วันนี้เป็วันอาทิตย์ซ่งหานเจียงทำแบบเดิมตามปกติ หลังจากทำการทดลองเสร็จเขาก็ขี่จักรยานกลับบ้าน
ระหว่างทางในหัวของซ่งหานเจียงเอาแต่คิดถึงผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เขาเพิ่งเห็นวันนี้ ในฉบับที่ได้ตีพิมพ์ของต่างประเทศโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีอะไรรอเขาอยู่ที่บ้านตระกูลซ่ง
ไม่นานเขาก็ขี่จักรยานกลับมาถึงบ้าน หลังจากจอดรถจักรยานเรียบร้อยดีแล้ว ซ่งหานเจียงก็เปิดประตูเข้าบ้านไปและร้องเรียกคนในบ้านด้วยรอยยิ้ม “พ่อครับ แม่ครับ”
ซ่งเป่าเถียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในมือคีบบุหรี่และมีสีหน้าหม่นหมอง ส่วนหวังซิ่วอิงนั่งอยู่ตรงข้ามกันก้มหน้าถักไหมพรมอยู่แต่ยิ่งเธอดึงไหมพรมมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งพันกันมากขึ้นเท่านั้น ทางด้านพี่ชายคนโตอย่างซ่งซุนซานที่ดันเผลอไปสบสายตากับซ่งหานเจียงเข้าพอดี เขาก็รีบเบี่ยงสายตาหนีไปทางอื่นอย่างมีพิรุธและพี่สะใภ้ใหญ่อย่างโจวเจี๋ยนั้นไม่ได้อยู่ในห้องนั่งเล่น เดาว่าเธอคงอยู่ในห้องกับลูกๆ อีกด้านหนึ่งซ่งเหม่ยอวิ๋นก็กำลังก้มหน้าห่อไหล่ลงด้วยท่าทางรู้สึกผิดและไม่กล้าพูดอะไร
เมื่อก่อนทุกครั้งที่ซ่งหานเจียงกลับมาถึงบ้าน คนในบ้านก็จะเรียกเขาทานอาหารอย่างมีความสุขแต่วันนี้กลับต่างออกไป ไม่ว่าซ่งหานเจียงจะเป็คนความรู้สึกช้าแค่ไหนเขาก็ััได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
“พ่อ แม่ เป็อะไรกันไปแล้ว? ที่บ้านมีเื่อะไรเกิดขึ้นงั้นหรือ?” ซ่งหานเจียงถาม
ผ่านไปชั่วครู่ก็ยังไม่มีใครตอบ
ในที่สุดซ่งเป่าเถียนก็ทำลายความเงียบลง เขาหัวเราะปลอมๆ ขึ้นมาก่อน จากนั้นก็หันไปเรียกหวังซิ่วอิง “ลูกชายกลับบ้านมาแล้ว มัวมึนงงอะไรอยู่ เร็วเข้า รีบกินข้าวกันได้แล้ว!” แล้วเขาก็หันไปถามซ่งหานเจียงต่อเหมือนทุกอย่างปกติ “่นี้ที่มหาวิทยาลัยเป็อย่างไรบ้าง? เรียนเหนื่อยไหม?”
ซ่งหานเจียงหันมองไปรอบๆ แล้วเอ่ยถามขึ้นมา “ซย่านีเล่า?” เมื่อตอนที่เขาเพิ่งเดินเข้าประตูมา เขาก็เหลือบมองไปทางห้องปีกตะวันตกแล้ว ที่นั่นไม่มีแสงสว่างซึ่งหมายความว่าซย่านีกับลูกๆ ไม่ได้อยู่ในห้อง
หวังซิ่วอิงที่กำลังหันหลังแล้ววางไหมพรมลง พลันร่างของเธอก็หยุดชะงักไปชั่วคราว จากนั้นเธอก็แหวกม่านแล้วเดินออกประตูไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ซ่งเป่าเถียนหัวเราะลั่น “ซย่านีหรือ ซย่านีเธอออกไปแล้ว”
ซ่งหานเจียงถามต่อ “ไปไหนกัน?”
ซ่งเป่าเถียนเองก็คับแค้นใจเช่นกัน ดังนั้นน้ำเสียงจึงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “พ่อจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเธอไปไหนแล้ว ขาก็ขาของเธอ”
ซ่งหานเจียงขมวดคิ้วแล้วหันไปถามซ่งซุนซาน “พี่ใหญ่...”
เขายังพูดไม่ทันจบ ซ่งซุนซานก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน “อย่ามาถามฉัน ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
จากนั้นซ่งหานเจียงก็หันไปหาซ่งเหม่ยอวิ๋น “เหม่ยอวิ๋น เธอรู้ไหมว่าพี่สะใภ้รองไปไหนแล้ว?”
ซ่งเหม่ยอวิ๋นเบือนหน้าหนีไม่สบตาซ่งหานเจียง เธอทำท่าทางราวกับ ‘ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันสักหน่อย’ แล้วเอ่ยขึ้นมา “ฉันเองก็ไม่รู้หรอก ฉันออกไปเดินซื้อของกับพี่เสวี่ยหรูมา”
ตอนเกิดเื่ขึ้นเธอไม่รู้จริงๆ อาจเพราะกลัวโดนหวังซิ่วอิงดุ เธอก็เลยลากหลี่เสวี่ยหรูออกไปข้างนอก ่บ่ายสามโมงถึงบ่ายสี่โมงเย็นเธอถึงเพิ่งจะมาถึงกลับบ้าน เธอเองก็คิดไม่ถึงว่าคราวนี้ซย่านีจะหัวแข็งมากถึงเพียงนี้ หลังจากที่เธอพูดว่าจะขอหย่าเสร็จเธอก็เก็บข้าวของแล้วหอบลูกหนีไปแล้ว อันที่จริงเธอมีความสุขมากที่เห็นซย่านีจากไปแล้ว เมื่อไม่มีซย่านีแล้วไม่แน่ว่าพี่เสวี่ยหรูของเธออาจจะเข้ามาเป็ส่วนหนึ่งของบ้านหลังนี้ก็ได้นะ?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ซ่งเหม่ยอวิ๋นก็กล่าวขึ้น “ใช่แล้ว วันนี้พี่เสวี่ยหรูซื้อปากกาให้ฉันด้ามหนึ่งด้วยนะ ฉันไม่จำเป็ต้องใช้มันหรอก พี่รอง ฉันเอาให้พี่ดีไหม?”
ซ่งหานเจียงเริ่มร้อนใจขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว “ฉันไม่เอา...ฉันแค่อยากจะรู้ว่าพี่สะใภ้รองของเธอไปไหน?”
ทันทีที่เขาพูดจบหวังซิ่วอิงก็เดินถือชามกับตะเกียบเข้ามาพอดี เธอยังไม่ทันได้วางชามกับตะเกียบลง ก็ได้ยินซ่งหานเจียงถามขึ้นมา “แม่ วันนี้แม่อยู่บ้านตลอดนี่นา แม่รู้ไหมว่าซย่านีไปไหน?”
หวังซิ่วอิงกระแทกชามลงบนโต๊ะแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “ซย่านีๆ ในสายตาแกมันมีแต่เมียแกเท่านั้นใช่ไหม? ไม่เห็นหรือไงว่าแม่ของแกกำลังทำงานอยู่? ยังจะนั่งทำบื้ออะไรกันอีก? ไม่กินข้าวกันใช่ไหม? ทำไมต้องให้ฉันป้อนใส่ปากให้ด้วยรึไง?”
ซ่งซุนซานกับซ่งเหม่ยอวิ๋นลุกขึ้นทันที แล้วรีบมาช่วยจัดจานชามกับตะเกียบ จากนั้นก็เดินเข้าครัวไปยกอาหาร
ซ่งเหม่ยอวิ๋นยังหันไปร้องเรียกโจวเจี๋ยอีกด้วย “พี่สะใภ้ เสี่ยวสยา เสี่ยวจวิน ถึงเวลากินข้าวแล้ว!”
ซ่งเสี่ยวสยากับ่เี่ิเดินออกมาจากห้อง หวังซิ่วอิงร้องเรียกหลานๆ ของเธอด้วยรอยยิ้มพร้อมกล่าวว่า “วันนี้ย่าทำหมูตุ๋นที่พวกหนูชอบกันด้วยนะ รีบไปล้างมือแล้วมากินข้าวเร็ว!”
ส่วนโจวเจี๋ยก็หันไปพูดกับซ่งซุนซาน “เสี่ยวสยาทำการบ้านเสร็จแล้ว อีกเดี๋ยวคุณช่วยไปตรวจการบ้านให้ลูกหน่อยนะ”
ซ่งซุนซานรับคำ “ได้ รอกินข้าวเสร็จแล้วฉันจะไปตรวจการบ้านให้ลูกเอง”
ซ่งเหม่ยอวิ๋นจูงมือเด็กๆ คนละด้าน แล้วพาพวกเขาไปล้างมือด้วยรอยยิ้ม
คนทั้งครอบครัวเคลื่อนไหวกันอย่างมีชีวิตชีวา ทั้งหัวเราะและหยอกเอินกัน ทว่าไม่มีใครตอบคำถามของซ่งหานเจียงเลยสักคน ทุกคนพากันเมินเฉยซ่งหานเจียงกันทั้งนั้น
หากซ่งหานเจียงเป็คนขี้ขลาด เวลานี้เขาคงจะหุบปากลงแล้วนั่งหดหัวกินข้าวไปแล้ว รอจนกินข้าวเสร็จแล้วค่อยถามคำถามอีกครั้งอย่างระมัดระวังว่าภรรยาของตนอยู่ที่ไหน แต่ซ่งหานเจียงไม่ใช่คนแบบนั้นแม้เขาจะพูดน้อยแต่เขาก็เป็คนหัวแข็งมาก ขอเพียงเขาคิดจะทำสิ่งใดเขาจะต้องทำให้จนได้ หากเขาคิดจะหาคำตอบเช่นนั้นเขาก็จะต้องทำทุกวิถีทางจนกว่าจะได้คำตอบที่ตนเอง้าอย่างแน่นอน
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนในบ้านกำลังหลีกเลี่ยงคำถามนี้กัน ดังนั้นซ่งหานเจียงจึงหันหลังแล้วเดินจากไป เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาเคยเจอซย่านีที่บ้านของเซี่ยงเหมย เขาออกจากบ้านแล้วตรงไปที่บ้านของเซี่ยงเหมยทันที
ตอนที่ซ่งหานเจียงมาถึงเฝิงหย่งกำลังทำอาหารอยู่ที่บ้านพอดี เขาฝีมือไม่ค่อยดีนัก ชายหนุ่มกำลังวุ่นอยู่ในครัว เดี๋ยวก็หาชามไม่เจอบ้างหาช้อนไม่เจอบ้างสลับกันไป
“เอ๊ะ ตะหลิวอยู่ไหนนะ?” เฝิงหย่งเดินวนไปรอบๆ ห้องครัวอย่างร้อนรน
“อ่ะ นี่ตะหลิว”
ทันใดนั้นตะหลิวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เฝิงหย่งดีใจเป็อย่างยิ่ง “ขอบคุณมาก” เขาหยิบตะหลิวไปผัดผักในกระทะอย่างรวดเร็ว ผัดผักในกระทะนั้นถูกแช่ไว้นานเกินไปทำให้ผักที่อยู่ตรงก้นกระทะเริ่มเละและส่งกลิ่นไหม้โชยออกมาเป็ระยะๆ
“เอ๊ะ หานเจียงเองหรือนี่?” เฝิงหย่งกำลังทำอาหารอยู่ เขาหันหน้าไปเจอซ่งหานเจียงพอดีจึงยิ้มพลางเอ่ยทักทายอีกฝ่าย
ซ่งหานเจียงถามขึ้น “ซย่านีอยู่ที่บ้านของคุณหรือเปล่า?”
เฝิงหย่งตอบ “ไม่ได้อยู่นะ เธอออกไปกับเซี่ยงเหมยแล้ว”
ครั้นได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับซย่านี ซ่งหานเจียงก็รู้สึกเหมือนมีก้อนหินตกลงสู้ก้นบึ้งหัวใจเขารีบถามขึ้นทันที “ไปไหนงั้นหรือ?”
เฝิงหย่งไม่มีอะไรต้องปิดบัง แม้ว่าซย่านีจะพูดว่า้าหย่ากับซ่งหานเจียงแต่การหย่าร้างถือเป็เื่ใหญ่ในยุคนี้ มีคู่รักบ้านไหนบ้างที่บอกว่าจะหย่าแล้วหย่ากันจริง ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาสองคนยังมีลูกด้วยกันตั้งสามคน เพราะเหตุนี้เฝิงหย่งจึงไม่ถือเื่นี้เป็จริงเป็จังเลยสักนิด
“เธอน่าจะไปที่บ้านเช่าหลังใหม่ล่ะมั้ง โอ้ะ ใช่แล้ว นายยังไม่รู้เื่นี้สิท่า บ้านหลังใหม่ของซย่านีเพิ่งจะตกลงทำสัญญากันวันนี้เองนะ เดี๋ยวฉันจะไปที่นั่นเป็เพื่อนนายก็แล้วกัน”
ซ่งหานเจียงสับสน “เช่าบ้าน? ซย่านีเช่าบ้านแล้วหรือ?”
“ใช่แล้ว” เฝิงหย่งหยุดพูดไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “โอ้ นี่เธอไม่ได้คุยกับนายเื่ย้ายออกไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอกเลยหรือ?”
ซ่งหานเจียงตกตะลึง “เธอจะย้ายออกงั้นหรือ?”
เมื่อเห็นท่าทางสับสนบนใบหน้าของซ่งหานเจียง เฝิงหย่งก็ดูออกทันทีเลยว่าซย่านีไม่ได้ปรึกษาเื่นี้กับซ่งหานเจียงเลย เธอตัดสินใจเื่นี้ด้วยตนเอง แน่นอนว่าบางทีซย่านีอาจวางแผนไว้พูดกับซ่งหานเจียงหลังจากที่เธอเช่าบ้านเสร็จเรียบร้อย แต่ตอนนี้เขาดันเปิดปากพูดเื่นี้ออกไปก่อนเ้าตัวเสียนี่ ไม่รู้ว่าจะทำให้ซย่านีมีปัญหากับสามีของเธอหรือเปล่า
แม้ว่าจะเป็ความผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจแต่เฝิงหย่งก็รู้สึกผิดเล็กน้อยกับเื่นี้จึงได้แต่คิดหาวิธีพูดอะไรดีๆ แทนซย่านีเสียหน่อย “หานเจียง เดิมทีฉันไม่ควรพูดเื่นี้แต่แรกภรรยาของนายนั้นลำบากมากจริงๆ ทั้งต้องดูแลลูกๆ และยังต้องคิดหาหนทางทำเงิน เธอทำงานมือเป็ระวิง เธอไม่เคยได้ยินคำพูดดีๆ เลยสักครั้งแม้แต่แม่กับน้องสาวของนายก็ด้วย ไม่เคยเลย เห้อ...”
เขาถอนหายใจพลางส่ายหน้าแล้วกล่าวต่อ “นายต้องดีกับเธอให้มากๆ นะ”
