ดวงตาของอวิ๋นเจี๋ยวาบประกายเยือกเย็น เว่ยจี้ใช้ฝ่ามือโจมตี เขาก็ใช้ฝ่ามือโจมตีเช่นกัน จากนั้นฝ่ามือของทั้งสองเข้าปะทะกัน ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น เวทีประลองสั่นะเื คลื่นพลังทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วอากาศ พร้อมกับมีแสงทำลายเข้าปกคลุมเวทีประลอง
อวิ๋นเจี๋ยยังคงไม่ขยับตัว แต่มีแสงแห่งอำนาจห่อหุ้มร่างหนึ่งชั้น คอยยับยั้งการกัดกร่อนจากคลื่นพลังทำลายล้างที่โหมเข้ามาประหนึ่งคลื่นทะเล
เว่ยจี้ตัวสั่นสะท้านพร้อมเผยสีหน้าเหลือเชื่อ เพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำให้เว่ยจี้รับรู้ได้ถึงความไม่ธรรมดาของอวิ๋นเจี๋ย ฝ่ามือนี้ของอวิ๋นเจี๋ยไม่ถือว่าร้ายกาจ พลังก็ทั่วไป แต่กลับต่อต้านฝ่ามือของเขาได้ คลื่นพลังทำลายล้างที่เกิดจากการปะทะของฝ่ามือทั้งสองยังทำอะไรอวิ๋นเจี๋ยไม่ได้
“แค่กระบวนท่าเดียวไม่เป็ไร ดูท่าเว่ยจี้ยังไม่ทุ่มสุดกำลัง” เมื่อเห็นการปะทะตรงนั้น ผู้คนก็ผุดความคิดที่คล้ายคลึงกัน เว่ยจี้เป็ผู้แข็งแกร่ง คิดอยากฆ่าก็คงจะไม่ง่ายดายเพียงนั้น
“ก็แค่ทักษะเล็กน้อย แต่กระบวนท่านี้ข้าจะทำให้เ้ารู้ว่าจุดจบของการไม่เชื่อฟังเป็อย่างไร?” เว่ยจี้กล่าวเสียงเย็น จากนั้นเขาเดินออกมาพร้อมสองมือร่ายไปมาในอากาศ ก่อนจะมีฝ่ามือขนาดใหญ่ก่อตัวและมีอักขระโคจรส่องแสงระยิบระยับอยู่บนนั้น แล้วปล่อยออกไปโจมตีอวิ๋นเจี๋ยทันที
“กระบวนท่านี้น่ากลัวมาก!” ผู้คนต่างใจเต้นระส่ำขณะมองพลังสังหารที่เว่ยจี้ปล่อยออกมา เห็นทีเว่ยจี้้าปลิดชีวิตอวิ๋นเจี๋ยในกระบวนท่านี้
บนอัฒจันทร์ เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ของพรรคเทียนจีเกิดฮึกเหิมขึ้นมา เว่ยจี้คืออัจฉริยะที่แกร่งสุดในพรรคของพวกเขานอกจากเฉินอ้าวเทียน บัดนี้เว่ยจี้เข้ารอบแปดอันดับแรก พวกเขาย่อมหวังให้เว่ยจี้เดินไปไกลกว่านี้ ในขณะเดียวกันพวกเขายังแอบดูถูกอวิ๋นเจี๋ยว่าไม่เจียมตัว กล้าดียังไงมาท้าทายเว่ยจี้ แม้เว่ยจี้จะฆ่าอวิ๋นเจี๋ยในกระบวนท่านี้ก็ไม่ถือว่าทำมากเกินไป
“ฝ่ามือนี้ของเว่ยจี้ร้ายกาจมาก ถึงอวิ๋ยเจี๋ยจะรับได้ แต่ก็ต้องชดใช้ไม่น้อย” ฉินเยียนหรานกล่าวขณะดูการต่อสู้
“ไม่ง่ายขนาดนั้น อวิ๋นเจี๋ยไม่แพ้หรอก” เย่เฟิงกล่าว จนบัดนี้เขาก็ยังมองอวิ๋นเจี๋ยไม่ออก และพลังอื่น ๆ ต้องไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นภายนอกแน่นอน
ฉินเยียนหรานได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็ไม่พูดอะไร แต่คนรอบข้างกลับหันมามองเย่เฟิงด้วยสายตาดูแคลน ชายผู้นี้พูดจาไร้สาระอีกแล้ว
“ครืน!” เสียงหนึ่งพลันดังขึ้น ทำผู้คนหันไปมองในทันที จากนั้นเห็นฝ่ามือที่เว่ยจี้สร้างเข้าโจมตีอวิ๋นเจี๋ย แต่อวิ๋นเจี๋ยไม่หลบหนีไปไหน แสงทำลายล้างจึงรายล้อมร่างเขาและ้าทำลายเขาให้สิ้นซาก
“สวะ รอบนี้เ้าตายแน่!” เว่ยจี้เห็นอวิ๋นเจี๋ยไม่หลบฝ่ามือของเขาก็เหยียดยิ้มอย่างเยือกเย็น ไอสังหารปะทุออกจากร่าง พร้อมกับมีพลังหยวนหลั่งไหลเข้าสู่ฝ่ามือนั้น ทำให้พลังแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก แต่ถึงอย่างนั้นเว่ยจี้พบว่าหลังจากอวิ๋นเจี๋ยรับฝ่ามือนี้ไปก็ดูเหมือนไม่ตอบสนองอะไร ร่างกายไม่ขยับเขยื้อน แต่มีอำนาจฟ้าดินรายล้อมกาย คล้ายต้านทานการบุกรุกของฝ่ามือนี้ได้
“เป็ไปได้อย่างไร?” เว่ยจี้หน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน เขานึกไม่ถึงว่าอวิ๋นเจี๋ยจะมีความรู้ต่ออำนาจฟ้าดินถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัวจนใช้อำนาจฟ้าดินในการป้องกันเช่นนี้ได้ แม้แต่ผู้คนยังประหลาดใจและมองอวิ๋นเจี๋ยด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ดูเหมือนว่าวิธีเช่นนี้อวิ๋นเจี๋ยก็ใช้ในตอนสู้กับลู่เจียง เพียงแต่ใช้อีกวิธีหนึ่ง
อวิ๋นเจี๋ยยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น พร้อมกับมีแสงแห่งอำนาจห่อหุ้มร่างกายและอักขระโคจรบนนั้น ประหนึ่งอักขระจากยุคโบราณที่สามารถเชื่อมโยงกับพื้นที่แห่งนี้และใช้พลังมิติภายในพื้นที่นี้ได้ก็ไม่ปาน
“ฝ่ามือเดียวไม่เป็ไร ถ้าเช่นนั้นเ้าลองกินฝ่ามือนี้หน่อยเป็ไง?” เว่ยจี้เผยสีหน้าไม่สู้ดี อวิ๋นเจี๋ยเผชิญหน้ากับฝ่ามือของเขาโดยไม่หลบหนี ถือเป็การหยามเขา แล้วเขาจะทนได้อย่างไร? เขากล่าวเช่นนั้นก่อนจะควบแน่นพลังหยวนอีกครั้ง และวาดฝ่ามือที่สองโจมตีออกไป
“เ้าหมดโอกาสแล้ว!” เสียงอวิ๋นเจี๋ยดังขึ้นฉับพลัน ทำให้เว่ยจี้ชะงักไปชั่วขณะ นาทีต่อมาเว่ยจี้เห็นฝ่ามือั์ที่อัดแน่นด้วยพลังมหาศาลก่อตัวขึ้นเหนือหัวเขา ก่อนจะพุ่งลงมาหาเขา ฝ่ามือนั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนปกคลุมเขตประลอง
“นี่...” เว่ยจี้ตาแข็งทื่อพร้อมเผยสีหน้าตื่นใ รู้สึกว่าตนตัวหดเล็กลงเมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามือั์นั่น อีกอย่างฝ่ามือนี้ยังมีขนาดใหญ่มหึมาจนเขามิอาจหลบพ้น
“ตูม!!!” เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว นาทีนี้ผู้คนต่างตกตะลึงกับฉากที่ฝ่ามือั์พุ่งลงมาโจมตีเว่ยจี้ เวทีประลองพลันสั่นะเืไปด้วย พร้อมกับมีรอยร้าวไปทั่วแปดทิศ ส่วนเว่ยจี้ต้องหมอบคลานและหมดสภาพขณะอยู่ในหลุมบนเวทีประลอง
“แกร่งมาก อวิ๋นเจี๋ยคนนี้เก่งเพียงนี้เชียวหรือ ฝ่ามือแห่งอำนาจนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเขาจะสำแดงได้ นี่ฝืนลิขิตชัด ๆ!” ผู้คนเห็นฉากตรงหน้าต่างก็ใ พวกเขารู้สึกเหมือนคนโง่ที่ไปดูถูกอวิ๋นเจี๋ยก่อนหน้านี้
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์พรรคเทียนจีเผยหน้าเขียว พวกเขาไม่คาดคิดว่าผลลัพธ์จะเป็เช่นนี้ เว่ยจี้ผู้เป็อัจฉริยะแห่งพรรคเทียนจีและผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 4 ในรายนามขั้นรวมชี่พ่ายแพ้จากการถูกอวิ๋นเจี๋ยผู้อยู่อันดับที่ 9 ในรายนามขั้นรวมชี่กำราบจนหมอบคลานอยู่บนเวทีประลอง พอนึกถึงถ้อยคำเ่าั้ที่พูดจาดูถูกก็รู้สึกน่าขัน มันเหมือนตบหน้าตนเองชัด ๆ
“อ่อนหัดแบบนี้ ทางที่ดีอย่าเรียกคนอื่นว่าเศษสวะ เพราะหากพูดคำนี้ออกไปก็เท่ากับดูถูกตัวเ้าเอง” อวิ๋นเจี๋ยกล่าวเสียงเรียบ เอาชนะเว่ยจี้ไม่ได้ทำให้เขาดีใจ จากนั้นเขาเดินออกจากเขตประลอง
เว่ยจี้เผยสีหน้าย่ำแย่ ไม่นึกว่าเขาจะแพ้ ซ้ำยังแพ้ให้กับอวิ๋นเจี๋ยที่เขาดูถูกก่อนหน้านี้ สำหรับเขาแล้วมันคือความอัปยศอดสู จากนั้นเขาลุกขึ้นยืนช้า ๆ เมื่อรับรู้ถึงสายตาของผู้คนรอบข้างที่มองมา เว่ยจี้ก็รู้สึกว่าความเกรงขามที่เคยมีมลายหายไป
อย่างไรก็ตามเว่ยจี้สวมชุดเกราะป้องกัน จึงไม่ได้รับาเ็สาหัสมากนัก จากนั้นเขากินยาหนึ่งเม็ดเพื่อฟื้นพลังทันที
เว่ยจี้หันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยือก ซึ่งเย่เฟิงมองมาที่เขาพอดี สายตานั้นราวกับหยามเขา ทำให้เว่ยจี้เกิดโทสะแล้วกล่าวว่า “มองหาอะไรไม่ทราบ? สวะ เ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะควักลูกตาเ้า?”
เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย บัญชีแค้นระหว่างเขากับเว่ยจี้ยังไม่ได้สะสาง บัดนี้เว่ยจี้พ่ายแพ้ กลับมาหาเื่เขา เห็นเขาเป็ตัวตลกอย่างนั้นหรือ?
“คำพูดโอ้อวดของเ้าเว่ยจี้ถูกอวิ๋นเจี๋ยบดขยี้เป็ผุยผง แพ้แล้วก็มาพาลข้างั้นหรือ?” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น
“พาลเ้างั้นหรือ? หึ ข้าจะทำลายเ้าต่างหาก!” เว่ยจี้ตาเผยประกายเย็นเยือก ถ้อยคำของเย่เฟิงได้จุดประกายความคิดของเขา และทำให้เขาโมโหมากขึ้นกว่าเดิม
ทันใดนั้นพลังปราณปะทุออกจากร่างเว่ยจี้ พร้อมกับเงายูนิคอร์นปรากฏที่ด้านหลังและแผ่พลังอสูรออกมา จากนั้นพุ่งเข้าโจมตีเย่เฟิง ขณะเดียวกันเว่ยจี้ก็เดินออกมาพร้อมเหวี่ยงหมัดที่ผสานกับการโจมตีของิญญายูนิคอร์นออกไป พลังของหมัดจึงยกระดับขึ้นหลายเท่า
เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ เว่ยจี้แพ้อวิ๋นเจี๋ยจึงคิดระบายโทสะใส่เขา หรือเขาเย่เฟิงต้องปล่อยให้เว่ยจี้รังแกอย่างนั้นหรือ?
เย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อหลบหลีกการโจมตีของเว่ยจี้ในพริบตา ก่อนจะไปเยือนเบื้องหน้าเว่ยจี้ แสงพลันส่องวาบ หอกัเงินประกายปรากฏในมือของเย่เฟิง ทั้งยังมีอำนาจหอกพวยพุ่งออกจากร่างเย่เฟิง
“หอกตัดิญญา!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ เขาแทงหอกที่ผสานด้วยพลังหลายอย่างที่เย่เฟิงมีออกไป รังสีหอกทะลวงห้วงอากาศ และความเร็วยังน่าเหลือเชื่อ แม้แต่ตาเปล่าก็มองวิถีเคลื่อนไหวของรังสีหอกไม่ได้
“วูบ!” ผู้คนเห็นแสงเยือกเย็นสว่างจ้า นาทีต่อมาเห็นเว่ยจี้ตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น และแววตายังเต็มไปด้วยความใสุดขีดปนความไม่เต็มใจ ขณะเดียวกันมีหอกเล่มหนึ่งเสียบคาที่ลำคอของเว่ยจี้ เมื่อดึงหอกออกมา เืต้องพุ่งกระฉูดเป็น้ำพุ กลิ่นคาวเืฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศ เมื่อลอยแตะจมูกของผู้คน ทำให้ผู้คนได้กลิ่นความตายที่น่ากลัว
ปากของเว่ยจี้ขยับไปมาคล้าย้าพูดบางอย่าง แต่กลับเปล่งเสียงออกมาไม่ได้ ก่อนร่างจะล้มลงไปกองกับพื้น
“เป็ไปได้อย่างไร? เว่ยจี้ถูกเย่เฟิงฆ่าตาย ทั้งยังตายในหอกเดียว ทุกขั้นตอนก็ล้วนเกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ เร็ว เร็วจนน่าเหลือเชื่อ!” ผู้คนจำนวนไม่น้อยเห็นฉากนี้ต่างต้องตกตะลึงพร้อมหัวใจเต้นระส่ำ
แม้แต่อวิ๋นเจี๋ยที่มีสีหน้าเรียบเฉยมาตลอดยังผันผวนเล็กน้อยคล้ายนึกไม่ถึงว่าเย่เฟิงจะฆ่าเว่ยจี้ได้ง่ายดายเพียงนี้ เพียงหนึ่งหอกก็ตัดสินชีวิตของผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 5 คนหนึ่งได้แล้ว นอกจากนี้อีกฝ่ายยังเป็ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 4 ในรายนามขั้นรวมชี่ พลังเรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัวเสียเหลือเกิน
“เ้าฆ่าเขางั้นหรือ?”
บนอัฒจันทร์หลัก เหล่าผู้าุโในสำนักยุทธ์เทียนเสวียนต่างใกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะเห็นเฉินเซี่ยงเทียนกล่าวเช่นนั้นกับเย่เฟิงด้วยเสียงเย็นะเื
“แล้วอย่างไรเล่า?” เย่เฟิงเก็บหอกัเงินประกาย แล้วพูดต่อไปว่า “เป็เขาที่ลงมือจัดการข้าก่อน ทั้งยังเป็กระบวนท่าสังหาร หรือการที่ข้าฆ่าเขามีความผิด?”
เว่ยจี้คืออัจฉริยะที่หาพบได้ยากของพรรคเทียนจี แต่กลับมาตายในน้ำมือของเย่เฟิง เฉินเซี่ยงเทียนย่อมต้องไม่พอใจ “ตอนแรกฆ่าจงเทา ตอนนี้ก็ยังฆ่าเว่ยจี้ ฆ่าศิษย์ร่วมสำนักอย่างเืเย็น แต่กลับกล้าเถียงข้าง ๆ คู ๆ อย่างนั้นหรือ?”
เฉินเซี่ยงเทียนหยุดชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อไปว่า “เ้าก่อกวนสำนักยุทธ์ขนาดนี้ บอกมาสิ ว่าเ้าเข้าร่วมงานประลองครั้งนี้มีจุดประสงค์อะไร?”
“ผู้ใดไม่รุกรานข้า ข้าก็ไม่รุกรานผู้นั้น หากเขาไม่รุกรานข้า แล้วข้าจะฆ่าเขาไปไย?” เย่เฟิงกล่าว นี่ทำให้เฉินเซี่ยงเทียนถึงกับไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ ไปชั่วขณะหนึ่ง