แม่ทัพหลี่เห็นเหล่าปัญญาชนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเช่นนี้ แม้ตนจะผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าพวกเขาประสาทเสีย
เขารู้ดีว่าคนของตนกระทำเช่นไรกับปัญญาชนเ่าั้ ไม่เชิญหมอมารักษา ไม่ให้ออกจากสำนักศึกษา ไม่ช่วยเหลืออะไรทั้งนั้น แม้พวกเขาสิ้นใจก็สาแก่ใจเท่านั้น
ตามหลักแล้ว เหล่าปัญญาชนจิตใจสูงส่งยิ่งกว่า์เหล่านี้ควรจะเกลียดชังเขาต่างหากถึงจะถูก เหตุใดจึงให้ความร่วมมือเช่นนี้?
แม่ทัพหลี่เป็คนหยาบกระด้าง แม้จะเ้าเล่ห์เพียงใดก็คงนึกไม่ถึงว่าวันหนึ่งปัญญาชนที่เชื่อฟังเหล่านี้คิดจะลอบกราบทูลฝ่าา เพื่อทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกฮ่องเต้ลงโทษ ถูกถอดออกจากตำแหน่ง!
ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ หากกล่าวถึงกลอุบาย ปัญญาชนเป็ฝ่ายได้เปรียบ
พวกเขาอ่านตำรามามาก ความคิดก็มากตามไปด้วย ไม่ว่าจะหยิบยกความคิดใดขึ้นมา ก็ล้วนทำให้ผู้คนตกตะลึง
เหตุเพราะเหล่าปัญญาชนให้ความร่วมมือเป็อย่างดี แม่ทัพหลี่ใช้เวลาไม่นานก็ได้ข้อมูลของจารชนแล้ว ทั้งยังรู้อีกด้วยว่าจารชนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ใดบ้าง
บรรดาปัญญาชนที่ปกติสนิทสนมกับจารชนต่างแสดงความขุ่นเคืองและดูแคลนจารชนคนนั้น เล่าเื่ทุกอย่างของจารชนออกมาจนหมด ไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย
แม่ทัพหลี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ สีหน้ามืดหม่นราวกับน้ำหมึก เหล่าปัญญาชนเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักเช่นนั้นจึงถามถึงสุขภาพของแม่ทัพหลี่ ทั้งยังพูดแสดงความเป็ห่วงออกมาอย่างหนักแน่น
นักยุทธศาสตร์ของแม่ทัพหลี่ไม่อาจทนเห็นสีหน้าขุนเคืองของแม่ทัพหลี่ได้จึงไล่ปัญญาชนออกไป ทำให้ปัญญาชนไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
"แม่ทัพหลี่หมายความว่าอย่างไร? พวกข้ารู้ว่าท่านตั้งใจทำงานถวายชีวิตให้แคว้น ก่อนหน้านี้ต้องต่อสู้กับพวกโจรขโมยม้า พวกข้ากลัวว่าท่านจะาเ็จึงมาถามไถ่ด้วยความเป็ห่วง แต่ท่านกลับพูดจาหยาบคายเช่นนี้ ไม่สมกับเป็สุภาพบุรุษเลย!”
ถูกปัญญาชนต่ำต้อยตำหนิเช่นนี้ เดิมทีแม่ทัพหลี่โมโหเสียจนอยากจะอาละวาด ทว่านักยุทธศาสตร์ส่งสายตาปรามไม่ให้เขาแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา
หากเื่ที่แม่ทัพหลี่หยาบคายกับปัญญาชนแพร่งพรายออกไป เช่นนั้นวันข้างหน้าแม่ทัพหลี่อย่าคิดที่จะมีเื่ขัดแย้งกับปัญญาชนอีก
หลังจากนั้น เมื่อปัญญาชนคนอื่นๆ เห็นความสำเร็จของปัญญาชนคนนี้ แทบจะทุกคนที่ถูกเรียกตัวไปล้วนกระทำเช่นเดียวกัน แสดงความเป็ห่วงต่อสุขภาพของทหารผู้จงรักภักดีต่อแคว้น
นักยุทธศาสตร์เห็นสีหน้าของแม่ทัพหลี่หงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ อยากจะบันดาลโทสะมากขึ้นเรื่อยๆ ก็กลัวว่าจะเกิดข้อผิดพลาด จึงรีบหาข้ออ้างแล้วพาแม่ทัพหลี่ออกไป
"เ้าเชี่ยน เ้าห้ามไม่ให้ข้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? เ้าฟังไม่ออกหรือ? ปัญญาชนเ่าั้กำลังหัวเราะเยาะข้า ข้าข่มความโกรธจนแทบจะอกแตกตายแล้ว!”
ทันทีที่แม่ทัพหลี่กลับถึงค่ายทหารก็ไม่อาจอดทนต่อไปได้อีก เกือบจะชี้หน้าด่าเชี่ยนจื้อซินแล้ว
เชี่ยนจื้อซินคือนักยุทธศาสตร์คนนั้น เมื่อครู่มีเพียงเขาเท่านั้นที่กล้าเกลี้ยกล่อมห้ามปรามแม่ทัพหลี่ตอนโมโห เพราะพวกเขาสองคนเติบโตมาด้วยกัน ทั้งยังรับราชการทหารพร้อมกัน
แค่เพราะสุขภาพร่างกายของแม่ทัพหลี่แข็งแรงกว่า สามารถสู้รบในาได้ แต่เชี่ยนจื้อซินสุขภาพร่างกายไม่ดี จึงเป็ได้เพียงนักยุทธศาสตร์ ทว่าทั้งสองเป็คู่หูกัน ทั้งยังเป็คู่หูที่ผู้คนต่างอิจฉาอีกด้วย
คนหนึ่งรอบคอบ คนหนึ่งบ้าคลั่ง คนหนึ่งเก่งบู๋น อีกคนเก่งบู๊ นิสัยของทั้งคู่สามารถทดแทนข้อเสียของกันและกันได้ ยามทำงานร่วมกันก็รู้ใจราวกับเป็คนเดียวกัน
เพราะเหตุนี้ แม่ทัพหลี่จึงเห็นแก่หน้าเชี่ยนจื้อซิน แม้จะหงุดหงิดไม่สบอารมณ์เพียงใดก็อดทน ไม่โวยวาย มิเช่นนั้นปัญญาชนเ่าั้ต้องเดือดร้อนแน่นอน
เชี่ยนจื้อซินลูบจมูก ยิ้มเศร้า
"เ้าหลี่ พวกเราเป็คู่หูกันมานาน ข้าเคยทำร้ายเ้าด้วยหรือ? ที่ข้าทำเช่นนี้ เพราะมีเหตุผล อีกทั้งเหตุผลนี้ล้วนหวังดีต่อเ้า" เ้าหลี่ดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวคือเืร้อนเกินไป นิสัยนี้ไม่อาจแก้ได้ ไม่รู้ว่าต้องเดือดร้อนเพราะนิสัยนี้ของตนมาตั้งเท่าใดแล้ว
แม่ทัพหลี่เบิกตากว้างราวกับกระดิ่ง
"เช่นนั้นทำไมเ้าไม่อธิบายให้ข้าฟังเล่า วันนี้ข้าต้องอดทนต่อคำดูถูก หากไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงต้องอดทนเช่นนี้ ข้าจะกลับไปลากคอปัญญาชนเ่าั้เดี๋ยวนี้เลย"
เชี่ยนจื้อซินััได้ถึงการข่มขู่ จึงรีบพูดปลอบ "พอได้แล้วๆ มีครั้งใดบ้างที่ข้าไม่อธิบายให้เ้าฟัง เ้าใจเย็นก่อนได้หรือไม่?"
แม่ทัพหลี่มีความอดทนกับสหายคนนี้ที่โตมาด้วยกัน เขาเชื่อฟังคำพูดของสหายคนนี้ จึงนั่งลงตามที่บอก แล้วฟังอย่างตั้งใจ
ที่แท้ เชี่ยนจื้อซินรู้ั้แ่แรกแล้วว่าในสำนักศึกษานอกจากจารชนที่มอบแผนที่ของสำนักศึกษาให้โจรขโมยม้าแล้ว ยังมีคนอื่นแฝงตัวอยู่ด้านในอีก
ทว่าจารชนคนนั้นหนีไปนานแล้ว ด้วยเหตุนี้อีกคนเป็ใคร จึงต้องสืบอย่างละเอียด นี่จึงเป็เหตุผลที่แม่ทัพหลี่ไม่ให้คนในสำนักศึกษาออกมาั้แ่แรก
หลังจากแม่ทัพหลี่ปิดล้อมสำนักศึกษาก็พบว่าปัญญาชนที่อยู่ด้านในาเ็สาหัส แม้ในสนามรบแม่ทัพหลี่จะฆ่าฟันคนนับไม่ถ้วน แต่เขาก็ไม่ใช่คนอำมหิต อยากจะส่งหมอทหารเข้าไปรักษา ทว่าเชี่ยนจื้อซินไม่อนุญาต เพราะ้าให้คนที่แฝงตัวอยู่ด้านในเผยพิรุธออกมา
เมื่อครู่เชี่ยนจื้อซินคอยสังเกตปัญญาชนทุกคน เพราะอยากจะรู้ว่าใครกำลังโกหก
ตอนที่โจรขโมยม้ามาถึง จารชนคนนั้นหนีไปนานแล้ว แต่ตามคำให้การของปัญญาชน บอกว่าโจรขโมยม้าบุกเข้ามาโดยมิต้องพังประตู
หากไม่มีคนเปิดประตูให้พวกโจร แล้วประตูจะเปิดเองได้อย่างไร?
ทว่ากลับหาตัวคนเปิดประตูไม่เจอ
แม้กระทั่งตอนสอบปากคำทุกคนเมื่อครู่นี้ คนเปิดประตูก็แฝงตัวได้อย่างแเี แทบจะไม่มีผู้ใดน่าสงสัย ทุกคนล้วนมีพยานบุคคล ยากที่จะแยกแยะได้ว่าใครพูดจริง ใครโกหก
หากเวลานี้แม่ทัพหลี่ขัดแย้งกับปัญญาชน เช่นนั้นก็ไม่อาจเจอตัวคนเปิดประตูสำนักศึกษาแล้ว
เมื่อขัดแย้งกัน ความสนใจของทุกคนก็จะเบี่ยงเบนมาที่เื่แม่ทัพหลี่รังแกปัญญาชน ไม่ให้เกียรติปัญญาชน เมื่อถึงเวลาแม่ทัพหลี่อยากจะอธิบายเจตจำนงของตน เกรงว่าถึงตอนนั้นคงไม่มีผู้ใดรับฟังแล้ว
นี่เป็การซื้อขายที่ขาดทุนอย่างเห็นได้ชัด เชี่ยนจื้อซินไม่อาจปล่อยให้เป็เช่นนั้นได้
"เ้าหลี่ ข้ารู้ว่าเ้าทำเพื่อแคว้น แต่บางครั้งก็ต้องใช้ความคิด เ้าไม่อาจพึ่งพิงข้าอยู่ร่ำไปกระมัง"
เชี่ยนจื้อซินแสดงถึงความเหนื่อยใจ ถ้อยคำนี้เขาพูดนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่แม่ทัพหลี่ไม่ยอมฟัง มักจะทำตามใจตนเองจนเกิดปัญหานับครั้งไม่ถ้วน
หากไม่ใช่เพราะเชี่ยนจื้อซินคอยอยู่เคียงข้าง ไม่แน่ว่าแม่ทัพหลี่อาจจะถูกปลดจากตำแหน่งเพราะขัดแย้งกับผู้อื่น ั้แ่เมื่อหลายปีก่อนแล้วก็ได้
เชี่ยนจื้อซินถอนหายใจ "ข้ารู้สึกว่าท่าทีของปัญญาชนเ่าั้เมื่อครู่ แตกต่างจากก่อนหน้านี้ คาดว่ามีผู้มีปัญญาให้คำชี้แนะ"
"เ้าส่งคนไปสืบดูสิว่าคนที่ให้คำชี้แนะพวกเขาเป็ใคร ไม่แน่ว่าการเลื้อยตามเถาวัลย์นี้ อาจจะสืบหาคนเปิดประตูพบก็ได้"
เมื่อแม่ทัพหลี่ได้ยินว่าอาจจะสืบเจอตัวคนร้าย ดวงตาของเขาทอประกาย รีบส่งคนไปสืบ สำหรับคำพูดร่ายยาวของเชี่ยนจื้อซินเมื่อครู่...
อื้ม ลมแรง เขาไม่ได้ยิน!
ซ่งอวี้ที่นั่งอ่านนิยายในห้อง ไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดของตนเองจะทำให้แม่ทัพหลี่และนักยุทธศาสตร์เชี่ยนจื้อซินสนใจ นางยังคงบ่นเนื้อความของนิยายไม่หยุด
นางพูดความจริง นางไม่ได้เื่มาก แต่นิยายเหล่านี้เขียนได้แย่จริงๆ ทำให้นางเสียสายตายิ่งนัก