ค่ายกลดาราเจ็ดมุมนี้มีขนาดประมาณหนึ่งฉื่อครึ่ง ค่อนข้างเหมือนทรงกลม
ขณะนี้ดวงตาค่ายกลทั้งเจ็ดแห่งถูกค่ายกลขนาดย่อมของเสิ่นเสวียนดูดพลังธาตุทองเข้ามาไม่หยุดหย่อน เพื่อให้ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้มีพลังค้ำจุนอยู่
ดวงตาค่ายกลทั้งเจ็ดแห่งนี้ต่างแสดงพลังสีขาวขุ่นออกมา พลังเ่าั้กำลังรวมตัวกันอยู่ที่ใจกลางและเริ่มหมุนวนกลายเป็วังวนพลังขนาดใหญ่
นี่คือค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดเล็กของเขา เพียงแต่ตอนนี้พลังของเขาต่ำมากเกินไป จึงสร้างได้เพียงค่ายกลเคลื่อนย้ายที่มีพลังอ่อนแรงเช่นนี้ ทั้งยังเคลื่อนย้ายมนุษย์ไปไม่ได้ด้วย เคลื่อนย้ายได้เพียงร่างจิติญญาเท่านั้น
ทว่าใช้เคลื่อนย้ายผู้เฒ่าจี๋เล่อออกไปนั้น แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว
“นี่คืออะไร”
ร่างจิติญญาของผู้เฒ่าจี๋เล่อเหาะมาอยู่ข้างๆ เสิ่นเสวียน พลางมองค่ายกลตรงหน้าด้วยความสงสัย
ค่ายกลค่อนข้างเล็กมากเมื่อเทียบกับที่นี่ ค่ายกลเคลื่อนย้ายเช่นนี้เขาเพิ่งเคยได้ยินเป็ครั้งแรก
“ค่ายกลเคลื่อนย้าย ท่านไม่เคยได้ยินหรือ”
เสิ่นเสวียนมองผู้เฒ่าจี๋เล่อด้วยความประหลาดใจ คงไม่ใช่ว่าบุคคลยิ่งใหญ่อย่างผู้เฒ่าจี๋เล่อจะไม่เคยเห็นค่ายกลเคลื่อนย้ายมาก่อนหรอกใช่ไหม! เขาคิดมาเสมอว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายธรรมดาๆ เช่นนี้ไม่ใช่ความลับอะไร แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็อย่างนั้นแล้ว
“ค่ายกลเคลื่อนย้ายมีไว้ทำไม”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อราวกับเป็เ้าหนูจำไม ในแววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความใสซื่อและความสงสัย
“ค่ายกลเคลื่อนย้ายคือค่ายกลที่สามารถส่งท่านไปยังสถานที่อื่นได้”
“เคลื่อนย้ายไปยังสถานที่อื่น? หรือว่าจะรวดเร็วยิ่งกว่าเหาะไป”
“เหาะ? รวดเร็วยิ่งกว่าเหาะมาก ไปถึงในพริบตา”
“ข้าไม่เชื่อ”
“หากไม่เชื่อ ท่านลองดูก็ได้”
เสิ่นเสวียนกล่าวพลางยิ้มตาหยี
ผู้เฒ่าจี๋เล่อยังคงสงสัย เขามองค่ายกลเคลื่อนย้ายที่พื้น รับรู้ได้ถึงคลื่นพลังมิติที่รุนแรง เขาไม่ได้บุ่มบ่าม ในฐานะที่เป็ผู้สูงส่ง เขาเข้าใจดีถึงความอ่อนแอของร่างจิติญญา พันปีที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยกล้าทำให้ร่างจิติญญาได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย หากได้รับความเสียหายอาจรุนแรงถึงรากฐานเลยก็ได้
ส่วนสิ่งที่เสิ่นเสวียนสร้างขึ้นนั้นแปลกมากเกินไป เขาไม่กล้าลองจริงๆ
“ท่านไม่กล้า?”
เสิ่นเสวียนถามอย่างยั่วยุ
“ข้า... ใช่ ข้าไม่กล้า”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อยอมรับด้วยตนเอง ความไม่กล้าไม่ใช่เื่น่าขายหน้า ที่น่าขายหน้าคือไม่กล้าแล้วยังไม่กล้ายอมรับอีก
เมื่อการยั่วยุไม่เป็ผล เสิ่นเสวียนจึงยิ้มแห้งๆ พลางส่ายหัว
ผู้เฒ่าจี๋เล่อส่ายหัวปฏิเสธ เพราะเขาระมัดระวังมากขนาดนี้ แม้จะผ่านไปพันปีแล้ว ร่างจิติญญาของเขาจึงยังคงอยู่อย่างสมบูรณ์
เสิ่นเสวียนถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ อีกฝ่ายไม่เชื่อเขาแล้วจะทำอย่างไรดี มีเพียงอีกฝ่ายเท่านั้นที่จะเอาหินเฮยเย่ามาให้เขาได้ ช่วยให้เขาหลอมรวมหยวนก่อกำเนิดห้าธาตุได้สำเร็จ หากว่าเขาออกไปเอาเองเกรงว่าจะพลาดโอกาสนี้ไป
“เ้าไป”
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งดังขึ้นในหูของผู้เฒ่าจี๋เล่อ ทำให้ผู้เฒ่าจี๋เล่อที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ไปตัวสั่นเทิ้มขึ้นมาทันที และหันไปมองเสิ่นเสวียน
เสียงนั้นดังมาจากร่างของเสิ่นเสวียนนั่นเอง
“มองอะไรเ้าเด็กดื้อ แม้แต่คำของข้าเ้ายังไม่ฟังอีกหรือ”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อมองเสิ่นเสวียน แล้วเสียงนั้นก็ดังขึ้นมาอีก ยิ่งทำให้ผู้เฒ่าจี๋เล่อรู้สึกเหมือนโดนโจมตีอีกครั้งอย่างรุนแรง
“พี่หญิง! พี่หญิง ท่านอยู่ที่นี่ด้วยหรือ”
ร่างจิติญญาของผู้เฒ่าจี๋เล่อกำลังสั่นเทิ้ม ใบหน้าแก่ชราของเขาเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
“เ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ จะไปหรือไม่ไป”
“ไปๆๆ”
เขาพยักหน้าหลายครั้ง อารมณ์แตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
“เด็กน้อย ข้าจะไปได้อย่างไร” ผู้เฒ่าจี๋เล่อถามเสิ่นเสวียนทันที
“เรียกใครเด็กน้อย เรียกเขาว่าน้องชายสิ” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
“ขอรับๆ น้องชาย ข้าจะไปได้อย่างไร”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อเชื่อฟังคำสั่งนั้นมาก ไม่กล้าขัดคำสั่งแม้แต่น้อย ทำให้เสิ่นเสวียนที่ยืนอยู่ข้างๆ มีสีหน้าเก้อเขิน
ที่แท้นางก็ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ทำให้ผู้เฒ่าจี๋เล่อเชื่อฟังคำสั่งได้ด้วย
“หลังจากเข้าไปแล้ว ออกมาอีกทีท่านจะอยู่ที่นั่นแล้ว ใช้พลังของท่านควบคุมหินเฮยเย่ามาวางลงในค่ายกลน่าจะไม่ใช่เื่ยาก แล้วก็เคลื่อนย้ายมาได้เลย กระทั่งข้าบอกให้หยุดก็พอ”
“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว”
เมื่อกล่าวจบ ผู้เฒ่าจี๋เล่อกลายเป็กลุ่มจิติญญาพุ่งเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย แล้วเขาก็เลือนหายไป
“ท่านยอดเยี่ยมเช่นนี้นี่เอง”
หลังจากผู้เฒ่าจี๋เล่อไปแล้ว เสิ่นเสวียนจึงอดกล่าวขึ้นมาไม่ได้
จากนั้นมิติตรงหน้าเขาก็มีร่างเงาของสตรีชุดแดงปรากฏขึ้น
คิ้วคม ดวงตางาม ใบหน้าไร้ที่ติ เรียกได้ว่าเป็ความงดงามที่สมบูรณ์แบบ
นางก็คือเสวียนหลิงเอ่อร์ที่ซ่อนตัวอยู่ในโลงศพสีแดงก่อนหน้านี้ เมื่อครู่เสวียนหลิงเอ่อร์ตื่นขึ้นและออกคำสั่งแก่ผู้เฒ่าจี๋เล่อ
“ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้บอกเ้าไปแล้วหรือ ว่าเด็กน้อยคนนี้เชื่อฟังคำสั่งเป็อย่างดี”
เสวียนหลิงเอ่อร์ยิ้มมุมปาก พอใจในท่าทีของผู้เฒ่าจี๋เล่อเป็อย่างมาก ผ่านไปนับพันปีแล้วอีกฝ่ายยังคงมีความรู้สึกเช่นนี้อยู่ นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว
“พวกท่านเกี่ยวข้องกันอย่างไร”
“พวกข้าหรือ นับว่าข้าเป็กึ่งอาจารย์ของเขากระมัง”
“กึ่งอาจารย์?”
เสิ่นเสวียนกล่าวซ้ำคำของเสวียนหลิงเอ่อร์ซึ่งเป็คำที่ไม่ธรรมดาเลย สามารถเป็กึ่งอาจารย์ให้กับบุคคลขั้นศักดิ์สิทธิ์จะเป็คนธรรมดาได้อย่างไรกัน ยิ่งพิสูจน์ถึงการคาดเดาของเขาก่อนหน้านี้ได้
“ท่านไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
เสิ่นเสวียนพยักหน้าให้อีกฝ่ายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เ้าก็เหมือนกัน”
เสวียนหลิงเอ่อร์ปรายตามองเสิ่นเสวียนด้วยรอยยิ้ม แววตาของนางคล้ายจะมองเห็นเสิ่นเสวียนอย่างทะลุปรุโปร่ง มองเห็นถึงความเป็มาที่แท้จริงของเขาได้อย่างชัดเจน
“รีบสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายของเ้าเถอะ” เสวียนหลิงเอ่อร์ยิ้มน้อยๆ
ส่วนผู้เฒ่าจี๋เล่อที่อยู่ภายในค่ายกลเคลื่อนย้ายอีกแห่งกำลังอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ร่างจิติญญาของเขาทะลวงผ่านมิติออกมา เป็ความรู้สึกที่พิเศษมาก
ทั้งชีวิตของเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าตนเองจะมีโชคได้ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายสักครั้งหนึ่ง เขามองเห็นเพียงสีขาวขุ่นปกคลุมไปทั่ว ไม่เห็นอะไรเลยทั้งด้านหน้าและด้านหลัง อดสงสัยไม่ได้ว่าเสิ่นเสวียนทำสำเร็จได้อย่างไร
ขณะที่เขากำลังทอดถอนใจ เบื้องหน้าพลันปรากฏแสงสีดำขึ้นมา หลังจากนั้นร่างจิติญญาของเขาก็ถูกดูดเข้าไป
“นี่คือที่ไหน”
ร่างจิติญญาของผู้เฒ่าจี๋เล่อร่วงหล่นลงไปในสภาพแวดล้อมที่มืดหม่น เขามองไปรอบๆ แล้วก็ต้องตื่นใ
หินเฮยเย่าขนาดเท่าูเาลูกย่อมๆ ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าเขา แม้หินเฮยเย่าจะหาง่ายกว่าธาตุทอง แต่ก็ไม่ได้มากมายขนาดนี้ ขนาดที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้แม้แต่เขายังไม่เคยเจอมาก่อนเลย
“นี่ก็คือปลายทาง ช่วยข้าเคลื่อนย้ายหินเฮยเย่าเข้าไปในค่ายกลด้วย”
เสียงของเสิ่นเสวียนดังมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย เข้าไปในหูของผู้เฒ่าจี๋เล่อ
ค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นเป็เหมือนหลุมดำอยู่ข้างๆ เขา มันกำลังหมุนวนไปไม่หยุด มีขนาดราวหนึ่งฉื่อครึ่ง ลอยอยู่กลางอากาศโดยไม่มีอะไรเชื่อมต่อ ช่างน่าประหลาดยิ่งนัก
ตอนนี้ผู้เฒ่าจี๋เล่อเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเสิ่นเสวียนจึงไม่ยอมคารวะเขาเป็อาจารย์ เขาไม่เคยเห็นความสามารถของอีกฝ่ายมาก่อน แบบนี้ให้เขาคารวะอีกฝ่ายเป็อาจารย์น่าจะเหมาะกว่า
เขาเลื่อมใสในผู้แข็งแกร่งมาก เสิ่นเสวียนเข้าใจในผู้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขา รอยเหยียดหยามที่เกิดขึ้นในแววตาของเขาก่อนหน้านี้พลันเลือนหายไป บวกเข้ากับความหวาดกลัวต่อเสียงของเสวียนหลิงเอ่อร์ ยิ่งทำให้เขากลายเป็คนว่านอนสอนง่าย
จากนั้นผู้เฒ่าจี๋เล่อก็เหาะขึ้นไปบนูเาหินเฮยเย่า เขาใช้มือแทนมีดออกแรงฟันลงไปบนูเาหินเฮยเย่าอย่างแรงจนเกิดรอยแตกร้าว จากนั้นเขาก็ฟันลงไปอีกหลายครั้งทั้งด้านซ้ายและขวา ทำให้หินเฮยเย่าถูกแยกออกเป็หลายก้อนราวกับหั่นผลไม้
แล้วเขาก็ใช้พลังห่อหุ้มหินเฮยเย่าเหล่านี้ ส่งพวกมันเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่หลายครั้ง
ภายในสุสาน เสิ่นเสวียนกำลังเฝ้าอยู่ข้างๆ ค่ายกลเคลื่อนย้าย คอยรวบรวมหินเฮยเย่าที่ส่งผ่านเข้ามา แล้วกองรวมกันไว้ข้างๆ
ตอนที่เสิ่นเสวียนกำลังยุ่งอยู่ เสวียนหลิงเอ่อร์ที่เฝ้าดูพลันขมวดคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า คล้ายจะมองทะลุผนังหินออกไปเห็นท้องฟ้าภายนอกได้
“มีผู้แข็งแกร่งเข้ามาที่นี่ โลกนี้ไม่สงบสุขเอาเสียเลย”
นางกล่าวพึมพำด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้นกว่าเดิม