต่มีหรือเย่เฟิงในเวลานี้จะสนใจ เมื่อเขาเดินออกมา พลันพื้นดินสั่นไหว ฝ่ามือั์พุ่งลงมาจากฟากฟ้า ห้วงอากาศสั่นคลอนไม่หยุด
“ตูม!!!” เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว ผู้ฝึกยุทธ์พรรคเทียนจีสองคนนั้นที่ลอบจู่โจมถูกทำลายด้วยฝ่ามือั์นั่น ตายโดยไร้ซากศพให้เห็น
“แกร่งมาก!” ขณะเดียวกันการต่อสู้ทางนี้ดึงดูดความสนใจผู้ฝึกยุทธ์จากรอบข้างได้ไม่น้อย จึงพากันทยอยมาดู พวกเขาต้องตกตะลึงเมื่อเห็นเย่เฟิงปลดปล่อยพลัง
ส่วนผู้ฝึกยุทธ์พรรคเทียนจีที่เหลือต่างเผยสีหน้าไม่สู้ดี เย่เฟิงกำจัดคนของฝ่ายพวกเขาไปสามคนภายในเวลาไม่ถึงสามลมหายใจ แม้แต่หนานกงหลิงซวงก็เริ่มอยู่ไม่นิ่ง นางพบว่าช่องว่างระหว่างตัวเองกับเย่เฟิงเริ่มถูกทิ้งห่างไปไกล
บัดนี้เย่เฟิงเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์รายนามขั้นรวมชี่ได้อย่างง่ายดาย แต่นางหนานกงหลิงซวงเพิ่งจะบรรลุขั้นรวมชี่ ทั้งสองอยู่คนละชั้นกันจนแตกต่างราวฟ้ากับเหว