จ้าวกังอวดโอ้สรรพคุณของตนเองอยู่ตั้งนาน ท่าทีของเซี่ยเสี่ยวหลานกลับเ็า
จ้าวกังก็รู้สึกไม่ดีแล้วเหมือนกัน
แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดที่จะอาศัยการ ‘บังเอิญพบ’ หนเดียวในการทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานหลงใหลชื่นชมในตัวเขา ทว่าท่าทีของเซี่ยเสี่ยวหลานที่มีต่อเขานั้นไม่มีความเคารพแม้แต่น้อย จ้าวกังกลัวคนอื่นดูแคลนเขามากที่สุด ทั้งที่ความสามารถในการสอนอยู่ระดับปานกลาง แต่เขาก็ยังอยากได้รับความสำคัญในโรงเรียนอยู่ดี สภาพจิตใจค่อยๆ สูญเสียความสมดุลและบิดเบี้ยว แต่การปรากฏตัวของซุนเถียนทำให้จ้าวกังมองเห็นความหวังเพียงหนึ่งเดียว
ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของเขาและซุนเถียนไม่เคยก้าวหน้าไปไกลกว่านี้ มิใช่เพราะเขาไร้เงินทองและไร้อำนาจหรือ?
เงินเดือนของอาจารย์ต่อหนึ่งเดือนได้เพียงไม่กี่สิบหยวน จ้าวกังไม่ยอมน้อยหน้าในเื่การแต่งตัว ชีวิตจึงดำเนินไปอย่างขัดสน ด้วยเงินจำนวน 500 หยวนที่ยัดใส่ช่องประตูหอพักของเขาเมื่อคราวก่อน สามารถบรรเทาวิกฤตทางการเงินของจ้าวกังได้อย่างยิ่ง แต่นี่มันยังไม่พอ ถ้าได้เงินก้อนโตกว่านี้อีกสักก้อน เขาก็จะมีความมั่นใจไปเยือนบ้านซุนเพื่อคุยเื่แต่งงาน
เซี่ยเสี่ยวหลานมองข้ามความหวังดีแบบนี้ เขาก็ไม่จำเป็ต้องอ่อนโยน
จ้าวกังเข้าใจจุดสำคัญแล้ว เขาแค่นยิ้มไม่จริงใจ
“นักเรียนเซี่ย ไม่เคารพแม้แต่อาจารย์ เธอจะต้องเสียใจในไม่ช้าก็เร็วแน่นอน”
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกระแวงขึ้นมาทันที
คนบางคนจิตใจคับแคบยิ่งนัก เขาอาจตามรังควานอย่างหน้าไม่อาย หากเราไม่ทำตามที่เขาคิด ก็แค่ไม่ต้องใส่ใจเขาเท่านั้น—เอาเถอะ เซี่ยเสี่ยวหลานรังเกียจจ้าวกังอยู่ไม่น้อย แววตาของคนคนนี้มีแต่ความลามก! อยู่ในฐานะอาจารย์แท้ๆ กลับรั้งนักเรียนหญิงไว้พูดพล่ามไม่รู้ความ เป็ครูประสาอะไรกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานวิเคราะห์ดูแล้ว จ้าวกังไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดๆ ในโรงเรียน และไม่ได้สอนห้องสามด้วย เขาแทบไม่มีน้ำยาที่จะสร้างความยุ่งยากให้เธอ
แม้จะกล่าวเช่นนี้ ทว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึง 4 เดือนก็จะสอบเกาเข่าแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าตนเองต้องระมัดระวังตัวให้ดี เธอมาถึงบ้านอาจารย์ใหญ่ซุน อาจารย์ใหญ่ซุนไม่อยู่ แต่ภรรยาของอาจารย์ใหญ่ซุนอยู่ เซี่ยเสี่ยวหลานแบกถุงมา ของด้านในมิใช่หนังสือ แต่เป็ขนมสองกล่องที่นำกลับมาจากปักกิ่ง
“คุณน้าอู๋ นี่สำหรับให้คุณและอาจารย์ใหญ่ซุน ไม่ใช่ของแพงอะไรค่ะ”
บรรจุโดยกล่องเหล็ก ดูดีมีระดับ ขนมหนึ่งกล่องสำหรับคุณนายซุนจะมีอะไรให้ไม่กล้ารับเชียวหรือ เธอเห็นว่าราคาไม่น่าจะย่อมเยา นึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมีธุระอะไร้าความช่วยเหลืออะไรเสียอีก ใครจะรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานนั่งอยู่เพียงครึ่งชั่วโมง และเอ่ยบางอย่างตอนใกล้จะจากไปเท่านั้น
“คุณครูโรงเรียนของพวกเราล้วนห่วงใยฉันมาก เมื่อครู่ครูจ้าวยังรั้งฉันไว้พูดคุยอยู่ตั้งนานสองนาน”
คุณนายซุนไม่เข้าใจ อาจารย์สอนนักเรียนเตรียมสอบมีแซ่จ้าวเสียที่ไหน?
“ฉันเคยเห็นเขาและครูเสี่ยวซุนเดินด้วยกัน อาจเป็ครูเสี่ยวซุนที่วานครูจ้าวมาเคี่ยวเข็ญฉันก็ได้ ครูเสี่ยวซุนเขาดีจริงๆ นะคะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานนำแค่ขนมเต้าเซียงชุนสองกล่องมาให้คุณนายซุนและซุนเถียน ทางโรงเรียนนึกว่าเธอคือนักเรียนผู้แสนยากจนถึงได้เห็นชอบอนุญาตให้เธอศึกษาด้วยตนเองที่บ้าน จึงเป็ไปไม่ได้ที่เซี่ยเสี่ยวหลานจะลากของฝากกองโตมาแบ่งยังโรงเรียนอย่างเอิกเกริก รอสอบเกาเข่าเสร็จสิ้นเสียก่อน ค่อยบอกความจริงกับเหล่าวังและพวกอาจารย์ฉี เซี่ยเสี่ยวหลานจะจัดงานเลี้ยงขอบคุณอาจารย์แน่นอน
ความคิดของผู้หญิงละเอียดอ่อนมาก คุณนายซุนรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคือหญิงสาวฉลาดเฉลียวคนหนึ่ง ต่อให้สนทนากับจ้าวกังสักสองประโยคจริง ทำไมจงใจกล่าวถึงต่อหน้าเธอเล่า? นอกเสียจากไม่ได้สนทนาสัพเพเหระเพียงสองประโยค คุณนายซุนนึกถึงข่าวลือในโรงเรียน ว่าก่อนหน้านี้จ้าวกังเคยแสดงความสนใจต่ออาจารย์หญิงคนอื่นๆ ทว่าเนื่องจากไม่เคยเห็นเขาไปไหนมาไหนกับใครจริงจัง ข่าวลือไม่มีหลักฐานประจักษ์ คุณนายซุนก็ไม่เอามาใส่ใจเท่าไรนัก
แม้ซุนเถียนไม่ออกตัวก็ตาม แต่จ้าวกังเอาอกเอาใจซุนเถียนมากเหลือเกิน
เมื่อก่อนคุณนายซุนยังคิดไว้ คนหนึ่งขี้อาย อีกคนหนึ่งกระตือรือร้น เมื่อแต่งงานกัน คนสองคนร่วมกันใช้ชีวิตคงเหมาะสมพอดี
ทว่าถ้าจ้าวกังกระตือรือร้นจนเกินสมควรจะทำอย่างไร?
เซี่ยเสี่ยวหลานสวยถึงเพียงนี้ หากจ้าวกังถือประโยชน์จากสถานะอาจารย์ ใช้วาจาไม่เหมาะไม่ควร เกิดเป็นักเรียนหญิงธรรมดาคนอื่น คงทำได้แค่เก็บความขัดข้องใจไว้กับตนเงียบๆ น่ะสิ!
คุณนายซุนไม่คิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะใส่ร้ายจ้าวกัง กว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะมาโรงเรียนสักหนก็นานๆ ครั้ง เพื่อนร่วมชั้นในห้องยังรู้จักไม่หมด จะป้ายสีจ้าวกังโดยเฉพาะได้อย่างไร?
คุณนายซุนกลั้นความโกรธเคืองในใจไว้ ซุนเถียนคือหลานสาวของอาจารย์ใหญ่ซุน แต่ก็เรียกเธอว่าคุณอามาตั้งหลายปี ถ้าดันได้คนรักที่ไม่น่าเชื่อถือในเซี่ยนอีจง ก็แปลว่ายังคลาดสายตาได้แม้อยู่ภายใต้การดูแลของเธอกับเหล่าซุน จะให้เธอและเหล่าซุนอธิบายแก่บิดามารดาซุนเถียนอย่างไรเล่า!
คุณนายซุนส่งเซี่ยเสี่ยวหลานกลับ พร้อมตักเตือนเธอด้วยความเป็ห่วง
“เธอน่ะตั้งใจเรียนเสีย เื่อื่นไม่ต้องคิดมากหรอก วันที่ 9 เดือนพฤษภาคมก็จะเป็การสอบคัดเลือกรอบแรกพร้อมกันทั่วมณฑลแล้ว ฉันได้ยินเหล่าซุนบอกว่าผู้เข้าสอบของเขตอันชิ่งจะโดนกระจายลำดับสุ่มสถานที่สอบ เธออาจไม่ได้สอบในสนามสอบเซี่ยนอีจงเช่นกัน อย่าลืมเผื่อเวลามารับบัตรเข้าสอบด้วยนะ”
คุณนายซุนยื่นถุงหนึ่งใบให้แก่เซี่ยเสี่ยวหลาน
พอเธอลงจากอาคารแล้วเปิดดู เป็สมุดการบ้านใหม่สิบกว่าเล่ม และมีปากกาหมึกซึมด้ามใหม่ด้วย
เธอไม่ได้ยากจนขนาดนั้นน่ะสิ ถ้าว่ากันด้วยเงินเก็บประจำครอบครัวอย่างเดียว บ้านอาจารย์ใหญ่ซุนยังมีเงินมากไม่เท่าเธอเลย ทว่าความห่วงใยของคุณนายอาจารย์ใหญ่เป็ของจริง เซี่ยเสี่ยวหลานจึงน้อมรับไว้
สิ่งนี้ยิ่งตอกย้ำความมั่นใจของเซี่ยเสี่ยวหลาน อาจารย์ใหญ่ซุนมิใช่คนเลวร้ายอะไร อาจารย์เสี่ยวซุนเองก็สามารถหาคนรักที่ดีกว่านี้ได้โดยสิ้นเชิง คุณสมบัติต่างๆ นานาไม่ใช่มาตรฐานในการวัดคุณค่าของคนหนึ่งคน แต่คุณธรรมนั้นใช่... เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าจ้าวกังดูไม่น่าคาดหวังเลย
พอคุณนายซุนได้ฟังนัยยะของเซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว ก็ตัดสินใจว่าจะสำรวจคุณธรรมของจ้าวกังอย่างลับๆ เสียหน่อย
----------------------------------------
“เสี่ยวหลาน ในที่สุดเธอก็มาโรงเรียนจนได้!”
เกาเข่าใกล้เข้ามา บรรยากาศชั้นเรียนผู้เตรียมสอบเกาเข่าดูหดหู่มาก นักเรียนซ้ำชั้นอย่างเฉินชิ่งนี้ยิ่งมีความกดดันมากกว่า
ผู้เข้าสอบที่เรียนซ้ำราวกับไร้ซึ่งสิทธิมนุษยชน ตีห้าหรือหกโมงตื่นขึ้นมาทำแบบฝึกหัด ตกกลางคืนห้องอ่านหนังสือ [1] ดับไฟถึงยอมกลับหอพักด้วยความอาวรณ์ กลับถึงห้องนอนก็นอนหลับได้แล้วอย่างนั้นหรือ? ไม่ เปิดไฟฉายในผ้าห่มทบทวนต่อต่างหาก!
คนที่พอมีความหวังสอบติดมหาวิทยาลัย ไม่มีคนไหนจะยอมแพ้ใน่เดือนสุดท้าย ใต้ตาของนักเรียนทุกคนม่วงช้ำ เฉินชิ่งกลับโรงเรียนั้แ่ตรุษจีนจบ ชั่วพริบตาผ่านไปเกือบสองเดือน เขายังไม่ได้กลับบ้านเลยสักครั้งเดียว โรงเรียนหยุดเดือนละครั้ง นักเรียนส่วนใหญ่ล้วนเลือกมุมานะอยู่โรงเรียนต่อไปเหมือนเฉินชิ่ง
เซี่ยเสี่ยวหลานแค่คิดว่าเหล่านักเรียนห้องสามแต่ละคนต่างดูอิดโรย
เฉินชิ่งก็เช่นเดียวกัน
“เฉินชิ่ง นี่เธอไม่มีเงินกินข้าวหรือ?”
เฉินชิ่งยิ้มอย่างขมขื่น ใครยังมีอารมณ์กินข้าวเล่า การสอบคัดเลือกรอบแรกเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือน ทุกคนต่างกินข้าวไม่รู้รสกันทั้งนั้น หนึ่งวันอาหารสามมื้อย่อมต้องรับประทานอยู่แล้ว นอกจากนี้ครอบครัวยังเพิ่มค่าใช้จ่ายประจำวันให้เฉินชิ่งอีกด้วย แต่ข้าวปลาเข้าปากแล้วคือรสชาติอะไร ไม่ใช่แค่เฉินชิ่งที่ไม่รู้สึก คนที่กังวลว่าตนเองจะไม่ผ่านการสอบคัดเลือกพวกนั้นก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
จากคะแนนของเฉินชิ่ง ตามหลักการแล้วสามารถเรียนระดับปริญญาตรีได้อย่างหายห่วง
ทว่าเขายังไม่ใช่นักเรียนดีเด่นผู้มีสมรรถภาพสมบูรณ์ การที่คะแนนในเวลาปกติเข้าเรียนระดับปริญญาตรีได้ ไม่ได้หมายความว่าจะผ่านเกาเข่า
อย่าว่าแต่เกาเข่า ถ้าพลาด ‘การสอบคัดเลือกรอบแรก’ ความพยายามในการเรียนซ้ำชั้นในปีนี้ของเขาก็เสียเปล่าทั้งหมด ไม่มีคุณสมบัติในการร่วมสอบเกาเข่าด้วยซ้ำ ยังหวังปริญญาตรีหรือวิชาชีพได้อีกหรือ?
“สอบคัดเลือกรอบแรกใกล้เข้ามาแล้ว ห้องเรานอกจากพวกที่ถอดใจเข้ามหาวิทยาลัยเต็มตัวแล้ว ใครบ้างที่ไม่พะวง?”
ขนาดเฉินชิ่งยังไม่มีโอกาสสนทนากับเซี่ยเสี่ยวหลานมากมายนัก พอพบว่าเซี่ยเสี่ยวหลานปรากฏตัว เพื่อนร่วมชั้นในห้องหลายคนก็ล้อมเข้ามา พวกเขาไม่ได้เข้ามาเพื่อชมสาวงาม แต่เพราะเฉินชิ่งเคยบอกวิธีการเรียนที่เซี่ยเสี่ยวหลานสอนแก่เพื่อนร่วมชั้น บางคนไม่เข้าใจเท่าไร ดังนั้นเมื่อเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานมา จะไม่รีบถามไถ่ให้รู้เื่หรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานถูกล้อมไว้ตลอดทั้งคาบเรียนเต็มๆ
ไม่ได้ถามเธอแค่วิชาภาษาอังกฤษเท่านั้น ยังมีคณิตศาสตร์อะไรด้วย วิชาถนัดของเซี่ยเสี่ยวหลานคือวิชาไหน เพื่อนนักเรียนล้วนรับรู้กันทั้งสิ้น
นอกจากวิชาภาษาอังกฤษที่เซี่ยเสี่ยวหลานแข็งแกร่งจริง พวกวิชาคณิตศาสตร์อะไรนั่น เธอไม่คิดว่าตนเองจะเก่งไปกว่าอาจารย์ประจำวิชาคณิตศาสตร์ แต่การที่เพื่อนนักเรียนเหล่านี้้าถามเธอ อาจเป็เพราะสภาพจิตใจที่แฝงไปด้วยการบูชาและเชื่อมั่นอย่างงมงาย คะแนนของเซี่ยเสี่ยวหลานก้าวหน้ารวดเร็วมากเหลือเกิน ดังนั้นวิธีที่เธอกล่าวออกมาจากปากย่อมถูกต้องเป็แน่แท้
เหล่าวังมาปลดปล่อยเธอ และนำคะแนนแบบทดสอบล่าสุดของเธอมาด้วย
“ก็ข้อสอบที่พวกเธอทำไปคร่ำครวญไปเมื่อสัปดาห์ก่อนนั่นแหละ ชุดที่เซี่ยเสี่ยวหลานทำจะไม่ยากได้อย่างไร! นักเรียนเสี่ยวหลานลำบากยากเย็นนัก ต้องหาค่าเล่าเรียนให้ตนเองไปพร้อมกับการเรียนหนังสือที่บ้าน...”
เหล่าวังสาธยายจี้จุดนักเรียนห้องสามไม่จบไม่สิ้น เหล่านักเรียนหัวทึบมองกันตาละห้อย
อาจารย์วังอย่าเอาแต่อุบไว้เลย คะแนนของนักเรียนเสี่ยวหลานสร้างสถิติใหม่อีกแล้วใช่หรือไม่?!
เชิงอรรถ
[1]自习教室 ห้องอ่านหนังสือ คือ ห้องเรียนสำหรับให้นักเรียนใช้อ่านหนังสือทบทวนบทเรียนด้วยตนเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้