สายน้ำไหลริน
กลิ่นหอมจางๆ และเงาไหววูบ
หอมู่เหยียนแห่งนี้สร้างอยู่ริมแม่น้ำสายหนึ่ง
เมื่อนั่งอยู่ในโถงจะสามารถได้ยินเสียงน้ำได้
เสียงสายน้ำไหลรินกระทบโขดหิน
บางคราก็มีปลาะโขึ้นเหนือน้ำจนน้ำกระเซ็นซ่านเป็วง
เสียงพิณในโถงแว่วดังเบาๆ ด้วยกลัวว่าเสียงของมันจะกลบเสียงน้ำไหลจนทำให้สูญเสียความสง่างาม
หลินกั่วเอ๋อร์ยังคงนั่งลงอย่างน้อยใจอยู่ที่ฟากหนึ่งของโต๊ะที่เฉินโย่วนั่งอยู่ มือเรียวคอยคีบอาหารส่งให้เฉินโย่ว
อืม นางเติมข้าวให้คุณชายลู่ถึงสามชามแล้ว
แม้ว่าอาหารในหอมู่เหยียนจะรสชาติเป็เลิศจนนับว่าเป็ชั้นหนึ่งจริงๆ ด้วยเพราะราคาอาหารที่นี่สูงยิ่งนัก เหล่าคนที่มาเยือนจึงมีแต่เศรษฐี
ทว่านางกลับไม่เคยพบว่าจะมีแขกคนใดที่เดินทางมาที่นี่แล้วเอาแต่กินข้าว…ทั้งยังกินกับข้าวมากมายเพียงนี้
มีใครบ้างที่จะมาที่นี่แล้วไม่หยอกเอินกับสตรี หรือร่ายกวี หรือแสดงวรยุทธ์
ทว่าคุณชายลู่ผู้นี้กลับกล่าวกับนางอย่างจริงจังราวกับเดินทางมาที่นี่เพื่อกินข้าวจริงๆ
เ้าเด็กน่าตายนี่กินข้าวเสียหลายชาม ทั้งท่าทางยามกินยังดูสง่างามเหลือเกิน
เดิมทีนางคิดอยากจะทำให้เขาดูขี้เหร่ขึ้นมาเสียหน่อย
ก็ใครใช้ให้เ้าเด็กนี่เจอนางเพียงครั้งแรกก็ทั้งจับทั้งคลึงนางเช่นนี้เล่า ทว่ายามนี้ที่นางเผยเนื้อหนังเสียจนแทบจะทั้งร่าง เขากลับไม่แม้แต่จะแตะต้องแม้แต่น้อย
ไม่คิดเลยว่าจะเห็นเขากินข้าวมากถึงสามชาม หัวสิงโตน้ำแดงอีกเก้าลูก เนื้อแดงผัดอีกหนึ่งจาน เป็ดกรอบอีกหนึ่งจาน ผักคะน้าผัดไฟแดงอีกจานหนึ่ง
คุณชายลู่ผู้นี้ไม่เพียงแต่กินอาหารอย่างตั้งใจ แต่ยังกินอย่างเอร็ดอร่อยยิ่งนัก
นางนั่งคีบอาหารให้เด็กหนุ่มอยู่ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมา ส่วนนางก็ได้แต่มองพร้อมกับกลืนน้ำลายอึกๆ
ท่าทางของคุณชายลู่ยามกินอาหารดูตั้งอกตั้งใจยิ่งนัก นางคิดจะซุกซนเสียหน่อยจึงได้เลื่อนจานอาหารที่อีกฝ่ายชอบให้ไกลออกไปสักหน่อย ผลลัพธ์คือเด็กหนุ่มพลันเงยหน้าขึ้นมองนาง สายตาที่ส่งมาชวนให้นางใจสั่น ราวกับว่านางยังไม่สู้กับข้าวจานหนึ่ง หากว่านางเลื่อนกับข้าวของเขาอีก เขาก็จะโกรธนางอย่างไรอย่างนั้น
หลินกั่วเอ๋อร์ราวกับนั่งอยู่บนเบาะที่ปักไปด้วยเข็ม แม้ว่าสายตาในโถงใหญ่แห่งนี้กว่าครึ่งจะกำลังจับจ้องมาทางนี้ แต่จะมองมาที่นางหรือคุณชายลู่กันแน่ นางก็ยังไม่แน่ใจ
ไหนจะยังมีสายตาแหลมคมจากเหล่าพี่สาวน้องสาวที่ทิ่มแทงมาทางนางจนนางรู้สึกรวดร้าวไปหมด แต่ใครจะรู้บ้างเล่าว่านางก็ไม่รู้จะทำเช่นไร แม้ภายนอกจะดูเหมือนว่านางเป็คนกักตัวคุณชายน้อยที่รูปงามเหนือสามัญเอาไว้ ทว่าความจริงแล้วเป็นางต่างหากที่ถูกจับตัวมาเป็สาวใช้นางหนึ่ง
ความจริงก็เป็เช่นนี้ ยามนี้หลินกั่วเอ๋อร์รู้สึกว่าตนเหมือนสาวใช้คนหนึ่งจริงๆ
นางนั้นต่อสู้มาด้วยตนเอง ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด นางก็ปากกัดตีนถีบจนฝ่ามาได้ ยามนี้นับั้แ่นางได้กลายมาเป็นางคณิกาแห่งหอมู่เหยียน นี่เป็ครั้งแรกที่นางมีความรู้สึกเช่นนี้
เฉินโย่วไม่รู้แม้แต่น้อยว่าพี่สาวข้างกายกำลังต่อสู้กับความคิดของตนอยู่
ในยามนี้นางรู้สึกเพียงว่าอาหารตรงหน้าช่างรสชาติดีเหลือเกิน
ทั้งยังไม่อยากสิ้นเปลืองอาหารมื้อนี้
บนูเากระดูกแม้แต่อาหารธรรมดาก็ยังกินกันอย่างตั้งใจ แม้บางคราจะอร่อยบ้างหรือไม่อร่อยบ้างก็ตาม แต่ปกติแล้วไม่มีทางปล่อยให้เสียของแน่นอน
เฉินโย่วนั่งกินอยู่นาน ในที่สุดก็เริ่มรู้สึกอิ่ม
รู้สึกว่าสภาพร่างกายนางเริ่มจะดีขึ้นแล้ว ราวกับได้ฟื้นคืนชีพ
วันนี้แม้จะดูเหมือนไม่ได้ทำอะไร เพียงแต่ตื่นเช้าไปสักหน่อยก็เท่านั้น ทว่าในยามนี้นางกลับรู้สึกอ่อนแรงเหลือเกิน
ในยามนี้จึงเหมือนนางได้ฟื้นคืนพลังกลับมา
เฉินโย่วเช็ดริมฝีปากอย่างมีจริต จากนั้นก็ขอไปเข้าห้องปลดทุกข์
การกระทำเหล่านี้ของนางดูไม่ได้จงใจนัก ท่าทีเหล่านี้ล้วนแต่ได้เป็ท่าทียามที่กินข้าวอยู่กับน้าหลัว ทั้งยามยังเล็กก็เพราะเื่นี้นางจึงได้โดนตีมือไปเสียหลายครา ดังนั้นจากการฝึกฝนและสั่งสอนทำให้เฉินโย่วมีท่าทางเช่นนี้ ท่าทางสง่างามที่ราวกับสลักเอาไว้ในกระดูก
ในด้านมารยาทล้วนแต่มิมีใครหาข้อตินางได้
เมื่อกินอาหารเสร็จแล้วนางก็เห็นพี่สาวข้างกายมองมาทางนางอย่างถือโทษ ท่าทางดูเศร้าโศกเสียจนชวนให้นางใ
“พี่กั่วเอ๋อร์เป็อะไรไปหรือ”
เหล่าสหายของเฉินโย่วไม่มีแม้สักคนที่สามารถตั้งใจกินอาหารเช่นนางได้ แม้ว่าอาหารตรงหน้าจะอร่อยมากก็ตาม ทว่าเมื่อทั้งซ้ายขวาล้วนมีแต่โฉมงามล้อมรอบอยู่เช่นนี้ ใครมันจะไปตั้งใจกินอาหารได้ลงคอ หากจะมีก็คงมีเพียงเฉินโย่วเท่านั้น
“ท่านเอาแต่กิน ไม่เหลียวแลบ่าวแม้เพียงหางตา” หลินกั่วเอ๋อร์พอจะจินตนาการได้ว่าบัดนี้ตนกำลังถูกคนอื่นๆ หัวเราะจนท้องแข็งอยู่เป็แน่ บัดนี้น้ำเสียงนุ่มนวลจึงได้เอ่ยตัดพ้อ
“ข้าผิดไปแล้ว ก็อาหารอร่อยเหลือเกิน จึงได้เผลอหมางเมินพี่สาวเช่นนี้” เฉินโย่วเอ่ยขออภัย
หลินกั่วเอ๋อร์กลอกตาก่อนจะยิ้มขึ้น “เช่นนั้นเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน ท่านมาเล่นเดิมพันสุรากับพี่สาวสักครา”
“เดิมพันสุราหรือ แต่ข้าไม่เคยดื่มสุรานี่” เฉินโย่วตอบด้วยท่าทีจริงจัง
นางยามอยู่บนูเากระดูกก็ไม่เคยดื่มสุรามาก่อน
ท่านอาปาชอบดื่มสุรานัก จึงมักจะแบกถุงสุราแสนรักไปด้วยทุกที่ เขามักจะบอกว่าสุราไม่เพียงแต่รสชาติดี ยังสามารถช่วยชีวิตคนได้อีกด้วย
ทว่ากลับไม่เคยให้พวกเขาลองดื่มสักครา
ทั้งยังกล่าวอีกว่าการดื่มสุราเป็เื่ไม่ดี
ดูเหมือนว่าเหล่าพี่ชายก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มสุราเช่นกัน ทว่ายามอยู่ด้านนอกแอบดื่มหรือไม่ก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ยามอยู่บนูเาไม่เคยดื่มแน่นอน
ทั้งนี้ยังรวมไปถึงอาลู่ที่อายุมากที่สุดแต่ก็ยังนับว่าเป็เด็ก เขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มสุราเช่นกัน
ทว่าบัดนี้เมื่อได้ยินพี่สาวชวนนางเดิมพันสุรา นางก็ทั้งรอคอยทั้งกังวล ด้วยหากว่าถ้าน้าหลัวรู้เข้า นางย่อมจะต้องโดนลงโทษแน่นอน
หลินกั่วเอ๋อร์มองท่าทีของเฉินโย่ว ในคราแรกก็ใจเต้นตึกตักขึ้นมา เ้าเด็กนี่ช่างน่าตายเสียจริง แววตาคาดหวังเช่นนั้นแทบทำให้สตรีในหอเฟิงเยว่อย่างนางแทบจะต้านทานไม่ไหว
“คุณชายลู่ไม่ต้องเป็กังวลไป บ่าวก็ดื่มสุราไม่เก่งเช่นกัน เราเพียงแค่เล่นสนุกกันก็พอ ประเดี๋ยวกั่วเอ๋อร์จะเป็คนสอนท่านเอง”
เฉินโย่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า เมื่อครู่นางเอาแต่ให้พี่สาวทำงาน เช่นนี้ก็เล่นกับนางสักหน่อยก็คงจะไม่มีอะไร ดังนั้นจึงได้พยักหน้าตกลง
การเดิมพันสุรามีหลายรูปแบบ แต่แบบที่เหมาะสำหรับการเล่นสองคนที่สุด และยังคงสามารถรักษาท่าทีเอาไว้ได้ย่อมเป็การทายเหรียญ โดยจะเลือกสิ่งของเล็กๆ มาใช้เป็อุปกรณ์ในการทาย อย่างเช่น เม็ดเงิน เม็ดหมาก เมล็ดแตงหรือเมล็ดผลไม้ โดยรวมขอแค่สามารถซ่อนเอาไว้ในฝ่ามือได้ก็เป็พอ
วิธีการก็แสนง่าย เพียงแค่อีกฝ่ายซ่อนมือไว้ด้านหลัง ส่วนในมือก็ถือเมล็ดพืชเอาไว้แล้วให้อีกฝ่ายทายว่าเมล็ดพืชนั้นอยู่ในมือข้างใด บางคราก็สามารถมีได้ทั้งสองมือ หรือหากจะให้ยากสักหน่อย บางคราก็ไม่ได้ซ่อนไว้ในมือทั้งสองข้าง คนที่ทายถูกก็นับว่าชนะไป หากทายไม่ถูกก็จะต้องถูกลงโทษโดยการดื่มสุรา
เมื่อเห็นว่าเฉินโย่วจะเดิมพันสุรากับพี่สาว เหล่าสหายของนางก็พากันล้อมเข้ามาด้วยความสนใจ
เพราะความจริงแล้วยามนั่งอยู่ในโถงใหญ่พวกเขาก็กำลังรู้สึกกระอักกระอ่วน พวกเขาไม่สามารถทำแบบเฉินโย่วที่สามารถกินอาหารได้อย่างเบิกบานใจราวกับรอบกายไม่มีคนอยู่
หลังจากพวกเขาเข้ามา ข้างกายของทุกคนล้วนแต่มีนางคณิกานั่งอยู่ข้างกาย
ทว่าทุกคนล้วนแต่มีท่าทีเ็า ดูแล้วไม่ยินดีจะต้อนรับเท่าไรนัก
น่าจะเป็เพราะเห็นว่าพวกเขายังเป็เพียงเด็กหนุ่ม กระทั่งท่านพ่อและพี่ชายของเขาก็ยังไม่ได้การรับรองที่ดีเท่าไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเด็กหนุ่มที่ขนยังไม่ทันงอกเช่นพวกเขา
ทว่ากฎของหอมู่เหยียนตั้งไว้ว่าห้ามปล่อยให้แขกอยู่เพียงลำพังเป็อันขาด
หลินกั่วเอ๋อร์เชี่ยวชาญเื่นี้ที่สุด แม้รูปลักษณ์ของนางยั่วยวน ทว่าดวงตากลับใสกระจ่าง สามารถหลอกคนให้เชื่อได้โดยง่าย
ความจริงแล้วเื่เดิมพันทายเหรียญดื่มสุรา นางเล่นทุกครั้งก็ชนะทุกครั้ง ไม่เคยจะแพ้มาก่อน
ทั้งการละเล่นเช่นนี้ยังเป็การสร้างความสนิทสนม สามารถลูบมือลูบแขนกันได้ ยามเล่นกันจนเริ่มเมากรึ่ม แม่นางอาจหัวร่อต่อกระซิกจนไปจบลงอยู่ในอ้อมแขนของแขกก็ได้ ดังนั้นแม้แขกจะแพ้ราบคาบก็ไม่มีทางโกรธ
เฉินโย่วรู้สึกแปลกใหม่นัก
“ต่อให้ทายไม่ถูกก็ยังได้ดื่มสุรา ช่างน่าสนุกจริงๆ” เฉินโย่วยิ้มขึ้น
เมื่อเฉินโย่วเผยรอยยิ้ม เหล่าคนที่ล้อมเข้ามาเพื่อชมความบันเทิงก็พากันตื่นตะลึง
ทุ่งบุปผาหอมตลบในยามวสันต์ยังไม่งามเท่ารอยยิ้มของคุณชายน้อยตรงหน้า
ท่าทางเช่นนี้ หากเมาแล้วจะเป็เช่นไรกันหนอ…
คนเหล่านี้ล้วนแต่ไม่มีใครคาดว่านางจะเป็เด็กสาวนางหนึ่ง แม้ว่าคุณชายตรงหน้าจะหน้าตาพริ้มเพราเพียงใด แต่ท่วงท่าช่างผ่าเผยนัก
หลินกั่วเอ๋อร์ที่กำลังได้ใจ ตัดสินใจแล้วว่าวันนี้จะแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ อย่างไรก็จะต้องมอมสุราคุณชายน้อยตรงหน้าให้ได้
นางยื่นมือขาวอันอ่อนนุ่มออกมา เผยให้เห็นเรียวแขนเกลี้ยงเกลาของนาง
ฝ่ามือแดงระเรื่อมีเม็ดบัวที่คั่วแล้ววางอยู่เม็ดหนึ่ง “ท่านคือศิษย์ของสำนักเชิน ย่อมต้องฉลาดเฉลียวไม่ผิดแน่ เช่นนี้กั่วเอ๋อร์จะขอเล่นแบบยากก็แล้วกันนะเ้าคะ ท่านไม่เพียงแต่จะต้องทายว่าในมือของกั่วเอ๋อร์มีหรือไม่มี แต่ต้องทายให้ถูกว่าในมือมีอยู่กี่เม็ด”
เมื่อแม่นางกั่วเอ๋อร์กล่าวจบก็ได้ยินเสียงหายใจดังขึ้นตามกัน
แม้ว่าหลินเฟินจะมาที่นี่เพื่อดูสาวงาม ทว่าถึงอย่างไรก็เป็พวกเขาที่พาเฉินโย่วมา เมื่อเห็นสหายโดนรังแกเช่นนี้ก็รู้สึกไม่ยินดีเท่าไรนัก
“พี่กั่วเอ๋อร์เล่นเช่นนี้ยากเกินไป การทายเหรียญมันเกี่ยวอะไรกันกับสำนักเชินเล่า หากว่าเข้าเรียนที่สำนักเชินแล้วจะทายถูก เช่นนั้นจี้จิ่วของเราก็คงต้องมาหอเฟิงเยว่ทุกวันเสียแล้วกระมัง”
ทันทีที่เด็กหนุ่มกล่าวจบ แม่นางกั่วเอ๋อร์ก็รีบเอามือป้องปากกลั้นเสียงหัวเราะ
เพราะอีกฟากหนึ่งในโถงใหญ่ ยามเมื่อเหล่าเด็กหนุ่มเอาแต่ใจพากันเดินเข้ามา ทั้งจี้จิ่วโหยวและอาจารย์จวียังไม่ทันดื่มสุราก็พากันหน้าแดงเสียแล้ว