“จินจื่อ!”จินหรูฉาวมองตาดุ
พี่น้องที่ใดกันเฮ้อ มีพี่น้องที่ใดทำเื่เช่นนี้หรือไม่
เพียงแต่สตรีตรงหน้าไม่ได้สนใจเด็กสองคนนี้เลยสักนิดสนใจแค่อุ้มลูกของตนเองเดินเข้าไปด้านใน ทำความสะอาดแล้วเข้าไปพัก
เข้าไปพักดังเช่นปกติ
สายตาของเ้าของโรงเตี๊ยมมีแสงวาววาบ
รอจนกระทั่งเสี่ยวเอ้อร์เดินออกมาทั้งสองคนจึงส่งสายตา และแยกกันไปคนละที่ ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ตกอยู่ในสายตาของแขกคนหนึ่งที่นั่งดื่มสุราอยู่มุมห้อง
บุรุษที่นั่งอยู่ตรงข้ามของเขาก็เห็นภาพนี้
“คุณชายอีกเดี๋ยวจะเข้าไปยุ่งกับเื่นี้หรือไม่?”
คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกดเสียงให้เบาลงแล้วตอบกลับไป
“ดูสถานการณ์แล้วกัน”
เมื่อได้ยินบุรุษกล้าหาญตรงหน้าพูดออกมาเช่นนี้เขาก็เงียบลง
คืนนั้นกว่าเฉินเนี้ยนหรานจะเข้านอนก็ดึกมากแล้ว ช่วยไม่ได้ไม่รู้ว่าเสี่ยวถวนถวนไม่ชินกับสภาพอากาศหรือไม่ บนใบหน้าและลำตัวจึงได้มีตุ่มแดงๆขึ้นมาเล็กน้อย
ถึงตอนนี้นางถึงได้เข้าใจว่าเด็กคนนี้อย่างไรก็ยังเด็กมากเกินไป เด็กที่อายุเพิ่งจะสี่เดือนนั้นออกเดินทางลำบาก เกิดเื่อะไรขึ้นจะทำเช่นไร
ในตอนนี้เองเฉินเนี้ยนหรานถึงได้กังวลขึ้นมา
เขาจะโกรธที่นางเป็มารดาที่ไม่ดียิ่งโกรธที่นางไม่รู้จักดูแลลูก
“ฮูหยินเ้าคะทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของท่านนะเ้าคะข้าคิดว่ารอดูคุณชายน้อยอีกสักพักค่อยว่ากันเถิดเ้าค่ะ ท่านกังวลมากไป ไม่มีประโยชน์หรอกเ้าค่ะ”
แม่นมกลับมองออกจึงพูดโน้มน้าว นางเคยเลี้ยงลูกมาแล้วห้าคน น่าเสียดายที่แต่ละคนล้วนแต่เป็เด็กหญิงถึงแม้จะเป็เช่นนี้ แต่ยังถือว่ามีประสบการณ์การเลี้ยงเด็กอยู่
“แม่นมเหตุใดที่นี่ถึงได้เชิญท่านหมอมายากเย็นเช่นนี้ จนถึงตอนนี้ยังไม่มา”
หมอที่อยู่ดูแลในเขตนี้มีแค่คนเดียวจากที่ได้ยินมา เขายังออกไปช่วยรักษาฉุกเฉินอยู่ดังนั้นเฉินเนี้ยนหรานจึงร้อนใจมาก
“ใกล้แล้วใกล้แล้วเ้าค่ะ คุณชายน้อยเพียงมีไข้ต่ำๆ เท่านั้น ฮูหยินอย่าได้ร้อนใจไป”
แม้จะเป็การปลอบใจแต่แม่นมกลับร้อนใจตามไปด้วย
อย่างไรเด็กตัวร้อนถือเป็เื่ที่ทั้งใหญ่และเล็กในหมู่บ้านของพวกนางมีเด็กที่สติปัญญาบกพร่องไปเพราะตัวร้อน หรือตัวร้อนจนตายก็มีในยุคสมัยที่ขาดโอสถช่น ตัวร้อนขึ้นมานั่นหมายความว่าสามารถเอาชีวิตของเด็กได้
“มีคนมาแล้วข้าจะไปดูว่าเป็ผู้ใด”
พอดีกับที่ในตอนนั้นด้านนอกมีเสียงฝีเท้าคนดังมาแม่นมรีบเปิดประตู คนที่เข้ามาคือเสี่ยวเอ้อร์
“ท่านหมอใกล้จะถึงแล้วเ้านายของข้าเลยให้ข้ามาช่วยดู”
เสี่ยวเอ้อร์คนนั้นเสนอตัวเข้ามาช่วยอย่างเป็กันเอง
ในตอนนี้เฉินเนี้ยนหรานไม่ได้คิดอย่างอื่นคิดแค่ว่าเขามีน้ำใจ จึงเบี่ยงตัวให้คนเข้ามา เสี่ยวเอ้อร์ไม่ได้แตะสิ่งใดส่งเดชเพียงแค่จุดเทียนเพิ่มความสว่างให้พวกนาง
“วางใจเถิดท่านหมอของเขตเราเป็คนที่มีความสามารถมาก มีเขาลงมือรักษาลูกของพวกท่านจะต้องรักษาหายอย่างแน่นอน”
คำพูดนี้ดูร้ายกาจอยู่บ้างแม่นมไม่ได้สังเกต แต่เฉินเนี้หยนหรานกลับสังเกตได้แล้วรู้สึกเหมือนจะมีกลิ่นโจรอยู่เล็กน้อย
บางทีอาจจะคิดไปเอง
แต่จากกลิ่นหอมนั่นค่อยๆกระจายออกไป ตอนที่สมองเริ่มมึนเบลอขึ้นเรื่อยๆ นางถึงได้พบว่าเื่ราวมีบางอย่างแปลกๆ
“ปัง…”
แม่นมที่อยู่ใกล้กับเทียนหอมล้มลงไปกับพื้นเฉินเนี้ยนหรานเองในที่สุดก็หลับตาที่ฝืนลืมไว้ลง
“ฮ่าๆสลบแล้ว สลบแล้ว ท่านเ้าของ สตรีพวกนี้หากนำไปขายจะต้องได้เงินมาไม่น้อยแน่ที่สำคัญ ข้าเห็นในห่อผ้าของสตรีนางนี้มีตำลึงอยู่ไม่น้อยเลยไม่แน่ว่าในเสื้อผ้าของนางจะมีตั๋วเงินอยู่มาก"
“แน่นอนสายตาห้าวจื่อเช่นเ้า มีครั้งใดที่ไปแล้วจะกลับมามือเปล่า ห้าวจื่อ ทำได้ไม่เลวสตรีงดงามคนนี้ ดูแล้วมีเสน่ห์ไม่เลวเลย เอาเช่นนี้ พวกเราจัดการนางก่อนแล้วค่อยเอาออกไปขาย อย่างไรสตรีคนนี้ก็ไม่ใช่สตรีบริสุทธิ์ หากเป็สตรีบริสุทธิ์พวกเราจัดการไปแล้วค่อยเอาไปขายคงไม่ได้เงินอะไร”
“ท่านเ้าของเื่นี้ ท่านคิดเช่นนั้นจริงๆ หรือ…”
“เ้าเองก็มีปฏิกิริยาแล้วไม่ใช่หรือห้าวจื่อ ไปพวกเราจัดการเลย”
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้เฉินเนี้ยนหรานก็เกลียดตนเองที่ติดกับ แม้นางจะฝืนมีสติอยู่บ้าง แต่หากจะขัดขืนแล้วอุ้มถวนถวนออกไปเกรงว่าจะเป็ไปไม่ได้ กลิ่นยาสลบนั่น นางยังสูดเข้าไปเล็กน้อย
จะทำอย่างไรดีหรือจะถูกพวกกลุ่มคนชั่วนี่ทำมิดีมิร้าย!
รู้สึกถึงมือข้างหนึ่งมาถอดนั้นนี่อยู่บนตัวความรู้สึกขยะแขยงแล่นเข้ามาอย่างรุนแรง ตามมาด้วยกลิ่นเหม็นสาบ ตรงส่วนท้องเกร็งเข้าหากันเมื่อเห็นว่าจะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้แล้ว
ประตูกลับถูกคนชนดังปังจนเปิดออก
ไม่เคยมีเหมือนเช่นวันนี้เลยที่ในสถานการณ์เช่นนี้กลับพบว่าคนคนหนึ่งจะหล่อเหลาได้ถึงเพียงนี้…
ร่างกายกำยำปรากฏเข้ามาในครรลองสายตาของเฉินเนี้ยนหราน
ตอนที่กลิ่นเย็นสบายนั้นหายไปแล้วสติตลอดทั้งร่างค่อยๆ กลับมา นางถึงได้รู้สึกว่าตนเองได้มีชีวิตรอดกลับมาแล้ว
พวกลิ่วจื่อที่ถูกปลุกให้ตื่นเมื่อเห็นสถานการณ์ในห้องถึงกับตะลึงไป
“พวกโจรอย่างพวกเ้าทำอะไรท่านพี่ของข้า?”
ในสถานการณ์ที่ไม่ชัดเจนเขาจึงชี้ไปยังสองคนที่เข้ามาช่วยเฉินเนี้ยนหราน
“ลิ่ว…ลิ่วจื่อ…อย่าเสียมารยาท”เฉินเนี้ยนหรานที่ยังหอบหายใจอยู่พยายามจะลุกขึ้นมองไปทางบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ในห้อง นางคุกเข่าลงอย่างจริงใจ
“ขอบคุณคุณชายที่เข้ามาช่วย”
การเคารพในครั้งนี้มาจากใจจริงหากไม่ใช่บุรุษคนนี้พังประตูเข้ามา นางในตอนนี้จะต้องถูกคนย่ำยีแล้วเป็แน่
แม้พูดถึงเื่ถูกทำลายความบริสุทธิ์ไม่ใช่เื่ที่นางจะสามารถควบคุมได้แต่การที่สามารถป้องกันไว้ได้ถือเป็เื่ที่น่ายินดี
“ช่วยชีวิตคนไม่ใช่แค่พูดแต่ปากแล้วจะจบ หาก้าขอบคุณจริงๆ ต้องจ่ายเงินแลกชีวิต”
ผู้ใดจะรู้ว่าผู้มีพระคุณตรงหน้ากลับพูดประโยคนี้ออกมาอย่างหมดความอดทน
เฉินเนี้ยนหรานถึงกับอึ้งไปลิ่วจื่อเบิกตากว้าง ยังมีเช่นนี้ด้วยหรือ!
พวกสาวใช้ฝูเหยียดหยามขึ้นมาทันทีนี่ยังนับว่าเป็ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตคนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนหรือ!
แต่บุรุษตัวสูงใหญ่เลิกคิ้ว“ฮูหยินท่านนี้ ข้าช่วยชีวิตท่านและคนข้างกายท่านคิดตามหนึ่งคนหนึ่งพันตำลึงมาคำนวณ สามคนก็สามพันตำลึง จ่ายเงินมา”
ลิ่วจื่อฟังแล้วก็หัวเราะออกมาเสียงดังจนจินจื่อที่อยู่ด้านข้างดึงเสื้อของเขา
เด็กหนุ่มไร้หัวใจคนนี้เพิ่งจะคิดขึ้นได้ว่าเื่นี้เกี่ยวข้องกับพี่สาวที่ตนเพิ่งจะรู้จัก
อีกทั้งบรรยากาศนี้ไม่คล้ายกำลังล้อเล่นอยู่เสียด้วย
สายตาของลิ่วจื่อที่มองไปทางบุรุษตรงหน้าพลันเปลี่ยนไป
“อะแฮ่มพูดกันตามหลักเหตุผลแล้ว หนึ่งคนหนึ่งพันตำลึงนั้นไม่แพง แต่คุณชายไม่คิดว่ามันมากไปหรือเ้าคะ? ข้าและเด็กคนนี้ สตรีร่างท้วมคนนั้น พวกเราสามารถต่างคำนวณหนึ่งพันตำลึง แม้แต่ซื้อของยังต้องแบ่งประเภทอ้วนผอมเลยอีกอย่าง สินค้าย่อมต้องแบ่งดีหรือแย่ เช่นนั้นคนเองก็ต้องแบ่งเป็หลายระดับจะอย่างไรก็ต้องลดราคาให้ข้าถึงจะได้”
ปากของลิ่วจื่ออ้ากว้างยิ่งกว่าเดิม
ไอ๊หยามารดาพี่สาวบุญธรรมของเขาคนนี้กลับตั้งใจต่อรองราคากับบุรุษท่านนี้!
ทั้งบุรุษตรงหน้า
หลังจากเห็นนางพูดเช่นนี้ในแววตากลับมีความขำขันบางๆ แล่นผ่าน แต่เพียงแค่วูบเดียว ความขำขันนี้ก็หายไป
เขาพิจารณาแม่นมกับเสี่ยวถวนถวนอย่างจริงจังรวมถึงเฉินเนี้ยนหรานด้วย ตอนนี้ถึงได้พยักหน้าเห็นด้วยมาก
“เป็เช่นนั้นจริงๆแม้ฮูหยินจะผอมไปบ้าง แต่แค่มองก็รู้ว่าเ้าคือเ้านาย คุณชายน้อยยังเล็กไปสักหน่อยเห็นแก่ที่ยังเด็กเช่นนี้ สามารถลดได้แปดเจ๋อ [1]”
“ส่วนแม่นมคนนี้ตัวอ้วนท้วน หากคิดราคาเป็จิน คงจะได้ราคาไม่เลวเลย แต่แค่มองก็รู้ว่านางคือสาวใช้เช่นนั้นราคาจึงคิดเหมือนกับคุณชายน้อย ลดแปดเจ๋อ ข้าคำนวณแล้วจะได้กี่ตำลึง”
“ทั้งหมดสองพันหกร้อยตำลึง”ตอนนี้เองที่จินจื่อรับคำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“เหตุใดเ้าไปช่วยคนนอกคำนวณเงินเล่านี่คือท่านพี่ของพวกเรานะ” ลิ่วจื่อเคาะหัวเ้าคนหัวทึบไปหนึ่งที
เฉินเนี้ยนหรานเองก็ปวดหัวมาก
นางไม่ได้มีเงินมากเพียงนั้นแต่หากไม่ยอมจ่ายเงินนับว่าไร้คุณธรรมไปเสียหน่อย อีกทั้ง เขาช่วยชีวิตนางจริงๆ
“ยังแพงเกินไปสักหน่อยเ้าค่ะ”
คุณชายที่อยู่ตรงหน้ารำคาญแล้วคิ้วรูปดาบเลิกขึ้น บนใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยหมอกครึ้ม
“ข้าโม่ช่างหว่านมีกฎที่ไม่เป็ลายลักษณ์อักษรข้อหนึ่งหากการค้าไม่สำเร็จ จะต้องฆ่าทิ้ง”
เมื่อประโยคนี้พูดจบจิตสังหารก็ถูกปล่อยออกมา
เฉินเนี้ยนหรานไม่สงสัยเลยสักนิดถ้าผู้มีพระคุณแปลกๆ คนนี้จะเอาชีวิตของตนเองในชั่ววินาทีนี้
“ช้าก่อนข้าแค่พูดว่าไม่ได้มีเยอะเช่นนั้น แต่ไม่ได้บอกว่าไม่ได้นะเ้าคะการค้าขายนี้เจรจาสำเร็จเ้าค่ะ คุณชายคิดว่าที่ข้าพูดนั้นถูกต้องหรือไม่เ้าคะ?”
บุรุษที่ชื่อว่าโม่ช่างหว่านสะบัดแขนเสื้อก่อนจะนั่งลง
“ถูก้าค้าขายเจรจาสำเร็จจริงๆ เสี่ยวเป่า เก็บสินค้าไป”
บุรุษนามเสี่ยวเป่าที่ตามดูแลอยู่ข้างกายเขารีบเดินไปด้านข้างแล้วนำของมีค่าทั้งหมดในตัวเ้าของโรงเตี๊ยมและเสี่ยวเอ้อร์ออกมาจนหมด
“ด้านนอกก็เก็บมาให้หมด”
“ขอรับคุณชาย”
เสี่ยวเป่ารับคำแล้วเดินลงไปด้านล่างเสี่ยวลิ่วจื่ออยากรู้มาก จึงวิ่งตามลงไปด้านล่าง
“สหายรอข้าด้วย ข้าจะตามไปลงมือด้วยกันกับเ้า”
เด็กอัธยาศัยดีไม่แยกเื่ถูกหรือผิด
“พูดตามตรงนะเ้าคะหนึ่งคนหนึ่งพันนับว่าแพงเกินไปจริงๆ แม้จะซื้อสาวใช้ระดับหนึ่งคนหนึ่งก็ราคาไม่เกินหนึ่งร้อยตำลึง จากที่ข้ารู้ หากเป็ชาวบ้านธรรมดา เช่นแม่นมมีค่าประมาณสิบตำลึงคุณชายท่านอ้าปากมาก็จะเก็บข้าหลายพันตำลึง มากเกินไป ข้าไม่มีจริงๆ ”
โม่ช่างหว่านที่อยู่ตรงข้ามทำหน้าดูถูก
“เ้าคิดว่าเ้าเหมือนสาวใช้ระดับหนึ่งหรือ!”
“เอ่อก็ได้ แม้ข้าจะไม่ใช่สาวใช้ระดับหนึ่ง แต่ข้าก็ไม่มีค่าถึงหนึ่งพันตำลึงข้าน่ะมีชะตาเป็ฮูหยิน แต่กลับไม่ได้รับความสุขจากสามีหรอกนะท่านดูพวกเรายังต้องเลี้ยงลูกชาย เลี้ยงแม่นม เลี้ยงพวกเด็กจอมซนที่วันๆ เอาแต่เล่นสิ่งที่เรียกว่าเด็กเล็กกินจนแม่ยากจน ท่านวีรบุรุษสมควรเข้าใจสักหน่อยปล่อยข้าไปสักครั้ง ให้ข้าเลี้ยงเด็กๆ พวกนี้ให้เติบโตเถิด”
เมื่อพูดประโยคนี้พูดจบนางจึงชี้ไปทางจินจื่อที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังโม่ช่างหวาน รวมถึงเด็กที่ลงไปด้านล่าง
ความหมายก็คือด้านล่างยังมีลิ่วจื่ออีกคน
จินจื่อตบหน้าตัวเองอย่างเศร้าใจที่แท้เขาก็ไร้ประโยชน์เช่นนี้ ออกมาข้างนอกยังต้องให้พี่สาวคอยเลี้ยงดู
โม่ช่างหว่านมองหน้าขมขื่นของจินจื่อจึงตัดใจ“สองพันตำลึง ไม่นับเ้าแล้ว”
เฉินเนี้ยนหรานตัดสินใจตัดราคา
“สองร้อยไม่ต่อกับเ้าอีกแล้ว”
“อะไรนะ…สองร้อย…สามชีวิต! เ้าคิดว่าเป็ชีวิตไร้ค่าหรือ!”
โม่ช่างหว่านพุ่งพรวดลุกขึ้นมากัดฟันกรอด เมื่อเห็นว่าตกลงกันไม่ได้ก็จะใช้มีด
เฉินเนี้ยนหรานยกมือ“ท่านวีรบุรุษ ใจเย็น ใจเย็น การวู่วามนั้นคือปีศาจต่อไปข้ายังมีการค้ามาดูแลท่านวีรบุรุษ ดูท่าทางของคุณชายแล้ว คงเป็คนที่ออกมาทำการค้าเชื่อข้า แล้วจะร่วมมือกับข้าแน่นอน”
เชิงอรรถ
[1] แปดเจ๋อ หมายถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์
