ยามราตรีต้นฤดูหนาว บรรยากาศเยือกเย็นเงียบเหงาและสงัด
เจินจูอยู่ในชุดตัวในสีขาวสะอาดนอนกลิ้งอยู่บนเตียงอิฐ
เตียงอิฐที่เผาขึ้นจนอุ่นสบาย แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับความเงียบเหงาและหนาวเย็นนอกบ้าน
“หง่าว” รังแมวของเสี่ยวเฮยย้ายมาอยู่บนม้านั่งตัวเตี้ยข้างขอบเตียง ใกล้กับเจินจูอย่างมาก
นางยื่นศีรษะเข้าไปมองมันหนึ่งที เ้าแมวนี่กำลังยืดท้องบิดี้เี
เฮ้อ เป็แมวนี่ช่างมีความสุขยิ่งนัก กินอิ่มเพียงพอนอนหลับสบาย ความกังวลอะไรก็ล้วนไม่มี
เจินจูนอนหมอบอยู่ขอบเตียงอิฐมองมันด้วยความอิจฉา
จะเหมือนกับมนุษย์เสียที่ไหน ชอบหาความกังวลใจให้ตัวเอง เฮ้อ... นางถอนหายใจ คิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันขึ้นอย่างคาดไม่ถึง ใบหน้าของนางเริ่มมีเืฝาดขึ้นทันที
นางตระหนักขึ้นได้ว่าแก้มของตนคงแดงลุกลามขึ้นอย่างแน่นอน ความใกล้ชิดอันอุกอาจของเขาจู่โจมเข้ามากะทันหันเกินไป ทำให้นางไม่ได้เตรียมการป้องกันสักนิด ถูกเขาบุกรุกเข้ามาได้อย่างง่ายดาย จนกระทั่งตอนนี้ นางยังรู้สึกว่าปากของตนยังหลงเหลือลมหายใจของเขาอยู่
เจินจูกัดริมฝีปากล่าง แค่นลมหายใจออกทางจมูก การกระทำของเขาคล่องแคล่วปานนี้ เคยฝึกมาจากที่ไหนใช่หรือไม่? จะดูอย่างไรก็ไม่ใช่ความรู้สึกทื่อๆ ของการจูบครั้งแรกเลย
นางถลึงตาไปทางลานหน้าบ้านด้วยความขัดเขินและโมโห หากนางรู้ว่าเขาไปจูบกับสตรีอื่นลับหลังนางล่ะก็... หึๆ
หลัวจิ่งนอนอยู่ใต้ผ้านวม จู่ๆ ก็จามขึ้นมาหนึ่งที
เขาถูจมูก หรือเป็เพราะวันนี้อยู่ในแม่น้ำลำธารสายเล็กนั่นนานเกินไป?
เขายกแขนขึ้นไปบนหมอน ยกศีรษะขึ้นนอนหนุนบนแขนตัวเอง จู่ๆ บนใบหน้าก็เปื้อนยิ้มขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
ในที่สุดก็ะโขึ้นไปอีกหนึ่งก้าวสำคัญแล้ว นางไม่ได้ปฏิเสธและไม่ได้ยอมรับ นางเพียงกังวลใจว่าท่านพี่ของเขาจะไม่เห็นด้วยเท่านั้น
ในใจนางก็มีเขาอยู่ ข้างในหลัวจิ่งรู้สึกหวานชื่น
ตอนนี้ขอแค่ผู้เป็พี่ชายพยักหน้าเห็นด้วย เช่นนั้นเื่แต่งงานน้ำมาคลองก็เกิดแล้ว
ท่านพี่ของเขาจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร แต่ไหนแต่ไรมาท่านพี่ก็รักและทะนุถนอมเขามากที่สุด
หลัวจิ่งเชื่อมั่นว่าขอแค่เขาเอ่ยปาก ท่านพี่ย่อมไม่มีความคิดเห็นอื่นอย่างแน่นอน
นางแค่รอเป็เ้าสาวของเขาแต่โดยดีก็พอ
เขาครุ่นคิดไปไกลด้วยใจที่เต็มไปด้วยความยินดี และเริ่มเข้าสู่ความฝันช้าๆ
...หมู่บ้านในเขตูเาห่างไกลความเจริญ ยามราตรีคืนนี้เงียบวังเวงผิดปกติ
ดวงจันทร์สุกสกาวถูกเมฆดำปกคลุม ส่งผลให้เกิดความมืดมิดไปทั้งหนึ่งผืนใหญ่
ทางเข้าหมู่บ้านของหมู่บ้านวั้งหลิน มีคนชุดดำสิบกว่าคนกระทำการรุดเข้ามาทางบ้านสกุลหูอย่างว่องไว
ฝีเท้าพวกเขาอ่อนช้อย ปฏิบัติการรวดเร็ว เวลาไม่นานก็หยุดลงอยู่ใต้กำแพงลานบ้านสกุลหูทั้งหมด
คนชุดดำหนึ่งคนโบกมือใหญ่ออกคำสั่ง คนชุดดำสิบกว่าคนพลิกตัวขึ้นบนกำแพง กำแพงลานบ้านสูงสองเมตรกว่าไม่ใช่ปัญหาในสายตาพวกเขา
คนชุดดำเพิ่งร่วงลงสู่ลานบ้านสกุลหู เงาดำร่างหนึ่งก็วิ่งออกมาจากหลังบ้าน สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาติดๆ คือเสียงสุนัขเห่าดังสะท้านฟ้าะเืดิน
“มารดามันสิ! รีบเชือดมัน!” คนชุดดำตวาดเสียงเบาหนึ่งที
ผิดแผนแล้ว ไม่คิดเลยว่าครอบครัวนี้จะเลี้ยงสุนัขตัวโตลักษณะว่องไวเฉียบแหลมดุร้ายไว้ เดิมคิดจะปลิดชีพทั้งครอบครัวอย่างเงียบเชียบ แต่ตอนนี้จำต้องรีบฆ่าทั้งหมดทิ้งให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ จะได้ไม่ดึงดูดชาวบ้านที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามา แล้วเพิ่มปัญหาความยุ่งยากขึ้นไปอีก
คนชุดดำที่อยู่ใกล้สุนัขที่สุดชักดาบออกมาและฟันไปทางมัน สุนัขตัวโตกลับว่องไวยิ่ง เอียงตัวข้ามเงาดาบที่จู่โจมเข้ามา ขาหลังส่งแรงดีดตัวขึ้นหนึ่งที พร้อมกับอ้าปากกว้างพุ่งตรงไปทางคนชุดดำหวังจะกัดให้จมเขี้ยว คนผู้นั้นตื่นใ ยกเท้าเตะไปทันที สุนัขตัวโตหลบไม่ทัน มันถูกเตะลอยออกไปไกลหลายหลา
“เอ๋ง” สุนัขร้องโหยหวนกลิ้งไถลไปบนพื้น
“เร็ว จัดการให้เร็วที่สุด”
ทันทีที่คนชุดดำรับคำสั่งต่างพากันรีบวิ่งตรงเข้าสู่ภายในลานบ้าน
“อ๊าก”
ใครบางคนร้องเสียงโหยหวนพร้อมกับกลิ้งลงไปที่พื้น ต้นขาของเขาถูกสิ่งของบางอย่างข่วนเข้าหนึ่งที เืกระเซ็นออกมา เ็ปจนเขาเกิดความหวาดกลัวขึ้นสุดขีด
ประตูข้างห้องโถงใหญ่หน้าบ้าน ถูกเปิดออกแทบจะพร้อมกัน
หลัวจิ่งกับหลัวสือซานถือดาบออกมา
หลัวจิ่งกวาดสายตาหนึ่งรอบ ถูกคนชุดดำเต็มลานบ้านทำให้ตื่นใจนรูม่านตาหดเกร็ง
“สือซาน เ้าไปหลังบ้านปกป้องพวกนางไว้ เร็ว!”
มือสังหารเหล่านี้ล้วนเป็มืออาชีพ บนกายล้วนมีกลิ่นอายสังหารอย่างแรงกล้า
หลัวสือซานลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ยอมรับคำสั่งและวิ่งไปทางหลังบ้าน
คนชุดดำห้าคนกรูกันเข้ามาทางหลัวจิ่ง เสียงอาวุธดาบปะทะกัน ลานหน้าบ้านเริ่มตกสู่สถานการณ์ต่อสู้อย่างดุเดือด
หลัวจิ่งกวัดแกว่งดาบคมในมือต่อสู้กับพวกเขา แต่ใจกลับวิตกกังวลไม่หยุด หางตาเห็นอยู่แวบหนึ่งว่าคนชุดดำที่เหลือล้วนพุ่งเข้าไปทางลานด้านหลัง
สกุลหูนอกจากผิงอันที่เรียนรู้การต่อสู้มาสามปีแล้ว ผู้อื่นล้วนเป็คนธรรมดามือเปล่าป้องกันตัวเองไม่ได้เลย หลัวจิ่งดวงตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว ใส่แรงออกไปทั้งหมดคิดจัดการคนชุดดำเหล่านี้ทิ้ง
แต่คนชุดดำไม่กี่คนร่วมมือกัน ทำการต่อสู้ปกป้องอย่างคล่องแคล่ว หลัวจิ่งจึงทำอะไรพวกเขาไม่ได้มาก
หลังบ้านแว่วเสียงอาวุธกระทบกัน ทั้งยังมีเสียงร้องะโของคน
ในใจหลัวจิ่งยิ่งเกิดความร้อนใจมากขึ้นไปอีก การเคลื่อนไหวในมือฟุ้งซ่านเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้ สถานการณ์จึงเปลี่ยนไปไม่ราบรื่นในชั่วพริบตา
เขากัดฟันกรอด คิดว่าต่อให้สู้จนได้รับาเ็ก็ต้องกำจัดทิ้งให้ได้สักคนก่อน
บนกำแพงลานบ้าน ปรากฏเงากายสองคนะโพรวดลงมาด้วยความรวดเร็ว ทั้งสองถือดาบพุ่งตรงเข้ามาอย่างฉับไว
ฟางเสิงกับอาชิงรุดเข้ามาช่วยในการต่อสู้
สถานการณ์เปลี่ยนไปทันที คนชุดดำห้าคนถูกฟางเสิงกำจัดไปหนึ่งคนในชั่วพริบตา
ฟางเสิงป่วยมานานหลายปี ดาบในมือไม่ได้ลิ้มรสคาวเืมานานแล้ว แต่นี่ไม่ได้เป็สิ่งขัดขวางเขาจากการเอาชีวิตพวกคนชุดดำในหนึ่งดาบได้เลย
แม้เขาจะห่างหายจากยุทธภพ วิถีดาบในมืออาจตกไปไม่น้อย แต่สำหรับพวกไม่กลัวตายเหล่านี้ ไม่เหลือคณนาเท่าไรนัก
ทันทีที่ได้ปะมือกับคนชุดดำ เขาก็รู้ได้ว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็มือสังหารหน่วยกล้าตายที่ถูกเลี้ยงดูโดยพวกท่านอ๋องหรือท่านโหวตระกูลสูงศักดิ์ทั้งนั้น
ลงมือครั้งหนึ่ง หากภารกิจไม่สำเร็จก็ไม่มีทางรามืออย่างเด็ดขาด
ทางออกเดียวคือการฆ่าพวกเขาทิ้งให้หมด
ถึงอย่างไรอาชิงก็ยังเด็ก ไม่เคยมีประสบการณ์ผ่านความเป็ความตายและการสังหารมาก่อน เมื่อคนชุดดำถูกอาจารย์ปลิดชีพด้วยดาบเดียว สีหน้าของเขาจึงซีดขาวไปเล็กน้อย
“พวกมันล้วนเป็หน่วยกล้าตายที่ถูกเลี้ยงอยู่ในจวนท่านอ๋องหรือท่านโหวทั้งสิ้น หากไม่ฆ่าพวกมันก็จะไม่มีทางเลิกลา” ฟางเสิงอธิบายอย่างเรียบนิ่ง พลางถือโอกาสแทงทะลุลำคอของคนชุดดำอีกหนึ่งคน
ดาบถูกดึงออก เืสีแดงสดสาดทะลักออกมา
ใบหน้าเล็กของอาชิงยิ่งขาวซีดขึ้นไปอีก
“อาจารย์ฟาง รีบไปช่วยหลังบ้าน พวกมันล้วนไปหลังบ้านกันแล้ว!” หลังหลัวจิ่งถีบคนชุดดำคนหนึ่งลอยไป ก็ร้องะโเสียงดังไปทางฟางเสิง
สีหน้าฟางเสิงเครียดขึ้นทันที เอี้ยวตัวหนึ่งก้าวหลบคมมีดของคนชุดดำที่จู่โจมเข้ามา เขาพลิกฝ่ามือกวัดแกว่งดาบ คมดาบปาดเข้าทรวงอกคนชุดดำให้เปิดออก เืสีแดงฉานสาดกระเซ็นออกมา
อาจารย์... ช่างโหดร้ายจริงๆ! มือและเท้าอาชิงสั่นขึ้นเล็กน้อย
“อาชิง เ้าอยู่ช่วยที่นี่ ปลดปล่อยความกล้าออกมาให้มากหน่อย อย่าเหมือนพวกผู้หญิง ที่พอเห็นเืก็หวาดกลัว”
ฟางเสิงทิ้งคำพูดหนึ่งประโยคไว้แล้วรีบวิ่งไปหลังบ้าน ผ่านคนชุดดำที่ต่อสู้ดิ้นรนล้มอยู่บนพื้น ดาบบนมือของเขาหมุนควงและปักปลายดาบดิ่งลงเข้าที่หน้าอกอย่างรุนแรง
หลังกำจัดทิ้งไปได้ก็ดึงดาบออกมาอย่างรวดเดียว และวิ่งไปทางลานด้านหลังทันที
คนชุดดำห้าคน ภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจก็ถูกฟางเสิงกำจัดไปสาม ส่วนสองคนที่เหลือ หลัวจิ่งมีอาชิงคอยช่วยจึงจัดการพวกเขาไปได้อย่างว่องไว
“อ๊ะ เสี่ยวหวง!” อาชิงพบว่าเสี่ยวหวงล้มอยู่บนพื้นใต้ชายคานอนกระอักเื
น้ำตาของเขาพรั่งพรูออกมา รีบวิ่งไปนั่งยองลงข้างตัวของมัน ลูบหัวมันด้วยน้ำตานองหน้า “เสี่ยวหวง เ้าเป็อะไรไป? เ้าจะตายไม่ได้นะ!”
ฝีเท้าที่พุ่งไปทางหลังบ้านของหลัวจิ่งหยุดชะงัก หันกลับไปมองเสี่ยวหวงปราดหนึ่ง ่ท้องและอกของเสี่ยวหวงยังคงขยับขึ้นลงน้อยๆ นับว่ายังมีลมหายใจอยู่
“อาชิง เ้าเฝ้าเสี่ยวหวงไว้ก่อน ข้าจะไปช่วยด้านหลัง”
ขณะที่เขารีบวิ่งไปถึงลานด้านหลังด้วยใจที่เป็กังวลอย่างมาก การต่อสู้ก็เกือบจะจบลง
คนชุดดำสองคนต่างกำลังต่อสู้พัวพันอยู่กับฟางเสิงและหลัวสือซาน ผิงอันถือดาบยาวที่เขามอบให้ พยุงไหล่ข้างหนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง
ทั่วทั้งลานหลังบ้าน ส่งกลิ่นคาวเืเข้มข้นคละคลุ้ง คนชุดดำสี่คนนอนระเกะระกะอยู่บนพื้น
ในมือหูฉางกุ้ยกุมไม้ไผ่ไว้หนึ่งท่อน ยืนกั้นอยู่หน้าห้องของตัวเองด้วยสีหน้าตึงเครียด ข้างหลังเขามีหลี่ซื่อกับจ้าวหงยู่หลบอยู่หลังประตูตัวสั่นเทา
ดวงตาของหลัวจิ่งหรี่ลง เจินจูล่ะ?
เขารีบสอดส่องสายตามองไปรอบๆ ไม่เห็นเงากายของเจินจู หัวใจของเขาเต้นอย่างรุนแรงขึ้นทันที ความรู้สึกสับสนยากเกินกว่าจะบรรยายกดดันขึ้นจนเขาจวนจะหายใจไม่ออก
จู่ๆ แสงไฟในห้องของเจินจูก็สว่างขึ้น นางหิ้วตะเกียงน้ำมันออกมาจากห้อง สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแต่เส้นผมยังคงยุ่งเหยิง
หลัวจิ่งจึงผ่อนลมหายใจออกหนึ่งเฮือก ความอึดอัดที่หายใจไม่ออกและสับสนเ่าั้กระจายไปอย่างช้าๆ
...เจินจูตื่นขึ้นมาั้แ่ตอนที่เสี่ยวเฮยะโออกจากห้องไปแล้ว
เสียงที่เห่าผิดปกติของเสี่ยวหวง นางได้ยินข้อความเตือนอันตรายได้อย่างเด่นชัด
นางหยิบเสื้อคลุมที่อยู่หัวเตียงขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นลงพื้นไปสวมรองเท้าคิดจะจุดไฟตะเกียงน้ำมัน แต่หน้าบ้านกลับแว่วเสียงร้องน่าเวทนาของคนแปลกหน้าขึ้นกะทันหัน เจินจูมือสั่นระริก นางรีบก้าวไปเปิดประตูและพุ่งไปทางห้องที่หูฉางกุ้ยอยู่
ในขณะเดียวกันผิงอันก็ถือดาบยาววิ่งออกมา “ท่านพี่ รีบหลบเร็ว หน้าบ้านมีคนร้าย ท่านไปหลบอยู่ในห้องกับท่านพ่อท่านแม่อย่าออกมา ข้าจะไปช่วยพี่ชายยู่เซิง”
ขณะกล่าวเขาก็คิดจะวิ่งไปทางหน้าบ้านด้วย
“กลับมา!” เจินจูะโหยุดเขาทันที “ข้างหน้ามียู่เซิงกับหลัวสือซานอยู่ พวกเขาล้วนเป็นายทหารกล้าที่เคยผ่านสนามรบมีประสบการณ์กับความเป็ความตายมา หากเ้าไปแล้วจะทำให้พวกเขาเสียสมาธิ”
ฝีเท้าผิงอันหยุดชะงักลง รีบเดินเข้ามาหานางทันที
เจินจูผ่อนลมหายใจลงเล็กน้อย
ห้องของจ้าวหงยู่ก็เปิดออกเช่นกัน นางแต่งกายเรียบร้อยและวิ่งมาทางพวกนางด้วยสีหน้าขาวซีด
“เจินจู ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น?” หูฉางกุ้ยเปิดประตูออก หลี่ซื่อยืนใบหน้าซีดขาวอยู่ด้านหลังของเขา เห็นได้ชัดว่าแค่สวมเสื้อคลุ่มอย่างรีบร้อน
“ท่านพ่อ หน้าบ้านมีคนร้าย ยู่เซิงกับรองแม่ทัพหลัวต่างก็อยู่ตรงนั้น พวกเราอย่าเพิ่งร้อนใจไปก่อน รออีกเดี๋ยวดูสถานการณ์แล้วค่อยว่ากันเ้าค่ะ” เจินจูปลอบพวกเขา
“ท่านพี่ ข้าได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมากมาทางพวกเรา” มือของผิงอันกุมดาบยาวไว้แน่น ะโด้วยสีหน้าท่าทางเป็กังวล
“เร็ว ท่านอาหงยู่ ท่านเข้าไปหลบข้างในห้องกับท่านแม่อย่าออกมา” เจินจูคว้ามือของจ้าวหงยู่มาไว้แน่น ดันนางเข้าไปภายในห้อง
หูฉางกุ้ยใทันที เขามองซ้ายแลขวาเห็นราวไม้ไผ่ที่ใช้ตากเสื้อผ้าวางอยู่มุมห้อง จึงวิ่งเข้าไปคว้ามาไว้ในมือ
เจินจูหยิบผงม่านถัวหลัวหนึ่งห่อออกมาจากมิติช่องว่างและกำไว้ในมือ เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา
คนชุดดำสองคนนำอยู่ข้างหน้าพุ่งเข้ามาทางลานด้านหลัง มีดดาบในมือของเขากระทบแสงวาววับ ั้แ่เจินจูมาถึงยุคนี้ นี่เป็ครั้งแรกเลยที่นางรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัว ข้างหลังของนางต่างเป็ญาติที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทั้งสิ้น ผู้ใดได้รับอันตรายล้วนต้องทำให้นางเสียใจเป็อย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นคนชุดดำเหล่านี้เห็นได้ชัดว่า มาเพื่อ้าเอาชีวิตของพวกนางอย่างแน่นอน
ความเร็วของพวกเขาว่องไวมาก พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้า
ผิงอันรูปร่างผอมเล็กยืนอยู่ข้างหน้านาง เผชิญหน้ากับคนชุดดำสองคนอย่างไม่มีความหวาดกลัวหัวหดเลยแม้แต่น้อย
ดาบยาวห้ำหั่นเข้ามาทางเขา ผิงอันสกัดรับไว้อย่างมั่นคงหนักหน่วง ดาบยาวอีกด้ามหนึ่งตามเข้ามาทันที
เจินจูเดือดเป็ฟืนเป็ไฟ รุมโจมตีเด็กน้อยคนเดียวช่างน่ารังเกียจที่สุด ชั่วพริบตาผงในมือของนางจึงสาดกระจายออกมา
ทันใดนั้นผิงอันก็รีบกลั้นลมหายใจไว้ เพราะเมื่อครู่เจินจูได้เตือนเขาเอาไว้แล้ว
คนชุดดำสองคนตรงหน้าตื่นตระหนก กลั้นหายใจทันทีเช่นกัน แต่มากน้อยอย่างไรก็ยังสูดเข้าไปบ้างเล็กน้อย
สองคนเกิดอาการมึนงงขึ้น ผิงอันใช้โอกาสนี้แทงเข้าไปที่ต้นแขนขวาของคนชุดดำคนหนึ่ง คนชุดดำได้รับความเ็ปจนลืมกลั้นลมหายใจและสูดเอาผงเข้าไปมากยิ่งขึ้น
ข้างหลังพวกเขาตามมาติดๆ ด้วยคนชุดดำอีกสองคน ต่างก็ยกดาบขึ้นจู่โจมมาทางผิงอัน
ผิงอันสงบสติอารมณ์และรับมืออย่างใจเย็น จึงไม่ได้เสียเปรียบอยู่ชั่วขณะ
คนชุดดำที่เมื่อครู่สูดเอาผงเข้าไปเล็กน้อยพุ่งดาบเข้าจู่โจมมาทางเจินจู หูฉางกุ้ยที่อยู่ตรงหน้าประตูเห็นได้อย่างชัดเจน เขาเข้าปกป้องบุตรสาวด้วยจิตใจร้อนรน ยกราวไม้ไผ่กระทุ้งขัดเขาไว้หนึ่งที
ไม่นึกเลยว่าคนชุดดำนั่นที่ถูกเขากระทุ้งไปจะโงนเงนล้มลงบนพื้น หลังจากนั้นก็ไม่ลุกขึ้นยืนอีกเลย
เจินจูรู้ นั่นเป็ผลของม่านถัวหลัวที่เพิ่มความรุนแรงอย่างแน่นอน
เป็ไปตามคาด คนชุดดำที่ได้รับาเ็อีกคนหนึ่งเริ่มสติลางเลือนจิตใจลอยเคว้ง ส่งเสียงหัวเราะและร้องไห้ออกมา
คนชุดดำที่รีบตามมาอยู่ด้านหลังเห็นดังนั้น แค่นเสียงเ็าขึ้นจมูกหนึ่งที พร้อมกับยกดาบรีบสาวเท้าพุ่งมาทางที่พวกนางอยู่
ในใจเจินจูสั่นรัว หรือชีวิตน้อยๆ ของพวกนางทั้งครอบครัวต้องทิ้งไว้ที่ตรงนี้แล้ว?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้