เผชิญกับเจตนาสังหารของชายชราชุดขาว เจี่ยชิงและเหยียนอี้ไม่สามารถต่อต้านได้เลย เลวี่ยเหวินซิวโกรธกริ้วแล้วด่าทอว่า “เจิงฉู่ไฉ เ้าต่ำช้าเกินไปแล้ว รู้อยู่แล้วว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์กับเ้าหนูนี่ แล้วพูดด้วยความเกรงใจว่าเห็นแก่หน้าสำนักบริบาลเดรัจฉานของข้า วันนี้ถ้าข้าปล่อยให้เ้าฆ่าสองคนนี้ นั่นจึงทำให้สำนักบริบาลเดรัจฉานของข้าต้องเสียหน้าต่างหากเล่า!” พูดพลางเลวี่ยเหวินซิวตบหลังสัตว์พาหนะกระทิงเขียวคราหนึ่ง มาขวางอยู่หน้าจ้านอู๋มิ่งและพวกเจี่ยชิง เห็นได้ชัดว่าเขาจะยุ่งเกี่ยวเื่นี้แน่นอนแล้ว
“เลวี่ยเหวินซิว อย่าคิดว่าข้าผู้เฒ่ากลัวเ้า ข้าผู้เฒ่าไม่เอาเื่เ้าหนูนี่เป็การไว้หน้าสำนักบริบาลเดรัจฉานของเ้าแล้ว หากเ้ายังวุ่นวายไม่ยอมเลิกรา นั่นคือการท้าทายสำนักกระบี่ิญญาของข้าแล้ว” เจิงฉู่ไฉก็โกรธแล้วเช่นกัน
“ข้าผู้เฒ่าไม่ได้ประมือกับเ้ามาหลายปีแล้ว ไม่ทราบว่าเ้ามีความรุดหน้าบ้างหรือไม่ พวกเรามาฝึกฝนสักหน่อยก็แล้วกัน!” เลวี่ยเหวินซิวไม่ต่อปากคำอีก หัวเราะพลางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“เ้า!” เจิงฉู่ไฉขุ่นข้องรำคาญแล้ว แต่เขาทราบว่าทักษะการต่อสู้ของเลวี่ยเหวินซิวแข็งแกร่งเหนือธรรมดา พลังการโจมตีสุดแสนรุนแรงร้ายกาจ ในระดับขอบเขตเดียวกัน ปีนั้นเขาด้อยกว่าเลวี่ยเหวินซิวอยู่บ้าง ตอนนี้เกรงว่าก็คงมิสามารถได้เปรียบเช่นกัน
เมื่อรู้แล้วว่าไม่สามารถชนะ เจิงฉู่ไฉไหนเลยกล้าลงมืออย่างหุนหัน พลันเปลี่ยนสีหน้าพูดจาคุกคามว่า “ต่อให้เ้าสามารถปกป้องได้ครั้งหนึ่ง แต่ว่าเ้าคิดหรือว่าจะสามารถปกป้องพวกมันได้ตลอดชั่วชีวิต?”
จ้านอู๋มิ่งได้ยินก็บันดาลโทสะขึ้นมาทันที มองเจิงฉู่ไฉอย่างเ็ากล่าวว่า “ก่อนหน้าข้ายกย่องเ้าเป็ผู้าุโ เพราะข้าคิดว่าเ้ามีอุปนิสัยควรแก่การเคารพนับถือ กลับไม่คิดว่าเ้าที่เป็จักรพรรดิาสูงส่งผู้หนึ่ง กลับคอยข่มเหงสร้างความลำบากแก่ราชันาผู้อ่อนแอสองคน ยังขู่เข็ญกรรโชกเช่นนี้ นับว่าข้าจ้านอู๋มิ่งมองคนผิดแล้ว หากเ้า้าออกหน้าแทนลูกศิษย์คนนี้จริงๆ เ้าก็มุ่งมาที่ข้า ข้าเป็ผู้สังหารเอง แหวนจักรวาลของเขาก็อยู่ที่ข้า เ้ากำหนดวิธีการออกมา ข้าจ้านอู๋มิ่งรับไว้ก็แล้วกัน ในเมืองหนานเจา ราชันามิอาจลงมือ ศิษย์ที่ต่ำกว่าราชันาในสำนักกระบี่ิญญาของเ้า หาก้าแก้แค้นในเื่นี้ข้าล้วนรับไว้เอง แน่นอนว่าจัดการสังหาร ไม่ขอยุ่งเกี่ยวเื่การกลบฝัง เป็ตายแต่ละคนแล้วแต่ฟ้ากำหนด เ้าก็ไม่ต้องรักษาหน้าตา เ้าสามารถลงมือเองหรือสั่งราชันาในสำนักกระบี่ิญญาลงมือสังหารข้า ทำให้ทั่วหล้าได้ทราบว่าจักรพรรดิาและราชันาในสำนักกระบี่ิญญาของเ้าร้ายกาจมากเพียงใด แม้กระทั่งปรมาจารย์นักยุทธ์ก็สามารถสังหารเสียชีวิตได้…”
“ไอ้หนู จงหยุดกำเริบเสิบสาน!” เจิงฉู่ไฉโกรธจัด เมื่อครู่ไอ้หนูนี่ยังเคารพนอบน้อมยิ่งนัก ยามนี้กลับกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับเขา
“เจิงฉู่ไฉ อย่าโทษว่าข้าไม่เตือนเ้า หากระดับราชันาขึ้นไปในสำนักกระบี่ิญญาลงมือเล่นงานเ้าหนูนี่ เช่นนั้นข้าเลวี่ยเหวินซิวก็ไม่เคร่งครัดต่อข้อกำหนดอะไรนั่นแล้ว อาศัยผู้ใหญ่รังแกเด็ก ผู้ใดทำไม่เป็บ้าง ข้าก็จะไปหาศิษย์ราชันาในสำนักกระบี่ิญญาพวกเ้าเล่นๆ ดูบ้าง ไม่เล่นจนสมใจอยาก ข้าก็จะไม่ยอมเลิกรา!” น้ำเสียงเลวี่ยเหวินซิวเย็นเยียบ
เจิงฉู่ไฉเข้าใจกระจ่างแจ้งว่าคนคลั่งเฒ่าผู้นี้เป็คนเช่นไร คำพูดที่กล่าวมาไม่คลุมเครือหรือโกหกเด็ดขาด อีกทั้งยังมิสนใจผลสุดท้ายที่ตามมา ดังนั้นในแคว้นตงหลิง ผู้ที่รู้จักเลวี่ยเหวินซิวล้วนขนานนามเขาเป็คนคลั่งเฒ่า
“ประเสริฐมาก!” ในใจเจิงฉู่ไฉโกรธจัด ถึงแม้จำนวนลูกศิษย์ของสำนักบริบาลเดรัจฉานไม่มากเท่าสำนักกระบี่ิญญา แต่สิ่งที่น่ากลัวของสำนักบริบาลเดรัจฉานมิใช่บรรดาลูกศิษย์ แต่เป็ความสามารถในการบริบาลเดรัจฉานของพวกเขา กองทัพใหญ่สัตว์อสูรที่สำนักชุบเลี้ยงไว้เพียงพอที่จะทำให้สำนักต่างๆ ขวัญผวาสั่นสะท้าน ถึงแม้สำนักกระบี่ิญญาคิดว่าตนแข็งแกร่งกว่าสำนักบริบาลเดรัจฉาน แต่ก็ไม่ทระนงตนถึงขั้นคิดว่าสามารถทำลายสำนักบริบาลเดรัจฉานโดยการปะทะซึ่งหน้า แม้แต่สำนักิญญาเร้นลับ สำนักอันดับหนึ่งแห่งแคว้นตงหลิงก็ยังมิกล้ากล่าววาจาเช่นนี้
“เ้ากล้าเดิมพันกับเด็กน้อยอย่างข้าหรือไม่ ข้ายินดีรับคำท้าของศิษย์ระดับต่ำกว่าราชันาทุกคนในสำนักกระบี่ิญญาของเ้า หากข้าต่อสู้เสียชีวิตก็เกิดจากการต่อสู้อย่างยุติธรรม และก็นับเป็การชดใช้ชีวิต คืนศิษย์สำนักกระบี่ิญญาของเ้า หากฝั่งใด้าฆ่าก็ฆ่าได้เลย แต่หากข้าชนะแล้ว เื่ราวของถูเหยียนเซิ่งก็ยุติลงเพียงแค่นี้ สำนักกระบี่ิญญามิอาจสร้างความยุ่งยากแก่พวกเราอีก” จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างหยิ่งผยอง การแสดงออกคล้ายดั่งกำลังพูดว่าสำนักกระบี่ิญญาของเ้าก็ได้แต่อาศัยผู้ใหญ่รังแกเด็กเท่านั้น มิกล้าต่อสู้กันอย่างยุติธรรม
“ถูกต้อง ถ้าการต่อสู้กันอย่างยุติธรรมเช่นนี้ เ้าหนูนี่ถูกสังหารก็ได้แต่ถือว่าทักษะยุทธ์ไม่แกร่งพอ สำนักบริบาลเดรัจฉานของข้าก็ไม่มีวาจาจะกล่าว เจิงฉู่ไฉ เ้ากลัวแล้วใช่หรือไม่? หรือว่าสำนักกระบี่ิญญารู้จักแต่อาศัยผู้ใหญ่รังแกเด็กเท่านั้น?” เลวี่ยเหวินซิวหัวเราะแล้ว กลัวแต่ว่าโลกจะไม่วุ่นวาย ตอกไข่ใส่สีกล่าวขึ้น เขารู้สึกพึงพอใจเด็กตรงหน้าคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
“ประเสริฐ เลวี่ยเหวินซิว เ้ารอเก็บศพไอ้หนูนี่เถอะ!” เจิงฉู่ไฉจากรู้สึกอับอายจนกลายเป็โทสะ รับคำท้าขึ้นมาทันที
“ช้าก่อน อย่าบอกข้านะว่าพวกเ้าจะต่อสู้แบบสลับหน้าหมุนเวียนเข้าชน อีกอย่างศิษย์สำนักกระบี่ิญญามีจำนวนมาก สังหารทีละคนเกรงว่าหนึ่งปีก็ไม่หมด หรือว่าจะใช้พวกมากเข้ารุม ร้อยคนรุมหนึ่ง เช่นนั้นจะยุติธรรมได้อย่างไร” เลวี่ยเหวินซิวพลันนึกถึงปัญหาข้อหนึ่ง
“ใช่แล้ว ข้ามิ้าเผชิญการต่อสู้ที่ไม่มีการหยุดพัก ย่อมต้องให้ข้าได้มีเวลากินและนอนบ้างกระมัง ดังนั้นดีที่สุดก็คือระยะเวลาหนึ่งวัน ถ้าหากในเวลาหนึ่งวัน ศิษย์ระดับต่ำกว่าราชันจักรพรรดิของพวกเ้าต่อสู้ตัวต่อตัวแล้วสังหารข้าได้ ถือว่าข้าแพ้” จ้านอู๋มิ่งรีบตอบรับเห็นพ้องทันที กลับเข้าใจเลวี่ยเหวินซิวมากขึ้นโดยปริยาย
“ผายลม ศิษย์สำนักกระบี่ิญญาของข้า ไยจะต้องต่อสู้แบบสลับหน้าหมุนเวียนหรือใช้พวกมากเข้ารุม ภายในเวลาหนึ่งวัน ศิษย์สำนักกระบี่ิญญาของข้าต่อสู้ตัวต่อตัว ฆ่าเ้าได้แน่นอน!” เจิงฉู่ไฉพูดอย่างดูแคลน
“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ วันเวลาใด พวกเ้ากำหนด กำหนดแล้วบอกให้ข้าทราบสักคำก็ใช้ได้แล้ว ข้าไม่สนใจว่าเป็เวลาใด พวกเ้า้าระดมยอดฝีมือระดับสูงจากสำนักก็มิเป็ไร ข้าสามารถรอได้” เวลานี้จ้านอู๋มิ่งไม่มีความเคารพนับถืออีกต่อไป พูดขึ้นอย่างหยิ่งผยอง
“เวลากำหนดเป็วันคัดเลือกใหญ่ของสำนักนิกาย บริเวณนอกสนามคัดเลือกเยี่ยนซานตั้ง!” เจิงฉู่ไฉยิ่งพูดยิ่งหดหู่หม่นหมอง ภายใต้อารมณ์โกรธเคือง ทิ้งคำพูดแข็งกระด้างคำหนึ่ง เร่งสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวคราหนึ่ง ทะยานไม่กี่ครั้งก็หายลับไปจากสายตาของทุกคน
เลวี่ยเหวินซิวหัวเราะลั่นขึ้นมาทันใด ตบหัวไหล่จ้านอู๋มิ่งคราหนึ่งกล่าวว่า “เ้าหนู ผลงานยอดเยี่ยม ข้าเห็นเ้าประเสริฐนัก วันคัดเลือกใหญ่ของสำนักนิกาย ประตูสำนักนิกายของพวกเราจะเปิดรับเ้าเข้าเป็ศิษย์อย่างเป็ทางการ”
“ขอบคุณท่านผู้าุโเลวี่ย!” จ้านอู๋มิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจต่อบุรุษร่างใหญ่ ท่าทางหยาบกระด้างตรงหน้าผู้นี้ ชายผู้มีอุปนิสัยสัตย์ซื่อตรงไปตรงมาเช่นนี้ เป็ผู้ที่ควรค่าแก่การเคารพนับถือ
“ประเสริฐ วันคัดเลือกใหญ่ของสำนักนิกายก็คือวันมะรืนนี้ เวลากระชั้นชิดนัก เ้ารีบกลับเข้าเมืองไปพักผ่อน เตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้ข้าจะให้คนส่งข้อมูลของศิษย์ชั้นนำระดับต่ำกว่าราชันาของสำนักกระบี่ิญญาไปให้เ้าชุดหนึ่ง เพื่อเ้าจะได้ทราบจุดแข็งของพวกเขา” เลวี่ยเหวินซิวพูดอย่างเคร่งขรึมจริงจัง
“ขอขอบคุณท่านผู้าุโล่วงหน้า” จ้านอู๋มิ่งยินดีขึ้นมาทันใด
“กลับเมืองกันก่อนเถอะ ข้าจะไปส่งพวกเ้า่หนึ่ง” เลวี่ยเหวินซิวครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น เขาเข้าใจคนของสำนักกระบี่ิญญาอย่างกระจ่างแจ้ง เปลือกนอกสุภาพอ่อนโยน แต่เื้ัอันลึกลับซับซ้อนกลับสุดแสนร้ายกาจ ่ระยะหลายปีมานี้ สำนักกระบี่ิญญาขยายอำนาจตลอดเวลาอย่างบ้าคลั่ง ตลอดจนยื่นมือแผ่อำนาจเข้าไปถึงเหล่าบรรดาราชวงศ์ต่างๆ นี่คือเหตุผลว่าไฉนพวกเขาจึงได้คัดเลือกรับศิษย์จากราชวงศ์จำนวนมากเข้าสำนักใน่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา สำหรับเื่นี้ หลายสำนักนิกายล้วนมีความคิดเห็นอยู่ไม่น้อย แต่มิมีผู้ใด้าล่วงเกินสำนักกระบี่ิญญา ขอเพียงไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตนเอง ล้วนเลือกเปิดตาข้างหนึ่ง ปิดตาข้างหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงกังวลจริงๆ ว่าเจิงฉู่ไฉจะไปแล้วย้อนกลับมา จัดการกำจัดจ้านอู๋มิ่งและคนอื่นๆ
……
การนัดเดิมพันของจ้านอู๋มิ่ง ไม่ทราบว่าสำนักบริบาลเดรัจฉานหรือสำนักกระบี่ิญญาแพร่ข่าวออกไป ทำให้ทั่วทั้งเมืองหนานเจาร้อนแรงเดือดพล่านขึ้นมา สัญญาการนัดเดิมพันชีวิตถูกขยายความเพิ่มเติมสีสันจนสามารถเห็นภาพ กล่าวว่าจ้านอู๋มิ่งกับเจิงฉู่ไฉ ผู้าุโของสำนักกระบี่ิญญาพนันกัน จ้านอู๋มิ่งเดิมพันว่าในระดับต่ำกว่าราชันจักรพรรดิแล้ว ตนมีฝีมือเหนือกว่าศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญาทั้งหมด เจิงฉู่ไฉ ผู้าุโของสำนักกระบี่ิญญามิเห็นพ้องยอมรับ ดังนั้นจึงเกิดการวางเดิมพันพนันขันต่อขึ้นมา และต่อสู้กันที่เยี่ยนซานตั้งในวันคัดเลือกใหญ่ครั้งที่แปด จ้านอู๋มิ่งคนเดียวท้าสู้ศิษย์ระดับต่ำกว่าราชันจักรพรรดิทั้งหมดของสำนักกระบี่ิญญา…นอกจากนี้สำนักบริบาลเดรัจฉานเตรียมเปิดประตูสำนักรับจ้านอู๋มิ่งเข้าเป็ลูกศิษย์ของสำนักอย่างเป็ทางการ ทำให้ผู้คนมากมายรู้สึกประหลาดใจและอิจฉานับมิถ้วน
แค่วันเดียวนามของจ้านอู๋มิ่งกลายเป็ชื่อที่โด่งดังร้อนแรงที่สุดในเมืองหนานเจา และมีคนนำเอาเื่ที่เมื่อวานนี้จ้านอู๋มิ่งทำร้ายถูเหยียนฉี องค์ชายแห่งราชวงศ์ถูเหยียนจนพิการบนถนนสายยาว ใช้พลังฝีมือหักหาญเอาชนะเถี่ยมู่เหอ อีกทั้งกระตุ้นเถี่ยมู่เหอจนทะลุทะลวงด่านสำเร็จกลางสมรภูมิบนท้องถนนเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน บางคนพากันเดาว่าถ้าคนผู้นี้มีชื่อติดอยู่บนป้ายประกาศรายชื่อทองสำหรับการคัดเลือกใหญ่ จะครองอันดับหนึ่งบนป้ายประกาศรายชื่อทองหรือไม่? จ้านอู๋มิ่งได้กลายเป็บุคคลตัวอย่างที่น่าเคารพยกย่องของบรรดาอัจฉริยะรุ่นเยาว์มากมายหลายคนไปแล้ว
มีผู้ใดกล้าผยองเช่นจ้านอู๋มิ่งบ้าง ไม่แยแสการคุกคามของจักรพรรดิา ตลอดจนไม่ใส่ใจสำนักกระบี่ิญญา ควรทราบว่าลูกศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญามีจำนวนนับแสน ปรมาจารย์นักยุทธ์ระดับต่ำกว่าราชันจักรพรรดิมีนับหมื่น คาดกันว่าเฉพาะปรมาจารย์นักยุทธ์ระดับเก้าดาวก็มีนับพันแล้ว ผู้ที่สามารถเข้าตาคณะกรรมการสำนักกระบี่ิญญา มิมีผู้ใดที่ไม่ใช่อัจฉริยะ จ้านอู๋มิ่งก็เป็เพียงแค่เบี้ยตัวเล็กๆ ที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ไร้สำนักสังกัดผู้หนึ่งเท่านั้น ถึงกับกล้าคุยโว พูดจาโอ้อวดคำใหญ่คำโตถึงเพียงนี้ เฉพาะกำลังขวัญความกล้าเช่นนี้ก็ถือว่าใต้หล้าไร้เทียมทานแล้ว
จ้านอู๋มิ่งก็ได้ยินคำเล่าลือนี้แล้วเช่นกัน รู้ว่าข่าวลือนี้สำนักบริบาลเดรัจฉานเป็ผู้เผยแพร่ออกไปอย่างแน่นอน สำนักกระบี่ิญญามิจำเป็ต้องทำเื่ราวที่เหนื่อยเปล่าไม่มีผลดีต่อตนเองเช่นนี้ แต่สำหรับตนเองแล้วก็มิใช่เื่เลวร้ายแต่อย่างไร ไฉนทั่วหล้าจะรับทราบไม่ได้ ผยองแล้วมีส่วนเกี่ยวข้องอันใด เวลานี้จ้านอู๋มิ่งมิมีเวลาไปสนใจเื่อื่น เขากำลังศึกษาข้อมูลของศิษย์สำนักกระบี่ิญญาที่ส่งมาจากสำนักบริบาลเดรัจฉาน
ศิษย์สำนักกระบี่ิญญาแบ่งออกเป็สามประเภท คือศิษย์สายนอก ศิษย์สายใน ตลอดจนศิษย์สายหลัก ปกติทั่วไปศิษย์สายนอกล้วนมีฐานบ่มเพาะต่ำกว่าราชันา และศิษย์สายในส่วนใหญ่เป็ราชันาระดับต่ำ ศิษย์สายหลักส่วนใหญ่เป็ราชันาระดับกลาง แน่นอนว่าท่ามกลางศิษย์สายในและศิษย์สายหลักก็มีปรมาจารย์นักยุทธ์ คนประเภทนี้จึงคู่ควรให้ความสนใจอย่างแท้จริง
คนประเภทนี้ฐานบ่มเพาะไม่ย้อนทวนฟ้า นั่นคือคุณสมบัติเลิศล้ำ มิฉะนั้นเป็ไปไม่ได้ที่แค่ระดับปรมาจารย์นักยุทธ์ก็ได้เป็ศิษย์สายในตลอดจนศิษย์สายหลักแล้ว โดยทั่วไปศิษย์ประเภทนี้มักจะมีความสามารถในการต่อสู้แบบข้ามรุ่นและสังหารราชันาได้ ข้อมูลที่สำนักบริบาลเดรัจฉานให้มาถือเอาบรรดาคนเหล่านี้เป็หลัก จำนวนทั้งหมดทำให้จ้านอู๋มิ่งรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก ถึงกับมีมากกว่าสิบคน
ถึงแม้ระยะเวลาท้าสู้มีเพียงวันเดียว แต่เพราะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น สำนักกระบี่ิญญาจะต้องคัดเลือกศิษย์ที่ฝีมือดีที่สุดออกมาโจมตีสังหารจ้านอู๋มิ่ง มิฉะนั้นหน้าตาและชื่อเสียงของสำนักกระบี่ิญญาจะถูกจ้านอู๋มิ่งทำลายสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากข่าวที่ว่าจ้านอู๋มิ่งท้าสู้ปรมาจารย์นักยุทธ์ระดับต่ำกว่าราชันาทั้งหมดในสำนักกระบี่ิญญาแพร่ออกไป สำนักกระบี่ิญญาไม่สามารถปล่อยให้จ้านอู๋มิ่งรอดชีวิตจากการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขา้าสังหารจ้านอู๋มิ่ง และต้องลงมือกำจัดอย่างเปิดเผยยุติธรรม นี่ก็คือโอกาสที่ดีที่สุด
ถึงแม้ว่าสำนักกระบี่ิญญาจะอยู่ในแคว้นมหาจักรพรรดิชางแหยนตี้กั๋ว แต่อยู่ห่างไกลจากเมืองหนานเจามากเกินไป เนื่องจากแคว้นมหาจักรพรรดิชางแหยนตี้กั๋วกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก กอปรด้วยอาณาเขตร่วมร้อยราชวงศ์ ท่ามกลางบรรดาศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญา จ้านอู๋มิ่งให้ความสนใจศิษย์สามคนมากที่สุด
เจี้ยนหลิงจื่อ เล่าขานกันว่าคนผู้นี้กอปรด้วยร่างิญญากระบี่ มีความสามารถพิเศษเหนือชั้นที่หาตัวจับยาก อายุหกขวบชักนำปราณจิติญญาแห่งการต่อสู้เข้าสู่ร่างกายเป็นักยุทธ์อย่างเป็ทางการ แปดขวบก็ทะลวงด่านเป็ยอดยุทธ์ สิบขวบรวบรวมปราณเป็รูปลักษณ์บรรลุขั้นอาจารย์นักยุทธ์ สิบสามขวบข้ามขั้นจากอาจารย์นักยุทธ์บรรลุปรมาจารย์นักยุทธ์ ใช้เวลาสามปีฝึกฌานบ่มเพาะจากปรมาจารย์นักยุทธ์ระดับหนึ่งดาวบรรลุขั้นสามดาว เวลานี้อายุเพียงสิบหกปี
ในสำนักกระบี่ิญญา มีผู้เห็นคนผู้นี้ลงมือน้อยอย่างยิ่ง แต่เล่าขานกันว่าคนผู้นี้จิตปณิธานแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยวที่สุด กระบี่ออกจากฝัก ชีวิตศัตรูต้องดับสูญ!
ที่น่ากลัวกว่านั้นคือหลังจากคนผู้นี้เข้าสำนักมา ถึงกับสามารถทำให้กระบี่เทพพิทักษ์ประจำสำนักกระบี่ิญญาขับขานตอบรับ บุคคลทั้งระดับบนและล่างของสำนักกระบี่ิญญาล้วนใ และแต่งตั้งรับเข้าเป็ศิษย์สายหลัก ดำเนินการบ่มเพาะพลัง
ตำนานเล่าขาน ถ้าสักวันหนึ่งกระบี่เทพพิทักษ์ประจำสำนักพบเ้านายอีกครั้ง คือเวลาที่สำนักกระบี่ิญญาจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง กระบี่เทพพิทักษ์ประจำสำนักคือกุญแจลับสำหรับเปิดประตูสู่เอกภพคู่ขนาน เ้านายของกระบี่เทพพิทักษ์สามารถทำลายข้อจำกัดของการเชื่อมประสานได้อย่างง่ายดาย และดูดซับพลังแก่นแท้จิติญญาของเอกภพคู่ขนานมาเป็ของตน
ในแผ่นดินใหญ่นี้มีตำนานเล่าขานเสมอมา กล่าวกันว่าพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้เป็เพียงพลังเหนือธรรมชาติระดับต่ำที่สุดของฟ้าดิน นักบ่มเพาะพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ ต่อให้บรรลุระดับสูงสุด นั่นคือขอบเขตเทพเ้าา ก็ยังเป็นักฝึกฌานบ่มเพาะพลังที่เป็มนุษย์ปุถุชนอยู่ดี เป็เทพเ้าแห่งมนุษย์ในแดนโลกิยะ
หาก้าหลุดพ้นอยู่เหนือโลกียวิสัยอย่างแท้จริง จำต้องเข้าสู่เอกภพคู่ขนาน ดูดซับพลังแก่นแท้จิติญญาของเอกภพคู่ขนาน ให้พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ภายในร่างได้รับการชะล้างหลอมรวมผันแปรเป็พลังแก่นแท้จิติญญาทั้งหมด บรรลุร่างพลังแก่นแท้จิติญญาจึงเป็การบรรลุขอบเขตมรรคาแห่งการฝึกฌานบำเพ็ญเพียรอย่างแท้จริง
แต่ว่าในแผ่นดินใหญ่แห่งนี้ถูกผู้แข็งแกร่งกีดกันเป็ข้อห้ามตลอดมา นอกจากทะลวงด่านบรรลุขอบเขตเทพเ้าาสูงสุด อาศัยพลังธาตุทลายนภากาศ จึงสามารถเข้าสู่อาณาจักรเอกภพคู่ขนาน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้